ผู้ใช้:สุทธิวัชร์ อุตมะพันธุ์/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สาวบ้านแต้เกษตรสมบูรณ์

 ”สาวบ้านแต้” ที่ปรากฏในเพลง สาวบ้านแต้ ของวงดนตรีคณะสุนทราภรณ์ อันยิ่งใหญ่ ยุคสมัยปี 2482 ถึงปัจจุบัน

บ้านแต้ ชื่อทางการเต็มว่า บ้านหนองแต้ หมู่ 6 ต.บ้านยาง อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของอำเภอ ห่างจาก ตัวอำเภอเกษตรสมบูรณ์ ประมาณ 7 กม. สามารถปั่นจักรยานออกจากหมู่บ้านหนองแต้ ผ่านบ้านเมืองเก่า ไปยังอำเภอเกษตรสมบูรณ์ ได้สดวกมาก ปัจจุบันเป็นทางลาดยางสภาพใช้ได้

คนบ้านหนองแต้ แยกตัวออกมาจาก”บ้านเมืองเก่า”ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหนองแต้ไปทางทิศตะวันออก 1-2 กม.

บ้านเมืองเก่าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ เป็นชุมชนที่มีอายุต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระธาตุสมัยกรุงศรีอยุธยา อยู่บริเวณใกล้เคียง 3 พระธาตุได้แก่ พระธาตุหนองเขียวอ้น พระธาตุหางทะเลิง และพระธาตุกุดจอก

บ้านหนองแต้ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ปัจจุบันมี จำนวนหลังคาเรือนประมาณ 200 หลังคาเรือน; ประชากร 4-5 ร้อยคน ; 1วัด ; 1โรงเรียน หลังวัดมีหนองน้ำเก่าแก่ เรียกว่า “หนองแต้” เพราะอดีต มี กลุ่มป่าไม้ยืนต้นชื่อต้นแต้มากมายอยู่รายรอบหนองน้ำนี้ ปัจจุบันหนองน้ำพื้นที่แคบลงจากอดีตมาก เพราะกาลเวลาทำให้น้ำตื้นเขินบางส่วนกลายเป็นที่ดินทำกินของชาวบ้าน ทิศตะวันตกของหมู่บ้านติดกับเทือกเขาเพชรบูรณ์อันเป็นเทือกเขายาวกว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว,อุทยานแห่งชาติเขาค้อ สวยงามมาก

น่าแปลกใจที่หนุ่มสาวที่นี่หน้าตาดีกันทุกคน ผิวคล้ำอย่างคนอีสานทั่วไป หนุ่มสาววัยทำงานของหมู่บ้านส่วนมาก ออกไปทำมาหากินนอกพื้นที่ เป็นหนุ่งสาวโรงงานบ้าง พนักงานสถานประกอบการเอกชนทั่วไปบ้าง ค้าขายธุรกิจส่วนตัวบ้าง รับราชการบ้าง เหลือประชากรผู้มีอายุอยู่ในหมู่บ้าน อาชีพทำไร่นาสวนประสมทั่วไป

ครูที่มีชื่อเสียงประจำโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลระหว่างปี พ.ศ.2507-2525 และเป็นตัวแทนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ตำแหน่งก่อนเกษียณ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี หากท่านยังมีชีวิตอยู่วันนี้(นับถึงพ.ศ.2559)อายุน่าจะ 88 ปี ยืนยันว่าเพลงพื้นเมืองพื้นบ้าน “สาวบ้านแต้” ผู้แต่งคนแรกเป็นข้าราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ เคยมาปฏิบัติหน้าที่ประจำอำเภอเกษตรสมบูรณ์ระหว่างปีพ.ศ.2499 ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณราชการประมาณปีพ.ศ.2522 คือนายอำเภอคอนสวรรค์จังหวัดชัยภูมิ ร้องสดสนุกสนานกันในวงกลุ่มเพื่อนๆข้าราชการด้วยกันเวลาพักผ่อนวงสุราสังสรรค์เฮฮายามเย็นเลิกงาน ช่วยกันแต่งเติมเนื้อร้องให้ไพเราะได้ใจความ มีหลายเพลงเช่น สาวน้อยมักกะแหล่ง,สาวบ้านแต้,ความรักเหมือนกาแฟ ฯลฯ คงไม่ได้ตั้งใจทำเพลงเพื่อการค้า ไม่ได้สนใจเรื่องลิขสิทธิ์

เพลงสาวบ้านแต้จะเรียกว่าเป็นเพลงพื้นบ้านของคนท้องถิ่นน่าจะไม่ผิด กำเนิดขึ้นหลังปี พศ. 2499 คนแต่งเป็นข้าราชการหนุ่มคนอีสาน ชอบสนุก ออกท้องที่ บ่อย ๆ เป็นนักดื่มเพื่อนมาก มีบริวารเยอะ สามารถเผยแพร่เนื้อร้องได้หลายพื้นที่ตามการโยกย้าย ย้ายจากไปจากที่เดิมเรื่อย จึงมีอารมณ์ เมื่อจากคนรักไปไกล สาธาณสุข พัฒนากร เกษตรอำเภอ สมัยนั้นยังไม่มี งานบริการท้องถิ่นท้องที่แทบทุกเรื่องเป็นหน้าที่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนครูยุคพศ.2499 ไม่ค่อยมีการโยกย้าย

ผู้นำเนื้อเพลงมาเสนอให้ วงสุนทราภรณ์

ผู้นำเนื้อเพลงมาเสนอให้ วงสุนทราภรณ์ คือนักแต่งเพลงชื่อ ธรรมนูญ แสงรังษี (เมื่อปี 2502) ปรับปรุงดัดแปลงจากเพลงพื้นบ้านทางภาคอีสาน บ้านแต้ ในเพลงนี้ หมายถึง บ้านหนองแต้ ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ

จักรยานเป็นส่วนประกอบสำคัญขในเนื้อเพลง

จักรยานที่ใช้ขับขี่ยุคนั้นราคาแพง ยี่ห้อ Humber กับ Raleigh สินค้านำเข้าจากสหราชอาณาจักร Humber เป็นจักรยานชั้นดีจากอังกฤษ มี 3 เกียร์ ส่วน Raleigh ก็เช่นกัน ของดีจากเมือง Nottingham อังกฤษ สมัยนั้นจักรยานมีเพียง 2 ยี่ห้อ เป็นสินค้าสมัยใหม่ดูภูมิฐานมาก รถจักรยานยนต์ยังไม่มี แม้แต่รถยนต์ส่วนยังตัวหายากมาก ใครมีจักรยาน 2 สาว ๆ ยินดีซ้อนท้ายด้วย ยุคนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของสินค้าจากยุโรปและอเมริกา Make in USA; Make in England; สุดยอด เวลานั้นเยอรมัน ญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะแพ้สงคราม ส่วนจีนก็ยังยากจน


ความหมายของเน้อเพลงที่น่าสนใจ

คำว่า “สวีวี่วี” เกิดจากคำว่า “สา” แปลว่า “ซะ” (หรือ "เสีย" เช่น เมียบ้านสา = กลับบ้านซะ/กลับบ้านเสีย) ส่วนคำว่า “หวีวี่วี” มาจากคำว่า “วี่วี” แปลว่า “ไกล๊...ไกล ลิบลับ” แต่เล่นคำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพยางค์ เพื่อให้มีความไพเราะและคล้องจองมากขึ้น ดังนั้นท่อนที่ร้องว่า “จากไปสาหวีวี่วี” จึงมีความหมายว่า “จากไปซะไกล๊...ไกลลิบลับ”

ปกตินกจะร้องหาคู่กันในต้นหน้าหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน (เดือน 12) ต่อเนื่องด้วยเดือนธันวาคม (เดือน 1) และเดือนมกราคม (เดือน 2) ถ้านกตัวไหนปาเข้าไปเดือน 3 (เดือนกุมภาพันธ์) แล้วยังร้องอยู่ แสดงว่ายังหาคู่ไม่ได้ มีหวังต้องแห้งเหี่ยวเดียวดายแน่ๆ เพราะตลาดหาคู่ใกล้จะวายแล้ว เขาพากันจับคู่กันไปจนเกือบหมด

นกที่ร้องในเดือนสามนี้ จึงต้องร่ำร้องคร่ำครวญ อ้อนวอนกันหนักหน่อย ถึงขั้นคอโป่ง ซึ่งอาจจะไปรบกวนโสดประสาทของมนุษย์ที่อาศัยรอบข้างกันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย จนเกิดความรำคาญ หรือไม่ก็เกิดความรู้สึกสะกิดใจ สะท้านใจ เพราะไร้คู่เช่นเดียวกับนก เหมือนกับหัวอกของหนุ่มที่เป็นตัวละครในเพลงนี้

เกษตรสมบูรณ์ คือ ชื่ออำเภอหนึ่ง ซึ่งอุดมไปด้วยพืชพรรณทางการเกษตร ตั้งอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ ตัวอำเภออยู่ห่างจากบ้านแต้ออกไปราว 7-8 กิโลเมตร อ.เกษตรสมบูรณ์ เมื่อก่อนชื่อ เมืองยาง เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอภูเขียว แต่ต่อมาได้แยกออกมาเป็นอีกหนึ่งอำเภอ

ท่อนที่ร้องว่า “อ่งหลาย” ตามต้นฉบับของผู้แต่ง แปลว่า “หยิ่งมาก” (อ่ง แปลว่า หยิ่ง, ทะนง) ฟังการร้องห้วนๆ ตามสำเนียงอีสานแล้ว อาจทำให้บางคนเข้าใจและร้องผิด เป็นคำว่า “อ่องไร่” ซึ่งไม่มีความหมาย

ตามสำเนียงอีสาน มักออกเสียงคำว่า “ฉัน” เป็น “สัน”

ซ้อนล้อน อ่านว่า สอน-หลอน แปลว่า สลอน ในภาษากลาง (ภาษาเขียน) จะเขียนว่า สอนลอน

ในสมัยนั้น (พ.ศ. 2499) ใครขี่รถจักรยาน แสดงว่าเป็นคนมีฐานะดี ขี่แล้วโก้เก๋ เท่ห์อวดคนอื่น โดยเฉพาะจักรยานคันใหม่ๆ สาวบ้านแต้ผู้ขี่รถจักรยานคันใหม่ จึงเชิดหน้าหยิ่งใส่เจ้าหนุ่ม ทำเป็นไม่รู้จัก

ตามเนื้อเพลงแล้ว ผู้แต่งเพลงน่าจะสมมุติตัวละครขึ้นมาเป็นชายหนุ่ม แล้วไปเจอสาวบ้านแต้ ขี่รถจักรยานผ่านมาพอดี ซึ่งสาวคนนี้เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แต่ย้ายไปอยู่ต่างหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก มาวันนี้สาวกลับทำหน้าเมินใส่ ทำให้เจ้าหนุ่มเลยตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ว่าหยิ่งจัง...อย่างนู้นอย่างนี้

เขียนจดหมายไปหาตั้งสองฉบับ ก็แต่ไม่ตอบกลับมา สุดท้ายเจ้าหนุ่มก็ไม่วายตามไปเกี้ยวต่อ ด้วยการขอขี่รถจักรยานเคียงคู่ไปด้วย หวังจะไปส่งให้ถึงบ้าน แต่เผอิญว่าบ้านของสาวเจ้า ดันอยู่ไกลเสียเหลือเกิน เลยต้องทนปั่นจักรยานจนขาแทบหมดแรง...(ฟังน้ำเสียงท้อว่าหัวเข่าเหนื่อยอ่อนแล้วนะ...แต่ไม่ถึงสักที แล้วทำให้คนฟังรู้สึกตลก ขำขันไม่น้อย) ในที่สุดก็ปั่นไปไกลจนถึงเกษตรสมบูรณ์โน่น (ไกลจากบ้านแต้มาก แอบบ่น)

เนื้อเพลงตั้งใจให้ผู้ชายร้องเดี่ยวในทีแรก เมื่อนำมาร้องเป็นเพลงคู่ ซึ่งสลับท่อนกันร้องตอบโต้ระหว่างชาย-หญิง เพื่อร้องหมู่อย่างสนุกสนาน ตามแนวเพลงรำวง จึงทำให้คนฟังรู้สึกงง เพราะกลายเป็นการตอบโต้กันไปมาระหว่างชายและหญิง จนไม่รู้ว่าใครเป็นโจทก์หรือจำเลย (ผู้กระทำ กับผู้ถูกกระทำ) กันแน่ ผู้อ่านลองคิดว่าคนร้องคือผู้ชายคนเดียว แล้วอ่านคำแปลเนื้อเพลงดู ก็จะเข้าใจความหมายของเพลงนี้แน่นอน

เนื้อเพลง สาวบ้านแต้ ของวงดนตรีสุนทราภรณ์

(สร้อย พร้อม) เดี่ยนสามนกกาเหว่ามันฮ้อง

ยูงทองมันมาฮ้องไหว้วอน
หมู่หญิง) จากไปสวีวี่วี
หมู่ชาย) จากไปสวีวี่วี
หมู่หญิง) ถ้าบุญเฮามีคงจะได้เจอกัน
หมู่ชาย) ถ้าบุญเฮามีคงจะได้เจอกัน

หญิง) จากไปตั้งแต่วันตี้ห้า

หมู่หญิง) วันตี้ห้าเดือนกันยายน
หญิง) พอศอสองสี่เก้าเก้า
หมู่หญิง) พอศอสองสี่เก้าเก้า
หญิง) เจ้าสิอ่องไล้เด้อเฮ็ดเพ้อเซ่อถือกระด้งฟัดข้าว
เจ้าสิอ่องไล่แม่สาวบ้านแต่ขี่ซักขะยาน
หมู่หญิง) สาวบ้านแต่ขี่ซักขะยาน

ชาย) จดหมายไปสองซาบับ

ได้ฮับหรือเปล่าคนดี
จากไปสวีวี่วี
หมู่ชาย) จากไปสวีวี่วี
ชาย) ถ้าบุญสันมีคงจะได้เชยชม
หมู่ชาย) ถ้าบุญสันมีคงจะได้ชมเชย

ซ้ำ (สร้อย)

ชาย) สายัณห์ตะวันแล่แล่

สาวบ้านแต้ขี่รถซักขะยาน
ขี่ไปทุกถิ่นสถาน
หมู่ชาย) ขี่ไปทุกถิ่นสถาน
ชาย) ขี่รถซักขะยานไปกะสันไหมเธอ
หมู่ชาย) ขี่รถซักขะยานไปกะสันไหมเธอ

หญิง) เสียใจบ้านอยู่ไกลไปหน่อย

กล้วยอ้อยเป็นแต่ป่าสอนลอน
ขี่ไปจนหัวเข่าเหนื่อยอ่อน
หมู่หญิง) ขี่ไปจนหัวเข่าเหนื่อยอ่อน
หญิง) เป็นป่าสอนลอนคือเกษตรสมบูรณ์
หมู่หญิง) เป็นป่าสอนลอนคือเกษตรสมบูรณ์

ซ้ำ (สร้อย) 2 เที่ยว