ข้ามไปเนื้อหา

บัญชรฆาตแห่งปราก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บัญชรฆาตแห่งปราก
จุลสารแสดงการโยนออกนอกหน้าต่าง ค.ศ. 1618
วันที่30 กรกฎาคม ค.ศ. 1419 (1419-07-30)

24 กันยายน ค.ศ. 1483 (1483-09-24)

23 พฤษภาคม ค.ศ. 1618 (1618-05-23)

บัญชรฆาตแห่งปราก (เช็ก: Pražské defenestrace, เยอรมัน: Prager Fenstersturz, ละติน: Defenestratio Pragensis) เป็นเหตุการณ์สามครั้งในประวัติศาสตร์โบฮีเมียที่มีผู้ถูกโยนออกนอกหน้าต่าง โดยคำว่า การโยนออกนอกหน้าต่าง (อังกฤษ: defenestrate) จะมีอยู่แล้วในภาษาฝรั่งเศสกลางแต่เชื่อว่าถูกใช้ในภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกเพื่ออ้างถึงเหตุการณ์ในปราก ค.ศ. 1618 เมื่อกลุ่มชนชั้นขุนนางโปรเตสแตนต์ที่ไม่พอใจได้โยนข้าหลวงของกษัตริย์สองคนและเลขานุการของพวกเขาออกจากหน้าต่างของปราสาทฮรัดชานีพร้อมทั้งเขียนเอกสารแถลงการณ์ฉบับยาวเพื่ออธิบายการกระทำของพวกเขา ในยุคกลางและยุคใหม่ตอนต้นการโยนคนออกจากหน้าต่างไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงประชาทัณฑ์หรือการจลาจลที่มักนำไปสู่การสังหารหมู่

เหตุการณ์การโยนออกจากหน้าต่างครั้งแรกตามที่ทางการบันทึกเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1419 ครั้งที่สองใน ค.ศ. 1483 และครั้งที่สามใน ค.ศ. 1618 อย่างไรก็ตามคำว่า "บัญชรฆาตแห่งปราก" มักหมายถึงเหตุการณ์ครั้งที่สามมากกว่า ทั้งนี้เหตุการณ์ใน ค.ศ. 1483 บางครั้งไม่ได้ถูกนับว่าเป็น "เหตุการณ์โยนออกนอกหน้าต่างที่สำคัญ" ทำให้เกิดความคลุมเครือเมื่อต้องอ้างถึงเหตุการณ์ใน ค.ศ. 1618 ว่าเป็น "บัญชรฆาตแห่งปรากครั้งที่สอง" เหตุการณ์โยนออกจากหน้าต่างครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สามเป็นชนวนที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางศาสนาเป็นเวลายาวนาน ได้แก่ สงครามฮุสไซต์ในโบฮีเมีย (ครั้งที่ 1) และสงครามสามสิบปีในยุโรป (ครั้งที่ 3) ส่วนเหตุการณ์ครั้งที่สอง (ค.ศ. 1483) มีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพทางศาสนาในโบฮีเมียเป็นเวลา 31 ปี ภายใต้สนธิสัญญาสันติภาพคุตนาโฮรา

บัญชรฆาตแห่งปราก ค.ศ. 1419

[แก้]

การโยนออกนอกหน้าต่างแห่งปรากครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1419 โดยเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มชาวเช็กฮุสไซต์สังหารสมาชิกสภาเทศบาลเมืองหลายคน

แยน เจลิฟสกี (Jan Želivský) นักบวชฮุสไซต์แห่งโบสถ์พระแม่มารีย์แห่งหิมะได้นำกลุ่มผู้ศรัทธาของเขาเดินขบวนไปตามถนนในกรุงปรากจนถึงศาลาว่าการเมืองใหม่ ที่จัตุรัสชาร์ลส์เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษฮุสไซต์ที่ถูกคุมขัง แต่ทางสภาเทศบาลปฏิเสธที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษ ระหว่างการเดินขบวน มีผู้ขว้างก้อนหินออกมาจากศาลาว่าการและถูกตัวเจลิฟสกี ตามรายงานว่าการกระทำนี้ได้ทำให้ฝูงชนโกรธแค้นและบุกเข้าไปในอาคาร พวกเขาได้โยนผู้พิพากษา นายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาหลายคนออกทางหน้าต่าง ส่งผลให้พวกเขาเสียชีวิตจากการตกลงมา การเดินขบวนครั้งนี้เป็นผลมาจากความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อทิศทางของคริสตจักรในขณะนั้น รวมถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างชาวนา นักบวชชั้นสูง และขุนนาง ความไม่พอใจนี้ ผนวกกับกระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอิทธิพลต่อผู้เทศนาธรรม เช่น แยน เจลิฟสกี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความคิดของจอห์น ไวคลิฟ ที่มองว่าคริสตจักรคาทอลิกเต็มไปด้วยความเสื่อมทราม

เหตุการณ์การโยนออกออกหน้าต่างครั้งแรกแห่งปรากนับเป็นจุดเปลี่ยนจากการประท้วงเชิงสันติไปสู่การปะทะรุนแรง นำไปสู่สงครามฮุสไซต์ที่ยืดเยื้อ

บัญชรฆาตแห่งปราก ค.ศ. 1483

[แก้]
ภาพวาดจาก ค.ศ. 1872 แสดงการโยนออกนอกหน้าต่าง ค.ศ. 1483

การโยนออกทางหน้าต่างครั้งที่สองแห่งปรากเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1483 ท่ามกลางความไม่สงบของประชาชนในกรุงปรากในรัชสมัยของพระเจ้าวลาดิสเลาส์ที่ 2 แห่งฮังการี ขณะนั้นพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งโบฮีเมีย แต่ต่อมาได้กลายเป็นผู้ปกครองโมราเวียและฮังการีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามัทยัส คอร์วินุส ใน ค.ศ. 1490

ในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มที่สนับสนุนศีลมหาสนิทภายใต้ทั้งสองสภาพ (Communion under both kinds) ซึ่งกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของตนได้ทำรัฐประหารอย่างรุนแรงในเขตเมืองเก่า,เมืองใหม่และเมืองเล็ก นายกเทศมนตรีแห่งเมืองเก่าถูกสังหาร และศพของสมาชิกสภาเจ็ดคนจากเมืองใหม่ถูกโยนออกทางหน้าต่างจากศาลาว่าการเมืองของตน รัฐประหารครั้งนี้มีส่วนช่วยจำกัดอำนาจของผู้ปกครองและป้องกันไม่ให้สถานการณ์กลับไปสู่สภาพเดิมก่อนยุคฮุสไซต์

ต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1483 เทศบาลทั้งสามแห่งของปรากได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยความเป็นเอกภาพและการดำเนินการร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้แนวคิดของกลุ่มอุตราควิสต์ (Utraquism) มีอำนาจเหนือกว่า จากนั้นการพัฒนาได้นำไปสู่การปรองดองทางศาสนา และการประกาศความเสมอภาคของทั้งสองนิกาย ณ ที่ประชุมเมืองคุทนา โฮรา (Kutná Hora Assembly) ใน ค.ศ. 1485