สุเทพ เทือกสุบรรณ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก พระสุเทพ ปภากโร)
สุเทพ เทือกสุบรรณ
สุเทพ ใน พ.ศ. 2553
รองนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
(0 ปี 271 วัน)
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ดำรงตำแหน่ง
20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553
(1 ปี 292 วัน)
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ดำรงตำแหน่ง
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
(2 ปี 330 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย
ก่อนหน้าสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ถัดไปวันมูหะมัดนอร์ มะทา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดำรงตำแหน่ง
11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531
(1 ปี 357 วัน)
นายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์
ก่อนหน้าประสพ บุษราคัม
ถัดไปเสนาะ เทียนทอง
ดำรงตำแหน่ง
29 กันยายน พ.ศ. 2535 – 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537
(2 ปี 69 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย
ก่อนหน้าอำพล เสนาณรงค์
ถัดไปสมุทร มงคลกิติ
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ดำรงตำแหน่ง
5 มีนาคม พ.ศ. 2548 – 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
(6 ปี 121 วัน)
ก่อนหน้าประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
ถัดไปเฉลิมชัย ศรีอ่อน
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 (74 ปี)
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย
พรรคการเมืองประชาธิปัตย์ (2522—2556)
รวมพลัง (2561—ปัจจุบัน)
การเข้าร่วม
พรรคการเมืองอื่น
กปปส.
คู่อาศัยศรีสกุล พร้อมพันธุ์ (2537—ปัจจุบัน)[1]
คู่สมรสจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ (2521—2533)
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยมิดเดิลเทนเนสซีสเตด

สุเทพ เทือกสุบรรณ (เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492) เป็นนักการเมืองชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เขาลาออกจากพรรคในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เพื่อไปเป็นเลขาธิการ กปปส. ซึ่งดำเนินการประท้วงเพื่อพยายามโค่นรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ในห้วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 เขาเรียกร้องให้ตั้ง "สภาประชาชน" ซึ่งมิได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เขาเคยเรียกร้องเพื่อให้เขาสวมบทบาทเป็น "องค์อธิปัตย์" เพื่อออกกฎบัตร ตั้งรัฐบาลใหม่ และตั้งสภาประชาชน และจะประท้วงต่อหากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถนำการปฏิรูปที่ กปปส. ชี้นำไปปฏิบัติได้สำเร็จ[2]

หลังรัฐประหารปี 2557 เขายังเป็นหัวหน้ามูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย[3] จากนั้นเขาประกาศวางมือทางการเมืองและอุปสมบทระหว่างปี 2557 ถึง 2558[4] ที่วัดไตรธรรมาราม ในปี พ.ศ. 2561 กลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง โดยได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ประวัติ[แก้]

สุเทพ เทือกสุบรรณ มีชื่อเล่นว่า "เนม" หรือ บิ๊กเนม มีฉายาว่า "ลุงกำนัน" เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เป็นบุตรของนายจรัส เทือกสุบรรณ กำนันตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี[5] และนางละม้าย เทือกสุบรรณ (สกุลเดิม ชาวนา) มีพี่น้องท้องเดียวกัน 6 คนคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ นางศิริรัตน์ ศรีเทพ (ถึงแก่กรรม) กับนางสาวรัชนี เทือกสุบรรณ (เป็นคู่แฝด) นายเชน เทือกสุบรรณ นางสาวจิราภรณ์ เทือกสุบรรณ นายธานี เทือกสุบรรณ และนางสาวกิ่งกาญจน์ เทือกสุบรรณ

สุเทพสำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม กรุงเทพมหานคร ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2515 ระหว่างเป็นนักศึกษาได้ทำกิจกรรมเป็นกรรมการสโมสรนักศึกษา เป็นประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Sciences จาก Middle Tennessee State University สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2518[6] หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทกลับมา สุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน ต่อจากผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนันขณะมีอายุได้ 26 ปี[7] สุเทพยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาผู้นำธุรกิจสังคมและการเมือง จากวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[8]

สุเทพและครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของส่วนแบ่งที่สำคัญของพื้นที่เพาะปลูกต้นปาล์มน้ำมันและฟาร์มกุ้งในภาคใต้[9][10]

สุเทพ เทือกสุบรรณสมรสครั้งแรกกับ นางจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ มีบุตรธิดา 3 คน คือ แทน เทือกสุบรรณ, น้ำตาล เทือกสุบรรณ และน้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ สมรสกับ นิโคลัส โฮ ภายหลังภรรยาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ต่อมาได้สมรสใหม่กับศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา (อดีตภรรยาพรเทพ เตชะไพบูลย์) และได้รับบุตรของนางศรีสกุลที่เกิดจากนายพรเทพมาเป็นบุตรบุญธรรม 3 คน คือ สิทธิพัฒน์ เตชะไพบูลย์, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และ น.ส.ธีราภา พร้อมพันธุ์[11]

บทบาททางการเมือง[แก้]

สุเทพ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศ ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 10 สมัย[12] และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

บทบาทหลังเลือกตั้ง 2548[แก้]

หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคครั้งใหญ่ สุเทพได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค และพอดีกับมีบทบาทอย่างมากในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 โดยเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย[13] และต่อมาพรรคไทยรักไทยถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค

ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทในการประสานงานจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น จนได้รับการขนานนามว่า "ผู้จัดการรัฐบาล"[14] และได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สุเทพ ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง วินิจฉัยการถือครองหุ้นของเขาผิดรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม[15]

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สุเทพ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี[16] เพื่อกลับไปลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกครั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง[17] ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาของการถูกมองว่าสุเทพ ต้องการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง ในกรณีที่ถูกยุบพรรค[18] ภายหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง[19]

เลขาธิการ กปปส.[แก้]

สุเทพ เทือกสุบรรณเดินทางไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

หลังรัฐประหาร สุเทพเปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร และพันธมิตร นับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการ กองทัพได้รับข้อเสนอของ กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร[20]

หมายจับในข้อหากบฎ[แก้]

ศาลอาญาพิพากษาจำคุกแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" (กปปส.) ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 9 ปีเศษ โดยมี 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกพิพากษาจำคุกด้วย และต้องหลุดจากตำแหน่งทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ[21]

บทบาทหลังรัฐประหารปี 2557[แก้]

หลังรัฐประหารปี 2557 เขาก่อตั้ง สำนักกฎหมาย พัชรวิชญ์ แอดโวเคทส์ เขายังก่อตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขาดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2558[22]

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 มีการเปิดเผยว่าสุเทพได้ตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบแล้ว ที่วัดท่าไทร และไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ (สวนโมกขพลาราม) จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับฉายาว่า "ประภากะโร" แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง[23]

วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 สุเทพลาสิกขา และวันเดียวกัน ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายสำนักงาน บช.ภ.8 จากอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจังหวัดภูเก็ต ชี้ตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อน[24]

หลังจากลาผนวช เขากลับมาตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และชักชวนประชาชนให้สนับสนุน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยการจัดรายการผ่านเว็บไซด์เฟซบุ๊กเพจส่วนตัว และในปีพ.ศ. 2560 เขาประกาศสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 2

ตำแหน่งทางการเมือง[แก้]

คดีความ[แก้]

กรณี ส.ป.ก.4-01[แก้]

ในส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 สุเทพมอบเอกสารสิทธิจำนวน 592 แปลงในเขาสามเหลี่ยม เขากมลาและเขานาคเกิดในจังหวัดภูเก็ตแก่เกษตรกร 489 คน ต่อมาพบว่ามีสมาชิกครอบครัวมั่งมี 11 ครอบครัวเป็นผู้รับเอกสารสิทธิด้วย สุเทพปราศรัยต่อฝูงชนขนาดใหญ่ในเขตเลือกตั้งสุราษฎร์ธานีของเขาหนึ่งเดือนก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจและเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเขาเดินขบวนมากรุงเทพมหานครหลายแสนคนเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเขา[26] กรณีอื้อฉาวนี้ทำให้นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัยแห่งพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกรกฎาคม 2538 เพื่อเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ[27] ในการเลือกตั้งถัดมา พรรคชาติไทยได้เสียงข้างมาก นำให้รัฐบาลอันมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำของชวน หลีกภัยถึงกาลสิ้นสุด

โทรเลขการทูตวิกิลีกส์จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐเปิดเผยว่า สมาชิกพรรคเดียวกับเขาจำนวนมากบ่นถึงพฤติกรรมฉ้อฉลและไร้ศีลธรรมของเขามานานแล้ว[28][29][30]

กรณีก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง[แก้]

โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท เข้าข่ายการฮั้วประมูล เพราะมีการรวบสัญญาการดำเนินการมาเป็นสัญญาเดียว จากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้มีการทำเป็นหลายสัญญา

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุการอนุมัติโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ต่อมา สุเทพยกเลิกแนวทางการจัดจ้างเป็นรายภาค ให้จัดจ้างรวมกันทั้งหมดแทน เมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เลยทำให้มีบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลการก่อสร้างในครั้งนี้ไป

ในขณะนี้ สุเทพได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทต่อนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ศาลาอาญาต่อกรณีนี้ด้วยเห็นว่า ตนได้ดำเนินการไปตามความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลอาญา รัชดา มีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว[31]

การถือหุ้น[แก้]

ในปีพ.ศ. 2552 สุเทพถูกกล่าวหาว่าละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยถือหุ้นในบริษัทสื่อซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่สุเทพสนับสนุน ห้ามสมาชิกรัฐสภามิให้ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่าจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิสุเทพ สุเทพจัดการแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น โดยประกาศตัดสินใจลาออกจากสมาชิกรัฐสภา การลาออกจากสมาชิกรัฐสภาไม่มีผลต่อสถานภาพรองนายกรัฐมนตรีและสมาชิกคณะรัฐมนตรีของเขา

คดีสลายการชุมนุม[แก้]

หลังศาลอาญาวินิจฉัยหลายครั้งว่า ผู้ประท้วงเสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บระหว่างความไม่สงบทางการเมืองในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 เป็นผลโดยตรงจากคำสั่งที่มอบหมายทหารโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการและตำรวจตกลงฟ้องเขาข้อหาฆ่าคน[32][33]

ศาลยังวินิจฉัยว่า สุเทพร่วมกับอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบต่อการลอบสังหารผู้สื่อข่าวชาวอิตาเลียน ฟาบิโอ โปเลงกี ซึ่งทำข่าวการประท้วงปี 2553 ด้วย[34]

29 ธันวาคม พ.ศ. 2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติยกฟ้องนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในคดีนี้ และถึงแม้เขาจะมีคดีอื่น ๆ เขายังไม่เคยถูกจำคุกเลยจากเหตุการณ์ทางการเมือง

ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกฟ้อง นายสุเทพ ในคดีดังกล่าวคดีจึงสิ้นสุดลงว่า นายสุเทพไม่ต้องรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุม[35]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Sinlapalawan, Budsarakham (15 March 2009). "Fast-tracked to fame". The Nation (Thailand). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2021-02-14.
  2. "Suthep To Seek Royal Approval For His 'People Coup'". Khaosod English. 6 April 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-08. สืบค้นเมื่อ 7 April 2014.
  3. "Suthep expresses full support for draft constitution". The nation. The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-25. สืบค้นเมื่อ 2021-02-14.
  4. WASAMON, AUDJARINT. "Suthep will focus on nation after he leaves the monkhood". The nation. The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-09. สืบค้นเมื่อ 25 April 2016.
  5. Terry Fredrickson (5 March 2014), "Just a country boy", Bangkok Post
  6. Nauvarat Suksamran (16 November 2013), "Suthep gambles all", Bangkok Post
  7. Hataikarn Treesuwan (24 November 2013), "Living up to his convictions", The Sunday Nation
  8. "สาขาผู้นำธุรกิจสังคมและการเมือง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-04. สืบค้นเมื่อ 2016-12-28.
  9. "From village headman to deputy PM to protest leader: Suthep Thaugsuban", The Malaysian Insider, 29 November 2013, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2013
  10. Tan Hui Yee (4 December 2013), "Thai protest leader a godfather-like figure in south", The Straits Times
  11. ชีวิตครอบครัวสุเทพ
  12. เปิดประวัติ 'สุเทพ' เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ? voicetv Nov 29, 2013
  13. ย้อนคดียุบพรรค โทษประหารทางการเมือง ThaiPBS สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2562
  14. เกชา ป้อมงาม (2546) “บทบาททางการเมืองของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ” วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต แขนงวิชาการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
  15. นายกฯ ชี้สุเทพไม่ต้องลาออกรองนายกฯ เพราะขายหุ้นก่อน[ลิงก์เสีย]
  16. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก
  17. สุเทพ คัมแบ็ก สร้างเสถียรภาพรัฐบาล โพสต์ทูเดย์ สืบค้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2553
  18. รองฯสุเทพ พร้อมลาออกก่อนลงสมัคร ส.ส.[ลิงก์เสีย]
  19. พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนพิเศษ 132ง วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
  20. "Suthep in talks with Prayuth 'since 2010'". Bangkok Post. 2014-06-23. สืบค้นเมื่อ 2014-06-23.
  21. กปปส. : 3 รมต. ในรัฐบาลประยุทธ์ พ้นตำแหน่งทันที หลังศาลสั่งจำคุกคดี กปปส. แต่หลุดข้อหากบฏ
  22. สุเทพ: “สิ่งที่ดีที่สุดภายใต้ความเป็นไปได้คือ พล.อ.ประยุทธ์”
  23. อุปสมบทของสุเทพ แล้วกล่าวว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไปแล้ว
  24. สุเทพลาสิกขา เพื่อสู้ต่อไปผลประโยชน์ต่อส่วนรวม
  25. "เว็บไซต์ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-25. สืบค้นเมื่อ 2021-08-30.
  26. McCargo, Duncan (February 2004). "Southern Thai Politics: A Preliminary Overview" (PDF). University of Leeds. p. 15. สืบค้นเมื่อ 28 July 2011.
  27. "September 13, 1992: Democrats win election". The Nation (Thailand). 10 September 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ 2015-07-29.
  28. The Associated Press (27 November 2013). "Thailand's ex-deputy PM Thaugsuban becomes street fighter". CBC News. สืบค้นเมื่อ 25 December 2013.
  29. "Thai protest leader Suthep Thaugsuban". France24. 2 December 2013. สืบค้นเมื่อ 25 December 2013.
  30. The Associated Press (27 November 2013). "Mastermind of Thai protests ditches politics to lead uprising". CTV News. สืบค้นเมื่อ 25 December 2013.
  31. มติชน
  32. "Abhisit, Suthep hit with murder charges". Bangkok Post. 29 October 2013. สืบค้นเมื่อ 25 December 2013.
  33. "Abhisit, Suthep face more murder charges over 2010 strife". The Nation. 6 May 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-26. สืบค้นเมื่อ 25 December 2013.
  34. ศาลสรุปช่างภาพอิตาลีตายจากกระสุนฝั่งทหาร ประชาไท 2013-05-29
  35. ศาลฎีกายืน ยกฟ้อง คดี ‘อภิสิทธิ์-สุเทพ’ สั่งสลายเสื้อแดงปี 53
  36. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
  37. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๔ ตอนที่ ๒๔๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔, ๑ ธันวาคม ๒๕๓๐
  38. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี ๒๕๕๒, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๑ ข หน้า ๑๕, ๑๒ มกราคม ๒๕๕๔

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

ก่อนหน้า สุเทพ เทือกสุบรรณ ถัดไป


สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
สนั่น ขจรประศาสน์
โอฬาร ไชยประวัติ

รองนายกรัฐมนตรี (ครม. 59)
(20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553
12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554)
ยงยุทธ วิชัยดิษฐ
ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง
พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ชุมพล ศิลปอาชา
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ครม. 53)
(14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543)
วันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประสพ บุษราคัม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ครม. 44)
(11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531)
เสนาะ เทียนทอง
อำพล เสนาณรงค์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ครม. 50)
(29 กันยายน พ.ศ. 2535 – 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537)
สวัสดิ์ สืบสายพรหม
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
(5 มีนาคม พ.ศ. 2548 – 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
เฉลิมชัย ศรีอ่อน