ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิง

ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิง (จีน: 邓小平理论; พินอิน: Dèng Xiǎopíng Lǐlùn) หรือที่เรียกว่า ลัทธิเติ้ง (Dengism)[1][2] เป็นชุดอุดมการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่พัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยผู้นำจีน เติ้ง เสี่ยวผิง[3]: 1500 ทฤษฎีนี้ไม่ได้ปฏิเสธลัทธิมากซ์–เลนินหรือลัทธิเหมา แต่กลับอ้างว่าเป็นการปรับประยุกต์ใช้แนวคิดเหล่านั้นให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่มีอยู่ของประเทศจีน[4][5]
ทฤษฎีนี้ยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจสมัยใหม่ของจีน เนื่องจากเติ้งให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศจีนสู่โลกภายนอก[6] การนำหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ" มาใช้ และการใช้วลี "แสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง"[3]: 1500 เป็นการส่งเสริมแนวคิดปฏิบัตินิยมทางการเมืองและเศรษฐกิจ[7][8]
สาระสำคัญ
[แก้]ด้วยแรงบันดาลใจจากนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของเลนิน[9] ทฤษฎีของเติ้งส่งเสริมการสร้างสังคมนิยมภายในประเทศจีนโดยให้มีการพัฒนา "อัตลักษณ์จีน"[10] ซึ่งได้รับคำแนะนำจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนโดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาตนเองและพัฒนาระบบสังคมนิยม ทฤษฎีของเขาไม่ได้เสนอการปรับปรุงหรือพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบปิดของจีน แต่กลับเสนอให้ล้มล้างระบบเศรษฐกิจที่มีอยู่เพื่อนำไปสู่ระบบที่เปิดกว้างมากขึ้น[11]
เติ้งมองว่าเสถียรภาพภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ - "ในประเทศจีน สิ่งจำเป็นที่สุดคือเสถียรภาพ หากไร้ซึ่งสภาพแวดล้อมที่มั่นคง เราจะไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้เลย และอาจเสียสิ่งที่เราเคยได้รับมาแล้วด้วยซ้ำ" เขายังเสริมอีกว่า "เสถียรภาพคือหลักการพื้นฐานสำหรับการปฏิรูปและการพัฒนา หากไม่มีเสถียรภาพก็จะไม่มีอะไรที่สำเร็จได้"[12] ในช่วงการปฏิรูปและเปิดประเทศ เติ้งวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เขาเห็นว่าเป็นนักอุดมการณ์ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมว่ากำลังแสวงหา "สังคมนิยมแบบยากจน" และ "คอมมิวนิสต์แบบยากจน" และเชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เป็น "เรื่องทางจิตวิญญาณ"[13] ใน ค.ศ. 1979 เติ้งกล่าวว่า "สังคมนิยมจะดำรงอยู่ไม่ได้หากยังคงยากจน ถ้าเราต้องการยืนหยัดในลัทธิมากซ์และสังคมนิยมในการต่อสู้ทางชนชั้นระหว่างประเทศ เราต้องแสดงให้เห็นว่าระบบความคิดของลัทธิมากซ์นั้นเหนือกว่าระบบอื่นทั้งหมด และระบบสังคมนิยมก็เหนือกว่าทุนนิยม"[14]
จีนส่วนใหญ่มีหนี้บุญคุณต่อเติ้ง เสี่ยวผิงในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เขาให้ความสำคัญกับการผลิตทางเศรษฐกิจ ภายใต้ทฤษฎีของพลังการผลิต – เป็นทฤษฎีย่อยของลัทธิมากซ์ในศตวรรษที่ 20 ในมุมมองของเติ้ง ภารกิจที่ผู้นำของจีนต้องเผชิญมีสองประการคือ (1) ส่งเสริมความทันสมัยของเศรษฐกิจจีน และ (2) รักษาความเป็นเอกภาพทางอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) และการควบคุมการปฏิรูปที่ยากลำบากซึ่งจำเป็นต่อความทันสมัย[15] เติ้งเชื่อว่า "การพัฒนาพลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศค่อย ๆ แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรือง พร้อมกับยกระดับมาตรฐานการครองชีพให้สูงขึ้นได้"[16]
เติ้งโต้แย้งว่าเนื่องจากจีนถูกโดดเดี่ยวจากระเบียบระหว่างประเทศในขณะนั้นและมีเศรษฐกิจที่ด้อยพัฒนาอย่างมาก เพื่อที่จีนจะบรรลุความเป็นสังคมนิยมและลดช่องว่างระหว่างจีนกับทุนนิยมตะวันตก จีนจะต้องนำองค์ประกอบบางอย่างของตลาดและแง่มุมของทุนนิยมมาใช้ในเศรษฐกิจของตน[17] อย่างไรก็ตาม เขายังเสนอว่าการนำสิ่งเหล่านี้มาใช้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ หลักการที่ยืมมาเหล่านี้ ในความคิดของเติ้ง ทำให้การตีความการพัฒนาจีนให้ทันสมัยไปสู่รัฐสังคมนิยมมีความยืดหยุ่นมากขึ้น นี่รวมถึงลักษณะทางการตลาด เช่น การวางแผน การผลิต และการจัดจำหน่ายที่สามารถตีความได้ว่าเป็นสังคมนิยม[18] ความพยายามในการพัฒนาให้ทันสมัยนั้นสรุปได้ด้วยแนวคิดเรื่องสี่ทันสมัย ซึ่งโจว เอินไหลเสนอไว้ใน ค.ศ. 1963 และฮฺว่า กั๋วเฟิงสานต่อหลัง ค.ศ. 1976 เพื่อพัฒนาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การป้องกันประเทศ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในจีน[19] ผู้สนับสนุนเติ้งยังคงเชื่อว่าการเป็นเจ้าของที่ดิน ธนาคาร วัตถุดิบ และอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์สำคัญโดยรัฐนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสามารถจัดสรรสิ่งเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของประเทศโดยรวมได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อนุญาตและส่งเสริมการเป็นเจ้าของโดยเอกชนในอุตสาหกรรมสินค้าสำเร็จรูปและบริการ[20][21][22] ตามทฤษฎีของเติ้ง เจ้าของเอกชนในอุตสาหกรรมเหล่านั้นไม่ใช่กระฎุมพี เพราะตามทฤษฎีมาร์กซิสต์แล้ว กระฎุมพีเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินและวัตถุดิบ ในทฤษฎีของเติ้ง เจ้าของบริษัทเอกชนถูกเรียกว่าวิสาหกิจที่บริหารโดยพลเรือน[23]
เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพทางอุดมการณ์ ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิงได้กำหนด "สี่หลักการสำคัญ"[24] ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องยึดถือ ได้แก่:[25]
- "จิตวิญญาณพื้นฐานของลัทธิคอมมิวนิสต์";
- ระบบการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือที่เรียกว่าเผด็จการประชาธิปไตยของปวงชน;
- ความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ และ;
- ลัทธิมากซ์–เลนินและความคิดของเหมา เจ๋อตง
ใน ค.ศ. 1992 สิบสี่ปีหลังที่เติ้งขึ้นเป็นผู้นำของจีน เขาได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมที่ทางตอนใต้ของจีน (南巡)[26] ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เขากล่าววลีที่โด่งดังของเขาว่า: "เปิดออก" (开放) คำว่า "เปิดออก" กลายเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมาจนถึงทุกวันนี้
กลุ่มผู้สนับสนุนเติ้งมีจุดยืนแข็งกร้าวในการต่อต้านลัทธิบูชาบุคคลทุกรูปแบบซึ่งเคยเกิดขึ้นในสหภาพโซเวียตสมัยสตาลิน ในคิวบาและในเกาหลีเหนือปัจจุบัน[27][28]
ความสัมพันธ์กับลัทธิเหมา
[แก้]ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิงลดทอนความสำคัญของการต่อสู้ทางชนชั้นตามแนวทางของลัทธิเหมาโดยให้เหตุผลว่าการต่อสู้ดังกล่าวจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน[29] ทฤษฎีนี้ยังคงยืนยันว่าจะรักษาลัทธิคอมมิวนิสต์ เผด็จการโดยชนกรรมาชีพ การนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ลัทธิมากซ์–เลนิน และความคิดของเหมา เจ๋อตง[29] ภายใต้มุมมองนี้ การยึดถือความคิดของเหมา เจ๋อตงไม่ได้หมายถึงการเลียนแบบการกระทำของเหมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักอย่างที่เห็นในรัฐบาลของฮฺว่า กั๋วเฟิง และการทำเช่นนั้นจะ "ขัดต่อความคิดของเหมา เจ๋อตง"[30] ตามที่นักวิชาการ ริชาร์ด บอม กล่าวไว้ มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าแนวทางของเหมายังคงหลงเหลืออยู่ในสมัยเติ้ง[31][ต้องการเลขหน้า]
มรดก
[แก้]ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนจีนจากเศรษฐกิจแบบสั่งการที่รัฐเป็นเจ้าของแต่เดิมไปสู่เศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วภายในประเทศ หรือที่รู้จักในชื่อ "ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของจีน"[32]
สิ่งนี้ได้เพิ่มอัตราการเติบโตของ GDP ของจีนให้สูงกว่า 8% ต่อปีเป็นเวลาสามสิบปีและปัจจุบันจีนมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเมื่อพิจารณาจาก GDP ตามราคาตลาด ด้วยอิทธิพลของลัทธิเติ้ง เวียดนามและลาวก็ยังรับเอาความเชื่อและนโยบายที่คล้ายกันไปใช้ ทำให้ลาวสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงได้ถึง 8.3%[33] ขณะที่คิวบาก็กำลังเริ่มยอมรับแนวคิดดังกล่าวเช่นกัน[ต้องการอ้างอิง]
ทฤษฎีของเติ้งจะได้รับการสืบทอดโดยเจียง เจ๋อหมิน พร้อมกับแง่มุมต่าง ๆ ของความคิดของเหมา เจ๋อตง และลัทธิมากซ์–เลนิน กลายเป็นทฤษฎีสังคม-การเมืองที่รู้จักในชื่อ "สามตัวแทน"[34] ทฤษฎีนี้ได้ถูกเพิ่มลงในธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 2002[35]
ทฤษฎีนี้ทำหน้าที่เป็นแนวทางนโยบายที่สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาตั้งแต่การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 ใน ค.ศ. 1978 และได้รับการบรรจุเป็นอุดมการณ์ชี้นำในธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์ใน ค.ศ. 1997 รวมถึงได้รับการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในเวลาต่อมาด้วย:
นับตั้งแต่การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 เป็นต้นมา คอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีสหายเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นตัวแทนหลัก ได้สรุปบทเรียนทั้งในแง่บวกและแง่ลบที่ได้รับมานับตั้งแต่การก่อตั้งจีนใหม่ ได้นำหลักการปลดปล่อยความคิดและแสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริงมาใช้ ได้เปลี่ยนจุดเน้นการทำงานของพรรคไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ ได้นำการปฏิรูปและการเปิดประเทศมาใช้ ได้นำเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการพัฒนาอุดมการณ์สังคมนิยม ได้ค่อย ๆ ก่อร่างแนวทาง หลักการ และนโยบายในการสร้างสังคมนิยมอัตลักษณ์จีน ได้อธิบายประเด็นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง การรวมเข้าด้วยกัน และการพัฒนาสังคมนิยมในจีน และได้สร้างทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิงขึ้น ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นผลผลิตจากการบูรณาการทฤษฎีพื้นฐานของลัทธิมากซ์–เลนินเข้ากับการปฏิบัติของจีนสมัยใหม่และลักษณะเฉพาะของสมัยปัจจุบัน เป็นการสืบทอดและพัฒนาความคิดของเหมา เจ๋อตงภายใต้เงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ใหม่ เป็นระยะใหม่ของการพัฒนาลัทธิมากซ์ในจีน เป็นลัทธิมากซ์ของจีนสมัยใหม่ และเป็นผลึกแห่งปัญญาร่วมกันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งชี้นำภารกิจการสร้างความทันสมัยแบบสังคมนิยมของจีนให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง[36]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Nathan, Andrew J. (1999). Dilemmas of Reform in Jiang Zemin's China (ภาษาอังกฤษ). Lynne Rienner Publishers. pp. 34–36, 39, 46. ISBN 978-1-55587-851-1 – โดยทาง Google Books.
- ↑ Tang, Wenfang (2005). Public Opinion and Political Change in China (ภาษาอังกฤษ). Stanford University Press. pp. 73, 75, 213. ISBN 978-0-8047-5220-6 – โดยทาง Google Books.
- 1 2 Guo, Dingping (2011). "Marxism". ใน Badie, Bertrand; Berg-Schlosser, Dirk; Morlino, Leonardo (บ.ก.). International Encyclopedia of Political Science. Vol. 5. SAGE Publications. pp. 1495–1501. doi:10.4135/9781412994163. ISBN 9781412959636.
- ↑ "The Years of Hardship and Danger". Peoples Daily China. 14 กันยายน 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 24 ตุลาคม 2017.
- ↑ Zhang, Wei-Wei (2020) [1996]. Ideology and Economic Reform under Deng Xiaoping, 1978–1993. Abingdon, Oxon: Routledge. ISBN 978-0-7103-0526-8.
- ↑ Deng, Xiaoping (10 ตุลาคม 1978). "Carry out the policy of opening to the outside world and learn advanced science and technology from other countries". China Daily. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2024. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2009.
- ↑ "Ideological Foundation". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 มกราคม 2009. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2009.
- ↑ Bader, Jeffrey A. (กุมภาพันธ์ 2016). "How Xi Jinping Sees the World… and Why" (PDF). Order from Chaos: Foreign Policy in a Troubled World. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 21 มิถุนายน 2021.
- ↑ Changqiu, Zeng (2005). "Lièníng de xīn jīngjì zhèngcè yǔ dèngxiǎopíng de gǎigé kāifàng zhī bǐjiào" 列宁的新经济政策与邓小平的改革开放之比较 [Comparison of Lenin's New Economic Policy and Deng Xiaoping's Reform and Opening]. Qinghai Social Sciences (ภาษาจีน) (2): 9–13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 ธันวาคม 2020.
- ↑ Peters, Michael A. (2019). "The Chinese Dream: Xi Jinping Thought on Socialism with Chinese Characteristics for a New Era". The Chinese Dream: Educating the Future. London: Routledge. doi:10.4324/9780429329135-3. ISBN 9780429329135. S2CID 211643969.
- ↑ Wang, Guidong (2016). "Joint Integration of Deng Xiaoping' Reform Theory and Chinese Reform". Proceedings of the 2016 2nd International Conference on Social Science and Technology Education (ICSSTE 2016) (ภาษาอังกฤษ). Guangzhou, China: Atlantis Press. pp. 433–436. doi:10.2991/icsste-16.2016.80. ISBN 978-94-6252-177-3.
- ↑ Wong, Kam C. (2011). Police Reform in China. New York: Routledge. p. 242. doi:10.1201/b11378. ISBN 978-0-429-24595-4.
- ↑ Chatwin 2024, p. xiv.
- ↑ Chatwin 2024, p. xvi.
- ↑ Kang, Liu (1996). "Is there an alternative to (capitalist) globalization? The debate about modernity in China". Boundary 2. 23 (3): 193–218. doi:10.2307/303642. JSTOR 303642. S2CID 164040788.
- ↑ Lu, Yang (2016). China-India Relations in the Contemporary: World Dynamics of National Identity and Interest. London: Routledge. p. 53. doi:10.4324/9781315651835. ISBN 9781315651835.
- ↑ Le Monde (21 มกราคม 2004). "La construction de l'économie socialiste de marché" [The construction of the socialist market economy]. Le Monde (ภาษาฝรั่งเศส).
- ↑ Moak, Ken; Lee, Miles W. N. (2015). "Deng Xiaoping Theory". China's Economic Rise and Its Global Impact (ภาษาอังกฤษ). New York: Palgrave Macmillan US. pp. 91–115. doi:10.1057/9781137535580_6. ISBN 978-1-349-55604-5.
- ↑ Uhalley Jr., Stephen (1988). A History of the Chinese Communist Party. Stanford: Hoover Institution Press. p. 180.
- ↑ "Selected Works of Deng Xiaopeng Volume 1 (1938–1965)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 พฤษภาคม 2008.
- ↑ "Selected Works of Deng Xiaopeng Volume 2 (1975–1982)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 เมษายน 2008.
- ↑ "Selected Works of Deng Xiaopeng Volume 3 (1982–1992)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 มีนาคม 2008.
- ↑ "Lìyǐníng: Mínyíng qǐyè jiā bùshì jiù zhōngguó zīběnjiā de yánxù shāngyè píndào" 厉以宁:民营企业家不是旧中国资本家的延续 商业频道 [Li Yining: Private entrepreneurs are not a continuation of the old Chinese capitalists]. biz.163.com (ภาษาจีน). 1 มีนาคม 2005. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 พฤษภาคม 2005. สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2020.
- ↑ Shambaugh, David (2000). The Modern Chinese State. Cambridge University Press. p. 184. ISBN 9780521776035.
- ↑ "'Four Cardinal Principles'". China Internet Information Center. 22 มิถุนายน 2011 [March 1979]. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 มีนาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 10 มกราคม 2021.
- ↑ Zhao, Suisheng (1993). "Deng Xiaoping's southern tour: elite politics in post-Tiananmen China". Asian Survey. 33 (8): 739–756. doi:10.2307/2645086. JSTOR 2645086.
- ↑ "(Wǔ) dèngxiǎopíng duì gèrén chóngbài de pīpàn" (五) 邓小平对个人崇拜的批判 [(5) Deng Xiaoping's Criticism of Personality Cult]. book.people.com.cn (ภาษาจีน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 พฤษภาคม 2019.
- ↑ "Dèngxiǎopíng bādà fāyán: Jiānchí mínzhǔ jízhōng zhì fǎnduì gèrén chóngbài" 邓小平八大发言:坚持民主集中制 反对个人崇拜 [Deng Xiaoping's speech at the Eighth National Congress of the Communist Party of China: Adhere to Democratic Centralism and Oppose the Cult of Personality]. m.sohu.com (ภาษาจีน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 มีนาคม 2021.
- 1 2 Marquis, Christopher; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and Markets: The Communist Roots of Chinese Enterprise. New Haven: Yale University Press. p. 50. doi:10.2307/j.ctv3006z6k. ISBN 978-0-300-26883-6. JSTOR j.ctv3006z6k. OCLC 1348572572. S2CID 253067190.
- ↑ Xiaoping, Deng (16 กันยายน 1978). "Hold high the banner of Mao Zedong Thought and adhere to the principle of seeking truth from facts". People's Daily. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2015. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2009.
- ↑ Baum, Richard (1996). Burying Mao: Chinese politics in the age of Deng Xiaoping. Princeton University Press. ISBN 9780691036373.
- ↑ Harrison, Virginia; Palumbo, Daniele (1 ตุลาคม 2019). "China anniversary: How the country became the world's 'economic miracle'". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 ตุลาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2021.
- ↑ "The World Factbook — Central Intelligence Agency". www.cia.gov. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 มิถุนายน 2007.
- ↑ Backer, Larry Catá (7 พฤศจิกายน 2021). "The Communist Party as Polity and the Chinese Party-State Constitutional Order". Handbook of Constitutional Law in Greater China (ภาษาอังกฤษ). Rochester, NY. SSRN 3958293.
- ↑ Huang, Yibing, บ.ก. (2020). An Ideological History of the Communist Party of China. Qian Zheng, Guoyou Wu, Xuemei Ding, Li Sun, Shelly Bryant (1st English ed.). Montreal, Quebec: Royal Collins. ISBN 978-1-4878-0425-1. OCLC 1165409653.
- ↑ "Constitution of the Communist Party of China". China Internet Information Center. 18 กันยายน 1997.
ผลงานอ้างอิง
[แก้]- Chatwin, Jonathan (2024). The Southern Tour: Deng Xiaoping and the Fight for China's Future. Bloomsbury Academic. ISBN 9781350435711.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Deng, Xiaoping (1984). Selected Works of Deng Xiaoping. Vol. I (1938–1965). Beijing: Foreign Languages Press. ISBN 0-8351-2885-7.
- Deng, Xiaoping (1984). Selected Works of Deng Xiaoping. Vol. II (1975–1982). Beijing: Foreign Languages Press. ISBN 0-8351-1305-1.
- Deng, Xiaoping (1994). Selected Works of Deng Xiaoping. Vol. III (1982–1992). Beijing: Foreign Languages Press. ISBN 7-119-01689-X.
- Wu, Jie (1996). On Deng Xiaoping Thought. Beijing: Foreign Languages Press. ISBN 7-119-01868-X.
- Narayanan, Raviprasad (2006). "The politics of reform in China: Deng, Jiang and Hu". Strategic Analysis. 30 (2): 329–353. doi:10.1080/17540054.2006.12288835. S2CID 154675442.
- ใช้วันที่รูปแบบวันเดือนปีตั้งแต่July 2021
- บทความวิกิพีเดียที่ต้องการอ้างอิงหมายเลขหน้าตั้งแต่เมษายน 2023
- บทความที่ขาดแหล่งอ้างอิงเฉพาะส่วนตั้งแต่ธันวาคม 2024
- ทฤษฎีของเติ้ง เสี่ยวผิง
- เติ้ง เสี่ยวผิง
- สังคมนิยมอัตลักษณ์จีน
- อุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
- การเมืองสาธารณรัฐประชาชนจีน
- อุดมการณ์ทางการเมืองที่ตั้งชื่อตามบุคคล
- เศรษฐกิจจีน