ตำบลยม
ตำบลยม | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Tambon Yom |
คำขวัญ: สร้างท้องถิ่นให้ก้าวหน้า พัฒนาคนให้ก้าวไกล ความสุขของประชาชนยิ่งใหญ่ คือหัวใจของ ... อบต.ยม | |
พิกัด: 19°4′11″N 100°56′35″E / 19.06972°N 100.94306°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | น่าน |
อำเภอ | ท่าวังผา |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 48.42 ตร.กม. (18.70 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2566)[1] | |
• ทั้งหมด | 4,499 คน |
• ความหนาแน่น | 139.50 คน/ตร.กม. (361.3 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 55140 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 550604 |
![]() |
ยม เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของตัวอำเภอ
ประวัติการก่อตั้งเมือง
[แก้]ตำบลยม หรือ เมืองยมในสมัยพญาภูคาคือพื้นที่บริเวณเมืองย่างหรือเมืองล่าง (ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ ตำบลยม , ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา และตำบลศิลาเพชร , ตำบลอวน อำเภอปัว) โดยพบบริเวณชุมชนโบราณเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำย่างและลำน้ำบั่ว
ตามประวัติการก่อตั้งกล่าวว่าเมื่อปี พ.ศ. 1820 พญาภูคา พร้อมด้วยราชเทวีคือ พระนางจำปาชายา (นางแก้วฟ้า) และราษฎรประมาณ 220 คน ได้เดินทางมาจากเมืองเงินยาง มาพักอยู่ที่บริเวณบ้านเฮี้ย (ตำบลศิลาแลง) จากนั้นได้ออกสำรวจหาพื้นที่สำหรับที่จะตั้งบ้านเมือง จนได้พบเมืองร้างลุ่มแม่น้ำย่างที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยภูคา ซึ่งเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ มีชื่อว่า "บ้านกำปุง" หรือ "บ่อตอง" (ปัจจุบันคือ บ้านป่าตอง ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว) ราษฎรที่อาศัยเดิมอยู่นั่นเป็นชาวลัวะ บริเวณชุมชนมีวัดร้างอยู่วัดหนึ่งชื่อ "วัดมณี" อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านกำปุง
พญาภูคาเห็นว่าบริเวณที่ได้สำรวจนี้เหมาะสมที่จะตั้งเมือง จึงได้พาราษฎรอพยพจากบ้านเฮี้ยมาสร้างบ้านเรือนอยู่ติดกับบ้านกำปุงทางทิศเหนือ และเนื่องด้วยพญาภูคาเป็นผู้มีความเมตตาโอบอ้อมอารี ราษฎรจึงได้ยกย่องขึ้นเป็นเจ้าเมืองล่าง เมื่อเดือน 3 เหนือ ขึ้น 2 ค่ำ พ.ศ. 1840 นับว่าท่านได้เป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ภูคา
เมื่อชาวเมืองเชียงแสนและเมืองใกล้เคียงได้ทราบข่าวว่าพญาภูคาได้ตั้งและได้ปกครองเมืองล่าง ก็พากันอพยพถิ่นฐานมาอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ตลอดจนชาวไทยลื้อสิบสองปันนาก็ได้อพยพมาอยู่เพิ่มขึ้นอีก จึงทำให้เกิดการตั้งชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณลุ่มน้ำย่างและน้ำบั่ว ครอบคลุมบริเวณตำบลศิลาเพชร ตำบลยม ตำบลจอมพระ ตำบลอวนในปัจจุบัน
พญาภูคามีราชบุตรกับนางจำปา 2 องค์ องค์โตชื่อ ขุนนุ่น องค์เล็กชื่อ ขุนฟอง เมื่อขุนนุ่นอายุได้ประมาณ 18 ปี พญาภูคาจึงให้ขุนนุ่นพาราษฎรจำนวนหนึ่งไปหาที่ตั้งเมืองใหม่ ขุนนุ่นจึงไปหาพญาเถรแตงที่ดอยติ้ว ดอยวาว (เขตติดต่อระหว่างอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กับอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยาปัจจุบัน)
พญาเถรแตงจึงได้พาขุนนุ่นข้ามแม่น้ำโขงไปทางฝั่งตะวันออกไปสร้างเมืองหลวงพระบางและปกครองอยู่ที่นั่น ส่วนขุนฟองผู้น้องให้ไปสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อว่า "วรนคร" อยู่ทางทิศเหนือของเมืองล่าง (ปัจจุบันคือตำบลวรนคร) ขุนฟองท่านมีราชบุตร 1 องค์ชื่อ เจ้าเก้าเกื่อน พญาภูคาปกครองเมืองล่างได้ 40 ปี ก็ถึงอนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 1890
เจ้าเก้าเกื่อนซึ่งมีศักด์เป็นหลานได้ปกครองเมืองล่างสืบแทน ในสมัยนั้นพญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา ได้ยกทัพมาตีเมืองวรนคร เจ้าเก้าเกื่อนได้ช่วยพ่อคือขุนฟองปราบข้าศึกจนพ่ายแพ้ไป ในครั้งนั้นได้รับสนับสนุนกองกำลังจากกรุงสุโขทัย ก่อนที่จะชิงเมืองคืนนั้นได้จัดทำสนามไว้สำหรับชุมชนช้างม้าที่เป็นพาหนะออกทำศึกในที่ดอนแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านดอนไชย) มีการสร้างคูเมืองและป้อมปราการเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกมากมาย บริเวณข้างพระธาตุจอมพริกและบนสันดอยม่อนหลวง (บ้านลอมกลางปัจจุบัน)
เมื่อได้รับชัยชนะต่อพญางำเมืองแล้ว เจ้าเก้าเกื่อนปกครองเมืองล่างอยู่นั้น ท่านได้พาราษฎรสร้างเจดีย์ขึ้นที่ม่อนพักหรือม่อนป่าสัก (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านดอนมูล) และได้สร้างองค์พระธาตุจอมพริกบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมอบจากกรุงสุโขทัยคราวไปขอกำลังเพื่อชิงเมืองจากพญางำเมือง เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่รบชนะพญางำเมือง และเจ้าเก้าเกื่อนได้นำต้นโพธิ์ที่ได้รับมาจากสุโขทัย มาปลูกไว้ใกล้กับบ้านบ่อตองทางทิศตะวันตก พร้อมทั้งสร้างเจดีย์องค์เล็ก ๆ 1 องค์ใกล้กับต้นโพธิ์ นำเอาเพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองของมีค่าต่าง ๆ บรรจุไว้ในเจดีย์ ปัจจุบันไม่ปรากฏเจดีย์ให้เห็น เนื่องจากต้นโพธิ์โตขึ้นครอบเจดีย์องค์เล็กจมหายลงไปในดินนานนับหลายร้อยปีแล้ว คงเหลือแต่ต้นโพธิ์ใหญ่ที่สุดในตำบลศิลาเพชร
พ.ศ. 1921 ต่อจากนั้นเมืองล่างจึงไปขึ้นกับเมืองวรนคร อยู่ในความปกครองของพญาผานองซึ่งเป็นราชวงค์ภูคาด้วยกัน พญาผานองได้เปลี่ยนชื่อเมืองล่าง เป็น "เมืองย่าง" โดยเรียกตามลำน้ำย่างที่ไหลผ่าน แล้วได้แต่งตั้งเจ้าผาฮ่องขึ้นปกครองเมืองย่างซึ่งปกครองได้ไม่นานก็สุรคต
ต่อมาพญากานเมือง กษัตริย์วรนครองค์ที่ 5 แห่งราชวงค์ภูคาได้ย้ายเมืองวรนครไปตั้งที่เมืองภูเพียงแช่แห้ง เมื่อ พ.ศ. 1902 ราษฎรเมืองย่างบางส่วนได้อพยพตามพญากานเมืองไปอยู่ที่ภูเพียงแช่แห้งด้วย เมืองย่างจึงอยู่ในความปกครองของกษัตริย์เมืองน่าน
ปี พ.ศ. 2246 สมัยพระเมืองราชาได้มีการฟื้นม่าน (ต่อต้านพม่า) แต่สุดท้ายพ่ายแพ้แก่กองทัพพม่า เมืองน่านทั้งเมืองถูกเผา และเมืองย่างก็เช่นกัน ถูกพม่าทำลายจนย่อยยับ ราษฏรถูกพม่าจับกุมและนำไปคุมขังไว้ที่ห้วยต้อและห้วยมัดเป็นจำนวนมาก (ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ตำบลอวน) ในครั้งนั้นเจ้าเมืองเล็นถูกพม่ายกทัพมาตีเมือง เจ้าเมืองเล็นทราบข่าวจึงพาชาวเมืองหลบหนีมาอยู่ที่เมืองล่างที่บ้านหัวทุ่ง ปัจจุบันคือบ้านนาคำ ตำบลศิลาเพชร และเจ้าเมืองเล็นได้เป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองล่างนับแต่นั้นมา
ในสมัยนั้นเมืองย่างมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีการสร้างวัดวาอาราม และศาสนสถานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งสร้างเหมืองฝายต่าง ๆ บริเวณน้ำบั่ว เมื่อเจ้าเมืองเล็นได้ถึงแก่กรรม เจ้าเมืองน่านแต่งตั้งแสนปั๋นขึ้นปกครองเมืองย่าง สมัยนั้นเมืองน่านสงบสุข แสนปั๋นกับชาวเมืองได้สร้างเหมืองฝาย สร้างนาเหล่าหม่อนเปรต (หม่อนเผด บ้านดอนมูล) บูรณะองค์พระธาตุจอมพริก บริเวณบนดอยสันจ้าง บนวัดทุ่งฆ้อง (ปัจจุบันพระธาตุจอมพริกอยู่ในเขตบ้านเสี้ยว)
ครั้นถึงสมัยที่มีการฟื้นม่านเมื่อราวปี พ.ศ. 2330 เกิดนโยบายเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิละ กองทัพเจ้าเจ็ดตน กองทัพเมืองน่านโดยเจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองแพร่ เจ้าเมืองลำปาง สยาม และหลวงพระบาง เจ้าจอมหงแห่งเชียงตุง ได้นำกองทัพขึ้นไปโจมตีหัวเมืองไทลื้อแถบสิบสองปันนา ทำให้หัวเมืองลื้อทั้งหมดพ่ายแพ้แก่กองทัพล้านนาและสยาม จึงเป็นเหตุให้มีการอพยพชาวไทลื้อ เมืองยอง เมืองยู้ เมืองเชียงลาบ จำนวนมากมาอยู่ในจังหวัดน่าน
ปี พ.ศ. 2345 แสนปั๋น เจ้าเมืองย่างถึงแก่กรรม เมืองย่างเกิดน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ โดยครั้งนั้นพญาอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่านได้มาตรวจสภาพพื้นที่เมืองย่าง เห็นว่ามีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ดี มีพื้นที่ราบกว้างขวาง ประกอบกับในบริเวณเมืองย่างนั้นมีชาวไทลื้อที่เจ้าเมืองเล็นอพยพผู้คนมาตั้งบ้านเรือนบางส่วน อีกทั้งมีชาวไทลื้อที่อพยพมาในสมัยพญาภูคามาตั้งบ้านเรือนอยู่แล้วนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการปกครอง จึงพิจารณาเห็นสมควรโปรดให้ชาวไทลื้อที่ได้อพยพมาจากเมืองยอง เมืองยู้ เมืองเชียงลาบ ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งริมสองฟากฝั่งแม่น้ำย่าง โดยโปรดให้นำช่างปั้นหม้อชาวไทลื้อให้ตั้งบ้านเรือนที่บ้านดอนไชย (ปัจจุบันขึ้นกับตำบลศิลาเพชร) เมืองเชียงลาบให้ตั้งบ้านเรือนที่บริเวณลุ่มน้ำย่างใกล้พระธาตุจอมพริก ลื้อเมืองยองให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้พระธาตุจอมนาง และลื้อเมืองยู้ให้ตั้งบ้านเรือนที่ท้ายแม่น้ำย่าง
ในครั้งนั้นเจ้าอัตถวรปัญโญได้แต่งตั้งให้แสนจิณปกครองเมืองย่างสืบต่อจากแสนปั๋น
แต่ภายหลังเมื่อมีการจัดระเบียบหัวเมืองการปกครองนครน่านใหม่ในสมัยของพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ จึงแยกเมืองยมออกจากเมืองย่าง โดยให้ท้าวเมืองยมเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองยม และจัดระเบียบเมืองยมขึ้นอยู่กับแขวงน้ำปัว ซึ่งประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ ได้แก่ เมืองปัว เมืองริม เมืองอวน เมืองยม เมืองย่าง (ภายหลังเมืองย่างเปลี่ยนชื่อเป็นตำบลศิลาเพชร) เมืองแงง เมืองบ่อ ให้มีที่ว่าการแขวงตั้งที่เมืองปัว
พ.ศ. 2486 ทางการได้มีประกาศยุบเลิกตำบลศิลาเพชรให้ไปขึ้นอยู่กับการปกครองของตำบลยม อำเภอปัวในขณะนั้น ซึ่งมีนายอิทธิ อิ่นอ้าย เป็นกำนัน และให้ตำบลศิลาเพชร เป็นตำบลยม 2 อำเภอปัว
พ.ศ. 2490 จึงมีประกาศจากทางราชการให้กลับมาเป็นตำบลศิลาเพชรเหมือนเดิม
ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ทางราชการประกาศจัดตั้งกิ่งอำเภอท่าวังผา โดยแยกตำบลยม อำเภอปัว ให้มาขึ้นกับกิ่งอำเภอท่าวังผา[2]
ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ได้ประกาศแยกตำบลยมออกเป็นอีกหนึ่งตำบล คือ ตำบลจอมพระ
ปัจจุบันตำบลยมแบ่งการปกครองออกเป็น 10 หมู่บ้าน ดังนี้
- บ้านก๋ง
- บ้านสบบั่ว
- บ้านลอมกลาง
- บ้านเชียงยืน
- บ้านทุ่งฆ้อง
- บ้านเสี้ยว
- บ้านหนอง
- บ้านพร้าว
- บ้านน้ำไคร้
- บ้านนานิคม
ภูมิศาสตร์
[แก้]ที่ตั้ง
ตำบลยม ตั้งอยู่ที่พิกัดทางภูมิศาสตร์ ละติจูด 19.08593 องศาเหนือ ลองติจูด 100.89347 องศาตะวันออก หรือ 19.08593° N, 100.89347° E และอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของอำเภอท่าวังผา ห่างจากตัวอำเภอท่าวังผาตามถนนทางหลวงชนบท 1170 (ท่าวังผา - ศิลาเพชร) ประมาณ 13 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดน่านประมาณ 53 กิโลเมตร
ภูมิประเทศ
ตำบลยม มีลักษณภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขา มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 48.42 ตารางกิโลเมตร (18.695 ตารางไมล์) หรือ 11,647 ไร่ โดยแบ่งพื้นออกเป็น พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำย่าง ประมาณ 7,338 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 63 พื้นที่ราบสูงประมาณ 4,076 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 35 และพื้นน้ำ แม่น้ำ ลำห้วย อ่างเก็บน้ำ ประมาณ 233 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2 โดยมีแม่น้ำย่าง ลำน้ำบั่ว ลำน้ำหมู ลำน้ำฮาว ลำน้ำไคร้ ไหลผ่าน และมีภูเขาสูง คือ ดอยภูคา
ภูมิอากาศ
ตำบลยม มีลักษณะภูมิอากาศร้อนชื่น อากาศเปลี่ยนแปลงไปตามฤดู ซึ่งมี 3 ฤดู ดังนี้
- ฤดูร้อน - เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่บางครั้งอาจมีอากาศเย็น บางครั้งเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงหรืออาจมีลูกเห็บตกก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทุกปี เรียกว่า “พายุฤดูร้อน” อากาศร้อน จะมีอุณหภูมิระหว่าง 35 - 39.9 องศาเซลเซียส และร้อนจัดจะมีอุณหภูมิประมาณ 40 - 41 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- ฤดูฝน - เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ฝนตกมากในช่วงเดือน พฤษภาคม - ตุลาคม แต่อาจเกิด “ช่วงฝนทิ้ง” ซึ่งอาจนานประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หรือบางปีอาจเกิดขึ้นรุนแรงและมีฝนน้อยนานนับเดือน ในเดือนกรกฎาคม
- ฤดูหนาว - เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนานราว 1 - 2 สัปดาห์ เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว อากาศแปรปรวนไม่แน่นอน อาจเริ่มมีอากาศเย็นหรืออาจยังมีฝนฟ้าคะนอง
อาณาเขต
[แก้]ทิศเหนือ | ติดกับ | ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน
| |
ทิศใต้ | ติดกับ | ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน | |
ทิศตะวันออก | ติดกับ | ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน | |
ทิศตะวันตก | ติดกับ | ตำบลจอมพระ และ ตำบลตาลชุม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน |
ด้านการเมือง/การปกครอง
[แก้]- เขตการปกครอง
เขตการปกครอง องค์การบริหารส่วนตำบลยม ประกอบด้วยหมู่บ้าน 10 หมู่บ้าน มีพื้นที่อยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลยม ทั้งหมด 10 หมู่บ้าน ดังนี้
ลำดับที่ | ชื่อหมู่บ้าน | หมู่ที่ | ผู้ปกครอง | ตำแหน่ง |
---|---|---|---|---|
1. | บ้านก๋ง | 1 | นายไชยา พรมวังขวา | กำนันตำบลยม |
2. | บ้านสบบั่ว | 2 | นายชาตรี ไชยปรุง | ผู้ใหญ่บ้าน |
3. | บ้านลอมกลาง | 3 | นายผล จันทึก | ผู้ใหญ่บ้าน |
4. | บ้านเชียงยืน | 4 | นายอดุลย์ เมฆยะ | ผู้ใหญ่บ้าน |
5. | บ้านทุ่งฆ้อง | 5 | นายวัชชระพงษ์ คำแสน | ผู้ใหญ่บ้าน |
6. | บ้านเสี้ยว | 6 | นายสมควร คำแสน | ผู้ใหญ่บ้าน |
7. | บ้านหนอง | 7 | นายสมภพ คำแสน | ผู้ใหญ่บ้าน |
8. | บ้านพร้าว | 8 | นายสมนึก พรมวังขวา | ผู้ใหญ่บ้าน |
9. | บ้านน้ำไคร้ | 9 | นายวิสาคร อริยะ | ผู้ใหญ่บ้าน |
10. | บ้านนานิคม | 10 | นายวิจิตร แสนสี | ผู้ใหญ่บ้าน |
- ด้านการเมือง
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 มีหน่วยเลือกตั้ง 10 หน่วย
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 3,804 คน
- มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,737 คน คิดเป็นจำนวนร้อยละ 71.95 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
- บัตรเสีย มีจำนวน 63 บัตร คิดเป็นจำนวนร้อยละ 2.30 ของจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
- บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน มีจำนวน 77 บัตร คิดเป็นจำนวนร้อยละ 2.81 ของจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ประชากร
[แก้]จำนวนประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล 4,499 คน และจำนวนหลังคาเรือน 1,619 หลังคาเรือน[3]
หมู่ที่ | ชื่อหมู่บ้าน | ประชากร | จำนวนครัวเรือน | พื้นที่ (ตร.กม.) | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ชาย | หญิง | รวม | ||||
1 | บ้านก๋ง | 492 | 518 | 1,010 | 381 | 9.33 |
2 | บ้านสบบั่ว | 225 | 236 | 461 | 168 | 8.51 |
3 | บ้านลอมกลาง | 192 | 197 | 389 | 130 | 7.97 |
4 | บ้านเชียงยืน | 192 | 186 | 378 | 140 | 6.08 |
5 | บ้านทุ่งฆ้อง | 233 | 220 | 453 | 145 | 4.06 |
6 | บ้านเสี้ยว | 171 | 152 | 323 | 116 | 8.76 |
7 | บ้านหนอง | 174 | 192 | 366 | 128 | 14.43 |
8 | บ้านพร้าว | 310 | 325 | 635 | 238 | 8.38 |
9 | บ้านน้ำไคร้ | 184 | 151 | 335 | 117 | 12.74 |
10 | บ้านนานิคม | 69 | 80 | 149 | 56 | 7.38 |
รวม | 2,242 | 2,257 | 4,499 | 1,618 | 87.64 |
กลุ่มชาติพันธุ์
[แก้]ประชากรในเขตพื้นที่ตำบลยม สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มชาติพันธุ์ ดังนี้
- กลุ่มชาติพันธุ์ไทยวนเชียงแสน ประกอบด้วย 5 หมู่บ้าน ดังนี้
- บ้านก๋ง หมู่ที่ 1
- บ้านสบบั่ว หมู่ที่ 2
- บ้านพร้าว หมู่ที่ 8
- บ้านน้ำใคร้ หมู่ที่ 9
- บ้านนานิคม หมู่ที่ 10
- กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ประกอบด้วย 5 หมู่ ดังนี้
- บ้านลอมกลาง หมู่ที่ 3
- บ้านเชียงยืน หมู่ที่ 4
- บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ที่ 5
- บ้านเสี้ยว หมู่ที่ 6
- บ้านหนอง หมู่ที่ 7
อาชีพ
[แก้]อาชีพหลัก ทำนา ทำสวน/ ทำไร่
ประเพณีและงานประจำปี
[แก้]งานประเพณีและงานประจำปีของชาวตำบลยม มีดังนี้
- ประเพณีตานสลากชมพู จัดขึ้นประมาณ เดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน
- ประเพณีตานธรรมหลวง (เทศมหาชาติ) จัดขึ้นประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ - เดือนมีนาคม
- ประเพณีถวายเทียนจำนำพรรษา จัดขึ้นประมาณ เดือนกรกฏาคม
- ประเพณีปฏิบัติธรรมเข้ารุกมูลกรรม จัดขึ้นประมาณ เดือนธันวาคม - เดือนมกราคม
- ประเพณีบรรพชา/อุปสมบท ภาคฤดูร้อน จัดขึ้นประมาณ เดือนเมษายน
- ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมพริก/พระธาตุลอมตั้ง จัดขึ้นประมาณ เดือนเมษายน
- ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ จัดขึ้นประมาณ เดือนตุลาคม
(หมายเหตุ ลำดับที่ 1 - 4 จัดเวียนไปแต่ละหมู่บ้านในตำบลยมทั้ง 9 หมู่บ้าน ยกเว้นบ้านนานิคม)
ประวัติแต่ละหมู่บ้าน
[แก้]บ้านก๋ง หมู่ที่ 1
[แก้]
|
บ้านก๋ง หมู่ที่ 1 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านก๋ง เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งมานานกว่า 200 ปี บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านนั้นในสมัยก่อนมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายหลากหลายชนิด ออกมารบกวนและทำร้ายชาวบ้านอยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านจึงหาวิธีป้องกันตัวเองและทรัพย์สินโดยทำ "ก๋ง" (ธนู) ไว้เป็นอาวุธ เล่าว่าวันหนึ่งมีวัวโพง (วัวโทน) เข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านใช้ก๋งไล่ยิงวัวตัวนั้นจนไปตายที่ลำห้วยระหว่างบ้านสลีกับบ้านจอมนาง จึงเรียกลำห้วยตามชื่อวัวว่า "ห้วยโพง" เรียกหมู่บ้านว่า "บ้านก๋ง" ตั้งแต่นั้นมา
- ผู้นำหมู่บ้านปัจจุบัน
- นายไชยา พรมวังขวา ผู้ใหญ่บ้านบ้านก๋ง หมู่ที่ 1 และกำนันตำบลยม
บ้านสบบั่ว หมู่ที่ 2
[แก้]
|
บ้านสบบั่ว หมู่ที่ 2 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านสบบั่ว หมู่บ้านนี้มีประวัติความเป็นมานานยาวนานกว่า 200 ปี ในอดีตมีชื่อว่า “บ้านเมืองดี” สถานที่ตั้งหมู่บ้านเดิมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำย่าง ต่อมาราวปี พ.ศ. 2430 เกิดอุทกภัยลำน้ำย่างนองท่วมสองฝั่งแม่น้ำและพัดพาบ้านเรือนหลายสิบหลังคาเรือนของหมู่บ้านเมืองดีสูญหายไปกับสายน้ำ ชาวบ้านเมืองดีจึงได้ย้ายอพยพไปอาศัยอยู่ตามเนินเขาด้านทิศเหนือของหมู่บ้านเดิมและตั้งชื่อใหม่ว่า “บ้านนาไฮ่” ต่อมาได้มีการอพยพมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามลำน้ำบั่วที่ไหลผ่านหมู่บ้าน จึงยึดลำน้ำบั่วเป็นที่ตั้งบ้านเรือนและได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านสบบั่ว" เนื่องจากเป็นจุดที่ลำน้ำบั่วบรรจบกับแม่น้ำย่าง
- ผู้นำหมู่บ้านปัจจุบัน
- นายชาตรี ไชยปรุง ผู้ใหญ่บ้านบ้านสบบั่ว หมู่ที่ 2
บ้านลอมกลาง หมู่ที่ 3
[แก้]
|
บ้านลอมกลาง หมู่ที่ 3 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านลอมกลาง ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522 โดยแยกการปกครองออกมาจากบ้านเชียงยืน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้อ ที่ได้อพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านแต่เดิมเป็นป่าละเมาะอยู่กลางทุ่งนา ถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง คำว่า "ลอม" ในภาษาถิ่นภาคเหนือ หมายถึง ตะล่อมสิ่งที่เป็นหมวดฟ่อนรวมกันขึ้นเป็นจอมหรือเป็นวง) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะที่โดดเด่น ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามลักษณะเด่นดังกล่าวนี้ว่า "บ้านลอมกลาง"
- ผู้นำหมู่บ้านปัจจุบัน
- นายผล จันทึก
ผู้ใหญ่บ้านบ้านลอมกลาง หมู่ที่ 3 - นายเดชา คำแสน
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลยม
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลยม
- นายผล จันทึก
บ้านเชียงยืน หมู่ที่ 4
[แก้]
|
บ้านเชียงยืน หมู่ที่ 4 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านเชียงยืน เดิมมีชื่อว่า "บ้านบั่ว" ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นชาวไทเขินที่อพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบ้านยั่วมาเป็น "บ้านเชียงยืน" ซึ่งคำว่า เชียง นั้นเป็นชื่อของผู้อาวุโสในหมู่บ้านสมัยแต่ก่อนชื่อว่า "หนานเชียง" ส่วนคำว่า ยืน นั้นเป็นลักษณะของอายุของผู้อาวุโสนั้นเองเพราะว่าท่านมีอายุยืนถึง 100 ปี จึงได้ชื่อว่า "บ้านเชียงยืน"
- ผู้นำหมู่บ้าน ปัจจุบัน
- นายอดุลย์ เมฆยะ
ผู้ใหญ่บ้านบ้านเชียงยืน หมู่ที่ 4 - นายราชันย์ สมหน่อ
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลยม
- นายอดุลย์ เมฆยะ
บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ที่ 5
[แก้]
|
บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ที่ 5 ตำบลยม อำเภอท่วังผา จังหวัดน่าน
หมู่บ้านนี้ตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อประมาณราวปี พ.ศ. 2300 ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีเชื้อสายไทลื้อซึ่งได้มีการอพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา ทางตอนใต้ของประเทศจีน ด้วยเหตุที่ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่าบ้านทุ่งฆ้อง ก็เพราะว่าในสมัยอดีตนั้นได้มีบรรพบุรุษเล่าสืบต่อกันมาว่ามีฆ้องใหญ่อยู่กลางทุ่งนาสำหรับตีในงานมงคลและเพื่อบอกเหตุกรณ์ต่าง ๆ จึงได้เรียกชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านทุ่งฆ้อง" มาจนถึงปัจจุบัน (สุชาติ คำแสน, สัมภาษณ์, 18 มกราคม 2563)
บ้านเสี้ยว หมู่ที่ 6
[แก้]
|
บ้านเสี้ยว หมู่ที่ 6 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
หมู่บ้านนี้ตั้งขึ้นมาเมื่อใดไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มสำน้ำย่าง สันนิษฐานว่าอาจสร้างขึ้นมาพร้อมกับพระธาตุจอมพริก ในปี พ.ศ. 2490 ได้ย้ายหมู่บ้านเนื่องจากเกิดอุทกภัยทำให้ตลิ่งพัง ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันย้ายหมู่บ้านขึ้นมาตั้งที่แห่งใหม่ในบริเวณที่ราบเชิงเขา ซึ่งเป็นที่ราบสูงตอนบนของหมู่บ้าน และทางตอนใต้ของพระธาตุจอมพริกเพื่อสะดวกในการคมนาคมและพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ในพื้นที่นี้มีต้นเสี้ยว (ต้นชงโค) ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า "บ้านเสี้ยว" (สมควร คำแสน, สัมภาษณ์, 18 มกราคม 2563)
บ้านหนอง หมู่ที่ 7
[แก้]
|
บ้านหนอง หมู่ที่ 7 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
เดิมหมู่บ้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านทุ่งฆ้อง หมู่ที่ 5 ชื่อว่าบ้านห้วยตุ้ม ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มลำน้ำย่าง ในปี พ.ศ. 2506 ได้เกิดอุทกภัย น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทำให้ได้รับความเสียหาย ดังนั้นทางคณะกรรมการหมู่บ้านจึงตัดสินใจย้ายที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยบ้านทุ่งฆ้องย้ายไปทางฝั่งซ้ายของลำน้ำย่าง บ้านห้วยตุ้มย้ายมาทางฝั่งขวาบริเวณหนองกลางเวียน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "บ้านหนอง" ตามพื้นที่ของหมู่บ้าน (สมพร คำแสน, สัมภาษณ์, 18 มกราคม 2563)
บ้านพร้าว หมู่ที่ 8
[แก้]
|
บ้านพร้าว หมู่ที่ 8 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านพร้าว บริเวณที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านนี้แรกเริ่มเดิมทีไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ หลังจากนั้นได้มีครอบครัวของคนต่างถิ่นได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ราว 4 - 5 ครัวเรือน อาศัยอยู่ด้วยกันแบบพี่น้องได้ช่วยกันทำมาหากินบนแผ่นดินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่นั้นบอกว่าบริเวณนี้มีธารน้ำธรรมชาติสายเล็ก น้ำใสไหลเย็น มองเห็นหมู่ปลาเล็กปลาน้อย ด้วยความสะอาดปราศจากมลพิษ นำความชุ่มชื่นร่มเย็นมาให้ผืนดินอีกทั้งยังแหล่งอาหารและที่ทำมาหากินของพวกเขาสืบกันมา ทั้งยังมีต้นพร้าวหรือมะพร้าวขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณที่แห่งนี้ ชาวบ้านจึงได้เรียกพื้นที่ที่ตั้งของหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านพร้าว"
- ผู้นำหมู่บ้านปัจจุบัน
- นายสมนึก พรมวังขวา ผู้ใหญ่บ้านบ้านพร้าว หมู่ที่ 8
บ้านน้ำไคร้ หมู่ที่ 9
[แก้]
|
บ้านน้ำไคร้ หมู่ที่ 9 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
หมู่บ้านนี้ตั้งขึ้นมาเมื่อใดไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าคงจะอพยพมาจากที่อื่นประมาณก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยน่าจะอพยพมาจากเมืองพวน ในประเทศลาว และได้มาตั้งรกรากที่บริเวณห้วยน้ำไคร้ ซึ่งเป็นเป็นลำห้วยที่ไหนผ่านหมู่บ้าน และมีต้นไคร้ขึ้นอยู่มาก จึงได้เรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านน้ำไคร้" (ประยงค์ ใหม่ชัย, สัมภาษณ์, 18 มกราคม 2563)
บ้านนานิคม หมู่ที่ 10
[แก้]บ้านนานิคม หมู่ที่ 10 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
หมู่บ้านนี้เดิมชื่อบ้านหนองเตาหรือบ้านน้ำหมู เนื่องจากอพยพมาอยู่ริมหนองเตาก่อนแล้วขยับขยายมาอยู่ริมน้ำหมู อยู่ในเขตบ้านเชียงยืน ก่อนปี พ.ศ. 2492 มีผู้ที่มาอยู่ 23 หลังคาเรือ เมื่อมีสมาชิกมากขึ้นหลายหลังคาเรือน จึงพร้อมใจกันขอตั้งหมู่บ้านใหม่ขึ้น แจ้งต่อสภาตำบลยมและได้นำเรื่องเสนอทางอำเภอก็ได้รับความเห็นชอบอนุมัติเป็นหมู่บ้านใหมให้ชื่อว่า "บ้านนานิคม" เนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่บริเวณกลางทุ่งนาขนาดใหญ่ ส่วนคำว่า "นิคม" หมายถึง หมู่บ้านหรือแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ (วิจิตร แสนสี, สัมภาษณ์, 18 มกราคม 2563)
สวนสาธารณะ/สถานที่ออกกำลังกาย
[แก้]รายชื่อสวนสาธารณะหรือลานกีฬา ประจำแต่ละหมู่บ้าน
- สนามกีฬา ตำบลยม
- สนามกีฬาโรงเรียนบ้านก๋งมงคลประชารังสรรค์ บ้านก๋ง หมู่ 1
- สนามกีฬาโรงเรียนไตรราษฎร์วิทยา บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ 5
- สนามกีฬาโรงเรียนบ้านเสี้ยว บ้านเสี้ยว หมู่ 6
- สนามกีฬาโรงเรียนบ้านพร้าว บ้านพร้าว หมู่ 8
- สนามเปตอง บ้านก๋ง หมู่ 1
- สนามเปตอง บ้านสบบั่ว หมู่ 2
- สนามเปตอง บ้านลอมกลาง หมู่ 3
- สนามเปตอง บ้านเชียงยืน หมู่ 4
- สนามเปตอง บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ 5
- สนามเปตอง บ้านเสี้ยว หมู่ 6
- สนามเปตอง บ้านหนอง หมู่ 7
- สนามเปตอง บ้านพร้าว หมู่ 8
- สนามเปตอง บ้านน้ำไคร้ หมู่ 9
- สนามเปตอง บ้านนานิคม หมู่ 10
สถานที่สำคัญ
[แก้]สถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ภายในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลยม มีดังนี้
- สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลยม (บ้านสบบั่ว หมู่ 2)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยม (บ้านก๋ง หมู่ 1)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยม (บ้านพร้าว หมู่ 8)
- พระธาตุลอมตั้ง (สะดือเมืองยม) (บ้านพร้าว หมู่ 8)
- เสาหลักเมืองยม (บ้านพร้าว หมู่ 8)
- พระธาตุจอมพริก (บ้านเสี้ยว หมู่ 6)
- อ่างเก็บน้ำชลสิงห์ (บ้านเสี้ยว หมู่ 6)
- น้ำตกน้ำไคร้ (บ้านน้ำไคร้ หมู่ 9)
- คือเมืองย่าง (บ้านเสี้ยว หมู่ 6)
- คือเมืองย่าง (บ้านลอมกลาง หมู่ 3)
- อ่างเก็บน้ำห้วยเมี่ยง (บ้านลอมกลาง หมู่ 3)
ศาสนสถาน
[แก้]ตำบลยม มีศาสนสถานที่สำคัญ ประกอบด้วยวัด 9 แห่ง และโบสถ์คริสตจักร 1 แห่ง ดังนี้
1. | วัดศรีมงคล | - | บ้านก๋ง | หมู่ที่ 1
| |
2. | วัดโพธิ์ไทร | - | บ้านสบบั่ว | หมู่ที่ 2 | |
3. | วัดลอมกลาง | - | บ้านลอมกลาง | หมู่ที่ 3 | |
4. | วัดเชียงยืน | - | บ้านเชียงยืน | หมู่ที่ 4 | |
5. | วัดทุ่งฆ้อง | - | บ้านทุ่งฆ้อง | หมู่ที่ 5 | |
6. | วัดพระธาตุจอมพริก | - | บ้านเสี้ยว | หมู่ที่ 6 | |
7. | วัดหนองช้างแดง | - | บ้านหนอง | หมู่ที่ 7 | |
8. | วัดสันติการาม | - | บ้านพร้าว | หมู่ที่ 8 | |
9. | วัดน้ำใคร้ | - | บ้านน้ำใคร้ | หมู่ที่ 9 | |
10. | โบสถ์คริสตจักรพันธสัญญา | - | บ้านนานิคม | หมู่ที่ 10 |
สถานศึกษา
[แก้]สถานศึกษาในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลยม มีดังนี้
- ระดับชั้น : มัธยมศึกษา มี 1 แห่ง ดังนี้
- โรงเรียนเมืองยมวิทยาคาร : บ้านสบบั่ว หมู่ที่ 2 (โรงเรียนมัธยมประจำตำบลยม)
- ระดับชั้น : ประถมศึกษา มี 4 แห่ง ดังนี้
- โรงเรียนบ้านก๋งมงคลประชารังสรรค์ : บ้านก๋ง หมู่ที่ 1
- โรงเรียนไตรราษฎร์วิทยา : บ้านทุ่งฆ้อง หมู่ที่ 5
- โรงเรียนบ้านเสี้ยว : บ้านเสี้ยว หมู่ที่ 6
- โรงเรียนบ้านพร้าว : บ้านพร้าว หมู่ที่ 8
- โรงเรียนพระปริยัติธรรม (แผนกสามัญศึกษา) มี 1 แห่ง ดังนี้
- โรงเรียนวัดน้ำใคร้นันทชัยศึกษา : บ้านน้ำใคร้ หมู่ที่ 9
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showZoneData.php?rcode=5506&statType=1&year=66 รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ.2566
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
- ↑ https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statyear/#/TableTemplate5/Area/statpop?yymm=66&ccDesc=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99&topic=statpop&ccNo=55&rcodeNo=5506&rcodeDesc=%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B2&ttNo=550604&ttDesc=%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%A1