ข้ามไปเนื้อหา

พระมหากษัตริย์เยรูซาเลม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระมหากษัตริย์
แห่งเยรูซาเลม
ราชาธิปไตยในอดีต
ตราแผ่นดินราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งเยรูซาเลม
พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลมองค์สุดท้าย

ปฐมกษัตริย์ โกเดอฟรอยแห่งบูยง
องค์สุดท้าย พระเจ้าอ็องรีที่ 2
สถานพำนัก หอคอยดาวิด, เมืองเก่า (เยรูซาเลม)
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
เริ่มระบอบ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1099
สิ้นสุดระบอบ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1291 (194 ปี 300 วัน)
ผู้อ้างสิทธิ์ จำนวนมาก

พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลม[1] เป็นตำแหน่งสูงสุดของประมุขแห่งราชอาณาจักรเยรูซาเลม หนึ่งในรัฐนักรบครูเสดที่ได้รับการสถาปนาขึ้นโดยเหล่าเจ้าผู้ปกครองชาวคริสต์ที่เข้ายึดเมืองในคราวสงครามครูเสดครั้งที่ 1

โกเดอฟรอยแห่งบูยง หรือ กอดฟรีย์ เป็นประมุขพระองค์แรกของราชอาณาจักรเยรูซาเลม แต่พระองค์เองปฏิเสธตำแหน่ง "กษัตริย์" และใช้ตำแหน่ง "ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์" แทน ดังนั้นตำแหน่ง "กษัตริย์" อย่างเป็นทางการถูกใช้โดยผู้สืบบัลลังก์ของเขาคือ พระเจ้าโบดวงที่ 1 แห่งเยรูซาเลม ใน ค.ศ. 1100 กรุงเยรูซาเลมถูกยึดครองใน ค.ศ. 1187 แต่ราชอาณาจักรเยรูซาเลมยังคงอยู่รอด และได้ย้ายเมืองหลวงไปยังเอเคอร์ใน ค.ศ. 1191 เมืองเยรูซาเลมถูกยึดคืนกลับมาอีกครั้งในสงครามครูเสดครั้งที่ 6 ช่วงค.ศ. 1229 - 1239 และ ค.ศ. 1241 - 1244 ราชอาณาจักรเยรูซาเลมสุดท้ายถูกยุบเลิกจากการล่มสลายของเอเคอร์ นำมาซึ่งจุดจบของพวกครูเสดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อ ค.ศ. 1291

หลังจากรัฐครูเสดล่มสลายไปแล้ว พระอิสริยยศ "พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลม" ถูกอ้างสิทธิโดยเหล่าพระราชตระกูลของยุโรปที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์ไซปรัสหรือพระมหากษัตริย์เนเปิลส์ ตามตำแหน่งโดยพิธีการของกษัตริย์แห่งเยรูซาเลมถูกใช้โดยสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน อีกทั้งตำแหน่งนี้เคยถูกอ้างสิทธิโดยอ็อทโท ฟ็อน ฮาพส์บวร์คและพระมหากษัตริย์อิตาลีจนถึง ค.ศ. 1946

พระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลม (ค.ศ. 1099-1291)

[แก้]

ราชอาณาจักรเยรูซาเลมมีจุดเริ่มต้นมาจากสงครามครูเสดครั้งที่ 1 โดยโกเดอฟรอยแห่งบูยง แต่เขาปฏิเสธการสวมมงกุฎและตำแหน่งพระมหากษัตริย์ "ตามคำร้องขอของเขา เขาจะไม่สวมมงกุฎทองคำ ในขณะที่พระผู้ไถ่ต้องสวมมงกุฎหนาม"[2] เขาได้ใช้อิสริยยศ "แอดโวเคตุส ซังก์ตี เซปุลชรี" (Advocatus Sancti Sepulchri; ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์) ใน ค.ศ. 1099 และสาบานตนเป็นประมุขแห่งเยรูซาเลมในโบสถ์พระคริสตสมภพที่เมืองเบธเลเฮม

ปีต่อมา โกเดอฟรอยเสียชีวิต พี่ชายของเขาคือ โบดวงที่ 1 เป็นพระองค์แรกที่ใช้ตำแหน่ง "พระมหากษัตริย์" และเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ประกอบพิธีราชาภิเษกในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเยรูซาเลม

ตำแหน่งพระมหากษัตริย์แห่งเยรูซาเลมเดิมมีลักษณะเลือกตั้งและมีการสืบสันตติวงศ์บางส่วน ในช่วงยุครุงเรืองของราชอาณาจักรในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 มีราชวงศ์และลำดับการสืบราชสันตติวงศ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นกษัตริย์จะได้รับการเลือกตั้ง หรืออย่างน้อยต้องได้รับการยอมรับจากฮูตกูร์แห่งเยรูซาเลม ที่นี่กษัตริย์จะได้รับการพิจารณาว่าเป็น พรีมุส อินเตร์ ปาเรส (Primus inter pares; เป็นลำดับแรกท่ามกลางคนทั้งหลาย) และเมื่อกษัตริย์ไม่ทรงอยู่การปฏิบัติหน้าที่จะดำเนินการโดยผู้ดูแลระดับสูง (Seneschal)

พระราชวังถูกสร้างตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ตั้งอยู่ทางใต้ของป้อมปราการเยรูซาเลม[3] ราชอาณาจักรเยรูซาเลมได้แนะนำโครงสร้างระบอบศักดินาแบบฝรั่งเศสให้แก่ชาวลิแวนต์ กษัตริย์จะทรงมีศักดินาที่ดินจำนวนมากรวมเข้าในฐานะแว่นแคว้นของกษัตริย์ซึ่งมีความผันแผรจากกษัตริย์องค์หนึ่งไปยังอีกองค์หนึ่ง กษัตริย์จะต้องทรงรับผิดชอบในการนำราชอาณาจักรเข้าสู่สมรภูมิรบ แม้ว่าหน้าที่นี้จะเป็นของพวกพลตระเวน

ในขณะที่หลายอาณาจักรในยุโรปช่วงนั้นกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ราชาธิปไตยแบบรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง แต่กษัตริย์เยรูซาเลมสูญเสียพระราชอำนาจอย่างต่อเนื่องให้แก่เหล่าบารอน เหตุนี้เพราะส่วนใหญ่กษัตริย์หลายพระองค์มักจะมีพระชนมายุน้อย และมีความถี่ของการตั้งผู้สำเร็จราชการบ่อยครั้ง

หลังจากการล่มสลายของเมืองเยรูซาเลมใน ค.ศ. 1187 เมืองหลวงถูกย้ายไปยังเอเคอร์ และอยู่ที่นั่นจนถึงค.ศ. 1291 แต่พิธีราชาภิเษกมักจะถูกจัดที่ไทร์ ในช่วงนี้ตำแหน่งกษัตริย์เป็นเพียงตำแหน่งในนาม ซึ่งถูกกำหนดโดยเหล่ากษัตริย์ยุโรปที่ไม่เคยประทับในเอเคอร์ เมื่อคอนราดที่ 3 ได้เป็นพระมหากษัตริย์แต่ประทับอยู่ที่ทางตอนใต้ของเยอรมนี พระญาติฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ คือ อูก เคานท์แห่งเบรียง อ้างสิทธิเป็นผู้สำเร็จราชการแห่งราชอาณาจักรเยรูซาเลม และตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดทางอ้อม การอ้างสิทธินี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1264 ในฐานะผู้สืบเชื้อสายที่อาวุโสสูงสุดและเป็นทายาทผู้มีสิทธิอันชอบธรรมของอาลิกซ์แห่งช็องปาญ พระราชธิดาองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งเยรูซาเลม อูกเป็นพระโอรสในพระราชธิดาองค์โตของพระนางอาลิกซ์ แต่ถูกข้ามสิทธิโดยสภาฮูตกูร์ให้แก่พระญาติ คือ อูกแห่งแอนติออก ซึ่งในอนาคตคือ พระเจ้าอูกที่ 3 แห่งไซปรัส และอูกที่ 1 แห่งเยรูซาเลม

หลังจากพระเจ้าคอนราดที่ 3 ถูกประหารชีวิตโดยพระเจ้าการ์โลที่ 1 แห่งเนเปิลส์ใน ค.ศ. 1268 ตำแหน่งกษัตริย์กลายเป็นของราชวงศ์ลูซียง ซึ่งได้เป็นพระมหากษัตริย์ไซปรัสพร้อมกัน แต่พระเจ้าการ์โลที่ 1 ก็ใช้พระราชทรัพย์ซื้อสิทธิในบัลลังก์จากหนึ่งในผู้อ้างสิทธิใน ค.ศ. 1277

ในปีนั้น พระองค์ส่งโรเจอร์แห่งซานเซเวรีโนไปยังตะวันออกในฐานะผู้ดูแลที่ดิน โรเจอร์ยึดครองเมืองเอเคอร์และบังคับให้เหล่าบารอนสวามิภักดิ์ โรเจอร์ถูกเรียกตัวกลับใน ค.ศ. 1282 เนื่องด้วยเหตุการณ์สายัณห์ซิซิลี และปล่อยให้โอโด ปัวเลอเชียนดำเนินการแทน ทรัพยากรและอำนาจของเขามีน้อยและเขาถูกขับไล่โดยพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งไซปรัส เมื่อพระองค์เสด็จมาจากไซปรัสเพื่อประกอบราชาภิเษกเป็นกษัตริย์เยรูซาเลม

เอเคอร์ถูกยึดครองโดยมัมลูก ใน ค.ศ. 1291 พวกครูเสดก็ถูกกำจัดออกจากแผ่นดินใหญ่

ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1099–ค.ศ. 1118)

• ราชวงศ์บูลอญ •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
1 โกเดอฟรอย
(Godefroy de Bouillon)
"ผู้พิทักษ์โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์"
ค.ศ. 1099–1100
ราว ค.ศ. 1060
พระราชสมภพที่บูลอญ-ซูร์-แมร์ ฝรั่งเศส หรือ บราบันต์
โอรสในอูสเทซที่ 2 เคานท์แห่งบูลอญกับไอดาแห่งลอแรน
ไม่อภิเษกสมรส 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1100
พระชนมายุราว 40 พรรษา
2 พระเจ้าโบดวงที่ 1
(Baudouin I)
ค.ศ. 1100–1118
ราว ค.ศ. 1058
พระราชสมภพที่ลอแรน
โอรสในอูสเทซที่ 2 เคานท์แห่งบูลอญกับไอดาแห่งลอแรน
โกเดอฮิลด์ เดอ โทนี
ไม่มีโอรสธิดา

อาร์ดาแห่งอาร์เมเนีย
ค.ศ. 1097
ไม่มีโอรสธิดา

อเดลาเซีย เดล วาสโต
ค.ศ. 1112
ไม่มีโอรสธิดา
2 เมษายน ค.ศ. 1118
อาริช อียิปต์
พระชนมายุราว 60 พรรษา
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1118–1153)

• ราชวงศ์เรเธล •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
3 พระเจ้าโบดวงที่ 2
(Baudouin II)
ค.ศ. 1118–1131
ไม่ปรากฏ
พระราชสมภพที่ฝรั่งเศส
โอรสในอูกที่ 1 เคานท์แห่งเรเธลกับเมลีแซนเดอแห่งม็องต์แตร์รี
มอร์เฟียแห่งเมลีแตง
ค.ศ. 1101
พระราชธิดา 4 พระองค์
21 สิงหาคม ค.ศ. 1131
เยรูซาเลม
4 สมเด็จพระราชินีนาถ
เมลิแซนเดอ

(Melisende)
ค.ศ. 1131–1153
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าฟูลเกต์ จนถึง ค.ศ. 1143
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าโบดวงที่ 3 จนถึง ค.ศ. 1153
ค.ศ. 1105
พระราชสมภพที่เยรูซาเลม
โอรสในพระเจ้าโบดวงที่ 2 กับมอร์เฟียแห่งเมลีแตง
ฟูลเกต์ที่ 5 เคานท์แห่งอ็องฌู
2 มิถุนายน ค.ศ. 1129
พระราชโอรส 2 พระองค์
11 กันยายน ค.ศ. 1161
เยรูซาเลม
พระชนมายุ 56 พรรษา

ใน ค.ศ. 1127 ฟลูเกต์ที่ 5 เคานท์แห่งอ็องฌูได้รับคณะทูตจากพระเจ้าโบดวงที่ 2 แห่งเยรูซาเลม พระเจ้าโบดวงที่ 2 ไม่ทรงมีรัชทายาทชาย แต่ทรงกำหนดให้เจ้าหญิงเมลีแซนเดอ พระราชธิดาองค์โตเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ พระเจ้าโบดวงที่ 2 ทรงต้องการความปลอดภัยในการปกป้องมรดกที่พระราชธิดาจะได้รับ โดยมีพระราชประสงค์ให้เจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับขุนนางผู้ทรงอำนาจ ฟลูเกต์เป็นนักรบครูเสดที่ร่ำรวยและเป็นผู้นำทางทหารที่มีประสบการณ์ อีกทั้งเป็นม่ายชายาถึงแก่กรรม ประสบการณ์ในสนามรบได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีค่าในรัฐชายแดนที่มักจะมีสงครามเช่นนี้

แต่ฟลูเกต์ได้ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าในการเป็นแค่พระราชสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ ก็คือตัวเขาต้องการเป็นพระมหากษัตริย์เคียงข้างราชบัลลังก์ของเมลีแซนเดอ พระเจ้าโบดวงที่ 2 ทรงยอมรับข้อเสนออย่างไม่ขัดข้องเนื่องด้วยประสงค์จะใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ทางกองทัพของฟลูเกต์ ฟลูเกต์จึงสละตำแหน่งเคานท์แห่งอ็องชูให้แก่ฌอฟรัว โอรสของเขาที่เกิดจากชายาคนแรก และล่องเรือไปเพื่อรับตำแหน่งกษัตริย์แห่งเยรูซาเลมในอนาคต ซึ่งเขาเสกสมรสกับเจ้าหญิงเมลีแซนเดอในวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1129 หลังจากนั้นพระเจ้าโบดวงทรงสนับสนุนตำแหน่งของเจ้าหญิงเมลีแซนเดอในราชอาณาจักร โดยให้พระนางเป็นผู้ปกครองเพียงพระองค์เดียวของพระราชโอรสที่ประสูติจากฟลูเกต์ พระเจ้าโบดวงที่ 3 ในอนาคตประสูติใน ค.ศ. 1130

ฟลูเกต์และเมลีแซนเดอกลายเป็นพระประมุขร่วมแห่งเยรูซาเลมใน ค.ศ. 1131 หลังการสวรรคตของพระเจ้าโบดวงที่ 3 ในช่วงแรกพระเจ้าฟลูเกต์ทรงเข้าควบคุมกิจการในราชอาณาจักรทั้งหมดและกีดกันสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอออกไป พระองค์ทรงโปรดเพื่อนร่วมชาติจากอ็องฌูมากกว่าขุนนางพื้นเมือง รัฐนักรบครูเสดทางตอนเหนือหวาดกลัวว่า พระเจ้าฟลูเกต์จะใช้พระราชอำนาจของอาณาจักรเยรูซาเลมเหนือดินแดนของพวกเขา ดังที่พระเจ้าโบดวงที่ 2 เคยทำไป แต่พระเจ้าฟลูเกต์มีพลังพระราชอำนาจน้อยกว่าพระสัสสุระมาก ทำให้รัฐทางตอนเหนือปฏิเสธอำนาจของพระองค์

ในเยรูซาเลมเอง พระเจ้าฟลูเกต์ก็ไม่เป็นที่พอใจของเหล่าชาวเยรูซาเลมคริสต์รุ่นที่สองซึ่งเติบโตมากตั้งแต่สงครามครูเสดครั้งแรก "คนพื้นเมือง"เหล่านี้ชื่นชอบพระญาติของสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ คือ อูกที่ 2 แห่งจัฟฟา ผู้ซึ่งจงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีนาถ พระเจ้าฟลูเกต์ทรงมองอูกเป็นศัตรู และใน ค.ศ. 1134 พระองค์ต้องการกำจัดอูก โดยกล่าวหาว่าเขามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ อูกก่อการจลาจลเพื่อประท้วงและหลบซ่อนตัวในดินแดนของเขาเองที่จัฟฟา อีกทั้งเป็นพันธมิตรกับมุสลิมที่อัสเคลอน เขาได้ชัยชนะต่อกองทัพของพระเจ้าฟลูเกต์ แต่ก็ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ อัครบิดรแห่งเยรูซาเลมได้เข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ พระเจ้าฟลูเกต์ทรงเห็นด้วยกับการสงบศึกและอูกต้องถูกเนรเทศออกจากราชอาณาจักรเป็นเวลาสามปี ซึ่งเป็นโทษสถานเบา

การสวรรคตของพระเจ้าฟูลเกต์ จากภาพประกอบหนังสือของวิลเลียมแห่งไทร์ "Historia and Old French Continuation" วาดที่เอเคอร์ ราวศตวรรษที่ 13 Bib. Nat. Française

แต่มีความพยายามในการลอบสังหารอูก พระเจ้าฟลูเกต์และผู้สนับสนุนพระองค์ถูกมองโดยทั่วไปว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะไม่มีการพิสูจน์คดีจริงๆ เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้กลายเป็นประโยชน์แก่พรรคพระราชินีในการยึดอำนาจการปกครอง ซึ่งพระนางทรงก่อการรัฐประหารวังหลวง เบอร์นาร์ด แฮมิลตัน นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ได้เขียนว่า กลุ่มผู้สนับสนุนพระเจ้าฟลูเกต์ต้อง "อยู่อย่างหวาดกลัวชีวิตภายในวัง" นักประวัติศาสตร์และนักเขียนร่วมสมัยอย่าง วิลเลียมแห่งไทร์ เขียนถึงฟลูเกต์ว่า "พระองค์ไม่สามารถที่จะออกความคิดได้แม้แต่เรื่องที่เล็กๆน้อยๆโดยปราศจากความเห็นชอบ (ของเมลีแซนเดอ)" ผลก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอทรงควบคุมอำนาจของรัฐบาลโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัยตั้งแต่ ค.ศ. 1136 เป็นต้นไป ก่อน ค.ศ. 1136 พระเจ้าฟลูเกต์ทรงไกล่เกลี่ยกับพระมเหสี และทำให้พระราชโอรสองค์ที่สองประสูติคือ เจ้าชายอามอรี

ใน ค.ศ. 1143 ขณะที่พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีนาถประทับพักผ่อนในเอเคอร์ พระเจ้าฟลูเกต์เสด็จสวรรคตจากอุบัติเหตุขณะล่าสัตว์ ม้าของพระองค์พลาดสะดุดและล้มลง และกะโหลกพระเศียรของพระองค์ถูกทับโดยอานม้า "มันสมองของพระองค์พุ่งออกมาจากหูทั้งสองข้างและรูจมูก" ตามคำบรรยายของวิลเลียมแห่งไทร์ พระวรกายของพระองค์ถูกนำกับมายังเอเคอร์ ทรงหมดสติไปสามวันและสวรรคต พระบรมศพถูกฝังที่โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเลม แม้ว่าชีวิตสมรสจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอทรงเสียพระทัยต่อการจากไปของพระเจ้าฟลูเกต์ทั้งแสดงออกในที่สาธารณะและการส่วนพระองค์ พระเจ้าฟลูเกต์มีพระราชโอรสสามคน คือ ฌอฟรัวที่ประสูติจากชายาคนแรก และเจ้าชายโบดวงกับเจ้าชายอามอรีที่ประสูติแต่พระนางเมลีแซนเดอ

พระเจ้าโบดวงที่ 3 ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นประมุขร่วมกับพระราชชนนี ใน ค.ศ. 1143 การครองราชย์ช่วงต้นรัชกาลของพระองค์เป็นการทะเลาะขัดแย้งกับพระราชชนนีอย่างรุนแรงในเรื่องสิทธิในการครอบครองเยรูซาเลม จนกระทั่งค.ศ. 1153 เมื่อพระองค์สามารถยึดครองอำนาจของรัฐบาลภายใต้พระองค์เอง สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอสละราชบัลลังก์ พระองค์กับพระราชชนนีก็ไกล่เกลี่ยกันภายหลัง พระราชชนนีเมลีแซนเดอสวรรคตใน ค.ศ. 1161 ส่วนพระเจ้าโบดวงที่ 3 สวรรคตใน ค.ศ. 1163 โดยไร้รัชทายาท ราชอาณาจักรสืบทอดไปยังพระราชอนุชา ครองราชย์เป็น พระเจ้าอามอรีที่ 1 แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในหมู่ขุนนางกับพระมเหสีในพระเจ้าอามอรี คือ อานแย็สแห่งกูร์เตอแน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะยอมรับการสมรสนี้ใน ค.ศ. 1157 ในช่วงที่พระเจ้าโบดวงที่ 3 ยังคงสามารถสืบทายาทได้ แต่ในช่วงนี้สภาฮูตกูร์ปฏิเสธที่จะยอมรับอามอรีเป็นกษัตริย์ จนกว่าพระองค์จะยอมหย่าขาดจากพระราชินีอานแย็ส ความเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชินีอานแย็สนั้นต้องยอมรับว่าอาจกล่าวเกินจริงโดยนักพงศาวดารร่วมสมัยอย่าง วิลเลียมแห่งไทร์ ซึ่งอคติจากการที่พระราชินีอานแย็สกีดกันไม่ให้เขารับตำแหน่งอัครบิดรแห่งเยรูซาเลมในช่วงทศวรรษต่อมา และผู้สืบทอดงานของวิลเลียม คือ เออร์โนลด์ ได้กล่าวถึงบุคลิกของพระนางในด้านศีลธรรมว่า "ไม่ควรมีพระราชินีเช่นนี้ในเมืองอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเยรูซาเลม" ("car telle n'est que roine doie iestre di si haute cite comme de Jherusalem")

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อหาความสัมพันธ์ร่วมวงศ์ตระกูลเดียวกันก็เพียงพอแล้วสำหรับฝ่ายที่จะโค่นพระนางออกจากตำแหน่งราชินี พระเจ้าอามอรีทรงเห็นด้วยและขึ้นสืบราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการโดยปราศจากพระราชินี แต่อานแย็สยังครองตำแหน่งเคานท์เตสแห่งจัฟฟาและอัสเคลอน และได้รับเงินรายได้จากศักดินาที่ดิน คริสตจักรตัดสินว่าทายาทของพระเจ้าอามอรีกับอดีตพระราชินีอานแย็สนั้นเป็นทายาทที่ชอบโดยกฎหมาย และยังคงลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ดังเดิม ต่อมาพระโอรสธิดาของอานแย็สจะมีอำนาจสูงในเยรูซาเลมเป็นเวลาเกือบ 20 ปี พระเจ้าอามอรีสวรรคตและสืบบัลลังก์โดยพระโอรสที่ประสูติแต่อานแย็ส คือ พระเจ้าโบดวงที่ 4

การอภิเษกสมรสของพระเจ้าอามอรีที่ 1 กับมาเรีย โคมเนเนที่ไทร์

อานแย็สแห่งกูร์เตอแนสมรสใหม่กับเรย์นัลด์แห่งซีดง และสมเด็จพระพันปีหลวงมาเรีย โคมเนเนเสกสมรสกับเบเลียนแห่งอีเบลิน ใน ค.ศ. 1177 พระราชธิดาของพระเจ้าอามอรีที่ประสูติแต่อานแย็ส คือ เจ้าหญิงซีบิลล์ มีความพร้อมด้านพระชันษา และพร้อมมีทายาท และมีสถานะที่มั่นคงในการสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระอนุชา แต่พระราชธิดาของพระเจ้าอามอรีที่ประสูติแต่พระพันปีหลวงมาเรีย คือ เจ้าหญิงอีซาเบล ทรงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของพระบิดาเลี้ยง คือ พวกตระกูลอีเบลิน

ใน ค.ศ. 1179 พระเจ้าโบดวงที่ 4 เริ่มต้นวางแผนให้เจ้าหญิงซีบิลล์เสกสมรสกับอูกที่ 3 ดยุกแห่งบูร์กอญ หลังจากพระสวามีองค์แรกของเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ แต่ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1180 แผนนี้ก็ไม่ได้ดำเนินการ เรย์มอนด์ที่ 3 เคานท์แห่งตริโปลีพยายามก่อการรัฐประหาร โดยระดมพลในเยรูซาเลมร่วมกับโบฮีมอนด์ที่ 3 แห่งแอนติออก ในการบีบบังคับให้กษัตริย์จัดการเสกสมรสของพระเชษฐภคินีกับขุนนางท้องถิ่นที่เขาเลือก อาจจะเป็น โบดวงแห่งอีเบลิน พี่ชายของเบเลียน เพื่อต่อต้านแผนการนี้ กษัตริย์ทรงรีบจัดงานเสกสมรสของพระขนิษฐากับกีแห่งลูซียง น้องชายของอามอรี กรมวังของราชอาณาจักร การจับคู่กับชาวต่างชาติเป็นสิ่งจำเป็นที่สามารถนำความช่วยเหลือทางทหารจากภายนอกเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เมื่อพระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศสยังทรงพระเยาว์ สถานะของกีคือเป็นขุนนางของกษัตริย์ฝรั่งเศส และพระญาติของเจ้าหญิงซีบิลล์คือ พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ ผู้ซึ่งเป็นหนี้ในการแสวงบุญของสมเด็จพระสันตะปาปา พันธมิตรทั้งสองนี้จำเป็นสำหรับเยรูซาเลม

วิลเลียมแห่งไทร์ค้นพบอาการโรคเรื้อนของโบดวงที่ 4 ครั้งแรก จากหนังสือ L'Estoire d'Eracles ฉบับภาษาฝรั่งเศส วาดในฝรั่งเศสทศวรรษที่ 1250

ใน ค.ศ. 1182 พระเจ้าโบดวงที่ 4 ก็เริ่มทรงทุพพลภาพมากขึ้น จากพระอาการโรคเรื้อน พระองค์ทรงแต่งตั้งกีเป็น บาอิลลี เรย์มอนด์ต่อต้านเรื่องนี้ แต่เมื่อกีไม่เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์โบดวงอีกต่อไปแล้ว ในปีถัดมาเรย์มอนด์ได้รัยการแต่งตั้งเป็นบาอิลลีใหม่อีกครั้ง และได้รับสิทธิในการครอบครองเบรุต พระเจ้าโบดวงหันมาทำข้อตกลงกับเรย์มอนด์และสภาฮุตกูร์ ให้โบดวงแห่งมงแฟรา พระโอรสของเจ้าหญิงซีบิลล์ที่ประสูติแต่พระสวามีองค์แรก ให้มีสิทธิสืบบัลลังก์ก่อนซีบิลล์และกี โบดวงองค์น้อยได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ร่วมของพระมาตุลาใน ค.ศ. 1183 ในพระราชพิธีมีเรย์มอนด์เป็นประธาน เป็นที่ตกลงว่าหากยุวกษัตริย์สวรรคตในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์ คณะผู้สำเร็จราชการจะเปลี่ยนผ่านไปยัง "ทายาทผู้มีความชอบธรรมที่สุด" และต่อจากนั้นคือเหล่าญาติวงศ์ ได้แก่ กษัตริย์แห่งอังกฤษและฝรั่งเศส และจักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาจะสามารถตัดสินชี้ระหว่างสิทธิของซีบิลล์และสิทธิของอีซาเบล "ทายาทผู้มีความชอบธรรมที่สุด" เหล่านี้จะไม่ถูกเสนอชื่อ

พระเจ้าโบดวงที่ 4 สวรรคตในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1185 และพระนัดดาขึ้นสืบบัลลังก์ เรย์มอนด์ได้เป็นบาอิลลี แต่เขาส่งผ่านการเป็นผู้ปกครองของพระเจ้าโบดวงที่ 5 ไปยังจอสแลงที่ 3 เคานท์แห่งอีเดสซา อาฝ่ายแม่ของเขา โดยอ้างว่าเขาไม่ต้องการให้แก่ข้อกังขาเมื่อยุวกษัตริย์ที่ดูเหมือนอ่อนแอนั้นสวรรคตขึ้นมา พระเจ้าโบดวงที่ 5 สวรรคตในฤดูร้อน ค.ศ. 1186 ที่เอเคอร์ ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสนใจในพระราชพินัยกรรมของพระเจ้าโบดวงที่ 4

หลังจากพระราชพิธีพระศพ จอสแลงตั้งให้เจ้าหญิงซีบิลล์เป็นผู้สืบสันตติวงศ์ของพระอนุชา แต่พระนางต้องยินยอมที่จะหย่าขาดจากกี เช่นเดียวกับที่พระราชชนกของพระนางหย่าขาดจากพระราชชนนี ด้วยการรับประกันว่าพระนางจะได้รับอนุญาตให้เลือกพระสวามีองค์ใหม่ ในวันราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถซีบิลล์ทรงสวมมงกุฎให้กับกีทันที ในขณะที่เรย์มอนด์ก็เดินทางไปยังนาบลัสซึ่งเป็นที่พำนักของเบเลียนและสมเด็จพระพันปีหลวงมาเรีย และทำการเรียกประชุมขุนนางที่จงรักภักดีต่อเจ้าหญิงอีซาเบลและตระกูลอีเบลิน เรย์มอนด์ต้องการให้เจ้าหญิงอีซาเบลกับอ็องฟรอยที่ 4 แห่งโตรอน พระสวามีของพระนางสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ แต่อ็องฟรอยมีบิดาเลี้ยงคือ เรย์นัลด์แห่งชาตียง นั้นเป็นพันธมิตรของพระเจ้ากี อ็องฟรอยจึงละทิ้งเรย์มอนด์และหันไปถวายความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีนาถซีบิลล์และพระเจ้ากี

ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1153–1205)

• ราชวงศ์อ็องฌู •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
5 พระเจ้าฟลูเกต์
(Foulques)
ค.ศ. 1131–1143
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ
ค.ศ. 1089/1092
พระราชสมภพที่อ็องเฌ ฝรั่งเศส
โอรสในฟลูเกต์ที่ 4 เคานท์แห่งอ็องฌูกับแบร์ตาร์ด เดอ มงฟอร์ต
เออร์เมนการ์ด เคานท์เตสแห่งเมน
ค.ศ. 1109
พระโอรสธิดา 4 พระองค์

สมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอแห่งเยรูซาเลม
2 มิถุนายน ค.ศ. 1129
พระราชโอรส 2 พระองค์
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1143
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุราว 52 พรรษา
6 พระเจ้าโบดวงที่ 3
(Baudouin III)
ค.ศ. 1143–1163
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ จนถึง ค.ศ. 1153
ค.ศ. 1130
โอรสในพระเจ้าฟลูเกต์กับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ
ธีโอโดรา โคมเนเน
ค.ศ. 1158
ไม่มีโอรสธิดา
10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1163
เบรุต ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 33 พรรษา
7 พระเจ้าอามอรีที่ 1
(Amaury I)
ค.ศ. 1163–1174
ค.ศ. 1136
โอรสในพระเจ้าฟลูเกต์กับสมเด็จพระราชินีนาถเมลีแซนเดอ
อานแย็สแห่งกูร์เตอแน
ค.ศ. 1157
มีพระราชโอรสธิดา 3 พระองค์

มาเรีย โคมเนเน
29 สิงหาคม ค.ศ. 1167
พระราชธิดา 2 พระองค์
11 กรกฎาคม ค.ศ. 1174
เยรูซาเลม ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 38 พรรษา
8 พระเจ้าโบดวงที่ 4 กษัตริย์เรื้อน
(Baudouin IV le Lépreux)
ค.ศ. 1174–1185
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าโบดวงที่ 5 ตั้งแต่ ค.ศ. 1183
ค.ศ. 1161
เยรูซาเลม
โอรสในพระเจ้าอามอรีกับอานแย็สแห่งกูร์เตอแน
ไม่อภิเษกสมรส 16 มีนาคม ค.ศ. 1185
เยรูซาเลม ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 24 พรรษา
9 พระเจ้าโบดวงที่ 5
(Baudouin V)
ค.ศ. 1183–1186
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าโบดวงที่ 4 จนถึง ค.ศ. 1185
ค.ศ. 1177
โอรสในวิลเลียมแห่งมงแฟรากับสมเด็จพระราชินีนาถซีบิลล์แห่งเยรูซาเลม
ไม่อภิเษกสมรส สิงหาคม ค.ศ. 1186
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 9 พรรษา
10 สมเด็จพระราชินีนาถ
ซีบิลล์

(Sibylle)
ค.ศ. 1186–1190
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้ากี
ราว ค.ศ. 1157
ธิดาในพระเจ้าอามอรีกับอานแย็สแห่งกูร์เตอแน
วิลเลียมแห่งมงแฟรา เคานท์แห่งจัฟฟาและอัสเคลอน
ค.ศ.1176
พระราชโอรส 1 พระองค์

กีแห่งลูซียง
เมษายน ค.ศ. 1180
พระราชธิดา 2 พระองค์
25 มกราคม (คาดว่า) ค.ศ. 1190
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุราว 40 พรรษา
11 พระเจ้ากี
(Guy de Lusignan)
ค.ศ. 1186–1190/1192
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถซีบิลล์ จนถึง ค.ศ. 1190
ราว ค.ศ. 1150 หรือ 1159/1160
โอรสในอูกที่ 8 แห่งลูซียงกับบรูกอญ เดอ ราญกง
สมเด็จพระราชินีนาถซีบิลล์แห่งเยรูซาเลม
เมษายน ค.ศ.1180
พระราชธิดา 2 พระองค์
18 กรกฎาคม ค.ศ. 1194
นิโคเซีย ไซปรัส
พระชนมายุราว 45 พรรษา
12 สมเด็จพระราชินีนาถ
อีซาเบลที่ 1

(Isabelle I)
ค.ศ. 1190/1192–1205
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าคอนราด จนถึง ค.ศ. 1192
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าอ็องรีที่ 1 ค.ศ. 1192–1197
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าอามอรีที่ 2 ตั้งแต่ ค.ศ. 1197
ราว ค.ศ. 1172
พระราชสมภพที่นาบลัส ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
ธิดาในพระเจ้าอามอรีกับมาเรีย โคมเนเน
อ็องฟรอยที่ 4 แห่งโตรอน
พฤศจิกายน ค.ศ.1183
ไม่มีพระโอรสธิดา

คอนราดแห่งมงแฟรา
24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1190
พระราชธิดา 1 พระองค์

อ็องรีที่ 2 เคานท์แห่งช็องปาญ
6 พฤษภาคม ค.ศ. 1192
พระราชธิดา 2 พระองค์

อามอรีแห่งลูซียง
มกราคม ค.ศ. 1198
พระราชธิดา 3 พระองค์
5 เมษายน ค.ศ. 1205
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 33 พรรษา
13 พระเจ้าคอนราดแห่งมงแฟรา
(Conrad de Montferrat)
ค.ศ. 1190/1192–1192
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1
กลางทศวรรษที่ 1140
พระราชสมภพที่มงแฟรา จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
โอรสในวิลเลียมที่ 5 มาร์เควสแห่งมงแฟรากับจูดิธแห่งบาเบ็นแบร์ก
ไม่ปรากฏนาม
ก่อน ค.ศ. 1179
ไม่มีโอรสธิดา

ธีโอโดรา แองเจลินา
ค.ศ. 1186/1187
ไม่มีโอรสธิดา

สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งเยรูซาเลม
24 พฤศจิกายน ค.ศ.1180
พระราชธิดา 1 พระองค์
28 เมษายน ค.ศ. 1192
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุราว 40 พรรษา
14 พระเจ้าอ็องรีที่ 1
(Henry I)
ค.ศ. 1192–1197
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1
29 กรกฎาคม ค.ศ. 1166
พระราชสมภพที่ช็องปาญ ฝรั่งเศส
โอรสในอ็องรีที่ 1 เคานท์แห่งช็องปาญกับมารีแห่งฝรั่งเศส
สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งเยรูซาเลม
6 พฤษภาคม ค.ศ.1192
พระราชธิดา 2 พระองค์
10 กันยายน ค.ศ. 1197
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 31 พรรษา
15 พระเจ้าอามอรีที่ 2
(Amaury de Lusignan)
ค.ศ. 1198–1205
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1
ค.ศ. 1145
โอรสในอูกที่ 8 แห่งลูซียงกับบรูกอญ เดอ ราญกง
เอสเชวาแห่งอีเบอลิน
ก่อน 29 ตุลาคม ค.ศ. 1114
โอรสธิดา 6 พระองค์

สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งเยรูซาเลม
มกราคม ค.ศ.1198
พระราชธิดา 3 พระองค์
1 เมษายน ค.ศ. 1205
เอเคอร์ ราชอาณาจักรเยรูซาเลม
พระชนมายุ 60 พรรษา

ราชวงศ์อาเลรามีชีและบริแอนน์ (ค.ศ. 1205–1228)

[แก้]
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1205–1228)

• ราชวงศ์อาเลรามีชีและบริแอนน์ •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
16 สมเด็จพระราชินีนาถมารีแห่งมงแฟรา
(Marie de Montferrat)
ค.ศ. 1205–121
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าฌ็องที่ 1
ค.ศ. 1192
ธิดาในพระเจ้าคอนราดแห่งมงแฟรากับสมเด็จพระราชินีนาถ
อีซาเบลที่ 1
ฌ็องแห่งบริแอนน์

14 กันยายน ค.ศ. 1210
พระราชธิดา 1 พระองค์

ค.ศ. 1212
พระชนมายุราว 20 พรรษา
17 พระเจ้าฌ็องที่ 1
(Jean I)
ค.ศ. 1210–1212
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถมารี
ราว ค.ศ. 1170
โอรสในเอราร์ที่ 2 แห่งบริแอนน์กับอานแย็สแห่งมงฟอร์คอน

มารีแห่งมงแฟรา
14 กันยายน ค.ศ. 1210
พระราชธิดา 1 พระองค์

สเตฟานีแห่งอาร์เมเนีย
พระราชโอรส 1 พระองค์

เบเรนเจเรียแห่งเลออน
ค.ศ. 1224
โอรสธิดา 4 พระองค์
27 มีนาคม ค.ศ. 1237
พระชนมายุราว 67 พรรษา
18 สมเด็จพระราชินีนาถ
อีซาเบลที่ 2

(Isabelle II)
โยลังด์
(Yolande de Brienne)
ค.ศ. 1212–1228
ครองราชย์ร่วมกับพระเจ้าเฟรเดอริกตั้งแต่ ค.ศ. 1225
ค.ศ. 1145
ธิดาในฌ็องแห่งบริแอนน์กับมารีแห่งมงแฟรา
จักรพรรดิเฟรเดริกที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1225
โอรสธิดา 2 พระองค์
1 เมษายน ค.ศ. 1205
อานดรีอา ราชอาณาจักรซิซิลี
พระชนมายุ 16 พรรษา
19 พระเจ้าเฟรเดอริก
(Frédéric de Hohenstaufen)
ค.ศ. 1225–1228
ครองราชย์ร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2
ค.ศ. 1194
โอรสในจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 6 กับคอนสแตนส์ ราชินีแห่งซิซิลี
คอนสแตนส์แห่งอารากอน
สิงหาคม ค.ศ. 1179
พระราชโอรส 1 พระองค์

อีซาเบลที่ 2 แห่งเยรูซาเลม
ค.ศ. 1186/1187
โอรสธิดา 2 พระองค์

อิซาเบลลาแห่งอังกฤษ
24 พฤศจิกายน ค.ศ.1180
โอรสธิดา 4 พระองค์
13 ธันวาคม ค.ศ. 1250
ปุลยา ราชอาณาจักรซิซิลี
พระชนมายุ 55 พรรษา
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1118–1153)

• ราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
20 พระเจ้าคอนราดที่ 2
(Conrad IV de Hohenstaufen)
ค.ศ. 1228–1254
25 เมษายน ค.ศ. 1228
พระราชสมภพที่อานดรีอา ราชอาณาจักรซิซิลี
โอรสในจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 กับสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2
เอลีซาเบ็ทแห่งบาวาเรีย
1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1246
โอรสธิดา 11 พระองค์
21 พฤษภาคม ค.ศ. 1254
ลาเวลโล ราชอาณาจักรซิซิลี
พระชนมายุ 26 พรรษา
21 พระเจ้าคอนราดที่ 3
(Conradin)
ค.ศ. 1254–1268
ค.ศ. 1105
พระราชสมภพที่ปราสาทว็อล์ฟชไตน์ ลันทซ์ฮูท บาวาเรีย จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
โอรสในพระเจ้าโบดวงที่ 2 กับมอร์เฟียแห่งเมลีแตง
ไม่อภิเษกสมรส 29 ตุลาคม ค.ศ. 1268
คาสเตล เดลโลโว นาโปลี ราชอาณาจักรซิซิลี
พระชนมายุ 16 พรรษา
ราชอาณาจักรเยรูซาเลม : Kingdom of Jerusalem
(ค.ศ. 1268–1291)

• ราชวงศ์ลูซียง •
พระปรมาภิไธย พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
22 พระเจ้าอูก
(Hugues III de Lusignan)
ค.ศ. 1268–1284
ค.ศ. 1235
บุตรในอ็องรีแห่งแอนติออกกับอีซาเบลแห่งไซปรัส
อีซาเบลแห่งอีเบอลิน
หลัง 25 มกราคม ค.ศ. 1255
พระราชโอรส 1 พระองค์
21 พฤษภาคม ค.ศ. 1254
นิโคเซีย ราชอาณาจักรไซปรัส
พระชนมายุ 49 พรรษา
23 พระเจ้าฌ็องที่ 2
(Jean II)
ค.ศ. 1284–1285
ค.ศ. 1259/1267
โอรสในพระเจ้าอูกกับอีซาเบลแห่งอีเบอลิน
ไม่อภิเษกสมรส 20 พฤศภาคม ค.ศ. 1285
นิโคเซีย ราชอาณาจักรไซปรัส
พระชนมายุ 17 หรือ 26 พรรษา
24 พระเจ้าอ็องรีที่ 2
(Henry II)
ค.ศ. 1285–1324
ใช้พระอิสริยยศหลัง ค.ศ. 1291
ค.ศ. 1271
โอรสในพระเจ้าอูกกับอีซาเบลแห่งอีเบอลิน
คอนสแตนซ์แห่งซิซิลี
16 ตุลาคม ค.ศ. 1317
ไม่มีโอรสธิดา
31 สิงหาคม ค.ศ. 1324
สโตรโวลอส ราชอาณาจักรไซปรัส
พระชนมายุ 53 พรรษา

อ้างอิง

[แก้]
  1. Guy. 2012. Encyclopædia Britannica Online. Retrieved 27 August 2012, from http://www.britannica.com/EBchecked/topic/249989/Guy
  2. Whitworth Porter (2013). A History of the Knights of Malta. Cambridge Library Collection - European History. Cambridge University Press. p. 18. ISBN 9781108066228. สืบค้นเมื่อ 20 May 2014. Refusing the title of King and the diadem which were offered him, upon the plea that he would never wear a crown of gold where his Saviour had worn a crown of thorns, he modestly contented him with the title of Defender and Advocate of the Holy Sepulchre.
  3. Adrian J. Boas. Jerusalem in the Time of the Crusades: Society, Landscape and Art in the Holy City under Frankish Rule. Pages 79-82. Routledge 2009. ISBN 9780415488754. [1]