นางพญาปัว (อั้วสิม)
นางพญาปัว (อั้วสิม) | |
---|---|
รักษาเมืองวรนคร | |
ครองราชย์ | ราวพุทธศตวรรษที่ 18 |
ก่อนหน้า | นางพญาแม่ท้าวคำปิน |
ถัดไป | เจ้าพญาผานอง |
พระสามี |
|
พระราชบุตร | เจ้าอามป้อม |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ภูคา |
ประสูติ | ราวพุทธศตวรรษที่ 18 |
นางพญาปัว (อั้วสิม)[1] ชายา ของพญางำเมือง ครั้นที่ พญางำเมือง ยกกองทัพมาตีเมืองวรนคร มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ เจ้าอามป้อม
ประวัติ[แก้]
เมื่อนั้นพญางำเมือง ตีเมืองวรนครสำเร็จ จึงโปรดให้ นางอั้วสิม (ชายา) กับบุตรชาย ชื่อ เจ้าอามป้อม ให้ดูแลเมืองวรนคร (ปัว) ครั้นถึงปีใหม่ นางพญาปัว (อั้วสิม) กับเจ้าอามป้อม (บุตรชาย) แต่งบรรณาการไปถวายพญางำเมือง นางพญาปัว (อั้วสิม) ไปถึงเมืองพะเยา แล้วก็ได้ถวายเครื่องบรรณาการต่าง ๆ ต่อมานางพญาปัว และเจ้าอามป้อม ก่อนจะลาพญางำเมือง กลับเมืองปัว (วรนคร) ก็ทำแกงเนื้อควายนำไปถวายพระยางำเมือง ในการนี้ด้วย พญางำเมืองได้กินแกงเนื้อควายแล้ว ก็พูดหยอกล้อเล่นนางพญาปัวว่า "แกงควายยังหวานแด่เท่าว่าน้ำหนักหนาว่าอัน" นางพญาปัวได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ นางพญาปัว กับเจ้าอามป้อมผู้เป็นลูก ก็ได้ไปกราบลาพญางำเมือง แล้วก็เดินทางกลับเมืองปัว นางพญาปัว ครั้นมาถึง เมืองปัวแล้ว นางพญาปัวจึงทำหนังสือไปหาเจ้าเมืองปราด (เจ้าขุนใสยศ) แล้วเจ้าขุนใสยศ ก็รีบเอาช้างม้ารี้พลโยธาทั้งหลาย เจ้าเมืองปราดครั้นมาถึงเมืองปัวแล้ว นางพญาปัว ก็รีบไปต้อนไปรับเอาเจ้าเมืองปราดเมื่อนั้นนางพญาปัว และเจ้าเมืองปราด (ขุนใสยศ) ทั้ง 2 คน ก็สนิทสนม จนสุดท้ายก็ได้เป็นสามีภรรยากัน