ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร)
นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนมหรือหัวหน้าผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม อดีตกรมการบ้านธาตุพนม
ก่อนหน้าท้าวราชวัตร์ (คูณ รามางกูร)
ถัดไปพระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดธาตุพนม
เสียชีวิตธาตุพนม
ศาสนาศาสนาพุทธ
คู่สมรสอาดยานางจันทาวะดี

ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร) อดีตนายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม หรือผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม หรือนายกองบ้านธาตุพนมลำดับ 4 ก่อน พ.ศ. 2417[1] ในราชวงศ์เวียงจันทน์ปกครองธาตุพนมลำดับ 7 บรรดาศักดิ์เดิมท้าวสุวันนะเสฏฐากรมการธาตุพนม เชื้อสายราชวงศ์เวียงจันทน์และจำปาสัก เลื่อนเป็นที่เพี้ยอัคคะฮาดกรมการธาตุพนมก่อนยุบเป็นกองบ้านธาตุพนม นามเดิมท้าวสุวันนะคำมุงหรือท้าวคำมุง พื้นเมืองพนมออกนามพ่อออกอุปละคำมุงหรือยาพ่อผ้าขาวหรือผ้าขาวอุปละ[2] เป็นต้นสกุลอุปละหรืออุประของอำเภอธาตุพนม

ประวัติ[แก้]

เป็นบุตรลำดับแรกของพระอุปละ (คำมั่น) กรมการธาตุพนมเดิม มารดานามอาดยานางรัตนะหน่อแก้วชาวบ้านธาตุพนม เป็นหลานพระมหาสุระนันทากับอาดยานางแก้วอาไพธิดาเจ้าพระรามราชฯ (ราม) พระมหาสุระนันทาเป็นบุตรเจ้าสุทธฮาชและน้องอาดยานางยอดแก้วสีบุนมาภรรยาเจ้าพระรามราชฯ เจ้าสุทธฮาชและนางยอดแก้วสีบุนมาเป็นบุตรธิดาเจ้าสีสุมังกับนางคำส่วงตา เป็นหลานเจ้าพระยาหลวงกางสมคาม (คำวิสุด) โอรสกษัตริย์จำปาสักกับสนมไม่ปรากฏนาม ท้าวอุปละ (มุง) จึงมีเชื้อราชวงศ์เวียงจันทน์และขุนโอกาสธาตุพนมทางนางแก้วอาไพผู้ย่าและราชวงศ์จำปาสักทางพระมหาสุระนันทาผู้ปู่[3] ก่อน พ.ศ. 2402 พระอุปละ (คำมั่น) บิดาร้องขอหลวงอามาตย์ (อำนาจ) นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนมลำดับแรกหลังการแตกศึกเจ้าอนุวงศ์ ตั้งบุตรชายตนเป็นท้าวสุวันนะเสฏฐากรมการ ครั้นบิดาถึงแก่กรรมเลื่อนเป็นท้าวอุปละแทนบิดา ต่อมาท้าวราชวัตริ์ (คูณ) นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนมลำดับ 3 ญาติชาวบ้านชะโนดเมืองมุกดาหารถึงแก่กรรม เจ้าเมืองนครพนมและมุกดาหารเห็นควรเลื่อนเป็นนายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนมแทน[4] พ.ศ. 2402 พระยายมราชขุนนางสยามเป็นแม่กองสักเลกไพร่พลเมืองหัวเมืองลาวตั้งขึ้นเป็นท้าวอุปละนายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนมเป็นหัวหน้ามีอำนาจควบคุมตัวเลกข้าพระธาตุพนม ให้กรมการท้าวเพี้ยบ้านธาตุพนมฟังบังคับบัญชาท้าวอุปละ (มุง) ธาตุพนมมีเลกข้าพระจำนวน 1,548 คน ตัวเลกมากใกล้เคียงหัวเมืองอื่น แต่เลกข้าพระตั้งเรือนย้ายทำกินในแดนเมืองนครพนมและมุกดาหารซึ่งมักแทรกแซงกิจการไพร่ส่วยกองข้าเลกพระธาตุพนมเสมอ ท้าวอุปละจึงขัดแย้งเจ้าเมืองใกล้เคียงบ่อยครั้ง[5] พ.ศ. 2422 เลื่อนเป็นเพี้ยอัคคะฮาชเทียบอุปฮาตเมืองเล็กเดือนเศษถึงแก่กรรม[6] ราชการตั้งท้าวสุวันนะคำถงบุตรคนโตเป็นท้าวอุปละหัวหน้าควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนมแทน[7] ดังเอกสาร ร.5 ม.2 (12ก.) เล่ม 20 ร.ศ.107 ว่า ...ครั้นถึง จศก (พ.ศ. 2417) ท้าวอุปละ (มุง) ถึงแก่กรรม ท้าวถงบุตรอุปละ (มุง) เลื่อนขึ้นเป็นท้าวอุปละแทนบิดาควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกสืบต่อมา... [8]

การศาสนา[แก้]

พื้นเมืองพนมระบุเป็นผู้ใฝ่รักษาอุโบสถศีลนุ่งขาวในวัดพระธาตุพนมประจำชาวบ้านจึงออกนามพ่อออกอุปละ[9] บำรุงศาสนาในธาตุพนมหลายประการ เช่น ให้ข้าโอกาสบูรณะฐานพระธาตุพนมและกมมะเลียน บูรณะพระธาตุตุ้มพะวังบ้านนาวาง เมืองหนองบก แขวงคำม่วน โดยนำเศษปูนจากธาตุพนมไปผสม บูรณะพระธาตุน้อยและสิมวัดสีบุญเฮือง บ้านศรีบุญเรืองทิศเหนือธาตุพนม สร้างหอมเหสักเจ้าเฮือน 3 พระองค์ซึ่งพังทลายลง ให้คนทำความสะอาดต้นโพธิ์ปากก่ำประจำ ให้พวกพระเสพบรรเลงมโหรีถวายพระธาตุพนม[10]

พี่น้องและบุตรธิดา[แก้]

มีพี่น้อง 7 ท่านคือท้าวอุปละ (มุง), เพี้ยคำบุ่งกวานบ้านปากก่ำ, พระหานลือไซย (ผูย) บ้านนาวาง, นางคำทุง, นางคำเผาะ, นางหนู, นางแสนคำติ้ว ภริยาปรากฏนาม 1 ท่านคือนางจันทาวะดีชาวธาตุพนม บุตรธิดา 7 ท่านคือพระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) หรือท้าวสุวันนะคำถง นายกองข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม หรือผู้ควบคุมท้าวเพี้ยตัวเลกข้าพระธาตุพนม หรือนายกองบ้านธาตุพนมลำดับ 5, ท้าวไซยะเสน (เหลา) หรือท้าวสุวันนะคำเหลา, เพี้ยไซยะบุตร (ลือ) หรือท้าวสุวันนะคำลือ, นางแดง, นางสุเทพาวะดี, นางประทุมมาวะดี, นางหล่า[11]

ถึงแก่อนิจกรรม[แก้]

พื้นเมืองพนมระบุถึงแก่กรรม ณ บ้านธาตุพนม ฉศก พ.ศ. 2417 บ้างว่า 2422 กรมการชาวบ้านจัดเมรุพิธีที่หอขวางดงฮ้างริมฝั่งโขงบ้านหนองหอย ตำบลธาตุพนม ปัจจุบันเป็นที่ตั้งวัดป่าสุริโย[12] สร้างธาตุบรรจุอัฐิทิศเหนือนอกกำแพงแก้วพระธาตุพนมต่อมารกร้าง พ.ศ. 2518 พระธาตุพนมถล่มจึงรื้อธาตุที่พังทั้งหมดออก

สายสกุล[แก้]

ทายาทตั้งชื่อสกุลว่าอุปละแปลว่าดอกบัว มาจากบรรดาศักดิ์เดิมท้าวอุปละ (มุง) ณ ที่ว่าการอำเภอธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บ้างเขียนเป็นอุประ ผู้ใช้สกุลท่านแรกคือท้าวคำลื้อหรือนายลื้อ อุประ หลานพระพิทักษ์เจดีย์ (ศรี รามางกูร) น้องชายพระพิทักษ์เจดีย์ (แก่น รามางกูร) ท้าวคำลื้อเป็นหลานปู่พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง) เป็นเหลนทวดท้าวอุปละ (มุง) มีภริยานามนางใบ อุประ (สกุลเดิมพรหมอารักษ์) ทายาทบ้างระบุว่าผู้ตั้งสกุลท่านแรกคือบิดาท้าวคำลื้อ บ้างระบุว่าแรกตั้งสกุลใช้อุประ ส่วนอุปละเกิดจากการเขียนพลาด[13]


ก่อนหน้า ท้าวอุปละ (มุง รามางกูร) ถัดไป
ท้าวสุริยะราชวัตร์ (คูณ รามางกูร) นายกองข้าพระธาตุพนม
หรือหัวหน้าผู้ควบคุมข้าพระธาตุพนม
หรือนายกองบ้านธาตุพนม

พระพิทักษ์เจดีย์ (ถง รามางกูร)

อ้างอิง[แก้]

  1. ประวิทย์ คำพรหม และคณะ, ประวัติอำเภอธาตุพนมː: จัดพิมพ์โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, (กาฬสินธุ์: ประสารการพิมพ์, 2545), หน้า 108.
  2. พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), (ม.ป.ท.: วัดบวรนิเวศวิหาร คณะแดงรังสี, ม.ป.ป.), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
  3. พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
  4. เรื่องเดียวกัน.
  5. พจนีย์ เพ็งเปลี่ยน, นิทานอุรังคธาตุฉบับหลวงพระบาง, (ม.ป.ท.: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, 2543), หน้า 154.
  6. พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
  7. สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร, (มุกดาหาร: ม.ป.พ., 2543), หน้า 43.
  8. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสาร ร.5 ม.2 (12ก.) เล่ม 20 ร.ศ. 107.
  9. สัมภาษณ์นางสาวจันเนา รามางกูร เรื่อง ประวัติขุนโอกาสธาตุ อายุ 90 ปี อาชีพค้าขาย เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2550.
  10. พระมหาดวง รามางกูร, พื้นเมืองพนม (ประวัติวงส์เจ้าเมืองธาตุพนม), ไม่ปรากฏหน้า (อัดสำเนา).
  11. เรื่องเดียวกัน.
  12. สัมภาษณ์นางสาวจันเนา รามางกูร เรื่อง ประวัติดงฮ้างบ้านหนองหอย อาชีพค้าขาย อายุ 90 ปี เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2550.
  13. สัมภาษณ์นางพิศมัย อุประ เรื่อง ประวัตินายคำลื้อ อุประ และสกุลอุประ อาชีพค้าขาย เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2550.