ข้ามไปเนื้อหา

นอร์ทอเมริกัน F-100 ซูเปอร์เซเบอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
F-100 ซูเปอร์เซเบอร์
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทเครื่องบินขับไล่-ทิ้งระเบิด
บริษัทผู้ผลิตนอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน
สถานะปลดประจำการแล้ว
ผู้ใช้งานหลักกองทัพอากาศสหรัฐ
กองทัพอากาศตุรกี
กองทัพอากาศไต้หวัน
กองทัพอากาศฝรั่งเศส
จำนวนที่ผลิต2,294 ลำ[1]
ประวัติ
สร้างเมื่อ1953–1959
เริ่มใช้งาน27 กันยายน 1954
เที่ยวบินแรก25 พฤษภาคม 1953
ปลดประจำการ1979 (หน่วยรักษาชาติทางอากาศ)
1988 (ทอ.ไต้หวัน)[2]
พัฒนาจากF-86 เซเบอร์
พัฒนาเป็นF-107

นอร์ทอเมริกัน F-100 ซูเปอร์เซเบอร์ (North American F-100 Super Sabre) เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นความเร็วเหนือเสียงของสหรัฐ ออกแบบและผลิตโดยนอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นแรกในตระกูล Century Series และยังเป็นเครื่องบินขับไล่ลำแรกของกองทัพอากาศสหรัฐ ที่สามารถทำความเร็วเหนือเสียงขณะทำการบินรักษาระดับ[3]

F-100 เริ่มถูกวางแนวคิดตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 ให้เป็นเครื่องบินที่มีสมรรถนะสูงกว่ารุ่น F-86 เซเบอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ครองอากาศในยุคนั้น[4] เดิมมีชื่อโครงการว่า Sabre 45 เดิมมีชื่อเรียกว่า Sabre 45 มันถูกนำเสนอต่อกองทัพอากาศสหรัฐในปี 1951 ซึ่งเป็นการนำเสนอเองโดยที่ไม่ได้ถูกร้องขอจากทางกองทัพ แต่กองทัพก็มีความสนใจและหนึ่งปีถัดมาก็สั่งสร้างเครื่องต้นแบบจำนวนสองลำ ภายหลังการแก้ไขปรับปรุง เครื่องต้นแบบ YF-100A ได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1953 เร็วกว่ากำหนดถึง 7 เดือน การทดสอบการบินแสดงให้เห็นทั้งสมรรถนะที่น่าประทับใจและข้อบกพร่องหลายประการ ในที่สุดเครื่องบิน F-100A ได้เข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐอย่างเป็นทางการเมื่อ 27 กันยายน 1954 อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึง 6 ครั้งภายในเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่ง ทำให้เครื่องบินแบบนี้ถูกสั่งหยุดบินเพื่อดำเนินการสอบสวนและแก้ไขปัญหา ในที่สุด F-100 จึงกลับมาทำการบินได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 1955

คู่แข่งโดยตรงของ F-100 ในยุคแรกคือ MiG-19 ของสหภาพโซเวียต ซึ่งเข้าประจำการในปี 1955 หนึ่งปีตามหลัง F-100[5] เครื่องบินทั้งสองมีความเร็วสูงสุดใกล้เคียงกันที่ประมาณมัค 1.2–1.3 อย่างไรก็ตาม F-100 มีโครงสร้างที่มั่นคงกว่าในด้านการบินความเร็วสูง แต่กลับมีปัญหาด้านเสถียรภาพ ทำให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมากในช่วงแรก[6] MiG-19 ใช้ปืนใหญ่อากาศ 30 มม. และ 23 มม. ทำให้มีอานุภาพในการยิงปะทะสูง ขณะที่ F-100 ใช้ปืนกล M39 ขนาด 20 มม. จำนวน 4 กระบอก แต่ต่อมาได้เปรียบด้วยความสามารถบรรทุกระเบิดและมิสไซล์อากาศสู่อากาศ AIM-9 ไซด์ไวน์เดอร์ ในรุ่น D[7]

F-100 เป็นหนึ่งในกำลังหลักที่ถูกใช้ในสงครามเวียดนามระหว่าง 1961-1971[8] โดยเฉพาะในการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด และการทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี

รุ่นย่อย

[แก้]
  • F-100A รุ่นแรกสุด ใช้ทดสอบความเร็วเหนือเสียง แต่มีปัญหาด้านเสถียรภาพการบินและอุบัติเหตุหลายครั้ง จึงผลิตจำนวนจำกัด
  • F-100B เดิมเป็นโครงการปรับปรุง F-100 ให้เหมาะกับบทบาทสกัดกั้น แต่ภายหลังพัฒนาเป็นโครงการใหม่ F-107
  • F-100C รุ่นโจมตีเชิงยุทธวิธี เพิ่มพิสัยและบรรทุกอาวุธ รองรับระเบิดนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีและถังเชื้อเพลิงภายนอก
  • F-100D เน้นโจมตีภาคพื้นดิน ติดตั้งเรดาร์และระบบนำร่อง รองรับมิสไซล์ AIM-9 ใช้งานอย่างมากในสงครามเวียดนาม
  • F-100F รุ่นสองที่นั่ง ใช้ฝึกนักบินและปฏิบัติการจริง ดัดแปลงจาก F-100D นอกจากฝึกแล้วยังใช้ในภารกิจข่มเรดาร์ ติดตั้งมิสไซล์ AGM-45

ข้อมูลจำเพาะ (F-100D)

[แก้]
  • ลูกเรือ: 1 นาย
  • ความยาว: 15.2 เมตร
  • ความกว้างช่วงปีก: 11.8 เมตร
  • ความสูง: 4.95 เมตร
  • พื้นที่ปีก: 37.16 ตารางเมตร
  • น้ำหนักตัวเปล่า: 9,500 กิโลกรัม
  • น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 15,800 กิโลกรัม
  • เครื่องยนต์: เทอร์โบเจ็ต Pratt & Whitney J57-P-21 พร้อมสันดาปท้าย
  • กำลังขับ: 10,200 ปอนด์ (47.4 kN) เมื่อขับแห้ง / 16,000 ปอนด์ (71.2 kN) เมื่อใช้สันดาปท้าย
  • ความเร็วสูงสุด: มัค 1.4
  • เพดานบิน: 50,000 ฟุต (15,000 เมตร)
  • อัตราการไต่: 22,400 ฟุต/นาที (114 เมตร/วินาที)
  • รัศมีการรบ: 1,070 กิโลเมตร
  • พิสัยบินไกลสุด: 3,200 กิโลเมตร

อ้างอิง

[แก้]
  1. Knaack 1978, p. 132.
  2. "Historical Listings: China, Nationalist (Taiwan) (NCH)." เก็บถาวร 10 มิถุนายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน World Air Forces. Retrieved: 19 May 2011.
  3. Rendall, Ivan (1999). Rolling Thunder: jet combat from World War II to the Gulf War (First U.S. ed.). New York: Simon & Schuster Inc. p. 110. ISBN 0-684-85780-4.
  4. "North American F-100C 'Super Sabre'". fas.org. 29 June 1999. สืบค้นเมื่อ 23 July 2017.
  5. Gordon, Yefim; Komissarov, Dmitriy. Mikoyan-Gurevich MiG-19: The Soviet Union’s First Production Supersonic Fighter. Midland Publishing, 2004.
  6. Winchester, Jim. The World’s Worst Aircraft. Amber Books, 2005.
  7. Gunston, Bill. The Illustrated Directory of Fighting Aircraft of World War II and Beyond. Salamander Books, 2006.
  8. Dorr, Robert F. F-100 Super Sabre at War. Motorbooks International, 2003.