ผู้ใช้:Kasempun/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นายเกษมพันธ์ กอบพุดซา
Kasempun
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด12 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 (30 ปี)
เกษมพันธ์ กอบพุดซา

ประวัติส่วนตัว[แก้]

เกษมพันธ์ กอบพุดซา
ชื่อเล่น บอย
น้ำหนัก 65 กิโลกรัม
ส่วนสูง 170 เซนติเมตร
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 179 หมู่ 5 ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ 30420

ประวัติการศึกษา[แก้]

ประวัติการศึกษา
ปี พ.ศ. ระดับชั้น โรงเรียน จังหวัด
พ.ศ. 2551 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธารปราสาทเพชรวิทยา นครราชสีมา
พ.ศ. 2553 จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ โรงเรียนมารีย์บริหารธุรกิจ นครราชสีมา
พ.ศ. 2555 จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
พ.ศ. 2557 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา

ตำแหน่งด้านไอทีที่สนใจ[แก้]

  1. Web Design (ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์)
  2. Web Developer (สามารถพัฒนาเว็บไซต์ )

WAN TECHNOLOGY[แก้]


ความหมายของระบบ WAN ย่อมาจาก Wide Area Network เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่อครอบคลุมทั้วประเทศหรือทั่วโลก โดยช่องทางสื่อสารอาจจะเป็นสายเคเบิลระหว่างประเทศไมโครเวฟ หรือดาวเทียม เพื่อส่งข้อมูลไปยังผู้ใช้ที่อยู่ไกล ตัวอย่างเช่น จากกรุงเทพไปยังจังหวัดต่างๆในแต่ละภาคหรือการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ดังนั้นเครือข่าย WAN ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สามารถเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงกันทั่วโลก ความแตกต่างระหว่างเครือข่าย LAN MAN และ WAN คือ ระยะทางในการเชื่อมต่อ และลักษณะในการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกัน เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ เมนเฟรม และอุปกรณ์ต่อพวงอื่นๆ (Timothy J. O’Leary และ Linda I. O’Leary, 2007) ตรงกันข้ามกับ LAN เครือข่ายบริเวณกว้างหรือ WAN เป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง หรืออาจจะครอบคลุมทั่วโลกก็ได้ ตัวอย่างเช่น เครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เรารู้จักกันดี WAN จะใช้การเชื่อมต่อระหว่าง LAN ที่อยู่ห่างไกลกัน เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายของสานักงานย่อยที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่ง LAN เป็นเทคโนโลยีสาหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในองคาร หรือพื้นที่ที่มีรัศมีประมาณ 2-3 กิโลเมตร ส่วน WAN เป็นเครือข่ายที่ใช้สาหรับการเชื่อมต่อระยะไกล เช่น เครือข่ายภายในหรือระหว่างเมือง หรือแม้กระทั่งการเชื่อมต่อระหว่างประเทศทั่วโลก เทคโนโลยีที่จัดอยู่ในประเภท WAN เช่น รีโมทแอ็กเซสส์ (Remote Access), สายคู่เช่า (Leased Line), ISDN (Integrated Service Digital Network), ADSL (Asynchronous Digital Subscribe Line), Frame Relay และระบบดาวเทียม เป็น WAN (Wide Area Network) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สาหรับการเชื่อมต่อ LAN ที่อยู่ห่างไกลกัน และไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยใช้เทคโนโลยี LAN ตัวอย่างเครือข่าย WAN ที่รู้จักกันดีและเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ อินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ข้อจากัดในการออกแบบเครือข่าย นั้นคือ ระยะทาง เพราะไม่ว่าจะเป็นสัญญาณประเภทใดก็แล้วแต่เมื่อต้องส่งไประยะไกลๆ กาลังของสัญญาณนั้นๆ ก็อ่อนลง ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล การออกแบบ นั้นจะเป็นการแลกเปลี่ยนแบนด์วิธีเพื่อระยะทาง ดังนั้นจึงทำให้แบนด์วิธีของ WAN น้อยกว่า ของ LAN มาก แต่รับส่งข้อมูลได้ระยะที่ไกลกว่า เทคโนโลยี WAN มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเริ่มแรกความต้องการในการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกันมาก เป็นแค่การเชื่อมต่อระหว่าคอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่องเท่านั้น แต่ปัจจุบันจะเป็นการเชื่อมต่อ LAN หลายๆ วงที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งเอื้ออานวยให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่ต่าง LAN กันสามารถสื่อสารกันผ่านเครือข่าย WAN ได้ เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายสานักงานย่อยเข้ากับเครือข่ายของสานักงานใหญ่ที่อยู่คนละเมือง ปัจจุบันหลายๆ องค์กรมีเครือข่ายอินทราเน็ต และมีความต้องการที่จะเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เทคโนโลยี WAN นั้นจะแตกต่างจากเทคโนโลยี LAN มาก เทคโนโลยี LAN ส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานรองรับ แต่เทคโนโลยี WAN จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สร้างจากหลายบริษัท บางส่วนก็มีมาตรฐาน บางส่วนก็เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัท ซึ่งจะแตกต่างกันทั้งทางด้านลักษณะ ประสิทธิภาพ และราคาสิ่งอยากที่สุดในการสร้างเครือข่าย WAN คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่สามารถทางานร่วมกันได้ และสนองความต้องการของธุรกิจ ซึ่งจาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าใจทุกๆ ส่วนของเทคโนโลยี WAN เทคโนโลยี WAN มีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้ . ระบบส่งสัญญาณ (Transmission Facility) . อุปกรณ์เครือข่าย เช่น เราท์เตอร์ และสวิตซ์ (Channel Service Unit/Data Service Unit) . ระบบจัดการที่อยู่ (Internetwork Addressing) . โปรโตคอลจัดเส้นทาง (Routing Protocol)

LAN TECHNOLOGY[แก้]

ความหมายของระบบ LAN ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า “ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก” ที่ต้องประกอบด้วย Server และ Client โดยจะต้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการและผู้ใช้โดยที่ผู้ให้บริการซึ่งเป็น Server นั้น จะเป็นผู้ควบคุมระบบว่าจะให้การทำให้การทำงานเป็นเช่นไร และในส่วนของ Server เองจะต้องเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสถานะภาพสูง เช่นทำงานเร็ว สามารถอ้างหน่วยความจำได้มาก มีระดับการประมวลผลที่ดี และจะต้องเป็นเครื่องที่จะต้องมีระยะการทำงานที่ยาวนาน เพราะว่า Server จะถูกเปิดให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง การเชื่อมโยงเครือข่ายของระบบ LAN วิธีหนึ่ง ซึ่งนิยมใช้กันแพร่หลายสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ 1 แบบดาว (Star) 2 แบบวงแหวน (Ring) 3 แบบบัส และ ทรี (Bus and Tree)

แบบดาว (Star) ในโทโปโลยี แบบดาว นั้นจะเป็นลักษณะของการต่อเครือข่ายที่ Work station แต่ละตัวต่อรวมเข้าสู่ศูนย์กลางสวิตซ์ เพื่อสลับตำแหน่งของเส้นทางของข้อมูลใด ๆ ในระบบ ดังนั้นใน โทโปโลยี แบบดาว คอมพิวเตอร์จะติดต่อกันได้ใน 1 ครั้ง ต่อ 1 คู่สถานีเท่านั้น เมื่อสถานีใดต้องการส่งข้องมูลมันจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์กลางสวิทซ์ก่อน เพื่อบอกให้ศูนย์กลาง สวิตซ์มันสลับตำแหน่งของคู่สถานีไปยังสถานีที่ต้องการติดต่อด้วย ดังนั้นข้อมูลจึงไม่เกิดการชนกันเอง ทำให้การสื่อสารได้รวดเร็วเมื่อสถานีใดสถานีหนึ่งเสีย ทั้งระบบจึงยังคงใช้งานได้ ในการค้นหาข้อบกพร่องจุดเสียต่างๆ จึงหาได้ง่ายตามไปด้วย แต่ก็มีข้อเสียที่ว่าต้องใช้งบประมาณสูงในการติดตั้งครั้งแรก


แบบวงแหวน (Ring) ในโทโปโลยี(รูปแบบการเชื่อมต่อ) แบบวงแหวน(Ring) นั้น ได้ถูกออกแบบให้ใช้ Media Access Units (MAU) ต่อรวมกันแบบเรียงลำดับเป็นวงแหวน แล้วจึงต่อ คอมพิวเตอร์ (PC) ที่เป็น Workstation หรือ Server เข้ากับ MAU ใน MAU 1 ตัวจะสามารถต่อออกไปได้ถึง 8 สถานี เมื่อสถานีถัดไปนั้นรับรู้ว่าต้องรับข้อมูล แล้วมันจึงส่งข้อมูลกลับ เป็นการตอบรับ เมื่อสถานีที่จะส่งข้อมูลได้รัยสัญญาณตอบรับ แล้วมันจึงส่งข้อมูลครั้งแรก แล้วมันจะลบข้อมูลออกจากระบบ เพื่อให้ได้ใช้ข้อมูลอื่นๆ ต่อไป ดังนั้นทุกสถานีบน โทโปโลยี วงแหวนจะได้ทำงานทั้งหมดซึ่งจะคอยเป็นผู้รับและผู้ส่งแล้วยังเป็นรีพีทเตอร์ในตัวอีกด้วย ข้อมูลที่ผ่านไปแต่ละสถานี นั้น ข้อมูลที่เป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงกับ สถานีใด สถานีนั้นจะรับข้อมูลเก็บไว้ แต่มันจะไม่ลบข้อมูลออกจากระบบ มันยังคงส่งข้อมูลต่อไป ดังนั้นผู้ส่งข้อมูลครั้งแรกเท่านั้นที่จะเป็นผู้ลบข้อมูลออกจากระบบ ครั้นเมื่อสถานีส่ง TOKEN มาถามสถานีถัดไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับคำตอบ สถานีส่ง TOKEN จะทวนซ้ำข้อมูลเป็นครั้งที่สอง ถ้ายังคงไม่ได้รับคำตอบ จึงส่งข้อมูลออกไปได้ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ไม่ให้ระบบหยุดชะงักการทำงานลงของระบบ เนื่องจากสถานีหนึ่งเกิดการเสียหาย หรือชำรุด ระบบจึงยังคงสามารถทำงานต่อไปได้

OSI MODEL + TCP/IP MODEL[แก้]

TCP/IP Model OSI Model
Application Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Presentation Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Session Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Transport TCP (host-to-host)
Network IP
Data Link Network acess (usually Ethernet)
Physical Network acess (usually Ethernet)

OSI Model[แก้]

คือ องค์ประกอบ ที่สามารถพัฒนาขึ้นมาเพียงชั้นเดียวจากจำนวน 7 ชั้นแล้วนำไปใช้งานร่วมกับชั้นอื่นที่มีการพัฒนาไว้แล้วโดยหลักการแต่ละชั้นจะติดต่อกับชั้น ในระดับเดียวกันที่อยู่บนเครื่องอีกเครื่องหนึ่ง Open Systems Interconnection (OSI) จัดตั้งและกำหนดโดย องค์การกำหนดมาตรฐานสากล หรือ ISO ( International Standards Organization ) เริ่มนำมาใช้งานราว ๆ กลางปี ค.ศ. 1970 และใช้อ้างอิงมาจนถึงปัจจุบัน จุดมุ่งหมาย เพื่อเปิดช่องทางให้ข้อมูลที่เก็บอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์หนึ่ง ๆ รับส่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบเดียวกันหรือต่างระบบได้โดยอิสระ ไม่ขึ้นกับผู้ผลิตสร้างการทำงานที่เป็นระบบเปิด (Open System)

แนวคิดของการกำหนดมาตรฐานเป็นแบบชั้นสื่อสาร (layers) คือ[แก้]


•ชั้นสื่อสารแต่ละชั้นถูกกำหนดขึ้นมาตามบทบาที่แตกต่างกัน
•แต่ละชั้นสื่อสารจะต้องทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างดียิ่ง
•แต่ละฟังก์ชั่นในชั้นสื่อสารใดๆจะต้องกำหนดขึ้นมาโดยใช้แนวความคิดใน ระดับสากลเป็นวัตถุประสงค์หลัก

บทความไอทีที่น่าสนใจ[แก้]

การใช้งาน template ของ joomla[แก้]

Template ของ joomla คือหน้าตาของเว็บไซค์เราที่จะออกสู่สายตา เว็บไซค์ Joomla ของเรา จะสวยงามได้ก็ด้วย Template หรือ Theme นั้นเอง ฉะนั้นแล้วการเลือก template ให้เหมาะสมกับเว็บไซค์เราก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะถ้าเว็บไซค์สวยการที่จะดึงผู้ชมให้ประทับใจก็ไม่ใช่เรื่องยากมากนัก Template ของ joomla นั้นมากมายให้เลือกสรรค์ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เราสามารถโหลด template ฟรีได้จาก http://www.joomla24.com http://www.siteground.com/joomla-hosting/joomla-templates.htm โดยเราจะต้องโหลด template ของ joomla ในเวอร์ชั่น 1.5 น่ะครับ หลังจากโหลดมาแล้วจะได้ไฟล์ .zip มาให้เราทำการติดตั้งตามวิธี การติดตั้งโปรแกรมเสริม extension บน joomla เมื่อทำการติดตั้งแล้ว ให้เราเรียกใช้งานโดยเข้าไปที่ Extensions > Template Manage

ปัญหาภาษาไทยบน PHP กับ MySQL[แก้]

ปัญหาภาษาไทย PHP กับ MySQL ไม่ให้เป็นภาษาต่างดาว แบบนี้ ?????????? การแก้ไขก็ดูตามขั้นตอนด้านในเลย การที่ภาษาไทยบนเว็บของเราที่กลายเป็นภาษาต่างดาวแบบนี้ ?????? เป็นปัญหาที่แก้ไม่จบซะทีสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มเขียนเว็บที่ใช้ฐานข้อมูล MySQL 4.1.x และ 5.0.x ขึ้นไป ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยประสบปัญหานี้เหมือนกัน เวลาจะเอาฐานข้อมูลไปใช้งานที่อื่น หรืออัพขึ้น server จริง มันดันกลายเป็นภาษาต่าง ดาว ซึ่งวิธีที่นำมาเสนอวันนี้ ไปเจอมาจากเว็บ thaicreate.com แล้วนำไปปรับใช้ในตอนแรก ๆ แล้วแก้ปัญหาปวดหัวได้เลย ต่อมาก็เลยใช้วิธีนี้มาตลอด จนกระทั่ง เปลี่ยนเป็นใช้ utf8 เต็มขั้นก็ยังใช้วิธีการนี้อยุ่ในการ insert select ต่าง ๆ จากฐานข้อมุลมาใช้งาน ในเวอร์ชั่น MySQL 4.1.x และ 5.0.x ขึ้นไป ได้ให้ความสำคัญกับ Charset มากขึ้นกว่าเวอร์ชั่น เดิม ๆ ทำให้เกิดการแสดงผล ที่ผิดเพี้ยน การจัดเรียงที่ไม่ถูกต้อง และความจำกัดทางด้านรองรับหลาย ๆ ภาษา ทั้งนี้น่าจะเกิดจากการนำ Chatset มาใช้ ทาง mySQL เองต้องการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษากับการใช้งาน Application อื่น ๆ ที่รองรับรูปแบบ UTF-8 ไปหมดแล้ว คงจะเหลือแต่คนที่ใช้ภาษาไทยที่ยังคงยึดตึดกับ TIS-620 ถึงคราวที่เราจะต้องเปลี่ยนมาใช้ UTF-8 กันได้แล้วครับ รับประกันเลยครับว่า มันดีกว่าเดิม จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาษาไทยให้หมดไปเลย

ถึงบทความนี้จะมีให้เลือกใช้ทั้ง TIS-620 และ UTF-8 แต่ยังไงก็ยังจะแนะนำให้เปลี่ยนให้เป็น UTF-8 ให้หมดครับ

1. การใช้ภาษาไทยกับ TIS-620

ในการใช้ Collation ของ TIS-620 การสร้างตารางหรือแม้แต่ฟิวส์ให้ใช้เป็น tis620_thai_ci และในการ Import หรือ Export ข้อมูลก็จะต้องใช้เป็น tis620 เช่นเดียวกัน กรณีที่มีการ import หรือ Export ข้อมูลให้เลือกเป็น tis620

1.2 กำหนด Header ให้ใช้เป็น tis-620 (กำหนดในไฟล์เว็บของเรานะคับ) <meta http-equiv=Content-Type content="text/html; charset=tis-620">

1.3โค๊ดในส่วนของ Connection - กรณีที่กำหนด Collation เป็น tis620_thai_ci ให้ใช้ $objConnect = mysql_connect("localhost","root","root") or die("Error Connect to Database"); $objDB = mysql_select_db("mydatabase"); mysql_query("SET NAMES TIS620");

- กรณีที่กำหนด Collation อื่น ๆ ให้ใช้ $objConnect = mysql_connect("localhost","root","root") or die("Error Connect to Database"); $objDB = mysql_select_db("mydatabase"); mysql_query("SET character_set_results=tis620");//ตั้งค่าการดึงข้อมูลออกมาให้เป็น tis620 mysql_query("SET character_set_client=tis620");//ตั้งค่าการส่งข้อมุลลงฐานข้อมูลออกมาให้ เป็น tis620 mysql_query("SET character_set_connection=tis620");//ตั้งค่าการติดต่อฐานข้อมูลให้เป็น tis620 2. การใช้ภาษาไทยกับ UTF-8

ในการใช้ Collation ของ UTF-8 การสร้างตารางหรือแม้แต่ฟิวส์ให้ใช้เป็น utf8_unicode_ci และในการ Import หรือ Export ข้อมูลก็จะต้องใช้เป็น utf8 เช่นเดียวกัน กรณีที่มีการ import หรือ Export ข้อมูลให้เลือกเป็น utf8

2.2 กำหนด Header ให้ใช้เป็น utf-8 <meta http-equiv=Content-Type content="text/html; charset=utf-8">

2.3กำหนดในส่วนของ Connection

- กรณีที่กำหนด Collation เป็น utf8_unicode_ci ให้ใช้ $objConnect = mysql_connect("localhost","root","root") or die("Error Connect to Database"); $objDB = mysql_select_db("mydatabase"); mysql_query("SET NAMES UTF8");

- กรณีที่กำหนด Collation อื่น ๆ ให้ใช้ $objConnect = mysql_connect("localhost","root","root") or die("Error Connect to Database"); $objDB = mysql_select_db("mydatabase"); mysql_query("SET character_set_results=utf8");//ตั้งค่าการดึงข้อมูลออกมาให้เป็น utf8 mysql_query("SET character_set_client=utf8");//ตั้งค่าการส่งข้อมุลลงฐานข้อมูลออกมาให้เป็น utf8 mysql_query("SET character_set_connection=utf8");//ตั้งค่าการติดต่อฐานข้อมูลให้เป็น utf8

จะเห็นว่าสามารถรองรับใช้ภาษาไทยได้ทั้ง 2 รูปแบบ แต่อย่างไรก็ตามอยากจะแนะนำให้เปลี่ยนให้เป็น UTF-8 ให้หมดครับ เพราะมันดีกว่าหลาย ๆ ด้าน และก็จะช่วยขจัดปัญหาในการที่เราเอา ฐานข้อมูลไปใช้กับ server อื่นๆ รวมทั้งการเช่า host ด้วย เครดิตข้อมูลจาก thaicreate.com

login เข้าเครื่องของเ้รา ด้วยระบบจำใบหน้า[แก้]

หากโน๊คบุ๊คหรือเครื่องตั้งโต๊ะของเรามี webcam ก็สามารถใช้ webcam นี้เพื่อ login เข้าสู่ windows ด้วยโปรแกรมเสริมซึ่งทำให้มีระบบ security ที่่ทันสมัยด้วยระบบ face recognition หรือจากล๊อคอินจากใบหน้าของเรา โปรแกรม Luxand Blink 2.0 ( เป็นเวอร์ชั้นที่จะนำมาเสนอในวันนี้ ) จะทำงานบน windows ทำให้สามารถ login เข้าระบบ โดยไม่ต้องใส่ password เหมือนเดิม ขั้นตอนการทำงานก็ง่ายๆดังนี้ ดาวน์โ่หลดไฟล์ที่นี่คับ www.luxand.com/download/LuxandBlinkSetup.exe เมื่อดาวโหลดมาแล้ว รัน setup เพื่อเริ่มการติดตั้งโปรแกรม จะมี Guide หรือคำแนะนำช่วยเหลือในการติดตั้งแสดงขึ้นมา เลือกติดตั้ง ปุ่มตรงกลาง Install Luxand Blink! โดยระหว่างขั้นตอนการติดตั้งโปรแรกมจะมีการ Auto detect หรือตรวจจับอัตโนมัติกล้องเว็บแคมของเรา กด Nextไปเรื่อยๆและตั้งรหัสในการเข้าสู่ระบบถ้ามาอยู๋แล้วก็ให้ใส่ได้เลย ติดตั้งเสร็จเรียบร้อย จากนั้นการติดตั้งจะบันทึกหรือสแกนภาพใบหน้าของเราผ่านระบบกล้องเว็บแคม เข้าไปเก็บไว้้ในระบบฐานข้อมูลของโปรแกรม สิ่งที่ทำให้โปรแกรมนี้ดูน่าใช้ก็มีดังต่อไปนี้คับ เป็นโปรแกรมจดจำใบหน้า ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และสามารถใช้งานได้ดีแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ จะมี user หลายคน มีระบบ face recognition ที่ดีทำให้การระบุตัวตนด้วยใบหน้านั้นมีความผิดพลาดน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องนั่งปรับแสงเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราจำเราได้ แม้ว่าคุณจะเปลี่ยนทรงผม ใส่แว่น หรือถอดแว่นออก ก็สามารถจดจำใบหน้าคุณได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะมีการออกแบบให้รองรับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้บนใบหน้าไว้ ถึงแม้หนวดเคราจะยาวก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ระบบจะยังสามารถจดจำใบหน้าของคุณได้ ทำให้ไม่เกิดความผิดพลาดในการ login เข้าระบบ windows ไม่จำเป็นต้องจำ password เพราะแทนที่จะใช้ password ในการ login เข้าระบบ ก็มาใช้ระบบจดจำใบหน้านี้แทน ซึ่งถ้าโปรแกรมตรวจสอบตัวตนแล้ว ก็จะ bypass การกรอกข้อมูล password ให้ทันที การเข้าสู่ระบบก็ทำได้ง่ายดายโดยให้มองที่กล้อง webcam จากนั้นคุณก็จะสามารถ login เข้าสู่ระบบได้ทันทีโดยอัตโนมัติ