พระราชลัญจกรแห่งญี่ปุ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระราชลัญจกรแห่งญี่ปุ่น
รายละเอียด
ผู้ใช้ตราจักรพรรดิญี่ปุ่น
เริ่มใช้ยุคนาระ
คำขวัญ"เท็นโน/เกียวจิ" (天皇御璽, "พระราชลัญจกรแห่งองค์พระจักรพรรดิ")

天皇
御璽

ภาพพิมพ์แผ่นเดี่ยวของพระราชกำหนดให้สิ้นสุดสงคราม (ค.ศ. 1945) ประทับพระราชลัญจกรอย่างชัดเจน

พระราชลัญจกรแห่งญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 御璽โรมาจิGyoji; อังกฤษ: Privy Seal of Japan) เป็นหนึ่งในตราประทับแห่งชาติ และเป็นตราประทับอย่างเป็นทางการของจักรพรรดิญี่ปุ่น

ลักษณะ[แก้]

พระราชลัญจกรญี่ปุ่นเป็นทรงสี่เหลี่ยม จารึกด้วยลายมือตราประทับอักษร 天皇御璽 ("พระราชลัญจกรแห่งองค์พระจักรพรรดิ") ในแนวตั้งโดยอักษรฝั่งขวามือประกอบด้วยตัวอักษร 天皇 (เท็นโน, "พระจักรพรรดิ") และทางฝั่งซ้ายมือประกอบด้วยอักษร 御璽 (เกียวจิ, "บัลลังก์แห่งองค์พระจักรพรรดิ")

พระราชลัญจกรแห่งญี่ปุ่นปัจจุบันทำด้วยทองแท้ ยาว 3 ซุง (ประมาณ 9 ซ.ม.) และมีน้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ผู้จารึกพระราชลัญจกรคือ ริเกโด อาเบอิ (安部井 櫟堂; Abei Rekido) จากเกียวโต ในปี 1874 (ปีเมจิที่ 7) เขาได้รับหน้าที่ให้ผลิตตราแผ่นดินของญี่ปุ่นภายใน 1 ปี โดยเขาได้ใช้หมึกชาดจอแสที่ผลิตโดยกรมการพิมพ์แห่งชาติ ในกรณีที่พระราชลัญจกรไม่ได้นำไปใช้นั้นจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าหนัง

การใช้[แก้]

พระราชลัญจกรแห่งญี่ปุ่นจะนำไปประทับตราในพระราชกฤษฎีกา, ประกาศพระบรมราชโองการในกฎหมาย, คำสั่งคณะรัฐมนตรี, สนธิสัญญา, เอกสารประกอบการให้สัตยาบัน (กฎหมายระหว่างประเทศ), การรับรองสาส์นตราตั้ง, เอกสารให้ออกจากราชการ, หนังสือมอบอำนาจ, หนังสือเสนอชื่อกงสุลกิตติมศักดิ์ (consular commission), เอกสารอนุญาตให้กงสุลต่างประเทศปฏิบัติหน้าที่, หนังสือแต่งตั้งหรือขับออกของข้าราชการซึ่งการแต่งตั้งนั้นจำเป็นที่จะต้องให้จักรพรรดิเป็นผู้รับรอง, หนังสือแต่งตั้ง, เอกสารราชการที่ออกโดยนายกรัฐมนตรีและประธานศาลสูงสุดรวมถึงการให้ออกจากราชการ[1]

การเปลี่ยนรัชกาลในประเทศญี่ปุ่น ค.ศ. 2019 นั้นปรากฏให้เห็นพระราชลัญจกรพร้อมด้วยตราแผ่นดินและไตรราชกกุธภัณฑ์ถึงสองครั้งในระหว่างพระราชพิธี: ระหว่างการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะในวันที่ 30 เมษายน และระหว่างการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะในวันที่ 1 พฤษภาคม จางวางใหญ่นำพระราชลัญจกรและตราแผ่นดินไปยังโถงต้นสนในพระราชวังหลวงที่ซึ่งจะนำไปวางไว้บนโต๊ะรับรองใกล้องค์พระจักรพรรดิ[2][3][4][5]

หากพระราชลัญจกรหรือตราแผ่นดินถูกนำไปผลิตซ้ำ ผู้ผลิตต้องรับโทษทางอาญาให้ทำงานหนัก (penal servitude) อย่างน้อย 2 ปีหรือมากกว่าตามความในวรรคแรกของมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายอาญา[6]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "The Privy Seal and State Seal". Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 8 December 2015.
  2. "Japan's emperor prays for peace in first abdication in 200 years". Reuters. 30 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 May 2019.
  3. "Government to present new era name to Emperor and Crown Prince before April 1". The Japan Times. 3 February 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-21. สืบค้นเมื่อ 20 February 2019.
  4. "Government to designate May 1, day of new Emperor's accession, as public holiday, creating 10-day Golden Week in 2019". The Japan Times. 12 October 2018. สืบค้นเมื่อ 20 February 2018.
  5. Tajima, Nobuhiko (17 January 2019). "Emperor to give final speech at abdication ceremony". Asahi Shimbun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-15. สืบค้นเมื่อ 20 February 2019.
  6. "刑法 / Penal Code". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-01. สืบค้นเมื่อ 2022-05-03.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]