นอร์ทอเมริกัน F-100 ซูเปอร์เซเบอร์
| F-100 ซูเปอร์เซเบอร์ | |
|---|---|
| ข้อมูลทั่วไป | |
| ประเภท | เครื่องบินขับไล่-ทิ้งระเบิด |
| บริษัทผู้ผลิต | นอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน |
| สถานะ | ปลดประจำการแล้ว |
| ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศสหรัฐ |
| จำนวนที่ผลิต | 2,294 ลำ[1] |
| ประวัติ | |
| สร้างเมื่อ | 1953–1959 |
| เริ่มใช้งาน | 27 กันยายน 1954 |
| เที่ยวบินแรก | 25 พฤษภาคม 1953 |
| ปลดประจำการ | 1979 (หน่วยรักษาชาติทางอากาศ) 1988 (ทอ.ไต้หวัน)[2] |
| พัฒนาจาก | F-86 เซเบอร์ |
| พัฒนาเป็น | F-107 |
นอร์ทอเมริกัน F-100 ซูเปอร์เซเบอร์ (North American F-100 Super Sabre) เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นความเร็วเหนือเสียงของสหรัฐ ออกแบบและผลิตโดยนอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นแรกในตระกูล Century Series และยังเป็นเครื่องบินขับไล่ลำแรกของกองทัพอากาศสหรัฐ ที่สามารถทำความเร็วเหนือเสียงขณะทำการบินรักษาระดับ[3]
F-100 เริ่มถูกวางแนวคิดตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 ให้เป็นเครื่องบินที่มีสมรรถนะสูงกว่ารุ่น F-86 เซเบอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ครองอากาศในยุคนั้น[4] เดิมมีชื่อโครงการว่า Sabre 45 เดิมมีชื่อเรียกว่า Sabre 45 มันถูกนำเสนอต่อกองทัพอากาศสหรัฐในปี 1951 ซึ่งเป็นการนำเสนอเองโดยที่ไม่ได้ถูกร้องขอจากทางกองทัพ แต่กองทัพก็มีความสนใจและหนึ่งปีถัดมาก็สั่งสร้างเครื่องต้นแบบจำนวนสองลำ ภายหลังการแก้ไขปรับปรุง เครื่องต้นแบบ YF-100A ได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1953 เร็วกว่ากำหนดถึง 7 เดือน การทดสอบการบินแสดงให้เห็นทั้งสมรรถนะที่น่าประทับใจและข้อบกพร่องหลายประการ ในที่สุดเครื่องบิน F-100A ได้เข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐอย่างเป็นทางการเมื่อ 27 กันยายน 1954 อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึง 6 ครั้งภายในเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่ง ทำให้เครื่องบินแบบนี้ถูกสั่งหยุดบินเพื่อดำเนินการสอบสวนและแก้ไขปัญหา ในที่สุด F-100 จึงกลับมาทำการบินได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 1955
คู่แข่งโดยตรงของ F-100 ในยุคแรกคือ MiG-19 ของสหภาพโซเวียต ซึ่งเข้าประจำการในปี 1955 หนึ่งปีตามหลัง F-100[5] เครื่องบินทั้งสองมีความเร็วสูงสุดใกล้เคียงกันที่ประมาณมัค 1.2–1.3 อย่างไรก็ตาม F-100 มีโครงสร้างที่มั่นคงกว่าในด้านการบินความเร็วสูง แต่กลับมีปัญหาด้านเสถียรภาพ ทำให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมากในช่วงแรก[6] MiG-19 ใช้ปืนใหญ่อากาศ 30 มม. และ 23 มม. ทำให้มีอานุภาพในการยิงปะทะสูง ขณะที่ F-100 ใช้ปืนกล M39 ขนาด 20 มม. จำนวน 4 กระบอก แต่ต่อมาได้เปรียบด้วยความสามารถบรรทุกระเบิดและมิสไซล์อากาศสู่อากาศ AIM-9 ไซด์ไวน์เดอร์ ในรุ่น D[7]
F-100 เป็นหนึ่งในกำลังหลักที่ถูกใช้ในสงครามเวียดนามระหว่าง 1961-1971[8] โดยเฉพาะในการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด และการทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี
รุ่นย่อย
[แก้]- F-100A รุ่นแรกสุด ใช้ทดสอบความเร็วเหนือเสียง แต่มีปัญหาด้านเสถียรภาพการบินและอุบัติเหตุหลายครั้ง จึงผลิตจำนวนจำกัด
- F-100B เดิมเป็นโครงการปรับปรุง F-100 ให้เหมาะกับบทบาทสกัดกั้น แต่ภายหลังพัฒนาเป็นโครงการใหม่ F-107
- F-100C รุ่นโจมตีเชิงยุทธวิธี เพิ่มพิสัยและบรรทุกอาวุธ รองรับระเบิดนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีและถังเชื้อเพลิงภายนอก
- F-100D เน้นโจมตีภาคพื้นดิน ติดตั้งเรดาร์และระบบนำร่อง รองรับมิสไซล์ AIM-9 ใช้งานอย่างมากในสงครามเวียดนาม
- F-100F รุ่นสองที่นั่ง ใช้ฝึกนักบินและปฏิบัติการจริง ดัดแปลงจาก F-100D นอกจากฝึกแล้วยังใช้ในภารกิจข่มเรดาร์ ติดตั้งมิสไซล์ AGM-45
ข้อมูลจำเพาะ (F-100D)
[แก้]- ลูกเรือ: 1 นาย
- ความยาว: 15.2 เมตร
- ความกว้างช่วงปีก: 11.8 เมตร
- ความสูง: 4.95 เมตร
- พื้นที่ปีก: 37.16 ตารางเมตร
- น้ำหนักตัวเปล่า: 9,500 กิโลกรัม
- น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 15,800 กิโลกรัม
- เครื่องยนต์: เทอร์โบเจ็ต Pratt & Whitney J57-P-21 พร้อมสันดาปท้าย
- กำลังขับ: 10,200 ปอนด์ (47.4 kN) เมื่อขับแห้ง / 16,000 ปอนด์ (71.2 kN) เมื่อใช้สันดาปท้าย
- ความเร็วสูงสุด: มัค 1.4
- เพดานบิน: 50,000 ฟุต (15,000 เมตร)
- อัตราการไต่: 22,400 ฟุต/นาที (114 เมตร/วินาที)
- รัศมีการรบ: 1,070 กิโลเมตร
- พิสัยบินไกลสุด: 3,200 กิโลเมตร
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Knaack 1978, p. 132.
- ↑ "Historical Listings: China, Nationalist (Taiwan) (NCH)." เก็บถาวร 10 มิถุนายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน World Air Forces. Retrieved: 19 May 2011.
- ↑ Rendall, Ivan (1999). Rolling Thunder: jet combat from World War II to the Gulf War (First U.S. ed.). New York: Simon & Schuster Inc. p. 110. ISBN 0-684-85780-4.
- ↑ "North American F-100C 'Super Sabre'". fas.org. 29 June 1999. สืบค้นเมื่อ 23 July 2017.
- ↑ Gordon, Yefim; Komissarov, Dmitriy. Mikoyan-Gurevich MiG-19: The Soviet Union’s First Production Supersonic Fighter. Midland Publishing, 2004.
- ↑ Winchester, Jim. The World’s Worst Aircraft. Amber Books, 2005.
- ↑ Gunston, Bill. The Illustrated Directory of Fighting Aircraft of World War II and Beyond. Salamander Books, 2006.
- ↑ Dorr, Robert F. F-100 Super Sabre at War. Motorbooks International, 2003.