ปลากระเบนค้างคาว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปลากระเบนค้างคาว
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Upper Cretaceous–Recent[1]
ปลากระเบนค้างคาวบริเวณ หมู่เกาะเติกส์และเคคอส
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Chondrichthyes
อันดับ: Myliobatiformes
วงศ์: Myliobatidae
สกุล: Aetobatus
สปีชีส์: A.  narinari
ชื่อทวินาม
Aetobatus narinari
(Euphrasén, 1790)
Map showing Distribution of A. Narinari
พื้นที่การกระจายพันธ์
ชื่อพ้อง[3]

Aetobatis latirostris
Aetobatis narinari
Aetomylus maculatus
Myliobatis eeltenkee
Myliobatis macroptera
Myliobatus punctatus
Raia quinqueaculeata
Raja narinari
Stoasodon narinari

ปลากระเบนค้างคาว,[4] หรือ ปลากระเบนนก, ปลากระเบนเนื้อดำ, ปลากระเบนยี่สนหรือปลากระเบนนกจุดขาว (อังกฤษ: spotted eagle ray; ชื่อวิทยาศาสตร์: Aetobatus Ocellatus[5]) เป็นปลากระเบนชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ (Aetobatidae)[6]

มีผิวหนังเรียบ ใกล้โคนหางด้านบนมีเงี่ยง 1–4 เงี่ยง พบมากที่สุด 6 เงี่ยง เรียงอยู่ชิดกัน ด้านหลังสีดำมีจุดสีขาวกระจายอยู่ส่วนท้าย ด้านท้องสีขาว หางเรียวยาวมาก มีส่วนหัวที่แยกออกจากครีบเห็นได้ชัดเจน จึงทำให้ว่ายน้ำไปมาได้อย่างอิสระเหมือนนกบิน มีขนาดกว้างได้ถึง 1.5 เมตร เคยพบสูงสุดถึง 3 เมตร น้ำหนัก 230 กิโลกรัม[7]

หากินจำพวกสัตว์น้ำหน้าดิน เช่น หอย, กุ้ง, กั้ง, ปู บริเวณใต้พื้นน้ำเป็นอาหาร โดยใช้ปากคุ้ยเขี่ยพื้นทรายหา บางครั้งอาจเข้ามาหากินถึงบริเวณปากแม่น้ำที่เป็นน้ำกร่อยได้ บางครั้งจะรวมตัวกันเป็นฝูงหลายตัว และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 80 เมตร

ในปี ค.ศ. 2010 มีงานวิจัย[5]ว่าด้วยเรื่องการแบ่งชื่อสายพันธุ์ใหม่จากสายพันธุ์เดิม Aetobatus Narinari เนื่องจากในงานวิจัยพบความแตกต่างที่ชัดเจนของตัวอย่างที่พบในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก พบการกระจายพันธุ์ Aetobatus Narinari ในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก สายพันธุ์ Aetobatus Laticeps ในบริเวณตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก และ Aetobatus Ocellatus ในบริเวณตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก และ มหาสมุทรอินเดีย รวมถึงบริเวณ อ่าวไทย และ ทะเลอันดามัน ของประเทศไทย

ปลากระเบนค้างคาวออกลูกเป็นไข่ แต่ไข่ได้พัฒนาเป็นตัวในช่องท้องของปลาตัวเมีย เมื่อแรกเกิดลูกปลาจะมีถุงไข่แดงติดตัวมาด้วย

ปลากระเบนค้างคาวนั้น มักถูกล่าเป็นอาหารจากปลาฉลาม โดยเฉพาะปลาฉลามหัวค้อน[8] สำหรับความสัมพันธ์ต่อมนุษย์แล้ว นิยมเลี้ยงในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่าง ๆ เพราะความสวยงามในสีสันและการว่ายน้ำ และยังนิยมใช้เนื้อเพื่อการบริโภคด้วยทั้งการบริโภคสดและเก็บรักษาเป็นปลาแห้ง และทำเป็นปลาหย็อง[9]

ณ ปัจจุบันกระเบนค้างคาวยังไม่สามารถเพาะพันธุ์ในเชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงในการจัดการพื้นที่ มีเพียงการเพาะพันธุ์โดยไม่ได้ตั้งใจจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแห่งเท่านั้น จึงยังไม่สามารถเพาะพันธุ์ทดแทนกับปริมาณที่ลดลงในธรรมชาติได้

รูปภาพ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Summers, Adam (2001). "Aetobatus narinari". Digital Morphology. สืบค้นเมื่อ 1 November 2011.
  2. Kyne, P.M.; Ishihara, H.; Dudley, S. F. J. & White, W. T. (2006). "Aetobatus narinari". The IUCN Red List of Threatened Species. IUCN. 2006: e.T39415A10231645. doi:10.2305/IUCN.UK.2006.RLTS.T39415A10231645.en. สืบค้นเมื่อ 12 January 2018.
  3. Bester, Cathleen. "Ichthyology at the Florida Museum of Natural History". Florida Museum of Natural History. สืบค้นเมื่อ 21 October 2011.
  4. ทัศพล กระจ่างดารา. 2560. ปลากระดูกอ่อน (ปลาฉลาม ปลากระเบน และปลาหนู) ที่พบในน่านน้ำไทยและน่านน้ำใกล้เคียง. กองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล. กรมประมง. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 331 หน้า.
  5. 5.0 5.1 White, W. T., Last, P. R., Naylor, G. J. P, Jensen, K. and Caira, J. N. 2010. Descriptions of new sharks and rays from Borneo. "Clarification of Aetobatus ocellatus (Kuhl, 1823) as a valid species, and a comparison with Aetobatus narinari (Euphrasen, 1790) (Rajiformes: Myliobatidae)"
  6. White, W. T. & Naylor, G. J. P. (2016). Resurrection of the family Aetobatidae (Myliobatiformes) for the pelagic eagle rays, genus Aetobatus. Zootaxa 4139, 435–438. 10.11646/zootaxa.4139.3.10
  7. SPOTTED EAGLE RAY
  8. Chapman, D.D. and Gruber, S.H. (May 2002). "A further observation of the prey-handling behavior of the great hammerhead shark, Sphyrna mokarran: predation upon the spotted eagle ray, Aetobatus narinari". Bulletin of Marine Science 70 (3): 947–952
  9. ปลาค้างคาวสนหยอง ของดีเมืองแม่กลอง

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]