พระสิริ
พระสิริ[1] (อังกฤษ: glory; จากภาษาละติน gloria, "ชื่อเสียง, เกียรติคุณ") ใช้เพื่อบรรยายถึงการสำแดงพระองค์ของพระเป็นเจ้าที่มนุษย์รับรู้ได้ ตามที่ระบุในกลุ่มศาสนาอับราฮัม
พระสิริเป็นแนวเรื่องสำคัญในเทววิทยาศาสนาคริสต์ โดยพระเป็นเจ้าทรงถือเป็นตัวตนที่ทรงพระสิริมากที่สุด และถือกันว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเป็นเจ้าและสามารถมีส่วนร่วมในพระสิริของพระเจ้าได้แม้ไม่สมบูรณ์นักในฐานะผู้รับพระฉายาของพระเป็นเจ้า ดังนั้นคริสต์ศาสนิกชนจึงได้รับการสั่งสอนให้ "ส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์"[2]
ศัพทมูล
[แก้]"พระสิริ" เป็นหนึ่งในคำสรรเสริญที่พบได้บ่อยที่สุดในพระคัมภีร์ ในคัมภีร์ฮีบรู แนวคิดเรื่องพระสิริถูกแสดงด้วยคำในภาษาฮีบรูหลายคำ เช่นคำว่า Hod (הוד) และ kavod (כָּבוֹד) ภายหลัง คำดั้งเดิมในคัมภีร์ฮีบรูเกี่ยวกับพระสิริเหล่านี้ได้รับการแปลในพันธสัญญาใหม่ของศาสนาคริสต์ด้วยคำในภาษากรีกว่า doxa (δόξα) คำภาษาฮีบรู kavod (ฮีบรู: כָּבוֹד) (K-V-D) มีความหมายถึง "ความสำคัญ", "น้ำหนัก", "การเชื่อฟัง" หรือ "ความหนัก" แต่โดยพื้นฐานแล้ว kavod มีความหมายถึง "ความรุ่งโรจน์", "ความเคารพ", "เกียรติยศ" และ "ความสง่า" ในการแปลคัมภีร์ฮีบรู คำภาษากรีกที่ใช้คือ δόξα เป็นคำที่ปรากฏบ่อยในพันธสัญญาใหม่ซึ่งเดิมเขียนเป็นภาษากรีก Doxa มีความหมายว่า "การตัดสิน, ความคิดเห็น" และมีความหมาายที่กว้างขึ้นว่า "ชื่อเสียงที่ดี, เกียรติยศ" ภายหลังนักบุญออกัสตินแห่งฮิปโปถอดความเป็น clara notitia cum laude มีความหมายว่า "ผู้มีชื่อเสียงที่รุ่งโรจน์และได้รับการสรรเสริญ"[3]
ในคัมภีร์ไบเบิล
[แก้]คัมภีร์ฮีบรู
[แก้]ในอพยพ 33:18 -20 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่าไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถเห็นพระสิริ (ฮีบรู: כָּבוֹד kavod) ของพระยาห์เวห์แล้วมีชีวิตรอดอยู่ได้:
พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า "สิ่งที่เจ้าขอนั้นเราจะทำให้ เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า" โมเสสจึงกราบทูลว่า "ขอทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด" พระองค์จึงตรัสตอบว่า "เราจะให้คุณความดีทั้งสิ้นของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น" พระองค์จึงตรัสว่า "เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้" พระยาห์เวห์ตรัสอีกว่า "ดูสิ มีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในซอกหิน และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะไม่ได้เห็น"[4]
ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเขียนเกี่ยวกับนิมิตของตนว่า:
และจากส่วนที่มีลักษณะของบั้นเอวของผู้นั้นขึ้นไป ข้าพเจ้าเห็นสิ่งคล้ายทองสัมฤทธิ์แวบวาบ ลักษณะคล้ายไฟถูกบังไว้โดยรอบ และจากส่วนที่มีลักษณะของบั้นเอวลงมา ข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายไฟและมีความสุกใสอยู่รอบ ๆ ท่านผู้นั้น ลักษณะความสุกใสที่อยู่รอบ ๆ นั้นเหมือนลักษณะของรุ้งที่ปรากฏในเมฆเมื่อฝนตก
ลักษณะและรูปลักษณ์ของพระสิริของพระยาห์เวห์เป็นเช่นนี้แหละ และเมื่อข้าพเจ้าเห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึงดิน และข้าพเจ้าได้ยินเสียงผู้หนึ่งกำลังตรัส[5]
พันธสัญญาใหม่
[แก้]ในพันธสัญญาใหม่ คำที่สอดคล้องกันคือภาษากรีก δοξα, doxa ซึ่งบางครั้งก็แปลว่า "ความสว่าง" ตัวอย่างเช่น ในวันคริสต์มาสของพระเยซู ในพันธสัญญาใหม่ คำที่เทียบเท่าคือ กรีก: δοξα, doxa บางครั้งแปลเป็น "พระรัศมี" ตัวอย่างเช่นในเหตุการณ์การประสูติของพระคริสต์:
ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย[6]
ในเหตุการณ์ที่รู้จักในคำเรียกว่าพระเยซูทรงจำแลงพระกาย โมเสสและเอลียาห์ได้ปรากฏในพระสิริพร้อมกับพระเยซู สาวกที่เป็นพยานการสำแดงนี้คือเปโตร ยากอบ และยอห์น 'เห็นพระรัศมีของพระองค์'[7]
ในพระวรสารนักบุญยอห์น พระเยซูตรัสว่าชะตาของพระองค์เริ่มจะสำเร็จเมื่อยูดาสอิสคาริโอทตั้งใจจะทรยศพระองค์:
- บัดนี้บุตรมนุษย์ได้รับเกียรติสิริแล้ว และพระเจ้าทรงได้รับเกียรติสิริเพราะบุตรมนุษย์ด้วย (ยอห์น 13:31 TNCV)
ต่อมาพระเยซูตรัสคำอธิษฐานขนาดยาวถึงพระบิดา โดยพระองค์ตรัสว่า:
- ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติสิริแด่พระองค์ในโลกโดยกระทำกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้แก่ข้าพระองค์จนสำเร็จครบถ้วน และบัดนี้ ข้าแต่พระบิดา ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติสิริต่อหน้าพระองค์ คือเกียรติสิริซึ่งข้าพระองค์มีร่วมกับพระองค์ตั้งแต่ก่อนโลกเริ่มขึ้น[8]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 218-219
- ↑ มัทธิว 5:16 THSV11
- ↑ The Catholic Encyclopedia, "Glory"
- ↑ อพยพ 33:17 -23 THSV11
- ↑ เอเสเคียล 1:27 --28 THSV11
- ↑ ลูกา 2:8 -10 THSV11
- ↑ ลูกา 9:29-32 THSV11
- ↑ ยอห์น 17:4 -5 TNCV
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ออร์ทอดอกซ์
[แก้]- The Glorification of Saints in the Orthodox Church by Fr. Joseph Frawley
- The Glorification of Saints by Protopresbyter Michael Pomazansky
- What Does Glorification Mean? by Fr. Alexey Young
- Eastern Orthodoxy and Theosis
โปรเตสแตนต์
[แก้]Receiving of Perfection
[แก้]- http://www.abideinchrist.com/keys/sanctification-perfect.html
- http://www.sdanet.org/atissue/books/wws/salv17.htm
Receiving of the Resurrection Bodies
[แก้]- http://www.1way2god.net/glorification.html เก็บถาวร 2014-10-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน