พรรคโครงการสังคมนิยมพม่า
พรรคโครงการสังคมนิยมพม่า မြန်မာ့ဆိုရှယ်လစ်လမ်းစဉ်ပါတီ | |
---|---|
ชื่อย่อ | မဆလ (พม่า) BSPP (อังกฤษ) |
ประธาน | เนวิน |
ก่อตั้ง | 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1962 |
ถูกยุบ | 24 กันยายน ค.ศ. 1988 |
ถัดไป | พรรคเอกภาพแห่งชาติ |
ที่ทำการ | ย่างกุ้ง |
ฝ่ายเยาวชน | Programme Youth Organisation |
อุดมการณ์ | แนวทางสู่สังคมนิยมพม่า |
ธงประจำพรรค | |
การเมืองพม่า รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
พรรคโครงการสังคมนิยมพม่า (พม่า: မြန်မာ့ဆိုရှယ်လစ်လမ်းစဉ်ပါတီ, ออกเสียง: [mjəma̰ sʰòʃɛ̀lɪʔ láɰ̃zɪ̀ɰ̃ pàtì]; อังกฤษ: Burma Socialist Programme Party) เป็นพรรครัฐบาลของประเทศพม่าใน ค.ศ. 1962 ถึง 1988 และเป็นพรรคที่ถูกกฎหมายพรรคเดียวใน ค.ศ. 1964 ถึง 1988 ประธานพรรค เนวิน โค่นรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งในรัฐประหารวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1962 จากนั้นพรรคนี้ปกครองพม่าด้วยระบอบเผด็จการทหารแบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จในเวลา 26 ปี จนกระทั่งการก่อการกำเริบ 8888 กดดันให้พรรครับระบบหลายพรรคการเมือง
ประวัติ
[แก้]พรรคนี้ก่อตั้งขึ้นหลังจากสภาปฏิวัติของพม่านำโดยนายพลเนวิน ได้ยึดอำนาจในพม่า ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2505 พร้อมทั้งแจกเอกสารชื่อว่าวิถีพม่าสู่สังคมนิยม ต่อมา ในวันที่ 4 กรกฎาคม สภาปฏิวัติได้ประกาศตั้งพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าเพื่อนำประเทศเข้าสู่ลัทธิสังคมนิยม ส่วนพรรคอื่นถือว่าผิดกฎหมาย สมาชิกพรรคในช่วงแรกคือสมาชิกสภาปฏิวัติ โครงสร้างคล้ายพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ โดยแนวคิดหลักของพรรคเป็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดคอมมิวนิสต์และพุทธศาสนา ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2507 สภาปฏิวัติได้ประกาศให้พรรคการเมืองทุกพรรคยกเว้นพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าสลายตัวไป
ใน พ.ศ. 2514 พรรคนี้พรรคนี้ได้เปิดกว้าง เปลี่ยนเป็นพรรคของมวลชน การเป็นสมาชิกพรรคจะรับประกันความก้าวหน้าในสังคมได้ สมาชิกพรรคส่วนใหญ่เป็นทหารและตำรวจ มีการจัดตั้งองค์กรยุวชนโดยเชิญชวนนักเรียนเข้ามาเป็นสมาชิก ลักษณะคล้ายเรดการ์ดในประเทศจีน หลังจากการประกาศรัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2517 ให้จัดตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า แต่ไม่ส่งผลใดๆต่อโครงสร้างอำนาจของรัฐภายใต้การปกครองของเนวิน เนวินลาออกจากตำแหน่งประมุขรัฐเมื่อ พ.ศ. 2524 แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป อย่างไรก็ตามความล้มเหลวทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ พ.ศ. 2530 หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกธนบัตรโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า การปะทะกับนักศึกษาที่ประท้วงในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2531 ทำให้เกิดการประท้วงต่อเนื่องจนเกิดการปะทะครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ทำให้เนวินลาออกจากหัวหน้าพรรค ในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2531 นายพลซอหม่องได้ประกาศจัดตั้งสภาฟื้นฟูระเบียบและกฎหมายแห่งรัฐ
พรรคได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคเอกภาพแห่งชาติเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2531 หัวหน้าพรรคคือ อู ทาจอร์ และเข้าร่วมในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2533 แต่พ่ายแพ้ให้กับสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของอองซานซูจี ผู้นำทหารปฏิเสธผลการเลือกตั้งและปกครองประเทศด้วยสภาฟื้นฟูระเบียบและกฎหมายแห่งรัฐโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าอีก
ประธาน
[แก้]ฃำดับ | ภาพ | ชื่อ (เกิด–เสียชีวิต) |
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง | ตำแหน่งอื่น ๆ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มต้น | สิ้นสุด | รวม | ||||
1 | เนวิน နေဝင်း (1911–2002) |
4 กรกฎาคม 1962 | 23 กรกฎาคม 1988 (ลาออก) |
26 ปี 19 วัน | ประธานสภาแห่งปฏิวัติสหภาพและนายกรัฐมนตรี (1962–1974) ประธานาธิบดี (1962–1981) | |
2 | เซน-ลวีน စိန်လွင် (1923–2004) |
26 กรกฎาคม 1988 | 12 สิงหาคม 1988 (ลาออก) |
0 ปี 17 วัน | ประธานาธิบดี (1988) | |
3 | มองมอง မောင်မောင် (1925–1994) |
19 สิงหาคม 1988 | 18 กันยายน 1988 (ถูกถอดถอน) |
0 ปี 30 วัน | ประธานาธิบดี (1988) |
ประวัคิการเลือกตั้ง
[แก้]การเลือกตั้ง | หัวหน้าพรรค | คะแนนโหวต | % | ที่นั่ง | +/– | ตำแหน่ง | ผลลัพธ์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1974 | เนวิน | 100% | 451 / 451
|
451 | ที่ 1 | พรรคถูกกฎหมายพรรคเดียว | |
1978 | 100% | 464 / 464
|
13 | ที่ 1 | พรรคถูกกฎหมายพรรคเดียว | ||
1981 | 100% | 475 / 475
|
11 | ที่ 1 | พรรคถูกกฎหมายพรรคเดียว | ||
1985 | 100% | 489 / 489
|
14 | ที่ 1 | พรรคถูกกฎหมายพรรคเดียว |
อ้างอิง
[แก้]- ไมเคิล ลีเฟอร์. พจนานุกรมการเมืองสมัยใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กทม. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 2548.หน้า 386 - 388
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- The Burmese Way to Socialism (top secret) The Revolutionary Council, 28 April 1962
- The Constitution of the Burma Socialist Programme Party The Revolutionary Council, 4 July 1962
- The System of Correlation of Man and His Environment BSPP, 17 January 1963, 3rd. edition 1964
- The Extraordinary Session of the BSPP Congress, 23–25 July 1988 Working People's Daily