ข้ามไปเนื้อหา

บาตาเวีย (เรือ ค.ศ. 1628)

พิกัด: 28°29′25″S 113°47′36″E / 28.49028°S 113.79333°E / -28.49028; 113.79333
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Batavia
ประวัติ
สาธารณรัฐดัตช์
ตั้งชื่อตามปัตตาเวีย, หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์
เจ้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (VOC)
สร้างเสร็จค.ศ. 1628
Maiden voyage29 ตุลาคม ค.ศ. 1628
On board: 341 คน
Wrecked: 4 มิถุนายน ค.ศ. 1629
Location: หมู่เกาะวัลลาบี, Houtman Abrolhos
ลักษณะเฉพาะ
ชั้น: อีสต์อินเดียแมน
ขนาด (ตัน): 650 ตัน
ขนาด (ระวางขับน้ำ): 1,200 ตัน
ความยาว: 56.6 เมตร (186 ฟุต)
ความกว้าง: 10.5 เมตร (34 ฟุต)
ความสูง: 55 เมตร (180 ฟุต)
กินน้ำลึก: 5.1 เมตร (17 ฟุต)
แผนแล่นเรือ: Full-rigged
Sail area: 3,100 ตารางเมตร (33,000 ตารางฟุต)
ความเร็ว: 5 นอต (9.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 5.8 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ยุทโธปกรณ์: ปืนใหญ่เหล็กหล่อ 24 กระบอก

บาตาเวีย (ดัตช์: Batavia) เป็นเรือของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ สร้างในค.ศ. 1628 ที่เมืองอัมสเตอร์ดัมเพื่อเป็นเรือธงลำใหม่ของบริษัท บาตาเวีย ออกเดินทางไปยังเมืองปัตตาเวีย เมืองหลวงของหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์เป็นครั้งแรกในปีนั้น แต่อัปปางที่หมู่เกาะ Houtman Abrolhos ทางชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1629[1]

มีผู้โดยสาร 40 คนจมน้ำขณะว่ายไปยังเกาะหลังเรือแตก[2] ฟรันซิสโก เปลเซิร์ต ผู้บัญชาการเรือตัดสินใจล่องเรือยาวไปยังปัตตาเวียกับลูกเรือบางส่วนเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยให้เยโรนีมัส คอร์เนลิสคอยดูแล คอร์เนลิสส่งคนราว 20 คนไปยังเกาะใกล้เคียงโดยแสร้งให้ไปหาน้ำจืดแต่มีแผนจะทิ้งคนเหล่านี้ให้ตาย[3] ก่อนตนเองจะก่อกบฏแล้วสังหารหมู่ผู้ที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจไปกว่าร้อยคน[4][5] ผู้หญิงบางส่วนถูกเก็บไว้เป็นทาสทางเพศ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหญิงงามนาม ลูเครเชีย ยันส์ ซึ่งสงวนไว้ให้คอร์เนลิสคนเดียว[6]

ขณะเดียวกันกลุ่มที่ถูกส่งไปค้นพบน้ำจืดอย่างไม่คาดฝัน และทราบเรื่องที่คอร์เนลิสก่อกบฏและฆ่าผู้คน กลุ่มคนเหล่านี้นำโดยวีบบี เฮย์สจึงตัดสินใจปราบคอร์เนลิส[7] ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันหลายครั้งจนกระทั่งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1629 เปลเซิร์ตกลับมาและทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เขาทำการสอบสวนและประหารชีวิตคอร์เนลิสและพวกอีกหกคน กลายเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ถูกประหารชีวิตตามกฎหมายในออสเตรเลีย[8] ส่วนพวกของคอร์เนลิสอีกสองคนที่ทำผิดเล็กน้อยถูกปล่อยทิ้งในออสเตรเลียแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่อาศัยในออสเตรเลียอย่างถาวร[9] จากผู้โดยสารกว่า 300 คน มีเพียง 122 คนที่รอดชีวิตจนถึงท่าเรือเมืองปัตตาเวีย[10]

เหตุการณ์เรือ บาตาเวีย ถือเป็นหนึ่งในเรื่องสยองขวัญที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การเดินเรือ และเป็นหัวข้อทางประวัติศาสตร์ที่มีการตีพิมพ์หลายครั้งนับตั้งแต่ครั้งแรกในค.ศ. 1647 บาตาเวีย เป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับชาวยุโรปที่ติดต่อทวีปออสเตรเลีย นอกเหนือจากเรื่องการส่งนักโทษอังกฤษมาคุมขังที่นี่ สิ่งเกี่ยวข้องกับ บาตาเวีย อย่างท้ายเรือและโครงกระดูกผู้เสียชีวิตถูกเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองฟรีแมนเทิล รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย[11] ขณะที่แบบจำลอง บาตาเวีย ถูกจอดเทียบท่าอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองเลลีสตัด ประเทศเนเธอร์แลนด์[12]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Batavia". Department of Maritime Archaeology Online Databases. Western Australian Museum. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 ธันวาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2007.
  2. Harris, Eleri (August 26, 2011). "Treasure Trove: The Batavia". ABC Local. สืบค้นเมื่อ January 8, 2022.
  3. "Batavia's Graveyard". Houtman Albrolhos. Perth: VOC Historical Society. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 เมษายน 2011. สืบค้นเมื่อ 31 ธันวาคม 2009.
  4. "The Batavia Mutiny". Leben (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2009-01-01. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
  5. Dash 2002, p. 138.
  6. Batavia (1629): giving voice to the voiceless – Symposium (PDF) (booklet). Nedlands: University of Western Australia. 2017-10-07. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-20. สืบค้นเมื่อ 2020-03-14.
  7. Godard, Philippe (1993). The first and last voyage of the Batavia. Perth: Abrolhos. OCLC 69060946. ISBN 0-646-10519-1.
  8. "Batavia's History". Western Australian Museum. Government of Western Australia. สืบค้นเมื่อ 19 November 2015.
  9. Leavesley, James H. (2003). "The 'Batavia', an apothecary, his mutiny and its vengeance" (PDF). Vesalius. IX (2): 22–24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-13. สืบค้นเมื่อ 2020-04-19.
  10. Ariese, Csilla. (2012). Databases of the people aboard the VOC ships Batavia (1629) & Zeewijk (1725) : an analysis of the potential for finding the Dutch castaways' human remains in Australia. Australian National Centre of Excellence for Maritime Archaeology. Fremantle, W.A.: Australian National Centre of Excellence for Maritime Archaeology. p. 5. ISBN 9781876465070. OCLC 811789103.
  11. "Batavia Gallery". Western Australian Museum. สืบค้นเมื่อ January 8, 2022.
  12. "Shipyard". Batavialand. สืบค้นเมื่อ January 8, 2022.

28°29′25″S 113°47′36″E / 28.49028°S 113.79333°E / -28.49028; 113.79333