บั้นเฮ็ก
บั้นเฮ็ก (ว่าน ยฺวี่) | |
---|---|
萬彧 | |
อัครมหาเสนาบดีขวา (右丞相 โย่วเฉิงเซี่ยง) (คู่กับลู่ ข่าย) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. ตุลาคม ค.ศ. 266 – ค.ศ. 272 | |
กษัตริย์ | ซุนโฮ |
ก่อนหน้า | เอียงเหียง |
ถัดไป | เตี๋ยวเค้า |
นายทหารม้ามหาดเล็กกลาง (散騎中常侍 ซ่านฉีจงฉางชื่อ) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 264 – ค.ศ. 266 | |
กษัตริย์ | ซุนโฮ |
ผู้จัดการทัพซ้าย (左典軍 จั๋วเตี่ยนจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ?–? | |
กษัตริย์ | ซุนฮิว |
นายอำเภอออเสง (烏程令 อูเฉิงลิ่ง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 258 หรือหลังจากนั้น – ? | |
กษัตริย์ | ซุนฮิว |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ |
เสียชีวิต | ป. กันยายน ค.ศ. 272 นครหนานจิง มณฑลเจียงซู |
อาชีพ | ขุนนาง |
บั้นเฮ็ก[1] (เสียชีวิต ป. กันยายน ค.ศ. 272[a]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ว่าน ยฺวี่ (จีน: 萬彧; พินอิน: Wàn Yù) เป็นขุนนางของรัฐง่อก๊กในช่วงปลายยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) ของจีน
รับราชการกับซุนฮิว
[แก้]ชาติกำเนิดของบั้นเฮ็กไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ บั้นเฮ็กรับราชการเป็นนายอำเภอ (令 ลิ่ง) ของอำเภอออเสง (烏程縣 อูเฉิงเซี่ยน; ปัจจุบันคือนครหูโจว มณฑลเจ้อเจียง) ในรัชสมัยของซุนฮิว (ครองราชย์ ค.ศ. 258–264) จักรพรรดิลำดับที่ 3 ของง่อก๊ก ในช่วงเวลานั้นบั้นเฮ็กเป็นพระสหายสนิทกับซุนโฮซึ่งในเวลานั้นทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นโหวแห่งออเสง (烏程侯 อูเฉิงโหว)[3][4] ภายหลังบั้นเฮ็กได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการทัพซ้าย (左典軍 จั๋วเตี่ยนจฺวิน)
ในปี ค.ศ. 264 เมื่อซุนฮิวประชวรหนัก พระองค์ฝากฝังซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) พระโอรสองค์โตและรัชทายาทของพระองค์ให้เอียงเหียง (濮陽興 ผูหยาง ซิง) อัครมหาเสนาบดีของพระองค์ช่วยค้ำชู อย่างไรก็ตามหลังการสวรรคตของซุนฮิว เอียงเหียงไม่ได้ช่วยเหลือซุนเปียนที่ยังทรงพระเยาว์ให้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ ในช่วงเวลานั้นง่อก๊กกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามหลายอย่าง (เช่นการรุกรานจากภายนอก และการก่อกบฏภายใน) เหล่าข้าราชการหวังจะให้จักรพรรดิที่มีพระชนมายุและเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้เป็นผู้นำพวกตน บั้นเฮ็กจึงใช้โอกาสนี้ในการเสนอกับเอียงเหียงและเตียวปอ (張布 จาง ปู้) ที่เป็นผู้สำเร็จราชการร่วมในช่วงไร้จักรพรรดิให้ตั้งซุนโฮเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ โดยบั้นเฮ็กนั้นแอบหวังว่าตนจะได้รับบำเหน็จจากซุนโฮในภายหลัง บั้นเฮ็กบอกกับเอียงเหียงและเตียวปอว่าซุนโฮทรงเฉลียวฉลาด มีความเด็ดขาด และคล้ายคลึงกับซุนเซ็ก (ผู้วางรากฐานของรัฐง่อก๊ก) แล้วพยายามโน้มน้าวให้ทั้งสองสนับสนุนซุนโฮ ด้านเอียงเหียงและเตียวปอก็สามารถทูลโน้มน้าวจักรพรรดินีจูพระมเหสีม่ายของซุนฮิวให้ทรงอนุญาตให้ซุนโฮขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นผลสำเร็จ[5]
รับราชการกับซุนโฮ
[แก้]หลังซุนโฮขึ้นครองราชย์ ซุนโฮทรงแต่งตั้งให้บั้นเฮ็กเป็นนายทหารม้ามหาดเล็กกลาง (散騎中常侍 ซ่านฉีจงฉางชื่อ) ร่วมกับหวาง ฝาน (王蕃), หลัว เสฺวียน (樓玄) และกัว ชัว (郭逴)[6] ต่อมาไม่นานซุนโฮทรงกลายเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม สุรุ่ยสุร่าย และประพฤติตนไม่เหมาะสม เอียงเหียงและเตียวปอจึงเสียใจกับการตัดสินใจของพวกตนที่ตั้งให้ซุนโฮขึ้นครองราชย์ บั้นเฮ็กได้ยินคำบ่นของทั้งสองจึงลอบทูลรายงานซุนโฮ ซุนโฮจึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตเอียงเหียงและเตียวปอพร้อมกับครอบครัว[7][8] ในบรรดาเพื่อนขุนนาง บั้นเฮ็กเข้ากับหลัว เสฺวียนได้ดีที่สุด แต่เข้ากับหวาง ฝานได้น้อยที่สุด บั้นเฮ็กเกลียดชังหวาง ฝานเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าหวาง ฝานใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจักรพรรดิซุนโฮเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากซุนโฮ[9] บั้นเฮ็กและขุนนางอีกคนชื่อเฉิน เชิง (陳聲) มักจะใส่ร้ายหวาง ฝานต่อหน้าซุนโฮ เมื่อเวลาผ่านไป ซุนโฮก็ทรงเกลียดหวาง ฝานมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหวาง ฝานมักทูลตำหนิพฤติกรรมรุนแรงของพระองค์ ในที่สุดซุนโฮจึงหาข้ออ้างในการประหารชีวิตหวาง ฝานในปี ค.ศ. 266[10]
ในปี ค.ศ. 266 ซุนโฮทรงแบ่งสำนักอัครมหาเสนาบดีเป็น 2 ฝ่าย ทรงแต่งตั้งบั้นเฮ็กเป็นอัครมหาเสนาบดีขวา (右丞相 โย่วเฉิงเซี่ยง) และแต่งตั้งลู่ ข่าย (陸凱) เป็นอัครมหาเสนาบดีซ้าย (左丞相 จั่วเฉิงเซี่ยง) เหตุผลที่ซุนโฮทรงแบ่งสำนักอัครมหาเสนาบดีเป็น 2 ฝ่ายนั้นเป็นเพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้บั้นเฮ็กถ่วงดุลอำนาจกับลู่ข่ายที่มีอิทธิพลมากกว่าและอาวุโสมากกว่า ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 267 ซุนโฮทรงมีรับสั่งให้บั้นเฮ็กรับผิดชอบดูแลราชการทหารในมณฑลเกงจิ๋ว (荊州 จิงโจว) และประจำการอยู่ที่ปากิ๋ว (巴丘 ปาชิว; ปัจจุบันคือนครเยฺว่หยาง มณฑลหูหนาน) แทนที่ลู่ ข่ายซึ่งทำหน้าที่นี้มาหลายปี
ในปี ค.ศ. 268 ซุนโฮทรงตัดสินพระทัยทำศึกกับราชวงศ์จิ้นซึ่งเป็นรัฐอริของง่อก๊ก พระองค์จึงมีรับสั่งให้บั้นเฮ็กและชือ จี (施績) นำทัพง่อก๊กในมณฑลเกงจิ๋วเข้าโจมตีราชวงศ์จิ้น บั้นเฮ็กนำพลเข้าโจมตีเมืองซงหยง (襄陽郡 เซียงหยางจฺวิ้น; ปัจจุบันคือนครเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย์) แต่พ่ายแพ้ให้กับเฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) ขุนพลราชวงศ์จิ้นและถูกตีล่าถอยไป หลังลู่ ข่ายเสียชีวิตในปี ค.ศ. 269 ซุนโฮส่งเรียกตัวบั้นเฮ็กกลับมาเกี๋ยนเงียบ (建康 เจี้ยนเย่; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) นครหลวงของง่อก๊กในปีถัดมา ในช่วงเวลานั้น บั้นเฮ็กเสนอชื่อหลัว เสฺวียนให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์
ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 270/271 ซุนโฮทรงเปิดการการรบกับราชวงศ์จิ้นแม้ว่าเหล่าขุนนางจะคัดค้านอย่างหนัก โดยพระองค์ทรงนำทัพออกจากงิวจู๋ (牛渚 หนิวจู่; ปัจจุบันคืออำเภอตางถู มณฑลอานฮุย) ระหว่างการเดินทัพ ทหารง่อก๊กต้องเผชิญหน้ากับพายุหิมะและไม่สามารถรุดหน้าได้ ในช่วงเวลานั้นเหล่าทหารง่อก๊กเริ่มบ่นด้วยความไม่พอใจ ถึงขนาดมีการพูดคุยกันว่าจะแปรพักตร์ไปเข้าด้วยราชวงศ์จิ้น ก่อนที่ซุนโฮจะทรงมีรับสั่งให้ถอยทัพกลับง่อก๊ก บั้นเฮ็กก็แอบมีการตกลงกันอยู่ก่อนกับขุนพลเตงฮองและหลิว ผิง (留平) ว่าจะกลับไปง่อก๊กโดยไม่ทูลแจ้งจักรพรรดิให้ทรงรับทราบ เมื่อซุนโฮทรงทราบเรื่องนี้ก็กริ้วหนัก แต่พระองค์ยังไม่ทรงดำเนินการใด ๆ กับบั้นเฮ็กและคนอื่น ๆ ในทันที เพราะทั้งสามคนดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักของพระองค์ หลังเตงฮองเสียชีวิตด้วยอาการป่วยในภายหลังในปีเดียวกันนั้น ซุนโฮก็มีรับสั่งให้เนรเทศครอบครัวของเตงฮองไปเมืองหลินชฺวาน (臨川郡 หลินชฺวานจฺวิ้น; อยู่บริเวณเขตหลินชฺวาน นครฝู่โจว มณฑลเจียงซีในปัจจุบัน) ในปีถัดมา ซุนโฮทรงลอบมีรับสั่งกับข้ารับใช้ให้นำสุราเจือพิษไปรินให้บั้นเฮ็กดื่ม แต่ข้ารับใช้เจือพิษลงไปในสุราน้อยเกินไป บั้นเฮ็กจึงรอดชีวิตมาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อบั้นเฮ็กตระหนักว่าจักรพรรดิทรงต้องการให้ตนตาย บั้นเฮ็กจึงฆ่าตัวตาย หนึ่งเดือนต่อมา หลิวผิงก็เสียชีวิตเช่นกันด้วยความตรอมใจและความผิดหวัง[11] ซุนโฮทรงเนรเทศครอบครัวของบั้นเฮ็กไปเมืองหลูหลิง (廬陵郡 หลูหลิงจฺวิ้น; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอไท่เหอ มณฑลเจียงซีในปัจจุบัน)
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ เจี้ยนคางฉือลู่ (建康實錄) ระบุว่าบั้นเฮ็กเสียชีวิตในเดือน 8 ของศักราชเฟิ่งหฺวาง (鳳凰) ปีที่ 1 เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 10 กันยายนถึง 8 ตุลาคม ค.ศ. 272 ในปฏิทินจูเลียน[2]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ("ขณะนั้นบั้นเฮ็กเตียวเป๋าขุนนางผู้ใหญ่จึงปรึกษาว่า ซึ่งจะยกซุนเปียนผู้เปนพระราชบุตรขึ้นว่าราชการเมืองนั้นก็ชอบอยู่ แต่ทว่าซุนเปียนนี้มีสติปัญญาน้อยยังเยาว์แก่ความนัก เห็นจะว่าราชการไปมิตลอด ขอให้เอาซุนโฮซึ่งเปนหลานพระเจ้าซุนกวน อันเปนบุตรของซุนเหลียงนั้นครอบครองราชสมบัติเถิด ด้วยมีสติปัญญาหลักแหลมเห็นจะปกป้องอาณาประชาราษฎรได้") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ April 5, 2025.
- ↑ (...改明年为凤皇元年。秋八月,左丞相万彧以泄禁中语,因会饮毒,不死,自杀。) เจี้ยนคางฉือลู่ เล่มที่ 4.
- ↑ (孫休立,封皓爲烏程侯,遣就國。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (休薨,是時蜀初亡,而交阯攜叛,國內震懼,貪得長君。左典軍萬彧昔爲烏程令,與皓相善。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (休薨,是時蜀初亡,而交阯攜叛,國內震懼,貪得長君。左典軍萬彧昔爲烏程令,與皓相善,稱皓才識明斷,是長沙桓王之疇也,又加之好學,奉遵法度,屢言之於丞相濮陽興、左將軍張布。興、布說休妃太后朱,欲以皓爲嗣。朱曰:「我寡婦人,安知社稷之慮,苟吳國無損,宗廟有賴可矣。」於是遂迎立皓,時年二十三。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (孫皓即位,與王蕃、郭逴、萬彧俱為散騎中常侍。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 65.
- ↑ (皓旣得志,麤暴驕盈,多忌諱,好酒色,大小失望。興、布竊悔之。或以譖皓,十一月,誅興、布。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (俄彧譖興、布追悔前事。十一月朔入朝,皓因收興、布,徙廣州,道追殺之,夷三族。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (孫皓初。復入為常侍,與萬彧同官。彧與皓有舊,俗士挾侵,謂蕃自輕。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 65.
- ↑ (甘露二年,丁忠使晉還,皓大會群臣,蕃沉醉頓伏。皓疑而不悅,舉蕃出外。頃之請還,酒亦不解。蕃性有威嚴,行止自若,皓大怒,呵左右於殿下斬之。) เล่มที่ 65.
- ↑ (初皓游華里,彧與丁奉、留平密謀曰:「此行不急,若至華里不歸,社稷事重,不得不自還。」此語頗泄。皓聞知,以彧等舊臣,且以計忍而陰銜之。後因會,以毒酒飲彧,傳酒人私減之。又飲留平,平覺之,服他藥以解,得不死。彧自殺。平憂懣,月餘亦死。) อรรถาธิบายจากเจียงเปี่ยวจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
บรรณานุกรม
[แก้]- ตันซิ่ว (คริสต์ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).