ประเทศมอลตา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สาธารณรัฐมอลตา

Republic of Malta (อังกฤษ)
Repubblika ta' Malta แม่แบบ:Mt icon
ที่ตั้งของมอลตา
เมืองหลวงวัลเลตตา
เมืองใหญ่สุดบีร์กีร์การา
ภาษาราชการภาษามอลตาและภาษาอังกฤษ
การปกครองสาธารณรัฐประชาธิปไตย
• ประธานาธิบดี
จอร์จ เวลลา
• นายกรัฐมนตรี
โจเซฟ มัสกัต
เอกราช
21 กันยายน ค.ศ. 1964
• สาธารณรัฐ
13 ธันวาคม ค.ศ. 1974
พื้นที่
• รวม
316 ตารางกิโลเมตร (122 ตารางไมล์) (187)
0.001
ประชากร
• พ.ย. 2548 ประมาณ
404,039 (166)
• สำมะโนประชากร 2548
404,039¹
1,282 ต่อตารางกิโลเมตร (3,320.4 ต่อตารางไมล์) (7)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2560 (ประมาณ)
• รวม
$ 18.531 พันล้าน
$ 42,531
จีดีพี (ราคาตลาด) 2560 (ประมาณ)
• รวม
$ 12.011 พันล้าน
$ 27,567
เอชดีไอ (2559)เพิ่มขึ้น 0.856
ข้อผิดพลาด: ค่า HDI ไม่ถูกต้อง · 33rd
สกุลเงินยูโร (€) (EUR)
เขตเวลาUTC+1 (CET)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
UTC+2 (CEST)
ขับรถด้านซ้ายมือ
รหัสโทรศัพท์356
โดเมนบนสุด.mt2
1ประชากรทั้งหมดรวมผู้มีถิ่นอาศัยชาวต่างชาติ ผู้อยู่อาศัยชาวมอลตาเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2547 มี 389,769 คน
2และยังใช้ .eu ร่วมกับรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป อื่น ๆ ด้วย

มอลตา (มอลตา: Malta) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา (มอลตา: Repubblika ta' Malta) เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น (1,262 คน ต่อตารางกิโลเมตร) มีประชากรทั้งหมดประมาณ 475,000 (พฤษภาคม พ.ศ. 2561) คน เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา (Valletta)

ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรป ถัดลงมาจากตอนใต้ของประเทศอิตาลี นับเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งหนึ่งในยุโรป มีผู้มาครอบครองและถูกแย่งชิงนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต

ประวัติศาสตร์

มอลตาเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2344 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2507 โดยได้รับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศและการเงินตามข้อตกลงที่มีกับอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี มอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2507 และยังอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ อย่างไรก็ดี ในช่วงสงครามเย็น มอลตามีรัฐบาลที่มาจากพรรคแรงงาน นำโดยนาย Dom Mintroff ซึ่งมีแนวทางสังคมนิยม-ชาตินิยม จึงดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (non-alignment) อย่างจริงจัง และได้ขอยกเลิกความตกลงที่ทำไว้กับอังกฤษฉบับปี 2507 และปี 2515 โดยขอทำความตกลงฉบับใหม่ซึ่งมีเนื้อหาที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศและเพื่อเป็นหลักประกันว่า มอลตาจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จากการที่มีฐานทัพนาโตประจำอยู่ในมอลตา ความตกลงฉบับใหม่มีระยะเวลา 7 ปี (ปี 2515-2522) สาระสำคัญโดยสรุปคืออังกฤษต้องจ่ายค่าเช่าในการคงฐานทัพในมอลตา 14 ล้านปอนด์ต่อปี ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2522 รัฐบาลมอลตาได้ขอยกเลิกการต่อสัญญาให้เช่าพื้นที่สำหรับเป็นฐานทัพ ทำให้กองกำลังอังกฤษต้องถอนกำลังออกจากมอลตาตั้งแต่นั้นมา

นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตายังมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้ากับหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหภาพโซเวียต จีน กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ลิเบีย ตูนิเซีย และตกลงรับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะลิเบีย อีกทั้งได้ลงนามในความตกลงรับรองความเป็นกลางและการร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ผลของการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างจริงจังทำให้ในปี 2524 สหภาพโซเวียตและอิตาลีได้ตกลงรับรองความเป็นกลางของมอลตา โดยเฉพาะอิตาลี ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินแก่มอลตาเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น มอลตายังมีความตกลงร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ในปี 2513 ซึ่งได้ต่ออายุความตกลงมาจนถึงปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศ ปัจจุบัน มอลตาเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญหลายองค์การ อาทิ สหประชาชาติ กลุ่ม 77 IAEA OSCE UNCTAD UNESCO เป็นต้น

มอลตาได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2547 มอลต้าได้เพิ่มบทบาทของตนเองในนโยบาย EU-Mediterranean ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่น ๆ มีประเทศโมรอโค อัลจีเรีย ตูนิเซีย อียิป อิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และตุรกี

ในเดือน กุมภาพันธ์ 2549 กระทรวงการต่างประเทศมอลต้าเสนอนโยบายด้านการต่างประเทศซึ่งเน้นการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ระหว่างมอลต้ากับประเทศอื่นที่ชาวมอลต้าได้ย้ายถิ่นฐานไป

การเมือง

มอลตา เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547

การแบ่งเขตการปกครอง

ภูมิศาสตร์

ไฟล์:Malta-sliema.jpg
ชายฝั่งเกาะมอลตา บริเวณ Sliema

พื้นที่เป็นเกาะที่เกิดจากหินภูเขาไฟ บริเวณชายฝั่งเป็นโขดหินเกือบทั้งหมด

เศรษฐกิจ

  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 7.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2549)
  • อัตราการเติบโตของ GDP ร้อยละ 1.0 (2549)
  • รายได้เฉลี่ยต่อหัว 7,926 ดอลลาร์สหรัฐ (2549)
  • อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 3.0 (2549)
  • ปริมาณการส่งออก 2.744 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2549)
  • ปริมาณการนำเข้า 3.859 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2549)
  • สินค้าส่งออกสำคัญ เครื่องจักรและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่ง
  • สินค้านำเข้าสำคัญ เครื่องจักร อาหารและสัตว์ ผลิตภัณฑ์เคมี แร่ธาตุ เครื่องดื่มและยาสูบ
  • ประเทศคู่ค้าสำคัญ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ อิตาลี
  • ทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ หินปูน เกลือ พื้นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก
  • อุตสาหกรรมหลัก อุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์ การต่อและซ่อมเรือ การก่อสร้าง อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ รองเท้าและอุปกรณ์ ยาสูบ

ประชากร

  • 417,617 ( 2012 )

วัฒนธรรม

แหล่งข้อมูลอื่น