รายชื่อตัวละครในโค้ด กีอัส ภาคการปฏิวัติของลูลูช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก นันนาลลี ล็องแปรูฌ)

รายชื่อตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง โค้ด กีอัส ภาคการปฏิวัติของลูลูช

ตัวละครหลัก[แก้]

ลูลูช แลมเพอรูจ[แก้]

ลูลูช แลมเพอรูจ (ญี่ปุ่น: ルルーシュ・ランペルージโรมาจิLelouch Lamperouge) เป็นนักเรียมมัธยมปลาย อายุ 17 ปี เรียนที่แอชฟอร์ด ตัวจริงของเขาเป็นลูกของจักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย มีชื่อจริงคือ ลูลูช วี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ルルーシュ・ヴィ・ブリタニアโรมาจิLelouch Vi Britannia) รัชทายาทลำดับที่ 17 เมื่อตอนที่เขาอายุ 10 ขวบนั้น แม่ของเขาได้ถูกสังหาร โดยคนในเชื้อพระวงศ์เชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกก่อการร้าย แต่พ่อของเขานิ่งเฉย เขาจึงสาบานที่จะทำลายล้างบริแทนเนีย

ภายหลังลูลูชและน้องสาวได้ถูกส่งตัวไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเป็นตัวประกัน ในขณะนั้นพวกเขาได้พักที่บ้านของรัฐมนตรี เก็มบุ คุรุรุกิ ทำให้ลูลูชได้เป็นเพื่อนกับลูกชายของรัฐมนตรีที่ชื่อ สุซาคุ คุรุรุกิ การที่เขาใช้ชื่อปลอมเพราะไม่อยากถูกส่งกลับที่จักรวรรดิเพื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนตอนที่โดนส่งมาเป็นตัวประกันที่ญี่ปุ่น

เจ็ดปีหลังจากนั้น เขาได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนขุนนางตระกูลแอชฟอร์ด และมีฝีมือในการเล่นหมากรุกอย่างมาก เขาหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการเอาชนะขุนนางหลายคน แต่ต้องพบกับอุบัติเหตุที่ทำให้เขาต้องไปอยู่กลางสมรภูมิชินจุกุ เขาจึงได้รับพลัง กีอัส มาจากองค์หญิงองค์ที่ 2 ที่ ชื่อว่า "ซีทู" และได้นำทัพชาวญี่ปุ่นผู้ต่อต้านตีโต้กองทัพบริแทนเนีย รวมไปถึงสังหารโคลวิส ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องต่างแม่ เขาก็ได้รวมตัวกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่ง ก่อตั้งภาคีอัศวินดำขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับบริแทนเนีย ล้างแค้นให้แม่ของเขา และสร้างโลกที่อ่อนโยนที่เขาและนันนาลลี่น้องสาวจะอยู่ได้อย่างสงบสุข โดยเขาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มใช้แฝงนามว่า ซีโร่ (ZERO) และปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากาก เพื่อไม่ให้คนในกลุ่มรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาออกปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มที่เขาตั้งมา เขาเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจและมีฝีมือ แต่ด้วยกำลังกายอันอ่อนแอ ทำให้เขาถูกคุรุรุกิ สุซาคุจับตัวได้หลังเหตุการณ์ยุทธการโตเกียวครั้งแรก และส่งให้ชาร์ลส์ ผู้เป็นพ่อทำการตัดต่อความทรงจำ และผนึกกีอัสไว้

เขาปรากฏตัวอีกครั้งในนาม "จูเลียส คิงส์เลย์" แม่ทัพคนใหม่ของบริแทนเนีย ในศึกยูโรเปีย แต่เขาถูกจับได้ว่าเป็นซีโร่ ทำให้กีอัสของชาร์ลส์ที่ถูกผนึกคลายออก เขาจึงถูกตัดต่อความทรงจำอีกครั้ง ครานี้ให้กลับไปเป็นนักเรียนในโรงเรียนแอชฟอร์ด และมีน้องชายชื่อ "โรโล่ แลมเพอรูจ" เขาได้รับความทรงจำกลับคืนหลังเดินทางไปเล่นพนันกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และเกิดเหตุการณ์การก่อการร้ายของภาคีอัศวินดำพอดี เขาจึงนำกลุ่มภาคีอัศวินดำชนะกองทัพบริแทนเนีย และปลดปล่อยนักโทษชาวอีเลฟเว่นที่ถูกจับหลังเหตุการณ์กบฏดำ (Black Rebellion) ลูลูชนำทัพถล่มภาคีศาสนจักรกีอัสหลังการตายของเชอร์ลีย์ เฟเน็ต คนรักของลูลูช และนันนาลลี่ถูกลักพาตัว ก่อนที่จะได้พบกับชาร์ลส์ แต่ครานี้เขาไม่ถูกจับตัวได้ แม้จะไม่ชนะก็ตาม เขาถูกภาคีอัศวินดำซึ่งตอนนี้อยู่ในการควบคุมของชไนเซลทรยศ แต่เอาตัวรอดมาได้จากการเสียสละชีวิตของโรโล่ เขาจึงมุ่งหน้าไปยังเกาะคามิเนะ และร่วมมือคุรุรุกิ สุซาคุ กับซีทู ทำการสังหารชาร์ลส์ และมารีแอนน์ ผู้เป็นพ่อแม่ของเขาในโลกแห่งซี และตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิคนที่ 99 ของจักรวรรดิบริแทนเนียอันศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเขาเป็นจักรพรรดิ เขาได้ทำลายวัฒนธรรมผูกขาดชนชั้นของบริแทนเนีย แต่ยังคงอำนาจไว้กับตัวเอง และกำจัดผู้เห็นต่างอย่างมากมาย เขาออกอุบายนำบริแทนเนียขอเข้าร่วมมหาสหพันธรัฐด้วยการใช้กำลังข่มขู่ แต่ไม่สำเร็จ ก่อนที่เขาจะต้องทำศึกกับชไนเซล เอล บริแทนเนีย และป้อมปราการลอยฟ้าดาโมเคลส ลูลูชซึ่งสามารถพลิกแพลงได้ด้วยโอกาสเพียงครั้งเดียว สามารถ "รุกฆาต" ชไนเซล ด้วยการใช้วิดีโอหลอกความคิดชไนเซล และเข้าถึงตัวเมื่อถึงเวลาที่คาดหมาย ก่อนที่จะใช้กีอัสสั่งให้ชไนเซลรับใช้ซีโร่ และรวมโลกเป็นหนึ่งได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะถูกคุรุรุกิ สุซาคุ ในชุดซีโร่ สังหาร ตามที่เขาได้ตกลงกับตัวสุซาคุไว้ และเสียชีวิตในมณฑลญี่ปุ่น

คุรุรุกิ สุซาคุ[แก้]

คุรุรุกิ สุซาคุ (ญี่ปุ่น: 枢木 スザクโรมาจิKururugi Suzaku) เป็นเพื่อนสมัยเด็กของลูลูช และหนึ่งในคนที่รู้ว่าลูลูชแท้จริงเป็นใคร หลังจากสงคราม สุซาคุได้เข้าเป็นทหารของบริแทนเนีย การที่สุซาคุเข้าเป็นทหารทำให้เขาเป็นประชากรบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติ และได้รับสิทธิพิเศษในการขับหุ่นไนท์แมร์เฟรมที่ให้สิทธิเฉพาะชาวบริแทนเนียเท่านั้น โดยเป็นคนขับไนท์แมร์เฟรม รุ่นที่ 7 ลานเซลอต (Lancelot - มีที่มาจากชื่อหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลม) ซึ่งเป็นเบต้าที่ยังไม่สมบูรณ์ ในภายหลัง เขาได้เข้าเรียนที่แอชฟอร์ดตามคำสั่งของเจ้าหญิงยูเฟเมีย

สุซาคุไม่เชื่อในการกระทำที่ผิด และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของซีโร่ เขาต้องการจะเปลี่ยนบริแทนเนียจากภายใน เขาถูกจับกุมในข้อหาการสังหารโคลวิส ข้าหลวงญี่ปุ่นของบริแทนเนีย แต่เขาถูกซีโร่ช่วยเอาไว้ ทำให้รอดพ้นข้อกล่าวหา กระนั้นก็ตามเขาก็ไม่ขอเข้าร่วมกับซีโร่ และเลือกเส้นทางที่จะเดินต่อไปกับบริแทนเนีย ภายหลังเขาได้กลายเป็นทหารคนสนิทที่ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย โปรดมาก เขาจึงได้รับการแต่งตั้งยศอัศวิน (Sir) เป็นชาวอีเลฟเว่นคนแรกที่สามารถทำได้ เขาถูกกีอัสของซีโร่สั่งให้ "มีชีวิต" ต่อไป กล่าวคือไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เขาจะพยายามเอาตัวรอด ไม่ยอมตาย ตามคำสั่งของกีอัสสาป ภายหลังยูเฟเมียถูกซีโร่ใช้กีอัส และถูกสังหาร เขาจึงเสียใจมาก และสามารถจับตัวซีโร่ได้สำเร็จ และส่งให้จักรพรรดิชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย โดยมีข้อแม้คือต้องแต่งตั้งให้เขาเป็น "อัศวินโต๊ะกลม" (Knights of the Round) อัศวินผู้มีฝีมือสูงสุดแห่งจักรวรรดิ โดยเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินหมายเลขเจ็ด (Knight of Seven)

ในศึกที่ยูโรเปีย เขาได้กลายเป็นทหารคนสนิทของจูเลียส คิงส์เลย์ และได้ทำศึกในยูโรเปียต่อ จนจบสงครามได้หนึ่งปี เขาได้กลับมาเรียนต่อที่แอชฟอร์ด โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าลูลูชได้ความทรงจำกลับคืนแล้ว จวบจนระยะหนึ่งที่เชอร์ลีย์ เฟเน็ตเสียชีวิต ทำให้เขาสงสัยในตัวลูลูช และนัดพบกับเขาที่ศาลเจ้าคุรุรุกิ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ จึงปะทะกันอีกครั้งในศึกโตเกียวครั้งที่สอง คราวนี้สุซาคุซึ่งถูกกีอัส ได้ยิงระเบิดที่มีชื่อว่า "เฟลยา" (F.L.E.I.J.A. - Field Limitary Effective Implosion Armament : อาวุธประสิทธิภาพจำกัดวงระเบิด) ทำลายโตเกียวทั้งเมือง ภายหลังเขาเข้าร่วมกับชไนเซลในการสังหารจักรพรรดิชาร์ลส์ แต่ทำไม่สำเร็จ เขาจึงเข้าร่วมกับลูลูชในการทำตามเป้าหมายเดิม เมื่อลูลูชแต่งตั้งตนเป็นจักรพรรดิ เขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "อัศวินหมายเลขศูนย์" (Knight of Zero)

เมื่อเขาได้เป็นอัศวินหมายเลขศูนย์ เกิดการลุกฮือของผู้ภักดีต่ออดีตจักรพรรดิชาร์ลส์ นำโดยบิสมาร์ค วอล์ดชไตน์ อัศวินหมายเลขหนึ่ง, จีโน่ ไวน์แบร์ก อัศวินหมายเลขสาม, โดโรเธีย แอ็ร์นสท์ อัศวินหมายเลขสี่ และ โมนิกา ครูเชฟส์กี้ อัศวินหมายเลขสิบสอง แต่เขาคนเดียวสามารถสังหารสมาชิกเหล่านี้ได้เกือบทั้งหมด มีเพียงจีโน่ที่สามารถรอดกลับไปได้ ภายหลังในศึกดาโมเคลส เขาเป็นผู้ใช้อุปกรณ์ตัดวงจรเฟลยา จนสร้างจังหวะให้ลูลูชเข้าไปยังป้อมปราการดาโมเคลสได้ เขาสามารถเอาชนะจีโน่ แต่ไม่สามารถเอาชนะคาเรนได้ แต่ถึงกระนั้น ทัพของฝ่ายลูลูชก็สามารถเอาชนะได้สำเร็จ

ภายหลังศึก เขาถูกรายงานว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ความเป็นจริง เขายังมีชีวิตอยู่ โดยมีลูลูชส่งต่อตำแหน่ง "ซีโร่" ให้กับเขา เขาที่ตกลงกับลูลูช ก็ได้ทำการสังหารลูลูชลง และกลายเป็นทหารคนสนิทของนันนาลลี่ วี บริแทนเนีย น้องสาวของลูลูช ที่ขึ้นมาเป็นจักรพรรดินีต่อจากพี่ชายของเธอ

ซีทู[แก้]

ซีทู (ญี่ปุ่น: シー・ツーโรมาจิC.C.) ผู้หญิงปริศนาผู้เป็นอมตะ ผู้มอบพลังกีอัสให้กับลูลูช เธอเรียกตัวเองว่า "ผู้สมรู้ร่วมคิด" กับลูลูช เธอปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะหญิงสาวผู้ถูกจับในแคปซูล "อาวุธเคมี" ก่อนที่จะมอบพลังที่เรียกว่ากีอัสให้กับลูลูช ต้นกำเนิดของเธอไม่แน่ชัด แต่น่าจะอยู่ราวๆ 500-700 ปีก่อนหน้าที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เธอคือหนึ่งในผู้ครอบครองโค้ดของกีอัสในโลก ซึ่งมีคุณสมบัติที่ทำให้สามารถอ่านความเคลื่อนไหวของคนที่ครอบครองกีอัสโดยการมอบจากตนเอง แต่เธอกลับเลือกที่จะไม่มอบโค้ดให้กับชาร์ลส์ โดยโค้ดของเธอปรากฏอยู่ที่แผลเป็นที่หน้าผาก รวมไปถึงการมีชีวิตอมตะก็เป็นผลจากโค้ดนั้น แม้เธอจะ "อยากตาย" ก็ตาม

เธอเลือกที่จะเข้ามาอาศัยร่วมกับลูลูช และนันนาลลี่ในโรงเรียนมัธยมปลายแอชฟอร์ด เธอคือคนเดียวที่สามารถล่วงรู้แผนการของลูลูชในฐานะซีโร่ได้ ความจริงแล้วเธอหลอกใช้ลูลูช เพื่อมอบโค้ดให้ แต่เมื่ออยู่นานเข้า ทั้งเธอและลูลูชมีความผูกพันกันในฐานะขุนศึกและแม่ทัพของภาคีอัศวินดำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ลืมเป้าหมายที่อยากจะใช้ลูลูชเป็นเครื่องมือ หลังการก่อกบฏแบล็กรีเบลเลียน ไม่มีการกล่าวถึงเธอในช่วงเวลานี้ แต่หลังจากการก่อกบฏที่ตึกบาเบล เธอได้ปลุกความทรงจำของลูลูชคืน และร่วมสู้ด้วยกันอีกครั้ง จนถึงเหตุการณ์การทำลายศาสนจักร ทำให้เธอเสียความทรงจำไปชั่วคราว ก่อนที่มารีแอนน์ ผู้เป็นแม่ของลูลูชในร่างของอันยา อัลด์สเตรม จะมาปลุกเธอให้ออกมาอีกครั้ง และไปพบกับชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย เพื่อรวมโค้ดกัน แต่สุดท้ายเธอกลับไม่มอบโค้ดให้ชาร์ลส์ และเลือกที่จะเป็นอมตะต่อไป รวมถึงร่วมกับลูลูช และสุซาคุในการยึดบัลลังก์จักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย และเธอคือพยานเพียงคนเดียวที่รู้ว่าสุซาคุและลูลูชได้ตกลงปลงใจที่จะให้สุซาคุสังหารลูลูช ในนามของ "ซีโร่เรเควียม" และสุดท้ายเธอก็ใช้ชีวิตต่อไป

คาเรน สแทดท์เฟลด์[แก้]

คาเรน สแทดท์เฟลด์ (ญี่ปุ่น: カレン・シュタットフェルトโรมาจิKaren Stadtfield) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ โคซุกิ คาเรน (ญี่ปุ่น: 紅月カレンโรมาจิKōzuki Karen) เป็นลูกครึ่งอีเลฟเว่นและบริแทนเนีย เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต่อต้านจักรวรรดิบริแทนเนียอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในชินจุกุเก็ตโต ในการต่อสู้ที่ชินจุกุ เธอได้รับการเรียกขานจาก "เสียงปริศนา" ของลูลูชว่า "คิว-1" (Q-1) อันหมายถึง "ควีน" ซึ่งเป็นหมากที่เดินได้ทุกทิศและได้ทุกระยะทางในเกมหมากรุก หลังการปะทะครั้งนั้น คาเรนได้เข้าเรียนที่แอชฟอร์ด และได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการนักเรียน เธอมักสร้างภาพว่าตัวเองอ่อนแอ เพื่ออำพรางใบหน้าจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วเธอคือหนึ่งในทหารของกลุ่มภาคีอัศวินดำ ในตำแหน่งทหารคนสนิทของซีโร่ เธอกลายเป็นหนึ่งในผู้ภักดีที่สุดต่อซีโร่ และมีไนท์แมร์แฟรม "กุเรน" (Guren) เป็นไนท์แมร์ประจำ ภายหลังการปะทะกันที่เกาะคามิเนะ เธอจึงได้รู้ว่าลูลูชคือตัวจริงของซีโร่ คาเรนเลือกที่จะไม่ช่วย และปล่อยให้ซีโร่ถูกสุซาคุจับกุม

ภายหลังในเหตุการณ์ก่อกบฏที่ตึกบาเบล เธอแฝงตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในพนักงานภายในตึกนั้น เพื่อส่งข่าวให้กับฝ่ายกบฏ และพาตัวลูลูชมาคืนความทรงจำ แม้จะไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายลูลูชก็ได้ความทรงจำกลับคืนมาและพาทัพภาคีอัศวินดำชนะที่นั่น เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มทหารไม่กี่คนที่รู้ว่าลูลูชคือซีโร่ และเธอก็โปรดปรานซีโร่มากเช่นกัน ภายหลังการลี้ภัยของชาวญี่ปุ่นตามแผนของซีโร่ คาเรนได้ปะทะกับกองกำลังรัฐบาลสหพันธ์จีนจากแผนของซีโร่ และถูกคณะขันทีจับกุมส่งให้บริแทนเนีย กระนั้นก็ตามเธอไม่ได้ถูกทรมาน ขณะเดียวกันก็ได้รู้จักกับอัศวินโต๊ะกลมหลายคนในนั้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหันมาฝักใฝ่กับบริแทนเนียแม้แต่น้อย เมื่อเธอถูกกลุ่มภาคีอัศวินดำช่วยเหลือในเหตุการณ์กบฎแบล็ครีเบลเลียนครั้งที่สอง เธอจึงช่วยเหลือซีโร่อีกครั้ง แต่ไม่นานนักเธอและกลุ่มสามารถจับเจตนาที่แท้จริงของซีโร่ได้ ทำให้เธอและกลุ่มตัดสินใจละทิ้งลูลูช แต่ไม่นานหลังจากนั้นการทำรัฐประหารของลูลูชสร้างความตกใจให้เธอและกลุ่มอย่างมาก

เธอกลับมาพบลูลูชอีกครั้งในการประชุมเข้าร่วมองค์กรมหาสหพันธรัฐของบริแทนเนีย และกล่าวคำอำลาต่อลูลูช ก่อนที่จะเข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำและอัศวินโต๊ะกลมที่รู้จักกันมาก่อนหน้า เพื่อร่วมกันปะทะกับลูลูช เธอปะทะกับขุนศึกทั้งสองของลูลูช โดยเอาชนะซีทูได้ และสู้กับสุซาคุได้อย่างสูสี ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะกินกันไม่ลง กระนั้นก็ตาม ฝ่ายของเธอได้พ่ายแพ้ต่อลูลูช และต้องกลายเป็นนักโทษประหารหลอกของจักรพรรดิลูลูชในเหตุการณ์ "ซีโร่เรเควียม" โดยที่เธอไม่รู้ตัว หลังเหตุการณ์นั้นเธอได้กลับไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายแอชฟอร์ดอีกครั้ง

นานาลี่ แลมเพอรูจ[แก้]

นานาลี่ แลมเพอรูจ (ญี่ปุ่น: ナナリー・ランペルージโรมาจิNunnally Lamperouge) น้องสาวแท้ๆของลูลูช เดิมชื่อ นานาลี่ วี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ナナリー・ヴィ・ブリタニアโรมาจิNanaly Vi Britannia) เธอได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่พระนางมาเรียน์แอน แม่ของลูลูชถูกลอบสังหาร จนทำให้เธอตาบอดและขาพิการนับแต่นั้นมา ลูลูชเชื่อว่าสักวันน้องสาวของเขาจะต้องมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง เธอเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มเพื่อนๆของลูลูช อีกทั้งยังสนิทกับสุซาคุตั้งแต่เด็กอีกด้วย นานาลี่มีจิตใจดีและเรียกชาวอีเลฟเว่นว่าชาวญี่ปุ่น เธอเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ลูลูชต้องการจะต่อสู้

โรโล่ แลมเพอรูจ[แก้]

โรโล่ แลมเพอรูจ (ญี่ปุ่น: ロロ・ランペルージโรมาจิRoro Ranperūji) ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ในฐานะมือสังหารที่แสดงเป็นน้องชายของลูลูซเพื่อเฝ้าติดตามลูลูซที่ถูกบันทึกความทรงจำใหม่ในตอนจบซีซั่นแรก โรโล่เป็นนักบินของวินเซนต์ที่มีร่างต้นแบบจากแลนสลอตน์ของซึซาคุและมีพลังกีอัสที่ตาข้างขวาที่สามารถหยุดการรับรู้ประสาททั้ง 5 ของคนที่อยู่ทั่วทั้งอาณาเขตของเขา แต่อย่างไรก็ตามพลังของเขาก็มีข้อจำกัดคือเมื่อใช้จะทำให้หัวใจหยุดเต้นขณะใช้กีอัส เขาถูกใช้เป็นเครื่องมือของลูลูซในการทำงานสนับสนุนภาคีอัศวินดำและเชื่อใจลูลูซอย่างสนิทใจว่าเขาเป็นครอบครัวของลูลูซ สมบัติล้ำค่าที่สุดของเขาก็คือล็อกเก๊ตที่ลูลูซให้เป็นของขวัญวันเกิดในขณะลูลูซคิดว่าโรโล่เป็นน้องชายจริง ๆ

โรงเรียนแอชฟอร์ด[แก้]

จากซ้ายไปขวา: ริวัล, อาร์เธอร์ (แมวบนมอเตอร์ไซด์), คาลเลน สแทดท์เฟลด์ (คาเรน), ซาโยโกะ, คุรุรุกิ สุซาคุ, ลูลูช แลมเพอรูจ, C.C. (ซีทู), เชอร์ลี่, มิลลี่, นีน่า, และนันนาลี่ แลมเพอรูจ

โรงเรียนแอชฟอร์ด (アッシュフォード学園, Asshufōdo Gakuen?) โรงเรียนสำหรบชาวบริแทนเนียที่ตั้งในโตเกียวที่ก่อตั้งขึ้นมาและดำเนินงานโดยมูลนิธิแอชฟอร์ด (アッシュフォード財団, Asshufōdo Zaidan?) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลเพื่อสนับสนุนการศึกษาโดยขุนนางชั้นสูงของตระกูลแอขฟอร์ด และที่นั้นก็เป็นที่อยู่อาศัยของลูลูซกับนานาลี่เพราะในอดีตแม่ของพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กับตระกูลแอชฟอร์ดโดยอยู่อาศัยในพื้นที่หอของสภานักเรียน

อาร์เธอร์[แก้]

อาร์เธอร์ (アーサー, Āsā?) แมวที่องค์หญิงลำดับที่ 3 ยูเฟย์เมียร์ทรงรับมาเลี้ยงหลังจากที่เธอเดินทางมายัง Area 11 วันนึงมันโดนไล่ตามในโรงเรียนเพราะเดินเข้าไปในห้องของลูลูซและได้ขโมยหน้ากากซีโร่ของลูลูซหนีไปโดยเอาใส่หัวของมันเองและไป ๆ มา ๆ สภานักเรียนก็ได้รับอุปการะดูแลและสร้างบ้านให้มันอยู่โดยให้อยู่ในห้องสภานักเรียน และมันมักเป็นตัวปล่อยมุกตลกเป็นประจำในซีรีส์เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหนมักจะกัดสุซาคุเป็นประจำแต่กับคนอื่นมันไม่เคยกัดใครเลย อาร์เธอร์ได้ช่วยชีวิตของสุซาคุจากการโดนทามากิยิงปืนใส่ โดยกระโดดเข้าไปกัดที่มือของทามากิในตอนสุดท้ายของซีซั่นแรก ในซีซั่น 2 สุซาคุได้เอาอาร์เธอร์กลับไปบริแทนเนียด้วยและมันเป็นที่ชอบใจของสมาชิกไนท์ออฟราวด์อย่างอาเนียเป็นอย่างมาก เมื่อสุซาคุได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนแอชฟอร์ดอีกครั้งเขาก็ได้นำมันกลับมาด้วย ในตอนสุดท้ายอาร์เธอร์ได้ไปนั่งอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของสุซาคุในตอนพลบค่ำ อาร์เธอร์ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตาโดยอยู่บนหัวของอาเนีย

มิเรย์ แอชฟอร์ด[แก้]

มิเรย์ แอชฟอร์ด (ミレイ・アッシュフォード, Mirei Asshufōdo?) หลานสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนแอชฟอร์ด ลูเบ็น เค แอชฟอร์ด และเป็นประธานสภานักเรียนโรงเรียนแอชฟอร์ด มิเรย์เป็นคนที่ชอบหยอกล้อเชอร์ลี่และกระตือรือร้นมากในการหาจุดอ่อนหรือความลับของลูลูซ ซึ่งเห็นได้ชัดมากเมื่อมิเรย์ได้ยินว่าอาร์เธอร์ได้ขโมยของสำคัญของลูลูซไปเธอถึงกับประกาศให้นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนช่วยกันไล่จับและเอาส่งให้เธอ แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบมีใจให้กับลูลูซแต่เธอก็ต้องหักห้ามใจเพื่อที่จะฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของตระกูลแอชฟอร์ดขึ้นมาอีกครั้งโดยการแต่งงานกับขุนนางชั้นสูง

มิเรย์รู้ฐานะที่แท้จริงของลูลูซที่เป็นองค์ชายของบริแทนเนีย ครั้งนึงในอดีตตระกูลของเธอเคยเป็นผู้สนับสนุนจักรพรรดินีมารีแอน ในฟิกเจอร์ดราม่าที่ 2 ที่ถูกบรรจุในดีวีดีที่จำหน่าย ปู่ของเธอกับปู่ของนีน่าพูดว่าจะร่วมมือกันพัฒนาไนท์แมร์เฟรมแกนีมีดแต่แล้วมารีแอนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลกลับถูกลอบปลงพระชมน์จึงทำให้สถานะทางสังคมของตระกูลตกต่ำลงถึงขีดสุดและเพื่อการฟื้นฟูตระกูลมิเรย์จำต้องแต่งงานกับลอยด์ แอสพรุนด์ หลังจากเหตุการณ์ใน R1 มิเรย์ยังคงยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนต่อไปเพราะเธอสอบตกอย่างไรก็ตามเธอก็ได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในโรงเรียนกับเพื่อน ๆ ทุกคนในท้ายสุดเธอก็สามารถจบการศึกษาได้และทำงานเป็นนักข่าวในสถาณีโทรทัศน์ท้องถิ่นและขอถอนหมั้นกับลอยด์เพื่อเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด มิเรย์ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเล็ตตา

ริวัล คาลดีมอนด์[แก้]

ริวัล คาลดีมอนด์ (ญี่ปุ่น: リヴァル・カルデモンドโรมาจิRivaru Karudemondo) 1 ในเพื่อนของลูลูซ บ่อยครั้งที่เขามักเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์พาลูลูซไปเล่นพนันเกมส์หมากรุกกินเงิน เขาทำงานชั่วคราวเป็นบาร์เทนเดอร์เป็นพนักงานเสริฟเพื่อประชดต่อความรักที่เขามีให้กับมิลลี่ แอชฟอร์ดโดยเฉพาะตอนที่เธอบอกว่าจะไปดูตัวแต่งงานตามคำสั่งของแม่ สิ่งที่แสดงให้เห็นในซีรีส์และในดีวีดีเอ็กซ์คูซีพโบนัสคือริวัลเป็นเพื่อนกับสุซาคุได้อย่างรวดเร็วมากหลังจากที่สุซาคุได้เข้าเป็นสมาชิกสภานักเรียนตามคำขอของลูลูซ นามสกุลที่แท้จริงของริวัลไม่ใช่คาลดีมอนด์ แต่นั้นเป็นนามสกุลของแม่เขาและเขาได้ใช้มันหลังจากที่พ่อแม่ของเขาหย่ากัน เขาเกิดที่บริเวณที่ราบสูงในเขตแคลิฟอร์เนีย ริวัลปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา

นีนา ไอสไตน์[แก้]

นีนา ไอสไตน์ (ญี่ปุ่น: ニーナ・アインシュタインโรมาจิNīna Ainshutain) ถูกแนะนำครั้งแรกในฐานะสมาชิกสภานักเรียนโรงเรียนแอซฟอร์ดที่ชอบอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก นีน่าแสดงให้เห็นถึงอาการของโรคซิโนโฟบิก (โรคกลัวชาวต่างชาติ) อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับชาวอีเลฟเว่น เมื่อสุซาคุเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน ต่อมาเธอคลั่งไคล้ในตัวขององค์หญิงลำดับที่ 3 ยูเฟย์เมียร์ หลังจากที่ช่วยเธอระหว่างเป็นตัวประกันที่กำลังจะโดนทำร้ายที่โรงแรมทะเลสาบคาวากุจิ

ลอยด์ แอสพรุนด์สนใจงานวิจัยส่วนตัวของนีน่าที่จะทำให้ใช้ยูเรเนียม-235เป็นเชื้อเพลิงจึงได้หาซากุระไดต์มาให้เพื่อการวิจัยต่อไป ต่อมาเมื่อยูเฟย์เมียร์ได้สิ้นพระชนม์ นีน่าเริ่มมีอารมณ์แปรปวนไม่อยู่กับร่องกับรอยและคิดเพียงอย่างเดียวคือต้องฆ่าซีโร่เพื่อแก้แค้นให้องค์หญิง เธอทำการติดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต้นแบบให้กับไนท์แมร์เฟรมแกนีมีดของโรงเรียนแอซฟอร์ด หากระเบิดจะมีรัศมีการทำลายล้างได้ทั้งเขตโตเกียวแต่ผลก็คือไม่ระเบิด

นีน่าได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำงานจากชไนล์เซลโดยให้เป็นหัวหน้าทีมวิจัยของเขาที่ดัลลัสในเขตเท็กซัส ชไนล์เซลโน้มน้ามเธอให้ทำงานกับเขาเพื่อยูเฟย์เมียร์เพื่อแก้แค้นซีโร่ที่เธอไม่เคยลืม เธอได้คิดค้นระเบิดภายใต้รหัสที่ชื่อว่า "เฟรย่า" (Field Limitary Effective Implosion Armament ตัวย่อ F.L.E.I.J.A.) ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างสูง ระเบิดลูกแรกถูกใช้ที่โตเกียวมีรัศมีการทำลายล้างถึง 8 กิโลเมตรและในเวลาต่อมาเมื่อทำการปลดลิมิตออก ลูกที่ 2 จึงถูกใช้ที่นครหลวงเพนดราก้อน เมืองหลวงของบริแทนเนียทำให้มีรัศมีการทำลายล้างเพิ่มขึ้นมากถึง 100 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามแม้ในตอนแรกเธอดีใจมากที่ความหวังของเธอที่จะได้แก้แค้นซีโร่กำลังจะเป็นจริงแต่เธอก็ต้องตกใจกับอำนาจการทำลายล้างจากผลงานอาวุธของเธอที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ถึง 35 ล้านคนในเขตอาศัยของโตเกียวต้องตายทั้งหมด ลอยด์ได้บอกนีน่าว่าหากเธอรู้สึกผิดในการกระทำให้เลิกเป็นนักวิทยาศาสตร์ซะหากไม่ก็จงเป็นนักวิทยาศาสตร์และวิจัยต่อไป

นีน่าจำต้องซ่อนตัวอยู่โรงเรียนแอซฟอร์ดจากคดีที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเฟรย่า ลูลูซได้ขอความช่วยเหลือจากนีน่าให้พัฒนาอาวุธต่อต้านเฟรย่าเพื่อสอนบทเรียนที่มากกว่าความตายให้กับชไนล์เซลและเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อนีน่ายอมตกลงช่วยเขา แต่เขาที่อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ว่าเขาเป็นคนฆ่ายูฟี่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็คุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องซีโร่เธอบอกว่าเธอไม่มีวันยกโทษให้ซีโร่เด็ดขาดแต่เธอยังคงต้องหาคำตอบให้กับตัวเธอเองก่อนจากกันลูลูซได้บอกกับเธอว่าเธอคนที่ดีมาก ๆ ต่อมาเธอก็เป็นนักโทษของจักรพรรดิลูลูซโดยถูกคุมขังร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของทั้งบริแทนเนียและภาคีอัศวินดำ แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ครั้งสุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือในภาพงานแต่งงานของวิเลตตากับโอกิในสภาพที่ไม่มีอาการของโรคซิโนโฟบิก

เชอร์ลี่ เฟนเนต[แก้]

เชอร์ลี่ เฟนเนต (シャーリー・フェネット, Shārī Fenetto?) เป็นเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและเป็นที่รักของทุก ๆ คน เธอเป็นสมาชิกชมรมว่ายน้ำ เธอแอบชอบลูลูซตั้งแต่แรกเห็นตอนที่มาเรียนที่โรงเรียนแอชฟอร์ดถึงแม้เธอจะพยายามใกล้ชิดกับลูลูซซักเท่าใดก็ไม่ค่อยเป็นผลสำเร็จเท่าไหร่นักจนสุดท้ายก็ทำสำเร็จ นิสัยของเธอมักจะเป็นคนที่ตื่นเต้นตกใจง่ายกับเรื่องต่าง ๆ ก่อนที่คนอื่นจะเล่าให้ฟังจนจบ โดยเฉพาะเรื่องของลูลูซ เชอร์ลี่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 19 ในอนิเมะกรังด์ปรีซ์ครั้งที่ 29 ในสาขาตัวละครหญิงที่ได้รับความนิยม ชื่อของเธอและลักษณะตัวละครถูกออกแบบเหมือนกับแอนนี่ เชอร์ลี่ (アン・シャーリー, An Shārī?) ซึ่งเป็นตัวละครจากซีรีส์การ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังที่ได้รับความนิยมเรื่องสาวน้อยแอนนี่แห่งกรีนเกเบิลส์ (赤毛のアン, Akage no An?)

ซาโยโกะ ชิโนซากิ[แก้]

ซาโยโกะ ชิโนซากิ (篠崎 咲世子, Shinozaki Sayoko?) ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีจิตใจเมตตากรุณาที่ทำงานเป็นคนรับใช้ที่ดูแลลูลูซกับนันนาลี่ในหอพัก เดิมทีเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมิลลี่ แอชฟอร์ดแต่เมื่อลูลูซกับนันนาลี่ได้รับการดูแลจากตระกูลแอชฟอร์ดเธอจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลความเป็นอยู่ของทั้งคู่ แม้เธอจะทำงานเป็นคนรับใช้แต่แท้จริงแล้วเธอได้สำเร็จการศึกษาวิชาศิลปะการป้องกันตัวเป็นลำดับที่ 37 ของโรงเรียนชิโนซากิ (篠崎流, Shinozaki Ryuu?) โดยมีความสามารถในการใช้ระเบิดควันและคุไน (ศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่ง) อีกทั้งยังมีความสามารถทางการกีฬาสูงมาก ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดคนรับใช้หรือซุปเปอร์เมด (スーパーメイド, sūpāmeido?) ในบันทึกประวัติ ในดีวีดีที่จำหน่ายจะมีส่วนใส่เพิ่มเติมลงมาในแผ่นที่เรียกว่า "ไดอารี่ของซาโยโกะ" ซึ่งจะกล่าวถึงชีวิตประจำวันของเธอในโรงเรียนแอชฟอร์ด

ซาโยโกะจะคอยช่วยดูแลนันนาลี่เวลาที่ลูลูซออกไปข้างนอก ต่อมาเธอได้รับมอบหมายจากดีทฮาร์ด รีดให้เป็นสายลับให้กับภาคีอัศวินดำและสามารถหลบหนีจากการจับกุมระหว่าง Black Rebellion โดยหนีไปยังสหพันธ์จีนกับดีทฮาร์ดและสมาชิกคนอื่น ๆ ลูลูซซึ่งได้ความทรงจำกลับมาและจำเรื่องเกี่ยวกับเธอได้ในซีซั่น 2 และขอให้เธอแสดงบทบาทเป็นตัวเขาอีกคนที่แอชฟอร์ดระหว่างที่เขาไม่อยู่ อย่างไรก็ตามเธอก็สามารถแสดงเป็นลูลูซได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อแต่เธอก็ทำให้ชีวิตประจำวันของลูลูซในสายตาคนอื่นกลายเป็นเสือผู้หญิงและยิ่งกว่านั้นยังแสดงความสามารถทางการกีฬาที่ผิดแปลกไปจากปกติของลูลูซในงานเทศกาลที่มิลลี่จัดขึ้น ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เธอเป็นคนนำทีมปฏิบัติการช่วยเหลือนันนาลีพร้อมกับโรโล่และโดนผลของรัศมีระเบิดเฟรย่า อย่างไรก็ตามเธอกับนันนาลี่ก็สามารถหนีมาได้ด้วยยานแต่ก็โดนชไนล์เซลจับได้ ซาโยโกะสามารถหนีมาได้และกลับมาหาลูลูซและบอกถึงแผนของชไนล์เซลทั้งที่บาดเจ็บ เจเรเมียได้พูดกับเธอเรื่องเกี่ยวกับการสวามิภักที่เธอเลือก (ระหว่างบริแทนเนีย) และบอกว่าเธอนั้นเหมือนกับเขาที่มีความกล้าหาญและมีเกียรติ เมื่อยานอวาลอนโดนภาคีอัศวินดำยึด ลูลูซได้สั่งให้เธอปล่อยตัวประกันสหพันธ์ประชาชาติและแสร้งทำเป็นว่าทรยศเขาและนั้นเป็นคำสั่งสุดท้ายที่เขาสั่งเธอ ต่อมาเธอก็เป็นนักโทษถูกคุมขังเช่นเดียวกับรัคชาตะ, นีน่าและเซซิลแต่ก็ได้รับอิสระภายในเวลาไม่นาน

ภาคีอัศวินดำ[แก้]

สมาชิกภาคีอัศวินดำ จากซ้ายไปขวา: อิโนะอุเอะ, โยชิดะ, คานาเมะ, คาลเรน, ซาโยโกะ, ดีทฮาร์ต, ซีโร่, C.C. (ซีทู), คากุยะ, รัคชาตะ, โทโด, ทามากิ, เคนโตะและโยชิทากะ

ภาคีอัศวินดำ (ญี่ปุ่น: 黒の騎士団โรมาจิKuro no Kishidan) กลุ่มปฏิวัติที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือของลูลูซในบริแทนเนีย เขาได้ทำให้กลุ่มของเขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกในฐานะองค์กรที่จะปกป้องความชอบธรรมต่าง ๆ ปกป้องคนอ่อนแอที่ถูกคนแข็งแกร่งกลั่นแกล้ง ภาคีอัศวินดำภายใต้การนำของเขาได้เติบโตขึ้นมาแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านกองทัพบริแทนเนียและยังคงพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อภาคีอัศวินดำได้เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์ประชาชาติในฐานะองค์กรทางทหารและต่อมาได้เป็นกองกำลังหลักของสหพันธ์ประชาชาติ

กลุ่มผู้ต่อต้าน[แก้]

สมาชิกแกนนำหลักของภาคีอัศวินดำ ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงแค่กลุ่มต่อต้านเล็ก ๆ ที่มีคานาเมะ โอกิเป็นผู้นำ ต่อมาในช่วงต้นซีซั่นแรกลูลูซได้เข้าไปเป็นผู้นำแทน

คานาเมะ โอกิ[แก้]

คานาเมะ โอกิ (ญี่ปุ่น: 扇 要โรมาจิŌgi Kaname) เดิมทีเป็นผู้นำของกลุ่มต่อต้าน เขาได้รับตำแหน่งนี้หลังจากที่พี่ของคาลเลนตายไป นาโอโตะ โคซึกิ (ญี่ปุ่น: 紅月ナオトโรมาจิKōzuki Naoto) โดยได้ลาออกจากการเป็นครูสอนหนังสือเพื่อมารับตำแหน่งดังกล่าว บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเป็นผู้นำได้รึไม่ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนที่รักความยุติธรรมและรับรู้ถึงจุดมุ่งหมายของซีโร่ที่แม้จะมีความลับต่อกลุ่มก็ตาม คานาเมะก็ได้ยกตำแหน่งผู้นำกลุ่มต่อต้านให้กับซีโร่หลังจากที่ซีโร่ได้พิสูจน์ว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าและเป็นผู้บัญชาการที่เก่งกาจ เมื่อซีโร่ก่อตั้งภาคีอัศวินดำขึ้น เขาก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการในกลุ่มแกนนำ

ต่อมาในการรบที่ทำให้กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นถูกกวาดล้างทั้งหมด โอกิได้พบวิเลตตาที่หมดสติอยู่บริเวณแนวกันคลื่นของท่าเรือและได้พาตัวไปรักษาและให้เธออยู่กับเขา โดยที่วิเลตตานั้นสูญเสียความทรงจำว่าตัวเธอนั้นเป็นใคร แม้ว่าเขาจะรู้ว่าวิเลตตารู้โฉมหน้าของซีโร่ (วิเลตตาได้หลุดปากออกมาตอนที่เขากำลังช่วย) แต่เขาก็ไม่ฆ่าหรือใช้รีเฟนเพื่อเรียกความทรงจำ และการที่เขาอยู่กับเธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ ระหว่าง Black Rebellion โอกิโดนวิเลตตายิงตอนที่วิเลตตาได้ความทรงจำกลับคืนมา

ต่อมาหลัง Black Rebellion เขาก็ถูกจับโดยทางการบริแทนเนีย โดยโอกิยังคงเชื่อมั่นในตัวซีโร่ว่าเป็นคนเดียวที่จะสามารถปลดปล่อยญี่ปุ่นได้ ในซีซั่น 2 โอกิได้รับการช่วยเหลือโดยซีโร่และกลุ่มสมาชิกภาคีอัศวินดำจากลานประหาร ในระหว่างพิธีจัดตั้งเขตปกครองพิเศษญี่ปุ่นครั้งที่ 2 เขา (ใส่ชุดซีโร่) ปกป้องวิเลตตาไม่ให้โดนยิง เธอจึงสงสัยว่าจะเป็นเขาแต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าตัวเขาคือโอกิและเดินจากไป ต่อมาวิเลตตานัดพบกับโอกิอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะฆ่าเขาเพื่อลบส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างเธอกับอีเลฟเว่น โอกิรู้อยู่เต็มอกว่าวิเลตตาจะทำอะไรแต่เขาก็เลือกที่จะไปพบและสารภาพรักกับเธอ วิเลตตาโดนซาโยโกะจับตัวเป็นนักโทษได้ระหว่างการนัดพบตามคำสั่งของดีทฮาร์ตที่ให้ติดตามโอกิเพื่อตรวจสอบความภัคดีต่อกลุ่ม หลังศึกโตเกียวครั้งที่ 2 ได้ยุติลงชั่วคราว โอกิกับวิเลตตาก็สนับสนุนให้ชไนล์เซลเป็นคนนำทัพภาคีอัศวินดำ อย่างไรก็ตามโอกิก็ได้ยืนกรานอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการแลกกันว่าหากจะให้เขาทรยศซีโร่ ชไนล์เซลจะต้องคืนแผ่นดินญี่ปุ่นให้เพราะถ้าไม่ให้ เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยที่ทรยศซีโร่ ต่อมาระหว่างการศึกต่อต้านลูลูซ เขากับวิเลตตาได้อยู่ด้วยกันที่เกาะโฮไร เขาขอร้องให้เธออยู่ที่เกาะโฮไรต่อไปในฐานะผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คนและบอกกับเธอว่าเขาเป็นคนแรกที่ยอมรับลูลูซเพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างและไม่อยากให้ชีวิตที่กำลังจะเกิดใหม่ตัองพัวพันเรื่องดังกล่าว ในตอนจบซีรีส์โอกิได้แต่งงานกับวิเลตตาและได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น

โยชิทากะ มินามิ[แก้]

โยชิทากะ มินามิ Yoshitaka Minami (ญี่ปุ่น: 南 佳高โรมาจิMinami Yositaka) ผู้ชายคนแรกที่ได้รับตำแหน่งในกลุ่มผู้บัญชาการลับแห่งกลุ่มภาคีอัศวินดำ ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกจับและหลังจากนั้นในปีต่อมาเขาได้รับทราบข่าวตัวตนที่แท้จริงของซีโร่ จากนั้นมารับตำแหน่งเป็นกัปตันยานอิคารุกะแห่งสหพันธ์ประชาชาติ หลังจากฝ่ายพันธมิตรชไนเซลและสมาพันธรัฐพ่ายแพ้ในศึกต่อต้านลูลุช มินามิเป็นระดับแกนนำคนเดียวของฝ่ายภาคีอัศวินดำที่หนีรอดการตามล่าของบริแทนเนีย และ ได้เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านของคอร์เนเลียในการบุกชิงตัวประกันหลังจากลูลุชตาย เขาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ร้านเหล้าของทามากิโดยนั่งอยู่ข้าง ๆ วิเลตตาและสุกิยามะ

เคนโตะ สุกิยามะ[แก้]

เคนโตะ สุกิยามะ (ญี่ปุ่น: 杉山 賢人โรมาจิSugiyama Kento) ผู้ชายที่มีผมสีดำแกมเขียว (นามสกุล "สุกิยามะ" เป็นนามสกุลเดียวกับผู้ให้เสียงพากษ์) หลังการเข้าร่วมกับกองทัพองค์การสหพันธ์ประชาชาติ เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพิเศษ ปรากฏว่าเขาว่ามีความสามารถในการทำอาหาร ลูลูซจึงให้เขาทำพิซซ่าให้ซีทูทาน เขาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ร้านเหล้าของทามากิโดยนั่งพักอยู่กับกีต้าร์ที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ที่เขานั่ง

ชินอิจิโร่ ทามากิ[แก้]

ชินอิจิโร่ ทามากิ (ญี่ปุ่น: 玉城 真一郎โรมาจิTamaki Shin'ichirō) หัวหน้าหน่วยพิเศษที่ 2 แห่งภาคีอัศวินดำ เขาเป็นคนค่อนข้างใจร้อนโผงผางไม่คิดหน้าหลังและคิดว่าตนเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของซีโร่ เวลาที่ไม่ต่อสู้จะเป็นคนที่เฮฮามากแต่เวลาเข้าสู่แนวหน้าจะเป็นคนที่หุนหันไม่รอบคอบ ความหุนหันของเขาได้แสดงให้เห็นความไม่ยั้งคิดโดยออกคำสั่งประหารสมาชิกสภานักเรียนโรงเรียนแอซฟอร์ดด้วยความหวังดีต่อซีโร่ แต่คำสั่งก็ตกไปจากสถานการณ์การถอยหนี เขาเป็นนักบินไนท์แมร์พื้นฐานในระหว่างการรบและมักต้องดีตตัวหนีสละเครื่องเป็นประจำ

ความฝันของทามากิคือการเป็นข้าราชการของรัฐแต่ถ้าทำความฝันไม่สำเร็จ เขาก็อาจจะเป็นแค่คนเสพรีเฟน แต่เดิมเขาไม่ไว้ใจซีโร่แต่ก็มาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนอันแรงกล้า หลังจากการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษญี่ปุ่นได้ล้มเหลว รวมทั้งความล้มเหลวของเหตุการณ์ Black Rebellion ทำให้เขาถูกจับนานเกือบปี แต่เขาไม่เคยยอมแพ้และหวังว่าสักวันซีโร่จะมาช่วยแม้จะได้รับข่าวสารว่าซีโร่ตายไปแล้วก็ตามที

ทามากิเคยโต้คารมกับซีทูในองค์กรระหว่างซีซั่น 1 โดยกล่าวว่าซีทูมีตำแหน่งหลักเป็นเพียงแค่ชู้รักของซีโร่เท่านั้น ในซีซั่น 2 เขาเริ่มเพลาลงเกี่ยวกับนิสัยของเขาและการล้อเล่น ทามากิมักบ่นว่าเขาไม่ได้มีตำแหน่งอย่างทางการอะไรเลยในซีซั่น 2 (เกิดอะไรขึ้นกับตำแหน่งเดิมของเขา ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ ) บางครั้งเขาต้องการที่จะคุมการเงิน (ลูลูซรู้ดีเกี่ยวกับนิสัยของทามากิในซีซั่น 1 ที่ชอบใช้เงินเปลืองไปกับค่าอาหารที่ตัวเองชอบโดยไม่จำเป็น). เมื่อสหพันธ์ประชาชาติกับภาคีอัศวินดำได้รวมกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน ทามากิได้รับรับตำแหน่งหน่วยสนับสนุนการกวาดล้างภายใน เมื่อความจริงที่ลูลูซเป็นซีโร่ถูกเปิดโปง ทามากิทำใจได้ลำบากและเป็นคนสุดท้ายที่จะต้องยอมรับความจริงที่ว่าซีโร่เห็นเขาเป็นแค่เครื่องมือตลอดเวลาที่ผ่านมา ในตอนจบของซีรีส์ทามากิได้เป็นเจ้าของร้านเหล้า ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ที่มีสุกิยามะ มินามิ และวิเลตตานั่งอยู่ และเหนือเคาน์เตอร์ขึ้นไปจะมีภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตาแขวนไว้อยู่

โยชิดะ[แก้]

โยชิดะ (ญี่ปุ่น: 吉田โรมาจิYoshida) ผู้ชายที่มีผมสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม ทำงานอยู่ฝ่ายการจัดส่งกำลังบำรุง สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนสั้นซึ่งเป็นเครื่องแบบภาคีอัศวินดำ ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกฆ่าตายโดยสุซาคุขณะคุมเครื่องไรโค

อิโนะอุเอะ[แก้]

อิโนะอุเอะ (ญี่ปุ่น: 井上โรมาจิInoue) ผู้หญิงที่สีผมสีน้ำเงินกลาง ๆ เธอเป็นคนดูแลการจัดส่งกำลังบำรุง ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เธอถูกฆ่าตายคาเครื่องบุไร ในตอนที่ 25 ("อิโนะอุเอะ" เป็นนามสกุลเดียวกับผู้ให้เสียงพากษ์)

กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่น[แก้]

กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本解放戦線โรมาจิNippon Kaihō Sensen) กลุ่มต่อต้านบริแทนเนียที่ใหญ่ที่สุดและต่อมาได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาคีอัศวินดำ กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยทหารกองทัพญี่ปุ่นเป็นหลัก ในกลุ่มคนที่มีตำแหน่งสูงสุดก็คือกลุ่มสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ (四聖剣, Shisei-ken?) ซึ่งเป็นทหารที่ขึ้นตรงต่อเคียวชิโร่ โทโด หลังจากคอร์เนเลียรับตำแหน่งผู้ว่าการ Area 11 คอร์เนเลียได้ส่งกองทัพเข้าไปกวาดล้างกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นทั้งหมด แต่การกวาดล้างทำได้ลำบากเพราะกลุ่มดังกล่าวซ่อนตัวอยู่กับแทงค์เก็บซากุระไดต์และระหว่างที่กองทัพบริแทนเนียทำการกวาดล้างนั้นแร่ธาตุเหล่านั้นก็ถูกลูลูซเตรียมเอาไว้ทำลายเรือของกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นโดยที่ไม่มีสมาชิกคนใดในภาคีอัศวินดำล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ ผลก็คือเรือของกลุ่มนายทหารถูกทำลายลงทำให้เหลือแต่เพียงโทโดและสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาโทโดโดนทางการจับและถูกช่วยโดยภาคีอัศวินดำและสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มของโทโดจึงได้เข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำโดยได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยต่าง ๆ

เคียวชิโร่ โทโด[แก้]

เคียวชิโร่ โทโด (藤堂 鏡志朗, Tōdō Kyōshirō?) หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการทางทหารแห่งภาคีอัศวินดำและบุคคลที่มีความสามารถสูงในการต่อสู้และวางแผนการรบ จนเขาได้รับสมญานามว่า "โทโดผู้สร้างปาฏิหาริย์" (奇跡の藤堂, Kiseki no Tōdō?) เพราะเขาสามารถยับยั้งการบุกของกองทัพบริแทนเนียได้ระหว่างการรุกรานญี่ปุ่นโดยไม่ได้ใช้ไนท์แมร์เฟรมในการตั้งรับเลย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่รู้กันของสาธารณชนว่า "ปาฏิหาริย์แห่งอิทสึคุชิม่า" เขาเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาให้กับสุซาคุในตอนที่สุซาคุยังเยาว์อยู่และเป็นคนคนนึงที่เข้าใจความคิดของสุซาคุ บ่อยครั้งที่เขามักจะพกดาบคาทานะไว้ข้างกาย

โทโดเดิมทีเป็นสมาชิกกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่น เขาเลือกที่จะตายเมื่อกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นล่มสลาย ซีโร่ได้จูงใจโทโดให้ชีวิตต่อเพื่อให้เขาเข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำเพื่อเติมเต็มสัญญาแห่งชัยชนะที่เขาเคยสร้างไว้ที่อิทสึคุชิม่า ตัวเขาเป็นเหมือนกับคานาเมะตรงที่เขาศรัทธาในตัวซีโร่และต่อมาเขาก็ถูกจับระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion ตัวเขาเชื่อว่าซีโร่คงมีเหตุผลดีพอที่จะละทิ้งการบัญชาการทั้งหมดไว้ที่เขา ต่อมาในซีซั่น 2 เขาได้รับการช่วยเหลือจากลานประหารและต่อมาได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการของภาคีอัศวินดำในการปลดปล่อยสหพันธ์จีนและตะวันออกกลางก่อนที่จะได้รับตำแหน่งใหม่ในสหพันธ์ประชาชาติ ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 ก่อนที่อาสะฮินะจะตายเขาได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับซีโร่ที่สั่งสังหารหมู่ภาคีกีอัส (ที่ได้จากทหารที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่) และบอกว่าซีโร่เชื่อใจไม่ได้และตัวเขาก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นเมื่อชไยล์เซลเผยฐานะที่แท้จริงของซีโร่ ต่อมาเขาได้เข้าร่วมศึกต่อต้านลูลูซและได้ต่อสู้แพ้ให้กับสุซาคุจนทำให้บาดเจ็บ แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามที่จะกลับสู่สนามรบแต่ชิบะได้ขอร้องไม่ให้เขากลับไปเพราะถ้ากลับไปเขาอาจตายได้

ต่อมาโทโดและภาคีอัศวินดำรวมทั้งชไนล์เซลและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติโดนจับเป็นนักโทษประหาร เมื่อสุซาคุ (ใส่ชุดซีโร่) ฆ่าลูลูซได้สำเร็จตามแผนซีโร่เรเควี่ยม โทโดก็ได้ตกตะลึงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนนั้นเองคาลลเลนก็ได้บอกว่านั้นคือซีโร่ ซีโร่ตัวจริง ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวคือในรูปงานแต่งงานของคานาเมะ โอกิกับวิเลตตา ซึ่งเขามาด้วยกันกับชิบะในชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่น

โชโกะ อาสะฮินะ[แก้]

โชโกะ อาสะฮินะ (ญี่ปุ่น: 朝比奈 省悟โรมาจิAsahina Shōgo) ผู้ชาย 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาสวมแว่นตาและมีแผลเป็นที่บริเวณด้านขวาของใบหน้า เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหน่วยที่ 1 แห่งภาคีอัศวินดำ และชอบชิบะอยู่ เขาเริ่มสงสัยและแคลงใจในตัวซีโร่หลังเหตุการณ์ Black Rebellion โดยตั้งคำถามในใจว่าทำไมต้องปกปิดและไม่แนะนำสมาชิกใหม่อย่างโรโล่และเจเรเมียให้รู้จัก ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เขาตายจากแรงระเบิดของระเบิดเฟรย่าที่นีน่าคิดขึ้นมา ก่อนที่จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับซีโร่ที่สั่งสังหารหมู่ภาคีกีอัส (ที่ได้จากทหารที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่) และยังไม่ได้บอกทุกคนว่าซีโร่เชื่อใจไม่ได้

นากิสะ ชิบะ[แก้]

นากิสะ ชิบะ (ญี่ปุ่น: 千葉 凪沙โรมาจิChiba Nagisa) ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ นากิสะเฝ้าดูแลและติดตามโทโดมาตลอดจนเกิดหลงรักโทโดเข้า ปีกว่าหลังเหตุการณ์ Black Rebellion เธอเครียดแค้นซีโร่ที่ทอดทิ้งเธอและคนอื่นเอาไว้ เธอรอดจากการรบครั้งสุดท้ายมาได้แต่ถูกจับเป็นเวลานานพร้อมกับคนอื่น ๆ ในภาคีอัศวินดำเพื่อรอการประหารชีวิต แม้จะได้รับความช่วยเหลือออกมาได้แต่เธอก็ไม่ค่อยเชื่อซีโร่อย่างสนิทใจอีกแล้ว เมื่อชไนเซลเปิดโปงตัวจริงของซีโร่ ชิบะก็เป็นคนแรกๆที่หันหลังให้ลุลุชทันที ภายหลังจากที่ยึดป้อมเดอมอครีสได้ เธอถูกจับกุมตัวครั้งและตัดสินประหารชีวิตพร้อมระดับแกนนำอื่นๆ แต่สุดท้ายเมื่อลูลุชถูกซีโร่(ตัวจริงคือ สุซาคุ)ฆ่าตาย เธอก็ถูกคอร์เนเลียปล่อยตัวออกมาพร้อมคนอื่นๆ ครั้งสุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือในรูปงานแต่งงานของคานาเมะ โอกิซึ่งเธอมาด้วยกันกับโทโดในชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่น

เรียวงะ เซนบะ[แก้]

เรียวงะ เซนบะ (ญี่ปุ่น: 仙波 崚河โรมาจิSenba Ryōga) ผู้ชายท้วม 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขามีอายุมากที่สุดในกลุ่มและเป็นนายทหารอาวุโส เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหน่วยที่ 2 แห่งภาคีอัศวินดำ ในซีซั่น 2 เขาถูกจีโน่ฆ่าระหว่างการโจมตียานขนส่งบริแทนเนีย คำพูดสุดท้ายของเรียวงะเขาพูดไว้ว่าเขาอยากมีชีวิตที่จะได้เห็นญี่ปุ่นทีได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสรภาพแล้ว

โคเซทสึ อุราเบะ[แก้]

โคเซทสึ อุราเบะ (ญี่ปุ่น: 卜部 巧雪โรมาจิUrabe Kōsetsu) ผู้ชายผมสีน้ำเงิน 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นนายทหารระดับสูงของภาคีอัศวินดำที่หนีรอดการตามล่าทางการบริแทนเนียหลังเหตุการณ์ Black Rebellion โดยไม่ได้ถูกจับกุม ในซีซั่น 2 เขาเป็นผู้นำปฏิบัติการโจมตีบาเบลทาวเวอร์เพื่อชิงตัวซีโร่และได้เสียสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้ซีโร่หนี

กลุ่มเกียวโต[แก้]

6 ตระกูลใหญ่เกียวโต (ญี่ปุ่น: キョウト六家โรมาจิKyōto Rokka) เรียกสั้น ๆ ว่า "เกียวโต" เป็นกลุ่มลับที่ต่อต้านบริแทนเนียโดยใช้หน้าฉากเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลท้องที่ NAC สนับสนุนกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคีอัศวินดำที่สนับสนุนทั้งอาวุธและไนท์แมร์เฟรม มีตระกูลสุเมรากิเป็นผู้นำของกลุ่ม และในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกแกนนำได้แก่ ไทโซ คิริฮาระ (桐原 泰三, Kirihara Taizō?), ฮิเดโนบุ คุโบอิน (公方院秀信, Kubōin Hidenobu?), มุนาคาโต้ โทไซ (宗像唐斎, Munakato Tōsai?), โอซาคาเบะ ทัตซึโนริ (刑部辰紀, Osakabe Tatsunori?), สุเมรากิ คากุยะ (皇 神楽耶, Sumeragi Kaguya?) และโยชิโนะ (吉野?) หลังความล้มเหลวของเหตุการณ์ Black Rebellion ทั้งหมดถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้ก่อการร้ายก่อความไม่สงบ ส่วนสถานะ NAC ไม่ได้รับการกล่าวถึง

คิริฮาระ ไทโซ[แก้]

คิริฮาระ ไทโซ (桐原 泰三, Kirihara Taizō?) ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมคิริฮาระ (桐原産業, Kirihara Sangyō?) และอยู่ในกลุ่มผู้นำเกียวโต เขาเป็นชายชราสูงอายุที่เป็นนักอุตสาหกรรมและมั่งคั่งจากการทำกิจการเหมืองแร่ซากุราไดต์ (เป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับสัมประทานให้ขุดแร่ซากุราไดต์ได้ในญี่ปุ่น) ในสมัยที่นายกคุรุรุกิยังมีอำนาจการปกครองอยู่ คิริฮาระเป็นคนที่มีบารมีสูงมากและอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนรัฐบาลญี่ปุ่น บารมีของเขานั้นมีอำนาจถึงขั้นสามารถสั่งให้ปกปิดข่าวการตายของเก็มบุได้เพื่อความมั่นคงของชาติ คิริฮาระได้เคยมอบหมายให้โทโดไปเป็นอาจารย์สอนวิชาให้กับสุซาคุในตอนที่สุซาคุยังเยาว์วัยอยู่ สำหรับในสายตาของสาธารณชนเขาถูกมองว่าเป็นพวกคนขายชาติในตอนที่บริแทนเนียสามารถยึดครองญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนที่คอยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านอย่างลับ ๆ เขาได้เคยรู้จักกับลูลูซและนันนาลีในตอนที่ทั้งคู่พักอยู่ที่ศาลเจ้าคุรุรุกิซึ่งเป็นบ้านของสุซาคุ เมื่อลูลูซได้เผยฐานะของตนที่เป็นซีโร่ต่อคิริฮาระ เขาจึงตัดสินใจสนับสนุนภาคีอัศวินดำเต็มที่ทั้งด้านการเงินและอาวุธ หลังเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในข้อหาให้การสนับสนุนภาคีอัศวินดำ

คากุยะ สุเมรางิ (Sumeragi Kaguya - 皇神楽耶)

เพศ :: หญิง สีผม :: สีดำ วันเกิด :: 10 สิงหาคม 2003 สัญชาติ :: ญี่ปุ่น ฐานะ :: เจ้าหญิง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ คุรุรุกิ สุซาคุ เธอเป็นเพื่อสนิทกับ เจี่ยงลี่ฮว๋า (เทียนจื่อ)

สมาชิกคนอื่น ๆ[แก้]

รัคชาตะ ชาว์วร่า[แก้]

รัคชาตะ นักวิทยาศาสตร์จากอินเดียที่เปรียบเสมือนคู่กัดกับ ลอยด์ แอสพรุนด์ เป็นผู้ที่คอยพัฒนาหุ่นไนท์แมร์ให้กับภาคีอัศวินดำ ดูเหมือนเมื่อก่อนเคยรู้จักกับลอยด์มาก่อน แต่มีเรื่องบางอย่างทำให้รัคชาตะเกิดหมั่นไส้ลอยด์ขึ้นมา ชอบเรียกลอยด์ว่า เอิร์ลพุดดิ้ง เป็นสาวร่างสูงผิวคล้ำผมยาวสีเหลือง บุคลิกที่โดดเด่นของเธอคือ จะถือกล่องยาสูบและนอนท้าวแขนอยู่บนโซฟา

อายาเมะ ฟุทาบะ[แก้]

อายาเมะ ฟุทาบะ (ญี่ปุ่น: 双葉綾芽โรมาจิFutaba Ayame) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะทำหน้าที่ควบคุมระบบป้องกันตัว เธอมีผมสีม่วงไว้ผมหยิกเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา

อิชิจิคุ ฮินาตะ[แก้]

อิชิจิคุ ฮินาตะ (ญี่ปุ่น: 日向 いちじくโรมาจิHinata Ichijiku) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะทำหน้าที่ควบคุมระบบเรดาร์ เธอมีผมสีน้ำตาลอ่อนไว้ผมทรงหางม้า และใส่แว่นเล็ก ๆ ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา

มุทสึกิ มินาเสะ[แก้]

มุทสึกิ มินาเสะ (ญี่ปุ่น: 水無瀬むつきโรมาจิMinase Mutsuki) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะ เธอมีผมสีน้ำตาลไว้ผมตรง ใส่สร้อยลูกปัดสี ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา

คิสุนะ คาเกะซากิ[แก้]

คิสุนะ คาเกะซากิ (ญี่ปุ่น: 影崎キズナโรมาจิKagesaki Kizuna) หัวหน่วยกองกำลังหน่วยที่ 3 แห่งภาคีอัศวินดำ เขาถูกฆ่าในระหว่างศึกโตเกียวโดยเครื่องซิกฟริดของเจเรเมีย กอทวอลด์

ดีทฮาร์ด รีด[แก้]

จักรวรรดิบริแทนเนียอันศักดิ์สิทธิ์[แก้]

จากซ้ายไปขวา: ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน, อันเดรียส ดาร์ลตัน, กิลฟอร์ด, คอร์เนเลีย, ยูเฟเมีย, สุซาคุ, ลอยด์, เซซิล, เจเรเมีย, วิเลตตาและคลีเวล

จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนียเป็นอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในเรื่องโค้ด กีอัส ครอบครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของโลกในตอนเริ่มต้นซีรีส์และเพิ่มเป็น 2 ใน 3 ของโลกในตอนกลางซีซั่น 2 โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครหลวงเพนดราก้อนในอเมริกาเหนือ พื้นที่ในการครอบครองของบริแทนเนียครอบคลุมซีกโลกตะวันตกทั้งหมด ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์และส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง ทว่าบริแทนเนียหาได้ครอบครองหมู่เกาะบริเตนตามชื่อประเทศไม่ เพราะบริแทนเนียได้สูญเสียดินแดนส่วนนี้ให้แก่ชาติยุโรปอื่นในช่วงศตวรรษที่ 18 ธงชาติของบริแทนเนียประกอบด้วยรูปกางเขนเซนต์จอร์จ ซึ่งกับอิงธงชาติอังกฤษในความเป็นจริง และตราอาร์มรูปสิงโตและงู อันเป็นสัญลักษณ์ของ "กษัตริย์" และ "ความตายและกำเนิดใหม่" ตามลำดับ

ราชวงศ์บริแทนเนีย[แก้]

ประเทศบริแทนเนียอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์บริแทนเนีย ซึ่งเข้าควบคุมตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาลและกองทัพ เจ้าชายและเจ้าหญิงในราชวงศ์นี้จะมีฐานันดรศักดิ์เรียงตามลำดับหมายตัวเลข โดยยึดถือตามสถานะของมารดาผู้เป็นชายาและสนมของจักรพรรดิ เช่น โคลวิสเป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ส่วนลูลูซเป็นเจ้าชายลำดับที่ 11 เป็นต้น ลำดับฐานันดรนี้จะเรียงตามเฉพาะเพศด้วย เช่น ยูเฟเมียเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 คู่กับโคลวิสผู้เป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงจะใช้คำนำหน้านามสกุลเหมือนกันกับมารดาของตนเอง สมาชิกในราชวงศ์มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งองค์รักษ์ประจำตัวที่เรียกว่า "อัศวิน" ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจและตำแหน่งโดยตรงจากเจ้านายของตนเองพร้อมทั้งหน่วยรบประจำตัว ยกตัวอย่างเช่น เจ้าหญิงคอร์เนเลียมีกิลฟอร์ดเป็นอัศวินประจำตัวและได้รับหน้าที่ควบคุมหน่วยรบไนท์แมรฺ์เฟรมโกลวเซสเตอร์ (Gloucester)

ชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย[แก้]

ชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: シャルル・ジ・ブリタニアโรมาจิSharuru ji Buritania;ทับศัพท์อังกฤษ: Charles zi Britannia) ผู้ถูกกล่าวถึงในฐานะจักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ブリタニア皇帝โรมาจิBuritania Kōtei) ในช่วงต้นเรื่อง เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี a.t.b. 1985[1] เป็นพ่อของลูลูชและจักรพรรดิลำดับที่ 98 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย และเป็นตัวละครหลักฝ่ายร้ายของเรื่องนี้ เขามีนางสนมหลากเชื้อชาติถึง 108 คน[2] ด้วยความที่เป็นผู้ยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสังคมตามแนวทางทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน (Social Darwinism) เขาจึงมีทัศนะต่อความเสมอภาคว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จะต้องกำจัดให้สิ้น และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เขาจึงส่งเสริมความขัดแย้งทางชนชั้นและการขยายอำนาจทางการทหารเพื่อดำรงไว้ซึ่งวิวัฒนาการและความก้าวหน้าของสังคม ในวัยเยาว์จักรพรรดิชาร์ลส์ได้ประสบกับความเลวร้ายจากการสังหารกันเองของเชื้อพระวงศ์เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ เขาจึงได้สัญญากับวีทู (V.V.) ผู้เป็นพี่ชายว่าจะสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการโกหกหลอกลวงขึ้น ภายหลังเมื่อชาร์ลส์ได้มารีแอนน์และซีทู (C.C.) มาเป็นพันธมิตร เขาจึงได้สร้าง "ดาบแห่งอาคาชา" เพื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่จุดบรรจบแห่งแร็คนาร็อค และสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการหลอกลวงโดยการฆ่าสิ่งที่เรียกว่า "พระเจ้า" ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้วงจิตไร้สำนึกในปัจเจกบุคคลของมวลมนุษยชาติ

มารีแอน วี บริแทนเนีย[แก้]

เป็นแม่ของ ลูลูช วี บริแทนเนีย กับ นันนาลลี่ วี บริแทนเนีย ในอดีตก่อนขึ้นเป็นมเหสีคนที่5 ของจักรพรรดิ เธอเคยเป็นอัศวินอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์มาก่อน

โอดิสสิอุส ยู บริแทนเนีย[แก้]

โอดิสสิอุส ยู บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: オデュッセウス・ウ・ブリタニアโรมาจิOdyusseusu u Buritania) องค์ชายลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย มีพระมารดาชื่อว่าอาลิอันน่า ยู บริแทนเนีย ถึงเขาจะดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารและเป็นองค์แรกที่มีสิทธิสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ น้อยกว่าพระเชษฐาอย่างองค์ชายลำดับที่ 2 ชไนล์เซล เขาเป็นคนลังเลไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาภาคีอัศวินดำที่เปิดฉากก่อการกบฏใน Area 11 ได้อย่างไรจนทำให้ชไนล์เซลต้องอาสาไปจัดการแก้ปัญหาให้แทนและช่วยกองทัพของคอร์เนเลีย

ในซีซั่น 2 เขาได้อภิเษกกับเทียนจื่อ จักรพรรดินีแห่งสหพันธรัฐจีน ซึ่งเป็นการอภิเษกทางการเมืองตามแผนการของชไนล์เซลเพื่อสันติภาพของทั้ง 2 ชาติ แต่เมื่องานอภิเษกต้องเป็นอันล้มเพราะการขัดขวางของลี ฉิงเคอและภาคีอัศวินดำ แต่โอดิสสิอุสกลับไม่สนใจเรื่องดังกล่าว กลับสนใจแต่การดำเนินสงครามต่อกับอียูและการเริ่มเป็นศัตรูของสหพันธรัฐมากกว่า เมื่อลูลูซปรากฏตัวที่วังและไม่แคร์ที่จะบอกว่าตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ คิดว่าเป็นเพียงแค่การเล่นพิเรนทร์ของลูลูซ หลังจากลูลูซบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าองค์จักรพรรดิลูลูซได้ใช้กีอัสกับโอดิสสิอุสและคนอื่นในวังให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพบริแทนเนีย

กิเนเวีย ซู บริแทนเนีย[แก้]

กิเนเวีย ซู บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ギネヴィア・ス・ブリタニアโรมาจิGinevia su Britannia) องค์หญิงลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นคนที่ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับการสร้างอนุสาวรีย์และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนตัวเธอมีรอยสักอยู่บริเวณหน้าอกทางด้านซ้าย และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สหพันธ์จีนทำให้เชษฐาของเธอเป็นที่อับอายต่อสาธารณชน 1 เดือนหลังจากการหายตัวไปของจักรพรรดิ เธอตกใจเป็นอย่างมากสิ่งที่เธอเห็นในวังก็คือลูลูซยังมีชีวิตอยู่และตกใจยิ่งกว่าเดิมที่เขาเป็นคนฆ่าพ่อ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารในวังจับตัวลูลูซแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะสุซาคุเข้ามาขวาง ลูลูซจึงใช้กีอัสกับเธอและทุก ๆ คนในวังให้ยอมรับเขาเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้เช่นเดียวกับราชวงศ์องค์อื่น ๆ

ชไนล์เซล เอล บริแทนเนีย[แก้]

ชไนล์เซล เอล บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: シュナイゼル・エル・ブリタニアโรมาจิShunaizeru eru Buritania) องค์ชายลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบริแทนเนีย เขาเป็น 1 ในคู่ปรับหลักในด้านการวางแผนของลูลูซในซ๊รี่ย์ เป็นคนคนเดียวในสมัยวัยเยาว์ที่ลูลูซไม่สามารถเอาชนะหมากรุกได้เลย ชไนล์เซลเคยได้กล่าวอ้างว่าตัวเขานั้นรักและเกรงกลัวลูลูซมากที่สุด นิสัยส่วนตัวของชไนล์เซลเป็นคนที่เย็นชาและอำมหิตในฐานะของนักวางแผน เขาสามารถสละสิ่งสองสิ่งนี้ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถสูงและเป็นห่วงลูกน้องที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เขาได้แสดงให้เห็นถึงสิ่ง ๆ หนึ่งที่กองทัพมองว่าไม่จำเป็น นั้นก็คือการเป็นผู้แทนทำการเจรจาสันติภาพในยุโรปแม้จะยังมีการต่อต้านจากกองกำลังต่าง ๆ ในยุโรปก็ตามที ^o^

คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย[แก้]

คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: コーネリア・リ・ブリタニアโรมาจิKōneria ri Buritania) องค์หญิงลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพจักรวรรดิ มีความสามารถสูงในการต่อสู้ด้วยไนท์แมร์ คอร์เนเลียสามารถนำกองทัพบริแทนเนียเข้ายึดครองและตั้งมั่นอยู่ที่ Area 18 ในเขตตะวันออกลางก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการของ Area 11 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของโคลวิส เธอเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจชาวต่างชาติที่ได้รับเกียรติยกย่องเป็นชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติและไม่ต้องการจะเอาชนะศึกใด ๆ ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติอีกด้วย เธอมีความเด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมและมักอ่อนโยนกับยูเฟย์เมียร์ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของตนอยู่เสมอเช่นการคำนึงถึงความปลอดภัยของยูเฟย์เมียร์ เธอมีกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด เป็นอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์และบัญชาหน่วยกลาสตันไนท์

เมื่อคอร์เนเลียเดินทางมายัง Area 11 คอร์เนเลียได้ส่งกองทัพเข้าไปปราบปรามกลุ่มภาคัอัศวินดำของซีโร่และกลุ่มต่อต้านอื่น ๆ ผลก็คือกลุ่มต่อต้านทุกกลุ่มล้วนถูกกำจัดทั้งหมดยกเว้นภาคีอัศวินดำ หลังจากยูเฟย์เมียร์สิ้นพระชนม์ คอร์เนเลียได้เผชิยหน้ากับซีโร่และเข้าประชิดตัวพอที่จะสามารถฆ่าซีโร่ได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ถูกขัดขวางโดยผู้ใต้บังคับบัญชา อันเดรียส ดาร์ลตันซึ่งโดนกีอัสของลูลูซควบคุมเอาไว้ ดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียพังใช้การไม่ได้ และเธอก็ได้รู้ว่าซีโร่นั้นคือลูลูซและตกอยู่ภายใต้อำนาจของกีอัสให้ตอบคำถามเรื่องของการลอบปลงพระชมน์ของจักรพรรดินี ต่อมาเมื่อสุซาคุได้มาพบเธอและได้แต่งตั้งเป็นอัศวินอย่างไม่เป็นทางการและส่งเขาให้ไปตามล่าลูลูซ ในซีซั่นที่ 2 หลังความวุ่นวายจบลงคอรร์เนเลียได้ถูกบันทึกสถานะจากทางการบริแทนเนียว่า MIA (Missing In Action) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่หายสาบสูญไประหว่างการรบ คอร์เนเลียได้เดินทางร่อนเร่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับกีอัสเพื่อกู้ชื่อเสียงให้กับยูเฟย์เมียร์ จนได้พบกับฐานใต้ดินของภาคีกีอัสและทำการแทรกซึมเข้าไปจนได้รู้ว่าพระบิดาก็มีพลังนี้อยู่ คอร์เนเลียโดนวีทูจับได้ ต่อมาระหว่างที่ภาคีกีอัสโดนบุกโดยภาคีอัศวินดำเธอก้สามารถแหกคุกหลบหนีออกมาจนได้ และยิงเครื่องซิกฟริดของวีทูตกด้วยอาคัตซึกิที่ได้รับความเสียหายตรงจุดอ่อน คอร์เนเลียโดนจับอีกครั้งโดยเป็นนักโทษของลูลูซแต่ระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เธอสามารถหนีมาได้และไปหาชไนล์เซลและบอกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับภาคีกีอัส

ต่อมาเธอได้เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านในกัมพูชาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ และเมื่อได้รู้ว่าชไนล์เซลมีแผนที่จะใช้ป้อมเวหาเดอมอคลีสทำลายล้างโลกทั้งหมดเธอได้พยายามขัดขวางแต่ถูกยิงบาดเจ็บและถูกส่งตัวไปที่เกาะโฮไรและได้รับการรักษาและเฝ้าดูแลจากกิลฟอร์ด 2 เดือนต่อมาเมื่อลูลูซได้ดำเนินแผนการของตน (ซีโร่เรเควี่ยม) เธอรวบรวมกลุ่มต่อต้าน (ซึ่งมีวิเลตตากับกิลฟอร์ดรวมอยู่ด้วย) บุกชิงตัวประกันหลังจากที่ลูลูซถูกฆ่า เธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของวิเลตตาโดยมีกิลฟอร์ดยืนอยู่เคียงข้างเธอ

ในฉบับบการ์ตูนดัดแปลงของโค้ดกีอัสเธอไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ Area 11 แต่เป็นขนิษฐาของเธอ ยูเฟย์เมียร์ที่ได้เป็นผู้ว่าการ

โคลวิส ลา บริแทนเนีย[แก้]

โคลวิส ลา บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: クロヴィス・ラ・ブリタニアโรมาจิKurovisu ra Buritania) องค์ชายลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการของ Area 11 เป็นคนที่ขี้ขลาดและมักหลงตัวเองว่าไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด ในสมัยวัยเยาว์เขามักเล่นหมากรุกกับลูลูซบ่อยครั้งและมักแพ้บ่อย ๆ ในสายตาของโคลวิสมองว่าลูลูซเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกับตนและด้วยความที่โคลวิสชอบความทรงจำที่เคยได้ใช้ชีวิตในวังวิลล่า เขาถึงกับออกแบบสวนบนที่ทำการของรัฐบาลให้เป็นแบบเดียวกับในวังวิลล่า โคลวิสเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะและการออกแบบ เวลาวางแปลนออกแบบเขามักจะมีอารมณ์ที่สุทรีย์เป็นอย่างมาก

โคลวิสหมกหมุ่นกับการวิจัยเรื่องของซีทูและคนที่เหมิอนกับซีทูและกลัวการรั่วใหลของเรื่องการวิจัยไปถึงหูของสาธารณชน เมื่อแคปซูลของซีทูถูกขโมยไปโดยกลุ่มผู้ต่อต้านที่เข้าใจผิดว่าเป็นแก๊สทำลายประสาท โคลวิสจึงออกคำสั่งกวาดล้างชินจูกุเก็ตโต้ทั้งหมดเพื่อรักษาความลับของเรื่องดังกล่าว เมื่อลูลูซได้รับพลังกีอัสลูลูซก็ได้รวบรวมกำลังผู้ต่อต้านทั้งหมดเข้าต่อสู้จนกองทัพของโคลวิสแตกพ่ายไปและไปเผชิญหน้ากับโคลวิส โคลวิสถูกรีดเอาข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดินีและถูกฆ่าในที่สุด โคลวิสจึงเป็นคนแรกที่ได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซและเป็นเหยื่อคนแรกของการแก้แค้นของลูลูซ

พระมารดาของโคลวิส กาบาเรล่า ลา บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ガブリエラ・ラ・ブリタニアโรมาจิGaburiera Ra Buritania) เมื่อทราบถึงเรื่องของโคลวิส พระนางก็ได้ตรอมใจและประทับอยู่ที่วังวอลลิก

ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย[แก้]

ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ユーフェミア・リ・ブリタニアโรมาจิYūfemia ri Buritaniaทับศัพท์อังกฤษ: Euphemia li Britannia) เป็นน้องสาวร่วมบิดาของลูลูซ มีตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นพี่น้องของลูลูชที่ห่วงใยนันนาลี่มากที่สุด เป็นผู้มีนิสัยที่โอบอ้อมอารี ใจกว้าง และเกลียดความขัดแย้งในทุกรูปแบบ

ยูเฟเมียร่วมมือกับคอร์เนเลียซึ่งพี่ของเธอในการปกครองเขต Area 11 โดยอยู่ในตำแหน่งรองอุปราช (Sub-Viceroy) เธอได้พัฒนาความสัมพันธ์กับคุรุรุกิ สุซาคุ ผู้มีทัศนคติเช่นเดียวกับเธอ ในเวลาต่อมาเธอจึงได้แต่งตั้งให้สุซาคุเป็นอัศวินประจำตัว ในช่วงตอนจบซีซั่นแรกเธอได้ประกาศเจตนารมณ์ในการจัดตั้งเขตบริหารพิเศษญี่ปุ่นในเขตพื้นที่ภูเขาฟูจิ โดยคืนสิทธิ์ในการใช้ชื่อว่าชาวญี่ปุ่นให้กับทุกคนรวมทั้งแผ่นดิน (เพื่อเรื่องดังกล่าวเธอยอมแลกด้วยการสละฐานันดรศักดิ์ของตนทิ้ง) ระหว่างพิธีการส่งมอบอำนาจการปกครองนั้นเธอตกอยู่ภายใต้อำนาจกีอัสของลูลูซโดยที่ลูลูซไม่สามารถควบคุมได้แม้จะพยายามขัดขืนก็ตาม ผลของกีอัสดังกล่าวทำให้เธอสั่งฆ่าชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ซีโร่จึงจำใจต้องยิงเธอเพื่อยุติความวุ่นวายดังกล่าวและเป็นเหตุให้เธอเสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการกบฏ Black Rebellion และสร้างความเคียคแค้นอันขมขื่นให้แก่นีน่า สุซาคุ และโคร์เนเลีย

ในเนื้อเรื่องเสริมตอนอื่นๆ ได้มีการเปิดเผยว่า ทางการของบริแทนเนียได้ประกาศให้ยูเฟเมียเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารหมู่ครั้งนี้ เธอถูกตัดสินให้ถูกถอดถอนจากฐานันดรศักดิ์และประหารชีวิตโดยกองทัพบริแทนเนียในฐานะกบฏ เธอถูกกล่าวถึงในหมู่สาธารณชนในนาม "เจ้าหญิงผู้สังหารหมู่" (虐殺皇女, Gyakusatsu Koujo, "Massacre Princess") เมื่อลูลูซได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาได้อธิบายกับสุซาคุว่าเขาตั้งใจจะลบรอยเลือดที่ทำให้เธอต้องถูกเรียกว่าเจ้าหญิงผู้สังหารหมู่ให้สาบสูญไป ในประเด็นดังกล่าวนี้ ลูลูชสามารถทำได้สำเร็จจากแผนการ "ซีโร่เรเควี่ยม" ซึ่งทำให้ความเกลียดชังทั้งหมดได้พุ่งมารวมไว้ที่ตัวลูลูช และผู้คนได้ลืมเลือนอดีตอันเลวร้ายพร้อมทั้งการสังหารหมู่ของยูเฟเมียจนหมดสิ้น

ในโค้ดกีอัสฉบับมังงะ ยูเฟเมียได้ถูกนำเสนอในลักษณะที่แตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ เธอได้ศึกษาอยู่ในโรงเรียนแอซฟอร์ดเป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นอุปราชของ Area 11 และได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซกับนันนาลี่

คารีน เล บริแทนเนีย[แก้]

คารีน เล บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: カリーヌ・レ・ブリタニアโรมาจิKarīnu re Buritania) องค์หญิงลำดับที่ 5 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย อายุเท่ากับนันนาลี่ เธอเป็นน้องสาวคาซิอุส เล บริแทนเนีย ความคิดของเธอตรงกันข้ามกับความคิดของนันนาลี่ที่พอใจเรื่องสงครามกับการทำลายล้าง เธอไม่ชอบนันนาลี่ที่หวังถึงสันติภาพ แต่ถึงกระนั้นโอดิสสิอุสก็บอกให้เธอเป็นมิตรกับนันนาลี่ หลังจาก 1 เดือนที่องค์จักรพรรดิหายตัวไปเธออยู่ภายใต้การควบคุมของกีอัสที่บังคับให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้

ไนท์ออฟราวด์[แก้]

สมาชิกไนท์ออฟราวด์ จากซ้ายไปขวา: ลูเซียโน่ แบรดลีย์ (บน), อาเนีย อัลสไตร์ม (ล่าง), สุซาคุ คุรุรุกิ, จีโน่ เวียนเบิร์ก, โมนิกา ครุเชฟสกี้, บิสมาร์ค วอลชไตน์และโนเนต เอนเนียแกรม โดโรเธีย แอนร์สทไม่ได้ปรากฏในภาพ

ไนท์ออฟราวด์ (ญี่ปุ่น: ナイトオブラウンズโรมาจิNaito Obu Raunzu) กลุ่มทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ โดยมีตำแหน่งไล่จากอันดับ 1 ไปจนถึงอันดับ 12 พวกเขาทำงานนอกเหนือจากโครงสร้างทางกองทัพบริแทนเนียเชื่อฟังแต่คำสั่งจักรพรรดิเท่านั้น ไนท์ออฟราวด์ทุกคนล้วนเป็นนักบินไนท์แมร์ที่มีกำลังเสริมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการณ์ของแต่ละคน ไนท์แมร์ของไนท์ออฟราวด์ทุกเครื่องล้วนได้รับการประทานชื่อให้ทันทีหลังจากที่ได้เข้าเป็นสมาชิกไนท์ออฟราวด์ ไนท์ออฟราวด์ถูกปฏิบัติเหมือนเช่นเดียวกับขุนนางคนนึงในจักรวรรดิ เป็นที่รู้กันว่าคนที่ได้รับตำแหน่งไนท์ออฟวันจะถือว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิบริแทนเนียและสามารถขอประทานการเลือกอาณานิคมที่ต้องการประจำการอยู่ได้จากองค์จักรพรรดิ มีเพียง 8 ใน 12 คนเท่านั้นที่ปรากฏตัว

บิสมาร์ค วอลชไตน์[แก้]

บิสมาร์ค วอลชไตน์ (ญี่ปุ่น: ビスマルク・ヴァルトシュタインโรมาจิBisumaruku Varutoshutain) ชายร่างยักษ์เหมือนหมีที่มีตำแหน่งเป็นไนท์ออฟวัน เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของไนท์ออฟราวด์ เป็นนักบินของไนท์แมร์เฟรมกาลาฮัท เขาปิดตาของเขาไว้ข้างนึงแม้จะส่งผลทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลง เขาเชื่อว่าสงครามควรเป็นคำตอบสุดท้ายเสมอเพราะมันอาจจะไม่สามารถคุมได้ เดิมทีเคยอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟไฟว์

ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 บิสมาร์คเป็นผู้นำการป้องกันการบุกจากกองกำลังของลี ฉิงเคอ ลีและบิสมาร์คได้ต่อสู้กัน แต่ลีไม่สามารถเอาชนะบิสมาร์คได้ บิสมาร์คแสดงความนับถือลีในความสามารถเมื่อเขายอมเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องรับความเสียหายเพื่อป้องกันกองบัญชาการ ระหว่างที่ชไนล์เซลวางแผนลอบวางแผนปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ เขาเข้าไปขวางสุซาคุที่ได้รับมอบหมายเป็นมือสังหาร สุซาคุซึ่งได้รับผลของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอด (ซีโร่เป็นผู้สั่งไว้) จึงได้หนีจากการต่อสู้ไปเพราะคิดว่าอันตรายเกินไปที่จะต่อสู้ด้วย

ต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิเสด็จสวรรคตและลูลูซได้ขึ้นครองบัลลังก์ บิสมาร์คได้เป็นคนนำไนท์ออฟราวด์ 3 คนที่ยังเหลืออยู่กับกองกำลังไนท์แมร์เข้าโค่นอำนาจของลูลูซ ต่อมาหลังจากที่สุซาคุจัดการกองกำลังและไนท์ออฟราวด์คนอื่นทั้งหมดยกเว้นบิสมาร์ค บิสมาร์คได้เปิดตาข้างที่ปิดไว้ของเขาและใช้กีอัสที่ทำให้เขามองเห็นอนาคตล่วงหน้า และบอกว่าเขาภักดีต่อมาริแอน แต่ด้วยคำสั่งของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอดของสุซาคุที่เหนือกว่ากีอัสของบิสมาร์ค (ทำให้สุซาคุสามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่าการมองเห็นอนาคตของบิสมาร์ค) เลยทำให้กาลาฮัทของเขาโดนผ่าครึ่ง ก่อนตายเขาได้เรียกชื่อของมาริแอน

จีโน่ เวียนเบิร์ก[แก้]

จีโน่ เวียนเบิร์ก (ญี่ปุ่น: ジノ・ヴァインベルグโรมาจิGino Weinberg) ตำแหน่งไนท์ออฟทรีในไนท์ออฟราวด์ เป็นสุดยอดนักบินอายุเพียงแค่ 17 ปี เกิดในตระกูลชั้นสูงและไม่ค่อยเข้าใจชีวิตการทำงานของคนทั่วไป มีความสามารถในการขับไนท์แมร์เฟรมเป็นอย่างมาก จึงได้รับตำแหน่งในไนท์ออฟราวด์ มีนิสัยเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนได้ง่าย รวมถึงสุซาคุที่แม้จะเป็นชาวอีเลฟเว่นด้วย ดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวของสุซาคุเลยพยายามเข้าใกล้บ่อย ๆ เป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมทริสตัน

หลังจากที่เขากับอาเนียเสียท่าพ่ายแพ้ให้กับคาลเลนที่เอาชนะด้วยกุเร็นติดปีก จีโน่กล่าวว่าความสามารถของคาลเลนนั้นเทียบเท่าได้กับความสามารถของไนท์ออฟราวด์ เขาผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ดวลกับคาลเลนอีกครั้งเมื่อลี ฉิงเคอสามารถจับตัวเธอมาได้ในการต่อสู้ ต่อมาเขาและอาเนียเข้าศึกษาในโรงเรียนแอชฟอร์ดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของคนทั่วไป

ระหว่างที่คาลเลนถูกคุมขังในโตเกียว จีโน่ได้ไปเยี่ยมเธอและถามเธอว่าถ้ากลับบริแทนเนียได้จะยอมใช้นามสกุลสแทดท์เฟลด์รึเปล่า เขาได้รับคำตอบจากปากของเธอเมื่อเธอเป็นอิสระและเข้าร่วมในการรบ เธอยืนยันว่าเธอจะใช้นามสกุลโคซึกิ และถามกลับว่าดีใจหรือเสียใจที่ได้พบกันอีกครั้งในสนามรบ เขาจึงตอบกลับไปว่าดีใจ เขาถามสุซาคุว่าจะปล่อยให้เขาดวลกับคาลเลนได้ไหมแต่สุซาคุยืนกรานว่าจะไม่ให้เขาดวลกับเธอเด็ดขาดเพราะไม่ใช่คนที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆ เมื่อชไนล์เซลวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิเขาถูกจับเป็นนักโทษทำให้ไม่สามารถขัดขวางได้ ต่อมาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ์เขาได้เข้าร่วมการต่อต้านอำนาจของลูลูซ สุซาคุทำให้ทริสตันพังจนใช้การไม่ได้และไว้ชีวิตจีโน่ เขาจึงถามตัวเขาเองว่าเขาจะสู้เพื่ออะไรถ้าเขาต้องสู้กับประเทศของตนทั้งที่เคยให้สัตย์สาบานว่าจะปกป้องประเทศ หลังจากภาคีอัศวินดำเข้าร่วมกับชไนล์เซลตามคำสั่งโค่นอำนาจของลูลูซ จีโน่เข้าใจถึงเป้าหมายของตนและบอกกับคาลเลนว่าเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้วเล็กน้อย เขาเข้าต่อสู้กับสุซาคุ เขาปฏิเสธบริแทนเนียโฉมหน้าใหม่และยุติมิตรภาพ แต่ผลการต่อสู้ก็คือเขาแพ้ ในการโจมตีครั้งสุดท้ายเขาทำให้เกราะของป้อมเดอมอคลีสมีช่องว่างเปิดออกทำให้คาลเลนสามารถบินเข้ามาสู้ได้ หลังจากที่คาลเลนสามารถเอาชนะสุซาคุได้ เธอก็หมดสติทำให้ไม่สามารถคุมกุเร็นได้จีโน่จึงนำทริสตันบินไปรับเธอขณะที่เครื่องกำลังตก หลังการรบเขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร ในท้ายสุดจีโน่ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพที่ฉายภาพร่วมกับจักรพรรดินีเทียนจื่อซึ่งอยู่ในห้องของคาลเลนและภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตาที่แขวนในร้านเหล้าของทามากิโดยยืนอยู่ข้างคาลเลน

โดโรเธีย แอนร์สท[แก้]

โดโรเธีย แอนร์สท (ญี่ปุ่น: ドロテア・エルンストโรมาจิDorotea Erunsuto) ตำแหน่งไนท์ออฟโฟว์ เธอผิวสีคล้ำและมีผมสีดำ กล่าวกันว่าเธอมีความกล้าหาญและสง่าเหมือนกับบิสมาร์ค เธอเข้าร่วมกับบิสมาร์คและไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่ในการโค่นอำนาจของลูลูซ แต่เธอถูกฆ่าก่อนเป็นคนแรกโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยน เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลยและขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น

อาเนีย อัลสไตร์ม[แก้]

อาเนีย อัลสไตร์ม (Anya Alstrathaim) เป็นตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์ เป็นไนท์ออฟราวนด์ที่อายุน้อยที่สุด ดูท่าทางไม่ค่อยให้ความสนใจอะไรมากนัก ไม่ชอบแสดงอารมณ์ แต่มักจะพกโทรศัพท์มือถือไว้ติดตัวเสมอ ชอบอัปเดตบล็อกและถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในอดีตบางอย่างปิดบังเอาไว้อยู่ เมื่อความจริงได้ถูกเปิดเผยว่า เธอถูกมารีแอนแม่ของลูลูชใช้พลังกีอัสเข้าสิงจิตใจของเธอหลังจากที่ถูกสังหาร แต่หลังมาเรียแอนตายไป ความทรงจำที่ผ่านมาในช่วงที่มาเรียแอนสิงอยู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำต่อต้านลูลูช เธอได้ปะทะกับเจราเมียอย่างดุเดือดแต่สุดท้ายอาเนียแพ้ หลังการรบเธอถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร หลังจากนั้นเธอได้ทำงานสวนส้มร่วมกับเจราเมีย

โนเนต เอนเนียแกรม[แก้]

โนเนต เอนเนียแกรม (ญี่ปุ่น: ノネット・エニアグラムโรมาจิNonetto Eniaguramu) ตำแหน่งไนท์ออฟไนล์ในไนท์ออฟราวด์ เรียนจบโรงเรียนทหารเดียวกับองค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย โดยเป็นรุ่นพี่ของคอร์เนเลีย เธอเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะร่าเริงเฮฮา และเป็นคนที่คอร์เนเลียยำเกรงมากที่สุด ชื่อต้นของชื่อกับนามสกุลของเธอขึ้นต้นด้วยภาษาลาติน (โน) กับภาษากรีก (เอนเนีย) ซึ่งล้วนแปลว่าเก้า ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอเกมส์โค้ดกีอัสลอสคัลเลอร์ของเครื่องพีเอสพี/เพลย์สเตชันทู นอกเหนือจากไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ แล้วเธอไม่ได้ปรากฏตัวเลยในแอนิเมชันและปรากฏตัวแต่ในสื่ออื่นเท่านั้น

ลูเซียโน่ แบรดลีย์[แก้]

ชายผมสีส้มแถบสีแดงได้ฉายาว่า แวมไพร์แห่งบริแทนเนีย เป็นไนท์ออฟเท็น

โมนิกา ครุเชฟสกี้[แก้]

โมนิกา ครุเชฟสกี้ (ญี่ปุ่น: モニカ・クルシェフスキーโรมาจิMonika Kurushefusukī) ตำแหน่งไนท์ออฟทเวล เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีตระกูลมีผมสีบลอนด์แต่ลักษณะดังกล่าวไม่สามารถบอกได้ว่าเธอมีความสามารถขนาดไหน เธอประจำอยู่ที่สะพานยานธงของจักรพรรดิ ยานเกรตบริแทนเนีย ระหว่างการโจมตีที่คามิเนจิม่าจักรพรรดิปล่อยให้อยู่กับชไนล์เซลและภาคีอัศวินดำ เธอถูกฆ่าโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยนระหว่างการรวมกำลังบุกโค่นอำนาจของลูลูซ ขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลย

กองทัพบริแทนเนีย[แก้]

กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก กองดังกล่าวเป็นกองกำลังที่เป็นศัตรูหลักของซีรีส์นี้ แบ่งเป็นกองกำลังภาคพื้นดินหลายร้อยกอง, ไนท์แมร์เฟรม, ยานรบและที่พิเศษที่สุดก็คือหน่วยอัศวิน ซีโร่มีความมุ่งมั่นมากที่จะกำจัดกองกำลังนี้รวมทั้งฝ่ายวิจัยทางทหาร มีตัวละครหลายคนมาจากกลุ่มคนเหล่านี้

อันเดรียส ดาร์ลตัน[แก้]

อันเดรียส ดาร์ลตัน (ญี่ปุ่น: アンドレアス・ダールトンโรมาจิAndoreasu Dāruton) เป็นที่ปรึกษาและทหารใต้บังคับบัญชาขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย ดาร์ลตันเป็นคนที่ตัวสูงมาก บนใบหน้าเขามีแผลเป็นรอยบาก เขาไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของทหารในกองทัพปริททานเนีย เห็นได้ชัดจากสายตาของดาร์ลตันที่เห็นว่าสุซาคุเป็นบุคคลที่เท่าเทียมกันทหารทุกคนในกองทัพ และส่งเสริมสุซาคุให้ได้เป็นถึงอัศวินส่วนพระองค์ของยูเฟย์เมียร์แม้จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวญี่ปุ่นก็ตามที ต่อมาเขาถูกควบคุมโดยกีอัสของลูลูซเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนจับคอร์เนเลีย ระหว่างศึกโตเกียวดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียใช้การไม่ได้และถูกฆ่าปืนใหญ่ฮาดรอนของกาเวน ในโค้ดกีอัสฟิคเจอร์บุ๊ค 8.75 ปรากฏว่าดาร์ลตันได้รับบุตรบุญธรรมไว้หลายคนและ 5 คนได้เป็นกลาสตันไนท์

กิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด[แก้]

กิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด (ญี่ปุ่น: ギルバート・G・P・ギルフォードโรมาจิGirubāto. G. P. Girufōdo) ชายผอมสูงผมสีดำเข้ม ถูกขนานนามว่าเป็นถึง "ทวนแห่งจักรวรรดิ" เป็นที่ปรึกษาและอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์ขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย และเป็นผู้บัญชาการหน่วยกลาสตันไนท์ เดิมทีขับหุ่นโกวเซสเตอร์แล้วเปลี่ยนมาใช้วินเซนต์ที่พัฒนากว่าในซีซั่น 2

กิลฟอร์ดปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงต้นซีซั่นแรกช่วงที่เจเรเมีย กอทวอลด์โดนลดขั้นตำแหน่ง ในตอนท้ายเขาเป็นคนช่วยระงับความไม่สงบในเหตุการณ์ Black Rebellion ลงได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยกลาสตันไนท์ หลังจากคอร์เนเลียหายสาบสูญไปในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เขายังคงอยู่ที่ Area 11 และเฝ้าคอยการกลับมาของคอร์เนเลีย ต่อมาผู้ว่าการคาราเลสถูกฆ่าตายในซีซั่น 2 กิลฟอร์ดได้ทำหน้าที่แทนชั่วคราวก่อนนันนาลี่จะมารับตำแหน่งแทน ระหว่างการรบที่ญี่ปุ่นลูลูซได้ใช้กีอัสกับกิลฟอร์ดทำให้เชื่อว่าเขาเป็นคอร์เนเลียและเปลี่ยนเขาให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน กิลฟอร์ดได้เสียสละชีวิตผลักลูลูซ (ขณะที่เข้าใจว่าเป็นคอร์เนเลีย) ออกนอกรัศมีการระเบิดของระเบิดเฟรย่าและบอกเขาให้มีชีวิตต่อไป ในตอนที่ 24 ปรากฏว่ากิลฟอร์ดรอดชีวิตมาได้แต่ต้องใส่แว่นตาสีดำและถือไม้เท้า ในเวลาต่อมาเขาปรากฏตัวอยู่ในรูปถ่ายงานแต่งงานของวิเลตตากับคานาเมะ โอกิโดยยืนอยู่ข้างคอร์เนเลีย

กลาสตันไนท์[แก้]

ชื่อของหน่วยมาจากชื่อเขากลาสตันบรีในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ กลาสตันไนท์เป็นหน่วยนักบินไนท์แมร์เฟรมที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษอยู่ภายใต้การบัญชาของกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด มี 5 คนซึ่งเป็นลูกของอันเดรียส ดาร์ลตันทั้งหมด ได้แก่ อัลเฟรด จี ดาร์ลตัน (ผมสีบลอนด์),บาร์ท แอล ดาร์ลตัน (ผมสีดำ),ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน (ผมสีน้ำตาล),เดวิด ที ดาร์ลตัน (ผมสีแดง) และเอ็ดก้า เอ็น ดาร์ลตัน (ผมสีเทา) ทุกคนแต่งเครื่องแบบสีแดงและสวมไวเซอร์ (หน้ากาก) ที่ประกอบขึ้นมาเหมือนกับหน้าตาของหุ่นโกวเซสเตอร์ เดิมทีกลาสตันไนท์ขับหุ่นโกวเซสเตอร์ที่ติดระบบมิสไซล์แต่ได้เปลี่ยนมาใช้หุ่นกาเร็ทซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่าในช่วงการบุกญี่ปุ่นของภาคีอัศวินดำ

กลาสตันไนท์ได้ถูกแนะนำในตอนที่ 21 ซึ่งมาจากแผ่นดินแม่และปราบปรามพวกภาคีอัศวินดำระหว่างเหตุการณ์ไม่สงบในตอนท้ายซีซั่นแรก ในซีซั่น 2 อัลเฟรดกับบาร์ทถูกฆ่าในระหว่างเหตุการ์ชิงตัวนักโทษโดยภาคีอัศวินดำ หุ่นโกวเซสเตอร์ของบาร์ทถูกฐานทัพเคลื่อนที่ G-1 ทับขณะเดียวกับที่คาลเลนฆ่าอัลเฟรด เดวิดกับเอ็ดก้าถูกฆ่าในระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 โดยชิบะ (ด้วยความช่วยเหลือของคาลเลน) และโทโด ครูดิโดหนีรอดจากการระเบิดของระเบิดเฟรย่ามาได้และเป็นคนเดียวในหน่วยที่ยังมีชีวิตอยู่

คานอน มัลดินิ[แก้]

วิเลตตา นู[แก้]

ทหารบริแทนเนียระดับอัศวิน เป็นผู้หญิงผิวคล้ำผมสีเทาสังกัดกลุ่ม"เลือดบริสุทธิ์" โดยใกล้ชิดกับ เจเรเมียอย่างมาก และ มักติดตามเขาไปเรื่องงานเสมอระหว่างการต่อสู้ที่ชินจูกุ เธอพบกับลูลุชหลังได้รับกีอัส และ ถูกสั่งให้มอบไนท์แมร์ให้ ภายหลังเมื่อกลุ่มนี้สุญเสียอำนาจและความไว้วางใจไปเนื่องจากปล่อยตัว สุซาคุ ทำให้เจเรเมีย และวิเลตตาดิ้นรนหาทางแก้ตัวโดยพยายามสืบตัวจริงของซีโร่จากความทรงจำที่เธอพบลูลุชก่อนถูกชิงไนท์แมร์ โดยมุ่งเข้าทางเชอร์ลีย์ จนสาวถึงตัวจริงของซีโร่ว่าคือลูลุชสำเร็จ แต่ที่กำลังดีใจวิเลตต้าก็ถูกเชอร์ลีย์ยิงด้วยปืนบาดเจ็บตกน้ำไป ต่อมาโอกิได้พบตัวแล้ว ได้ยินวิเลตต้าพูดถึงตัวจริงของซีโร่ ก็ได้พากลับไปที่ห้องเพื่อหวังจะรีดข้อมูลเรื่องซีโร่ แต่โอกิก็ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ ซ้ำยังเกิดชอบวิเลตต้าอีก โดยที่วิเลตต้าที่ขณะสูญเสียความทรงจำก็ชอบโอกิเช่นกัน ถึงกับบอกเขาว่า เธอจะยอมเป็นอิเลเว่นด้วยกันกับโอกิก็ได้ แต่เมื่อภายหลังที่ซีโร่ก่อแบล็ค รีเบลเลี่ยนขึ้น วิเลตต้าก็ได้สติคืนด้วยการช๊อคจากชาวญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาจะทำร้ายเธอ เพราะ ความโกรธแค้นบริแทนเนีย วิเลตต้าได้เข้าไปพบกับโอกิ อีกครั้งแล้วยิงเขาบาดเจ็บ ในซีซั่นที่ 2 เพราะความดีความชอบที่รู้ตัวจริงของซีโร่เธอจึงได้ยศบารอนในบริแทนเนียและสังกัดหน่วยข่าวกรองลับซึงขึ้นตรงกับจักรพรรดิ รับหน้าที่สังเกตการณ์ลูลุชในโรงเรียนแอชฟอร์ดด้วยสถานะครูพละ ขณะทำหน้าที่นี้ เธอได้เป็นครูประจำชมรมว่ายน้ำและมักจะมีเรื่องดุว่าเชอร์ลีย์บ่อยๆเนื่องด้วยความโกรธที่เคยถูกยิง เมื่อลูลูชรู้ว่าเธอเคยอยู่กับโอกิจึงชักชวนให้เธอมาเข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำโดยใช้เรื่องโอกิมาขู่ว่า“หากเปิดเผยความสัมพันธ์กับโอกิยศที่อุตส่าห์ได้มาก็จะหายไป มาเกิดเป็นคนใหม่ไหมล่ะ”ทำให้เธอต้องเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจ และในตอนจบเธอก็แต่งงานกับโอกิแล้วก็มีลูกด้วยกัน

คลีเวล โซเรสิ[แก้]

คลีเวล โซเรสิ (ญี่ปุ่น: キューエル・ソレーシーโรมาจิKyūeru Sorēshī) นายทหารกองทัพบริแทนเนีย คลีเวลเป็นคนกลุ่มเลือดบริสุทธิ์เข้าข้างเจเรเมียที่ทำให้คุรุรุกิ สุซาคุเป็นแพะรับบาปในคดีสังหารองค์ชายโครวิส เมื่อเจเรเมียปล่อยให้คุรุรุกิ สุซาคุหนีไปกับซีโร่ได้ เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มเลือดบริสุทธิ์และพยายามฆ่าเจเรเมียแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกฆ่าโดยคาลเลนในศึกนาริตะ เขามีน้องสาวชื่อมาริก้า (ญี่ปุ่น: マリーカโรมาจิMarīka) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบินหน่วยวาลคิรี่ในซีซั่น 2 สื่งที่เหมือนกับคลีเวลคือเธอก็ถูกคาลเลนฆ่าตายเช่นกัน

หน่วยวิจัยบริแทนเนีย "คาเมล็อต"[แก้]

ลอยด์ แอสพรุนด์[แก้]

เป็นขุนนางแห่งบริแทนเนียโดยมีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ล และเป็นหัวหน้าทีมวิจัยวิทยาศาสตร์คาเมล็อท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาไนท์แมร์เฟรม แลนซาลอท ลอยด์ใช้ชีวิตอยู่กับวิทยาศาสตร์และมองมนุษย์เป็นเหมือนเครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น รัคชาตะมักจะเรียกเขาว่า "ลอร์ดพุดดิ้ง" ซึ่งเป็นของหวานของโปรดของลอยด์

ในซีซั่นแรก เขาเป็นคู่หมั้นของมิเลย์ แอชฟอร์ด เขาถูกสุซาคุบังคับให้ทำตัวดีๆกับเธอ แต่ถูกถอนหมั้นภายหลังจากมิเลย์จบการศึกษา เนื่องจากเธออยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะคำพูดของนีน่า ที่บอกว่าเธอเป็นคนทำอะไรไม่จริงจัง อยากแต่งงานเพื่อหวังให้ตำแหน่งขุนนางกลับมา ซึ่งหลังจากลอยด์รับทราบเรื่อง เขาเพียงแค่หัวเราะ แต่เซซิลผู้ช่วยของเขาบอกว่านั้นเป็นเพียงแค่การกลบเกลื่อนความรู้สึก

เซซิล ครูมมี่[แก้]

ภาคีกีอัส[แก้]

ภาคีกีอัสเดิมทีมาจากกลุ่มบุคคลที่บูชาและประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับกีอัส ปัจจุบันเป็นกลุ่มลับที่ศึกษาวิจัยและฝึกผู้ใช้กีอัส สถาณที่ที่ตั้งอยู่เป็นที่สุดท้ายอยู่ที่เขตแผ่นดินสหพันธ์จีนโดยเป็นเมืองใต้ดินขนาดใหญ๋หรือที่เรียกว่ากรมกีอัส ปัจจุบันอยู่ภายใต้อำนาจของวีทู สันนิษฐานว่ากลุ่มดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของบริแทนเนีย

วีทู[แก้]

รัฐบาล Area 11[แก้]

อลิเซีย โลเมเยอร์[แก้]

สหพันธรัฐจีน[แก้]

สหพันธรัฐจีนปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ มีพื้นที่ในการปกครองในเขตเอเชียและแปซิฟิคโดยมีอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนหนึ่งของตน โครงสร้างของการปกครองขึ้นอยู่กับจักรพรรดิแห่งเมืองจีนโดยจักรพรรดิเป็นเสมือนศูนย์รวมอำนาจการปกครองทั้งหมด แต่อำนาจดังกล่าวถูกลดลงเมื่อจักรพรรดิเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประชาชนเฉกเช่นเดียวกับที่จักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิในพิธีเท่านั้น แท้จริงแล้วการปกครองทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของกลุ่มขันทีชั้นสูง (大宦官, Daikangan?) ต่อมาเมื่อกลุ่มขันทีชั้นสูงถูกโค่นอำนาจลง สหพันธรัฐจีนก็ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสหพันธ์ประชาชาติและเปลี่ยนชื่อเป็นสหรัฐจีน(合衆国中華, Hézhòngguó Zhōnghuá, สหพันธรัฐจีน, "").

ลีฉิงเคอ[แก้]

ลีฉิงเคอ (ญี่ปุ่น: リー・シンクーโรมาจิRī Shinkū;ทับศัพท์จีน: 黎星刻; พินอิน: Lí Xīngkè) นายทหารในกองทัพสหพันธรัฐจีน กล่าวกันว่าเขามีความสามารถในการบัญชาการเฉกเช่นเดียวกับลูลูซและมีความแข็งแกร่งในการรบเช่นเดียวกับสุซาคุ อย่างไรก็ตามความสามารถของเขาก็ถูกจำกัดด้วยโรคร้ายที่กำลังฆ่าชีวิตเขาอย่างช้า ๆ ลีได้รับมอบหมายตำแหน่งในรัฐบาล ให้เดินทางไปยัง Area 11 ในฐานะของผู้คุ้มกันเกาไห่ ที่ปรึกษาของสหพันธรัฐ นอกจากนี้ยังมีความสามารถสูงในวิถีแห่งนักดาบและพกดาบติดตัวไปด้วยเสมอและเขาเป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมเฉงหู่ แต่อย่างไรก็ตามฉิงเคอก็ได้โดนจับเมื่อลลูลูซสามารถยึดป้อมเวหาเดอมอคลีสได้และถูกตัดสินประหารชีวิตพร้อมกับสมาชิกภาคีอัศวินดำและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติ เมื่อลูลูซตายด้วยน้ำมือของสุซาคุจึงได้รับการปล่อยตัว ภายหลังคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยโรคร้ายที่รุมเร้าเขาอยู่ เนื่องจากไม่พบตัวเขาในรูปถ่ายงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา และรูปถ่ายของจีโน่กับเทียนจื่อ

กลุ่มขันทีชั้นสูง[แก้]

กลุ่มขันทีชั้นสูงเป็นกลุ่มขันที 8 คนที่ใช้จักรพรรดินีเป็นหุ่นเชิดในการปกครองสหพันธรัฐจีน จนทำให้ประชาชนต้องยากจนและอดอยากในขณะที่พวกเขาอยู่กันอย่างสุขสบาย ทั้งหมดล้วนถูกประหารโดยลี ฉิงเคอในข้อหาพยายามปลงพระชนม์จักรพรรดินี แต่ทั้งหมดไม่ได้ตายพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

ขันทีคนแรกที่ถูกแนะนำในเรื่องคือ เกาไห่ (ญี่ปุ่น: ガオ・ハイโรมาจิGao Hai;ทับศัพท์จีน: 高亥) เป็นคนผิวซีดขาวและดูเป็นคนหนุ่ม ถูกส่งมาจากสหพันธรัฐจีนเพื่อมาประชุมที่ Area 11 แต่เขาตกอยู่ภายใต้อำนาจของกีอัสของลูลูซบังคับให้ยอมอนุญาตให้ภาคีอัศวินดำหลบอยู่ในสถานกงสุล ลี ฉิงเคอประหารเกาไห่ทันทีที่บอกกับเขาว่าซีโร่สำคัญกว่าจักรพรรดินี

ขันทีคนอื่นอีก 7 คนได้ปรากฏตัวหลังจากภาคีอัศวินดำถูกเนรเทศ โดยพวกเขาวางแผนยกแผ่นดินสหพันธรัฐจีนให้กับบริแทนเนียเพื่อที่จะได้เป็นขุนนางชั้นสูงของบริแทนเนีย ในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกที่เหลืออยู่ได้แก่

  1. จ้าวฮ้าว (ญี่ปุ่น: ジャオ・ハオウโรมาจิJao Haou;ทับศัพท์จีน: 趙皓; พินอิน: Zhào Hào) เป็นคนเดียวที่มีน้ำหนักตัวมากและสีผิวต่างจากคนอื่น
  2. เซี่ยหวัง (ญี่ปุ่น: シャ・ワンโรมาจิSha Wan;ทับศัพท์จีน: 夏望; พินอิน: Xià Wàng) ผู้ชายที่สูงและมีผิวสีดำแดงสวมแว่นตา
  3. เฉิงจง (ญี่ปุ่น: チェン・ジョンโรมาจิChen Jon;ทับศัพท์จีน: 程忠; พินอิน: Chéng Zhōng) ผู้ชายที่เตี้ยที่สุด
  4. เซียงเซิ้ง (ญี่ปุ่น: シャン・シェンโรมาจิShan Shen;ทับศัพท์จีน: 項勝; พินอิน: Xiàng Shēng) เป็นอีกคนนึงที่ผิวสีขาวซีดเหมือนเกาไห่แต่เตี้ยกว่าเกาไห่และอายุเท่ากัน
  5. ช่ายลี่ซื่อ (ญี่ปุ่น: サイ・リ・シโรมาจิSai Ri Shi;ทับศัพท์จีน: 蔡力士; พินอิน: Cài Lì Shì) ผู้ชายเตี้ยผมสีน้ำตาลอ่อนและมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
  6. ถงหลุน (ญี่ปุ่น: トン・ルンโรมาจิTon Run;ทับศัพท์จีน: 童倫; พินอิน: Tóng Lún) ผู้ชายที่สูงเหมือนกับเซี่ย หวังแต่มีผิวสีขาวซีด
  7. ฮวางเชียน (ญี่ปุ่น: フアン・シェンโรมาจิFuan Shen;ทับศัพท์จีน: 黄遷; พินอิน: Huáng Qiān) คนที่มีอายุมากที่สุดมีคางเหลี่ยมและมีรอยเหี่ยวย่นมากที่สุด

ขันทีทั้งเจ็ดพยายามปลงพระชนม์เทียนจื่อเพื่อแต่งตั้งจักรพรรดิหุ่นเชิดองค์ใหม่หลังจากเทียนจื่อถูกซืโร่ลักพาตัว แต่พวกเขากลับตกหลุมพรางของซีโร่จนทำให้ประชาชนรู้ถึงโฉมหน้าแท้จริงของทั้งกลุ่มและก่อการจลาจลไปทั่วประเทศ พวกเขาจึงถูกทอดทิ้งจากบริแทนเนียเพราะสูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชนและถูกลีสังหารทั้งหมด

หงกู่[แก้]

หงกู่ (ญี่ปุ่น: ホン・グโรมาจิHon Gu;ทับศัพท์จีน: 洪古; พินอิน: Hóng Gǔ) นายทหารรับใช้กลุ่มขันทีชั้นสูง แต่เข้าร่วมกับกลุ่มรัฐประหารของฉิงเคอ เขาเป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมกังเหลา หลังจากลุ่มรัฐประหารของฉิงเคอได้เข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำ เขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองยานเกราะที่ 2

เจี่ยงลี่ฮว๋า (เทียนจื่อ)[แก้]

เจี่ยงลี่ฮว๋า (ญี่ปุ่น: ジェン・リーファโรมาจิJen Rīfa;ทับศัพท์จีน: 蒋麗華; พินอิน: Jiǎng Líhuá) จักรพรรดินีน้อยแห่งสหพันธรัฐจีน อย่างไรก็ตามลักษณะของเธอก็ห่างไกลจากฐานะ "เทียนจื่อ" (ญี่ปุ่น: 天子โรมาจิTenshi;ทับศัพท์พินอิน: Tiānzǐ) หรือ "โอรสสวรรค์" (จักรพรรดิตามคติจีน) เพราะเธอเป็นเพียงองค์หญิงหุ่นเชิดของพวกกลุ่มขันทีชั้นสูง ด้วยความที่เธอไร้เดียงสาจึงทำให้เธอถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองสหพันธรัฐจีนได้โดยง่าย เป็นเหมือนนักโทษที่ถูกคุมขังในเมืองต้องห้าม ไม่อาจจะได้เห็นโลกภายนอกเมืองต้องห้ามและนั้นก็คือสิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุด เมื่อตอนเยาว์วัยเธอเคยประทานอภัยโทษให้กับลี ฉิงเคอจากโทษประหารที่ขโมยยาในวังและเมื่อลีกลับมาเขาก็ได้ให้สัญญากับเธอว่าวันหนึ่งเขาพาเธอออกไปนอกกำแพงเมืองต้องห้าม

ในซีซั่น 2 เธอเป็นเพื่อนกับคางุยะ สุเมรางิระหว่างที่คุยเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของ Area 11 ต่อมาถูกบังคับให้อภิเษกทางการเมืองกับองค์ชายลำดับที่ 1 โอดิสสิอุสโดยชไนล์เซล ตามความต้องการของพวกกลุ่มขันทีชั้นสูงเพื่อที่จะได้เป็นขุนนางของบริแทนเนีย อย่างไรก็ตามพิธีอภิเษกก็ถูกขัดขวางโดยลี ฉิงเคอและภาคีอัศวินดำ เพื่อทำให้เธอกลับมาปกครองสหพันธ์จีนและเป็นพันธมิตรชาติแรกของลูลูซในระดับโลก ต่อมาเมื่อลูลูซได้ขึ้นปกครองเป็นองค์จักรพรรดิ เขาได้ลักพาตัวเทียนจื่อไปพร้อมกับตัวแทนชาติต่างๆ ของสหพันธ์ประชาชาติในฐานะตัวประกันในสงครามที่จะต่อกรกับชไนล์เซล เมื่อลูลูซสละยานอวาลอนทิ้งและได้ปล่อยตัวประกันทุกคน เธอก็ถูกฉิงเคอช่วยเอาไว้และเธอได้บอกกับเขาว่าซาโยโกะ, เซซิล และลอยด์ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการช่วยปล่อยเธอและตัวแทนคนอื่น ๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ตามเธอกับฉิงเคอก็โดนจับอีกครั้งนึงเมื่อลลูลูซสามารถยึดป้อมเวหาเดอมอคลีสได้และถูกตัดสินประหารชีวิตพร้อมกับสมาชิกภาคีอัศวินดำและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติ เมื่อลูลูซตายด้วยน้ำมือของสุซาคุ (ที่สวมบทบาทเป็นซีโร่) ทุกคนรวมทั้งเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากคอร์เนเลีย เธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในรูปที่ฉายร่วมกับจีโน่และงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา

โจวเซียงหลิน[แก้]

โจวเซียงหลิน (ญี่ปุ่น: ジョウ・チャンリンโรมาจิJō Chanrin;ทับศัพท์จีน: 周香凛; พินอิน: Zhōu Xiānglǐn) นายทหารหญิงที่เป็นผู้ช่วยของลีฉิงเคอ ยามที่ลีฉิงเคอเข้าสู่สนามรบเธอจะคอยช่วยบัญชาการสนับสนุนการรบของลี ต่อมาได้รับตำแหน่งระดับหัวหน้าในกลุ่มภาคีอัศวินดำ

อื่นๆ[แก้]

คุรูรูกิ เก็มบุ[แก้]

คุรุรุกิ เก็มบุ (ญี่ปุ่น: 枢木 ゲンブโรมาจิKururugi Genbu) พ่อของสุซาคุ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าบ้านดูแล ลูลูชและนันนาลี่ แลมเพอรูจในฐานะตัวประกัน 7 ปีก่อนเหตุการณ์ในซีรีส์ เมื่อบริแทนเนียเริ่มทำการรุกรานญี่ปุ่น เก็มบุไม่ยอมรับการจำนนโดยเลือกที่ต่อต้านบริแทนเนีย ก่อนยุติสงครามเขาถูกฆ่าจากความหุนหันพลันแล่นของลูกชายของเขาเอง สุซาคุ ที่ไม่ต้องการให้ทำสงครามต่อไป หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ความตายของเขาได้รับการสรรเสริญยกย่องเป็นที่ยอมรับของกลุ่มบุคคลที่เรียกตนเองว่ากลุ่มเกียวโต

เหมา[แก้]

ชายที่ได้รับ กีอัส ประเภทอ่านใจผู้คนในระยะ 500 เมตรจาก ซีทูตั้งแต่อายู 6 ปีก่อนที่ ซีทู จะพบกับลูลุช ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ ลูลุช เพื่อต้องการตัว ซีทู กลับไปแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ ลูลุช และถูก ซีทู ยิงเสียชีวิต

นาโอโตะ โคซึกิ[แก้]

นาโอโตะ โคซึกิ (紅月ナオト, Kouzuki Naoto?) พี่ชายของคาลเลนซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มต่อต้านเพื่อปลดปล่อยญี่ปุ่นให้เป็นอิสระจากบริแทนเนีย เขาถูกฆ่าตายก่อนที่จะเริ่มเรื่องในซีรีส์และเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คาลเลนเข้าต่อสู้กับบริแทนเนีย ความตายของเขาทำให้คานาเมะ โอกิต้องรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำกลุ่มต่อต้านตอนเริ่มเรื่อง ที่โอกิได้รับตำแหน่งนั้นก็เพราะมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนสนิทของนาโอโตะ ในซีรีส์เขาปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในรูปที่ถ่ายคู่กับคาลเลนที่โอกิชำเลืองมองดูและพลางคิดว่าตนอาจไม่มีความสามารถพอที่จะนำกลุ่มต่อต้านได้เหมือนนาโอโตะ สิ่งที่โอกิคิดในใจระหว่าง Black Rebellion เมื่อโอกิให้คาลเลนตามซีโร่ไปเพื่อคุ้มครองและปกป้องด้วยชีวิตนั้นก็คือซีโร่เป็นคนเดียวที่จะสามารถทำความฝันของนาโอโตะให้เป็นจริงได้แต่เพียงผู้เดียว

ตัวละครนอกเหนือจากเนื้อเรื่องหลัก[แก้]

ตัวละครที่เสนออยู่ในรูปแบบอื่นเช่นหนังสือการ์ตูนฝันร้ายของนันนาลี่และวิดีโอเกมส์

วิดีโอเกมส์[แก้]

Castor rui Britannia[แก้]

Pollux rui Britannia[แก้]

Rai[แก้]

การตอบโต้กลับของสุซาคุ[แก้]

เป็นฉบับหนังสือการ์ตูน ลิขสิทธิ์ในไทยเป็นของสยามอินเตอร์คอมมิค มี 2 เล่มจบ

Mariel Lubie[แก้]

Lenard Lubie[แก้]

ฝันร้ายของนันนาลี่[แก้]

อลิซ[แก้]

Dalque[แก้]

Lucretia[แก้]

แมท[แก้]

แมท (ญี่ปุ่น: マッドโรมาจิMaddo) มนุษย์ไซบอร์กที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอิเลคกุร่า

เหมา (ฝันร้ายของนันนาลี่)[แก้]

เนโมะ[แก้]

โรโล่ วี บริแทนเนีย[แก้]

Sancia[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Animedia magazine, September 2008
  2. "コードギアス 反逆のルルーシュ 公式サイト". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-03. สืบค้นเมื่อ 2010-09-16.