ข้ามไปเนื้อหา

นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
โครงการ
เปิดใช้งานพ.ศ. 2533
ผู้จัดการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
เจ้าของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เว็บไซต์maptaphut.ieat.go.th/th
ลักษณะทางกายภาพ
ขนส่งมวลชนท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
สถานีรถไฟมาบตาพุด
ที่ตั้ง
ประเทศไทย
จังหวัดระยอง
อำเภอเมืองระยอง
ตำบลมาบตาพุด
ประชากร
  ทั้งหมด49,000 คน คน
เปลวไฟแก๊สโรงงานปตท. ที่มาบตาพุด

นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (อังกฤษ: Map Ta Phut Industrial Estate) เป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก นิคมอุตสาหกรรมนี้เปิดดำเนินการใน พ.ศ. 2533 และบริหารงานโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม

มาบตาพุดประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง, ท่าเรือน้ำลึก 1 แห่ง และโรงงาน 151 แห่ง รวมถึงโรงงานปิโตรเคมี, โรงกลั่นน้ำมัน, โรงไฟฟ้าถ่านหิน ตลอดจนโรงงานผลิตเหล็กและเหล็กกล้า โดยมีพื้นที่ 166 ตารางกิโลเมตร อนึ่ง พื้นที่นี้มีชุมชนเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยประมาณ 30 แห่ง ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 49,000 คน[1]

โครงสร้างพื้นฐาน

[แก้]

นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีโครงสร้างพื้นฐาน[2] ดังนี้

  • ระบบน้ำประปา มีกำลังผลิตขนาด 15,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ระบบกรองเร็ว มีแรงดันน้ำ 3-4 บาร์ ปัจจุบันมีการใช้งาน 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
  • ระบบถนน เส้นหลักเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 4 ช่องจราจร ความกว้าง 40 เมตร ถนนเส้นรองมีความกว้าง 25 เมตร
  • ระบบบำบัดน้ำเสีย ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป มีกำลังในการบำบัด 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในเขตธุรกิจอุตสาหกรรม มีกำลังในการบำบัด 7,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
  • ระบบน้ำดิบ มีอ่างเก็บน้ำความจุรวมประมาณปีละ 240 ล้านลูกบาศก์เมตร แรงดันน้ำ 5-6 บาร์ มีความพร้อมในการเตรียมระบบส่งจ่ายน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ปัจจุบันใช้งานอยู่ 72 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
  • ระบบไฟฟ้า รับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 115 KVA และ 22 KVA กำลังการผลิตรวม 1,545 MV ปัจจุบันจ่ายอยู่ที่ 245 MV
  • ระบบโทรศัพท์ความจุสูงสุดเต็มโครงการจำนวน 2,048 เลขหมาย

ปัญหาสิ่งแวดล้อม

[แก้]

สถาบันทรัพยากรโลกระบุว่า "มาบตาพุดเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในประเทศไทย โดยมีประวัติมลพิษทางอากาศและทางน้ำ, อุบัติเหตุทางอุตสาหกรรม, การทิ้งขยะอันตรายอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนผลกระทบต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะ เช่น มะเร็ง และพิการแต่กำเนิด”[1]:20

ใน พ.ศ. 2550 ชุมชน 11 ชุมชนในเขตมาบตาพุดได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) โดยกล่าวหาว่าคณะกรรมการกำหนดมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษอย่างไม่เหมาะสม องค์การชุมชนได้ยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและกระทรวงอื่น ๆ ของไทยอีกแปดแห่ง คดีนี้บริหารจัดการโดยเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก โดยเน้นไปที่ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด รวมถึงการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ก่อนที่จะออกใบอนุญาตให้แก่โครงการอุตสาหกรรมใหม่ 76 โครงการ กระทั่งใน พ.ศ. 2552 ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาระงับการพัฒนาโครงการ 65 โครงการในนิคมฯ มูลค่าประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพไม่เพียงพอ และอนุญาตให้ 11 โครงการดำเนินการต่อไป[3] แต่แล้วในที่สุด 74 โครงการจาก 76 โครงการที่โต้แย้งได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อ[1]:21

  • เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2543 เกิดแก๊สฟอสจีนรั่วที่โรงงานพลาสติกบริษัท ไทยโพลีคาร์บอเนต ทำให้คนงานเสียชีวิตสองคน และชาวบ้านเจ็บป่วยจำนวนมาก[4]
  • มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษตั้งแต่ พ.ศ. 2552[5]
  • เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานของบริษัทในเครือกรุงเทพ ซินธิติกส์ เมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 มีผู้เสียชีวิต 12 ราย [6]บาดเจ็บอีก 129 ราย[1]:21
  • หนึ่งวันหลังจากการระเบิดของบริษัทในเครือกรุงเทพ ซินธิติกส์ ได้เกิดการรั่วไหลของสารเคมีที่โรงงานอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ ซึ่งทำให้มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 138 คน[1]:21
  • 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายนพพร เรือนมา [7]เสียชีวิตจากเหตุถังแก๊สโซลีน บริษัท มาบตาพุดแทงค์เทอร์มินัล จำกัด ระเบิด

การขนส่ง

[แก้]

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด

[แก้]

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (อังกฤษ: Map Ta Phut Industrial Estate) ท่าเรือในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ดำเนินงานโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมี สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือ[8]

ประวัติ

[แก้]

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ก่อตั้งขึ้นตามโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (ESB) ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 ซึ่งกำหนดให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม และสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2532 จนแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 และมีเรือเข้าเทียบท่าลำแรกในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2535[8]

ประเภทท่าเทียบ

[แก้]

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด แบ่งตามลักษณะการลงทุนออกเป็น 2 แบบ[8] ได้แก่

  • ท่าเรือสาธารณะ คือท่าที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างเอง ไม่จำกัดผู้ใช้บริการ ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน แบ่งออกเป็น 3 ผู้ประกอบการ คือ
    • ท่าเทียบเรือทั่วไป
      • ท่าเทียบเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (Mapthphut Industrial Teminal : MIT) สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
      • ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป บริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด (TCT)
    • ท่าเทียบเรือสินค้าเหลว บริหารงานโดย บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT)
  • ท่าเรือเฉพาะกิจ คือท่าที่ผู้ประกอบการเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเอง ประกอบด้วยผู้ประกอบการ 9 ราย คือ
    1. บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)
    2. บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)
    3. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
    4. บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด
    5. บริษัท โกลว์ เอสพีพี3 จำกัด
    6. บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด
    7. บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด
    8. บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด
    9. บริษัท ระยอง เทอร์มินัล จำกัด

สถานีรถไฟมาบตาพุด

[แก้]

สถานีรถไฟมาบตาพุด (ตัวย่อ: าพ. รหัส: 3115) เป็นสถานีรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เป็นสถานีรถไฟสุดท้ายของทางรถไฟสายมาบตาพุด

เที่ยวขึ้น

[แก้]
ขบวนรถ ต้นทาง มาบตาพุด ปลายทาง หมายเหตุ
ชื่อสถานี เวลาออก ชื่อสถานี เวลาถึง
ส553 มาบตาพุด 05.00 ต้นทาง ชุมทางบัวใหญ่ 16.05
ส557 มาบตาพุด -- ต้นทาง หนองคาย --
ส597 มาบตาพุด 04.00 ต้นทาง บ้านกระโดน 14.15
ส607 มาบตาพุด -- ต้นทาง จันเสน --
ส627 มาบตาพุด -- ต้นทาง บึงพระ --
ส629 มาบตาพุด -- ต้นทาง บึงพระ --
ส717 มาบตาพุด 17.00 ต้นทาง วัดงิ้วราย 06.15
ส876 มาบตาพุด -- ต้นทาง ท่าเรือแหลมฉบัง --
หมายเหตุขบวนรถ: = สายเหนือ / = สายตะวันออกเฉียงเหนือ / = สายใต้ / = สายตะวันออก / = สายแม่กลอง
ดพ = รถด่วนพิเศษ / ด = รถด่วน / ร = รถเร็ว / ธ = รถธรรมดา / ช = รถชานเมือง / พช = รถพิเศษชานเมือง / ท = รถท้องถิ่น / น = รถนำเที่ยว / ส = รถสินค้า

เที่ยวล่อง

[แก้]
ขบวนรถ ต้นทาง มาบตาพุด ปลายทาง หมายเหตุ
ชื่อสถานี เวลาออก ชื่อสถานี เวลาถึง
ส554 ชุมทางบัวใหญ่ 18.00 ปลายทาง มาบตาพุด 04.25
ส558 หนองคาย -- ปลายทาง มาบตาพุด --
ส598 บ้านกระโดน 09.00 ปลายทาง มาบตาพุด 23.35
ส608 จันเสน -- ปลายทาง มาบตาพุด --
ส628 บึงพระ -- ปลายทาง มาบตาพุด --
ส630 บึงพระ 17.00 ปลายทาง มาบตาพุด 06.15
ส718 วัดงิ้วราย 21.55 ปลายทาง มาบตาพุด 04.10
ส871 ท่าเรือแหลมฉบัง -- ปลายทาง มาบตาพุด --
ส875 ท่าเรือแหลมฉบัง -- ปลายทาง มาบตาพุด --
หมายเหตุขบวนรถ: = สายเหนือ / = สายตะวันออกเฉียงเหนือ / = สายใต้ / = สายตะวันออก / = สายแม่กลอง
ดพ = รถด่วนพิเศษ / ด = รถด่วน / ร = รถเร็ว / ธ = รถธรรมดา / ช = รถชานเมือง / พช = รถพิเศษชานเมือง / ท = รถท้องถิ่น / น = รถนำเที่ยว / ส = รถสินค้า

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 4 5 Excell, Carole; Moses, Elizabeth (2017). Thirsting for Justice; Transparency and Poor People's Struggle for Clean Water in Indonesia, Mongolia, and Thailand (PDF). Washington DC: World Resources Institute. ISBN 978-1-56973-921-1. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-08-31. สืบค้นเมื่อ 30 August 2017.
  2. "นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)". www.ieat.go.th. สืบค้นเมื่อ 2025-09-19.
  3. Boonlai, Kochakorn; Pisit Changplayngam (2 December 2009). "Thai court halts many new plants in big industrial zone". Reuters. สืบค้นเมื่อ 26 January 2012.
  4. Jean-François Tremblay (22 March 2010). "An Impasse Grows In Thailand". Chemical & Engineering News. 88 (12).
  5. THE STANDARD (2017) "บทสรุป 10 ปี คดีมาบตาพุด เขตควบคุมมลพิษกับต้นทุนราคาสูงลิ่วที่สังคมต้องจ่ายกันเอง" สืบคน ณ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2566 https://thestandard.co/10-years-of-map-ta-phut-case/
  6. กลุ่มเพื่อนแรงงานออกแถลงการณ์ห่วงใยต่อสถานการณ์ถังสารเคมีระเบิด[ลิงก์เสีย]
  7. จ.เชียงราย
  8. 1 2 3 "ประวัติ สทร". www.maptaphutport.com. 2021-04-22. สืบค้นเมื่อ 2025-09-18.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

12°41′29″N 101°08′33″E / 12.6913°N 101.1426°E / 12.6913; 101.1426