ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ
อะโนะฮะนะ AnoHana | |
あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない | |
---|---|
แนว | ตลก นาฏกรรม โศกนาฏกรรม วีรคติ เสี้ยวชีวิต |
อนิเมะโทรทัศน์ | |
กำกับโดย | ทะสึยุกิ นะไง (Tatsuyuki Nagai) |
เขียนบทโดย | มะริ โอะกะดะ (Mari Okada) |
ดนตรีโดย | เรเมดิโอส (Remedios) |
สตูดิโอ | เอวันพิกเชอส์ (A-1 Pictures) |
เครือข่าย | ฟุจิทีวี, บีเอสฟุจิ, คันไซทีวี, โทะไกทีวี |
ฉาย | 15 เมษายน 2554 – 24 มิถุนายน 2554 |
ตอน | 11 ตอน ตอนละ 24 นาที |
มังงะ | |
เขียนโดย | มะริ โอะกะดะ |
วาดภาพโดย | มิสึ อิซุมิ (Mitsu Izumi) |
สำนักพิมพ์ | ชูเอชะ (Shūeisha) |
นิตยสาร | จัมป์แสควร์ (Jump Square) |
วางจำหน่ายตั้งแต่ | 4 เมษายน 2555 – ปัจจุบัน |
ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ (ญี่ปุ่น: あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない; โรมาจิ: Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai; "เราก็ยังไม่รู้สักทีว่าดอกไม้ที่เราเจอในวันนั้นเขาเรียกกันว่าอะไร") หรือเรียกโดยย่อว่า อะโนะฮะนะ (あの花; "ดอกไม้เหล่านั้น") เป็นชื่ออนิเมะโทรทัศน์ชุดหนึ่งซึ่งทะสึยุกิ นะไง (Tatsuyuki Nagai) กำกับ และบริษัทเอวันพิกเชอส์ (A-1 Pictures) ผลิต[1] มีความยาว 11 ตอน ฉายในปร
ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 24 มิถุนายน ปีนั้น ต่อมา มิสึ อิซุมิ (Mitsu Izumi) จึงดัดแปลงเป็นมังงะลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร จัมป์สแควร์ (Jump Square) ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ (Shūeisha) ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2555[2] และบริษัทกายซ์แวร์ (Guyzware) ดัดแปลงเป็นเกมแนววิชวลโนเวลจำหน่ายในกลางปี 2555[3]
เนื้อเรื่อง
[แก้]เด็ก 6 คนซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เล็ก และมีจินตะ ยะโดะมิ หรือจินตัง เป็นหัวหน้านั้น แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางหลังจากเมโกะ ฮมมะ หรือเม็มมะ สมาชิกคนหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย 10 ปีให้หลัง จินตังอาศัยอยู่ตามลำพังไม่เข้าสังคม วันหนึ่งในฤดูร้อน ผีเม็มมะซึ่งมีรูปโฉมเจริญเติบโตขึ้นตามวัยได้ปรากฏกายจำเพาะหน้าเขา และร้องขอให้เขาช่วยเธอให้สมความปรารถนาประการหนึ่ง เพราะเธอไม่อาจไปผุดไปเกิดได้จนกว่าจะบรรลุความปรารถนานั้น แต่ปัญหาคือเธอไม่สามารถจดจำได้ว่าปรารถนาอะไร ดังนั้นจินตังจึงประชุมสมาชิกกลุ่มอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าพวกเขาเป็นกุญแจไขปริศนาของเม็มมะ อย่างไรก็ดีเด็กเหล่านี้ต้องเผชิญอารมณ์ความรู้สึกมากหลาย ความขัดแย้งภายในกลุ่ม ตลอดจนความแค้นเคืองที่ยังคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของบิดามารดาเม็มมะ และจำต้องฟันฝ่าสิ่งดังกล่าวไปให้จงได้
สื่อ
[แก้]อนิเมะ
[แก้]เพลง
[แก้]อนิเมะนี้ใช้เพลงประกอบหลักสองเพลง เป็นเพลงเปิดหนึ่ง เพลงปิดหนึ่ง เพลงเปิดนั้นชื่อ "อะโอะอิชิโอะริ" (青い栞; "ที่คั่นหนังสือสีฟ้า") กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) ขับร้อง และขายเป็นซิงเกิลเรียก "ซิงเกิลเปิดอะโนะฮิมิตะฮะนะโนะนะมะเอะโอะโบะกุตะชิวะมะดะชิระไน" (Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai OP Single) ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554
ส่วนเพลงปิดนามว่า "ซีเคร็ตเบส~คิมิกะคุเระตะโมะโนะ~" (Secret Base ~君がくれたもの~; "ฐานทัพลับ~สิ่งนั้นเธอให้ฉันไว้~") เป็นเพลงของวงโซน (Zone) ซึ่งเผยแพร่ในปี 2544 และไอ คะยะโนะ (Ai Kayano), ฮะรุกะ โทะมะสึ (Haruka Tomatsu) กับซะโอะริ ฮะยะมิ (Saori Hayami) นำมาขับร้องใหม่ในครั้งนี้ แล้ววันที่ 27 เมษายน 2554 จึงเริ่มวางขายเป็นซิงเกิลชื่อ "ซิงเกิลปิดอะโนะฮิมิตะฮะนะโนะนะมะเอะโอะโบะกุตะชิวะมะดะชิระไน" (Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai ED Single) ประกอบด้วยเพลงนี้สี่ฉบับต่างกัน ฉบับที่ใช้ในอนิเมะเรียก "ฉบับสิบปีให้หลัง" (10 years after Ver.)[4]
อนึ่ง วงดุริยางค์ซิมโฟนีเมโลดิกเทสต์ (Melodic Taste) ยังได้นำเพลงปิดดังกล่าวมาเรียบเรียงเป็นแนวดนตรีประสาน (symphony) และบรรเลงด้วยดุริยางค์ขนาดใหญ่ มีทั้งฉบับบรรเลงเท่านั้น และฉบับซึ่งฮิกะริ เซะกิยะ (Hikari Sekiya) กับชิซุกะ ยุกิมุระ (Shizuka Yukimura) สองคนขับร้อง แล้ววางจำหน่ายพร้อมกับเพลงอื่น ๆ เป็นอัลบัมชื่อ "อนิเมะซองออเคสตรา 2" (Anime Song Orchestra II) ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2553[5][6]
ตอน
[แก้]ตอนที่ | ชื่อตอน | วันออกอากาศ (ในประเทศญี่ปุ่น) | |
---|---|---|---|
1 |
|
15 เมษายน 2554[7] | |
วันหนึ่งในฤดูร้อน จินตังวุ่นวายใจเพราะถูกวิญญาณของเม็มมะ เพื่อนในวัยเด็ก รบกวน ปรากฏว่า มีเพียงเขาที่มองเห็นและพูดคุยกับผีเม็มมะได้ เม็มมะว่า เธอต้องการให้เขาช่วยเหลือให้สมปรารถนาประการหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าปรารถนาอะไร ระหว่างนั้น อะนะรุ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของทั้งสอง แวะเวียนมาที่บ้านของจินตังเพื่อนำมาการบ้านมาส่งให้ เพราะจินตังไม่ยอมไปร่ำไปเรียน แล้วอะนะรุก็จากไป เม็มมะร้องขอให้จินตังติดตามอะนะรุไปเพื่อจะได้ให้เธอช่วยขบคิดปัญหา เม็มมะและจินตังจึงออกบ้าน แต่แทนที่จะไปหาอะนะรุ ก็พากันทอดน่องท่องเที่ยวไปในเมือง จนได้พบเพื่อนเก่าอีกสองคน คือ สึรุโกะ และยุกิอัตสึ โดยบังเอิญ เมื่อจินตังเอ่ยถึงเม็มมะขึ้นลอย ๆ ยุกิอะสึก็กล่าววาจาเหน็บแนมจินตังให้ได้เจ็บช้ำน้ำใจจนจินตังวิ่งหนีไป เม็มมะจึงวิ่งติดตามไปด้วย จินตังว่าเขาถูกดูหมิ่นดูแคลนทั้งนี้ก็เพราะเธอ จึงละเธอไว้ที่นั้นแล้วเดินกลับบ้านโดยลำพัง เวลานั้น จินตังเริ่มจดจำเรื่องราวครั้งเยาว์วัยที่เขา เม็มมะ และมิตรสหายคนอื่น ๆ เคยรวมกันเป็นกลุ่มเรียก "สุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติ" (Super Peace Busters) และไปไหนมาไหนด้วยกันมิได้ห่าง วันหนึ่ง เมื่อเพื่อน ๆ ถามเขาว่า ชอบเม็มมะใช่หรือไม่ เขาไม่กล้าบอกความจริงจึงบอกปัดไปด้วยถ้อยคำรุนแรงแล้ววิ่งหนีกลับบ้าน กระนั้น เด็กชายจินตังรู้สึกผิดอยู่ในใจอยู่ไม่วาย และครุ่นคิดจะขอโทษเม็มมะในวันรุ่งขึ้นให้จงได้ ทว่า ในบ่ายวันนั้นเอง เม็มมะจมน้ำถึงแก่ความตายเสียก่อน ระหว่างนั้น ฝ่ายผีเมินมะซึ่งถูกทิ้งไว้ตัดสินใจกลับไปเยี่ยมบิดามารดาที่บ้าน พบว่า มารดากำลังไหว้เถ้ากระดูกเธออยู่โดยอุทิศอาหารเย็นมาให้ จึงแจ้งใจว่า ตนได้สิ้นอายุขัยไปแล้ว และตั้งคำถามแก่ตนเองว่า ควรไปที่ใดดี จินตังเมื่อเห็นว่า เม็มมะมิได้กลับมาหาเขาแต่ประการใด ก็เสียใจที่ทำให้เธอเจ็บปวดซ้ำสอง และออกตามหาเธอโดยไม่ชักช้า เขาออกวิ่งไปตามท้องถนนอย่างบ้าคลั่งจนถึง "ฐานทัพลับ" (secret base) หรือตูบกลางป่าซึ่งกลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติเคยใช้เป็นที่ประชุม ด้วยเข้าใจว่า เม็มมะคงไปที่แห่งนั้น เขาได้พบว่า ปปโปะ สมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่ม อาศัยอยู่ ณ ตูบหลังนี้ตลอดมา | |||
2 |
|
22 เมษายน 2554[7] | |
จินตังแจ้งแก่ปปโปะว่า ได้พบผีเม็มมะ และปปโปะเชื่อถือเขาโดยปราศจากความสงสัย ขณะเดียวกัน อะนะรุออกจากบ้านและมาพบสึรุโกะโดยบังเอิญ สึรุโกะต่อว่าเธอว่า ประพฤติตัวเหลวไหลไปตามเพื่อน ทั้งที่เมื่อก่อนอยู่ในร่องในรอยเพราะใฝ่ฝันจะเป็นดังเม็มมะแท้ ๆ เมื่อพูดถึงเม็มมะ คลองน้ำตาของอะนะรุก็ร่วงรินเป็นสาย ด้วยเธอตำหนิตัวเองเรื่อยมาว่า เป็นเหตุให้เม็มมะต้องจบชีวิต เวลานั้น จินตังตรึกตรองกับปปโปะว่า ความปรารถนาของเม็มมะคืออะไร ปปโปะว่า เธออาจอยากได้สัตว์ประหลาดตัวหายากจากเกมวีดิทัศน์โนะเกะมง (หรือโนเกมอน ล้อเลียนโพะเกะมง หรือโปเกมอน) จินตังจึงไปซื้อเกมดังกล่าวที่ร้านค้าซึ่งอะนะรุทำงานนอกเวลาอยู่ แล้วเล่นเกมนั้นทั้งคืนโดยใช้ชื่อผู้เล่นว่า "เม็มมะผู้กล้า" เพื่อให้ชนะแล้วจะได้มาซึ่งสัตว์ประหลาดตัวเช่นว่า ประจวบกับที่เม็มมะซึ่งหาที่ไปมิได้กลับคืนมาหาเขาพอดี เธอเห็นเขาผล็อยหลับไปด้วยความง่วงทั้งที่มีเกมโปรดของเธอคาอยู่ในมือ จึงยิ้มและบอกขอบคุณ ก่อนจะซบไหล่เขาหลับใหลไปด้วยกัน วันรุ่งขึ้น จินตัง เม็มมะ และปปโปะไปหาอะนะรุที่บ้าน เล่าเรื่องราวทั้งมวลให้ฟัง และขอให้ช่วยเล่นเกม อะนะรุตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า จินตังต้องกลับไปเรียนหนังสือตามปรกติ ระหว่างอยู่ที่บ้านของอะนะรุนี้ เม็มมะร่าเริงขึ้นเป็นอันมากเมื่อทราบว่า อะนะรุยังคงเก็บสะสมเกมและมังงะไว้มากมายดังที่เธอและอะนะรุทำครั้งเป็นเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะนะรุยังรักษาสติกเกอร์ที่เม็มมะติดให้บนฝาเครื่องเพลย์สเตชันแบบพกพาไว้เป็นอย่างดี หลังจากร่วมเล่นเกมโนะเกะมงทั้งคืนจนชนะและได้สัตว์ประหลาดตัวหายากมาแล้ว กลับปรากฏว่าไม่ตรงกับความปรารถนาที่แท้จริงของเม็มมะ ทว่า กำลังใจของคนทั้งสามก็หาได้ถดถอยลงไม่ ด้วยพวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ช้าก็เร็ว เม็มมะจะได้สมหวังเป็นมั่นคง | |||
3 |
|
29 เมษายน 2554[7] | |
จินตังเกียจคร้านเกินกว่าจะไปโรงเรียน แต่เมื่อเม็มมะร้องขอ เขาก็ลุกขึ้นแต่งตัวไปโรงเรียนเดี๋ยวนั้น ทว่า ครั้นถึงหน้าโรงเรียนแล้วกลับถูกเพื่อนฝูงของอะนะรุหยามเหยียด จึงเปลี่ยนใจหันหลังกลับมิทันได้เข้าโรงเรียน กระนั้น ก็มิได้กลับบ้าน แต่มุ่งหน้าไปยังตูบฐานทัพลับแทน เพราะไม่ต้องการให้เม็มมะเสียใจที่เขามิได้ไปโรงเรียนจริงตามคำร้องขอของเธอ ปปโปะบอกเขาว่า ตนได้เห็นผีเม็มมะเมื่อคืนก่อน จินตังได้ฟังแล้วก็ตกใจ เพราะเขาเข้าใจว่า ที่เขามองเห็นพูดคุยกับผีเม็มมะได้เพียงผู้เดียว เพราะเม็มมะเป็นเพียงจินตภาพอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลของเขา จึงลากลับบ้านโดยไม่ชักช้า เมื่อถึงบ้าน จินตังพบว่า เม็มมะกำลังทำขนมโมะชิปัง (もちパン) อย่างเดียวกับที่มารดาผู้วายชนม์ของเขาเคยทำให้เธอและเขารับประทานครั้งยังเด็ก แม้ว่าผลงานของเม็มมะเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็ทำให้เขาระลึกถึงมารดาจนน้ำตาคลอ ระหว่างนั้น ทั้งสองได้พูดคุยกัน และเม็มมะยืนยันว่ามิได้ออกไปในป่ายามวิกาลแต่อย่างใด จินตัง เม็มมะ และปปโปะจึงสงสัยว่า เม็มมะที่เห็นคือใคร เพื่อไขปัญหานั้น เย็นวันรุ่งขึ้น ปปโปะจึงจัดงานเลี้ยงบาร์บีคิวที่ตูบ เรียก "งานเลี้ยงสืบหาเม็มมะ" โดยเชิญสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มมา ฝ่ายยุกิอะสึซึ่งมาเป็นคนสุดท้ายนั้นกล่าวอ้างว่า เขาก็ได้เห็นผีเม็มมะดุจกัน | |||
4 |
|
6 พฤษภาคม 2554[7] | |
หัวค่ำนั้น กลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติเดินสืบหาร่องรอยผีเม็มมะตามป่าเขารอบตูบ ฝ่ายจินตังไปได้ครึ่งทางก็กลับโดยกล่าวว่า สำหรับเขา เม็มมะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่ต้องการตามหาเม็มมะที่ไหนอีก ได้ฟังว่าเขายังรักเม็มมะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วอะนะรุก็ขุ่นเคือง และวิ่งไล่ตามเขาไปสะดุดเนินจุดเดียวกับที่เม็มมะพลัดตกน้ำถึงแก่ความตาย ดีที่จินตังคว้าเธอไว้ได้ อะนะรุจึงเข้าใจว่า ที่จินตังเห็นเม็มมะได้แต่เพียงผู้เดียวนั้นก็เพราะเขาเท่านั้นที่รักเม็มมะอย่างหมดหัวใจ และขอให้เขาทำดีต่อเม็มมะสืบไป สมควรแก่เวลาทุกคนก็กลับไปบริโภคอาหาร ขณะนั้น ยุกิอะสึกล่าวย้ำขึ้นอีกว่า เขาได้เห็นและสนทนากับผีเม็มมะ โดยเม็มมะบอกเขาว่า อย่าได้ยุ่งวุ่นวายกับความปรารถนาของเธอเลย ต่างฝ่ายต่างเดินไปตามทางของตนเองนั้นดีแล้ว ซึ่งผิดแผกไปจากความต้องการของเม็มมะตัวจริง จินตังจึงนำขนมโมะชิปังที่เม็มมะทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาแบ่งปันทุกคนกิน ด้วยหมายใจจะให้ขนมนั้นสื่อความรู้สึกอันแท้จริงของเม็มมะ ยุกิอะสึเห็นเป็นเรื่องขำขันจึงผละจากไป วันต่อมา สึรุโกะมาหาจินตังที่บ้านและชวนเขาไปพิสูจน์ว่า เม็มมะในป่านั้นจริงหรือปลอมประการใด คืนนั้น สมาชิกทุกคนของกลุ่ม ยกเสียแต่ยุกิอะสึ ได้รวมตัวกันเพื่อการดังกล่าว ทันใดก็ได้เห็นเม็มมะวิ่งไปรอบป่า แต่ที่สุดก็จับได้ว่า ยุกิอะสึสวมรอยเป็นผีเม็มมะโดยใส่ผมปลอมและชุดกระโปรงสีขาวผูกโบที่คออันเป็นชุดที่เม็มมะใส่ในวันสุดท้ายของชีวิต | |||
5 |
|
13 พฤษภาคม 2554[8] | |
ยุกิอะสึยอมรับว่า ที่ทำลงไปนั้น เพราะคิดถึงเม็มมะมากจนมิอาจหักห้ามใจได้ และโทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุให้เม็มมะถึงแก่ความตาย จินตังจึงบอกเขาว่า เม็มมะไม่เคยถือสาและอยากขอโทษเขาที่เธอมิทันได้รับกิ๊บติดผมเมื่อครั้งก่อนนั้น ยุกิอะสึซึ่งเห็นว่าจินตังล้อเล่นเรื่องผีเม็มมะมาตลอด ครั้นได้ฟังเรื่องกิ๊บดังกล่าวอันรับรู้กันอยู่แต่ระหว่างเขากับเม็มมะ ก็ตกใจเล็กน้อยและยอมเชื่อถือจินตัง ก่อนจะกลับหอพักไปหวนรำลึกเม็มมะและซบหน้าร้องไห้อยู่ตามลำพัง เย็นวันต่อมา อะนะรุไปเที่ยวร้านคาราโอเกะกับเพื่อน และถูกเพื่อนชายคนหนึ่งล่อลวงไปยังโรงแรมม่านรูดหวังเปิดบริสุทธิ์เธอ แต่ยุกิอะสึช่วยเหลือไว้ได้ทันท่วงที และพาเธอนั่งรถไฟกลับบ้านด้วยกัน ขณะรถไฟแล่นผ่านอุโมงค์นั้น ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องความรู้สึกซึ่งมีให้แก่คนที่แอบรัก เวลาเดียวกัน ปปโปะไปหาจินตังที่บ้านและบอกเขาว่า ที่เม็มมะยังวนเวียนอยู่กับเขา อาจเป็นเพราะเธอไม่สามารถไปสู่สุคติก็เป็นได้ เม็มมะเผอิญได้ฟังเข้าก็ร้องไห้น้อยใจ | |||
6 |
|
20 พฤษภาคม 2554[8] | |
จินตังพยายามขบคิดว่า ความปรารถนาที่แท้ของเม็มมะคืออะไร และนึกถึงคำขอของเม็มมะที่ต้องการให้เขาไปโรงเรียนดังเดิม จึงตกลงใจกลับไปร่ำเรียนหลังจากหายหน้าค่าตาไปนาน เม็มมะเข้ามากอดเขาแล้วว่า เธอไม่ต้องการฝืนใจเขาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากไปก็ไม่จำต้องไป จินตังยิ้มและบอกเธอให้คลายกังวลเกี่ยวกับตัวเขา แล้วก็ไปโรงเรียน เวลานั้น ผู้คนที่โรงเรียนโจษจันว่า อะนะรุเสียตัวที่โรงแรมแล้ว ทำให้อะนะรุเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก จินตังจึงออกหน้าปกป้องเธอ และพากันวิ่งอ้าวออกจากห้องเรียนไปในบัดดล แม้เสียงลือเสียงเล่าอ้างนั้นไม่เป็นความจริง แต่อะนะรุก็ไม่กล้าสู้หน้ามารดา จึงหลบไปอาศัยอยู่ที่ฐานทัพลับสักพัก เพื่อให้ได้ร่องรอยเกี่ยวกับความปรารถนาของเม็มมะเพิ่มขึ้น จินตัง อะนะรุ และปปโปะจึงไปบ้านเม็มมะและได้พบมารดาของเม็มมะผู้มอบอนุทินของบุตรสาวให้แก่พวกเขา คนทั้งสามตกลงกันว่า จะอ่านอนุทินเล่มนั้นในวันรุ่งขึ้น จินตังกลับไปเล่าให้เม็มมะฟังว่า ได้ไปเยี่ยมบ้านเธอมา เม็มมะทราบแล้วก็ไม่สบอารมณ์ เพราะเธอต้องการให้มารดาลืมเลือนเธอเสีย มารดาจะได้พ้นจากความทุกข์ตรมสักที เขาฟังแล้วเหลืออด ต่อว่าเม็มมะว่า เป็นกังวลเรื่องคนอื่นมากเกินไปจนไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของตัวเธอเอง และผลุนผลันออกบ้านไป | |||
7 |
|
27 พฤษภาคม 2554[8] | |
ครั้นแล้ว จินตัง อะนะรุ และปปโปะก็เปิดอนุทินของเม็มมะออกอ่าน พบข้อความตอนหนึ่งว่า อยากให้เพื่อน ๆ ช่วยกันทำดอกไม้เพลิงจุดส่งขึ้นไปหาเทวาบนท้องฟ้าพร้อมแนบจดหมายวิงวอนให้ช่วยมารดาของจินตังที่กำลังป่วยหนักอยู่ในครั้งนั้น เมื่อเห็นว่าเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของเม็มมะ แม้มิอาจช่วยเหลือมารดาจินตังได้แล้ว พวกเขาก็เห็นพ้องกันว่าควรทำให้สำเร็จอยู่ดี กระนั้น ก็จนใจอยู่ เพราะกฎหมายห้ามราษฎรทำหรือมีวัตถุระเบิดโดยมิได้รับอนุญาต ความทราบถึงบิดาของจินตัง บิดาจินตังจึงนำพาพวกเขาไปหาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งผลิตดอกไม้เพลิงเป็นและได้ แต่ดอกไม้เพลิงขนาดใหญ่อย่างบ้องไฟนั้น ดอกหนึ่งมีค่าใช้จ่ายถึงสองแสนเยน จินตังจึงทำงานพิเศษเพื่อหาเงินไว้เป็นทุนรอน โดยตอนเช้าทำงานกับอะนะรุที่ร้านขายเกม ตกค่ำทำงานก่อสร้างกับปปโปะ แต่มิได้บอกกล่าวให้เม็มมะทราบแต่ประการใด เกลือกว่าเธอจะเป็นกังวล เม็มมะเริ่มสงสัยในตัวจินตัง เพราะเขามีพฤติกรรมผิดแปลกไป ต่อมา เธอได้ยินเพื่อนบ้านสนทนากับบิดาเขาเรื่องเขาทำงานพิเศษ จึงติดตามไปที่ตูบและได้ยินอะนะรุว่า กำลังทำงานพิเศษกันเพื่อรวบรวมทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าทำดอกไม้เพลิงให้แก่เธอ เธอก็น้ำตาคลออนุสรถึงความปรารถนาข้างต้นของตน และเข้าใจว่า จินตังทำเพื่อเธอมากเพียงไร จึงแอบไปเฝ้าดูเขาทำงานอยู่ห่าง ๆ ไม่นานนายช่างผลิตดอกไม้เพลิงแจ้งจินตังว่า มิอาจทำดอกไม้เพลิงให้แก่เขาได้อีกต่อไป ทั้งนี้ เพราะมารดาของเม็มมะซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งห้าม | |||
8 |
|
3 มิถุนายน 2554[8] | |
จินตังและพวกไปถามความจากมารดาของเม็มมะ นางไม่ตอบ และต่อว่าพวกเขาด้วยความเคียดแค้นว่า พวกเขามีชีวิตเติบโตมาได้จนทุกวันนี้ แต่บุตรสาวของนางกลับไม่มีโอกาสเช่นนั้น ภายหลัง ยุกิอะสึตำหนิจินตังว่า แทนที่จะเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวลำพัง กลับนำพาคนอื่นมาร่วมทุกข์ระทมไปด้วย จินตังจึงตัดสินใจช่วยเหลือเม็มมะแต่ผู้เดียว จินตังยังทำงานพิเศษต่อไป แต่เพราะหักโหม สุขภาพจึงย่ำแย่ อะนะรุร้องขอให้เขาหยุด และสารภาพรักต่อเขา เธอว่า เหตุผลประการหนึ่งที่เขาควรเลิกล้มการนี้เสีย คือ ถ้าเม็มมะได้สำเร็จความปรารถนาแล้วก็ย่อมเลือนหายไป เขากับเม็มมะก็จะพรากจากกันอีกครั้ง มิใช่เป็นความเจ็บปวดกระนั้นหรือ จินตังเห็นว่า การรั้งเม็มมะไว้ย่อมเป็นความเห็นแก่ตัวแก่ได้ฝ่ายเดียว ไหนเลยเรียกว่าความสุขได้ จึงมิฟังและทำงานต่อไป วันต่อมา จินตังและบิดาไปไหว้สุสานมารดา และซะโตะชิ น้องชายของเม็มมะ มาหาจินตังเพื่อเล่าความหลังเกี่ยวกับเม็มมะให้ฟัง เม็มมะสงสารจินตังที่ต้องระกำลำบาก และต้องการให้เพื่อน ๆ คืนดีกันดังเดิม จึงใช้โทรศัพท์บ้านจินตังติดต่อคนอื่น ๆ แต่มิอาจสนทนาด้วยได้ คนทั้งหลายจึงมาประชุมกันที่ตูบแล้วสอบถามจินตังเรื่องธุระที่โทรศัพท์หานั้น เวลานั้น เม็มมะแสดงตัวต่อพวกเขาโดยเขียนข้อความลงอนุทินแล้วโยนอนุทินลงพื้น | |||
9 |
|
10 มิถุนายน 2554[8] | |
ปรากฏว่า เม็มมะไม่สามารถเขียนหนังสือที่อื่นได้นอกจากภายในตูบนั้นเอง คนอื่น ๆ เมื่อมั่นใจว่าผีเม็มมะมีอยู่จริงดังคำจินตังแล้ว ก็มีมานะจะช่วยกันทำให้เม็มมะได้สมมาดปรารถนาจนถึงที่สุด ฝ่ายยุกิอะสึนั้นชวนสึรุโกะไปหาบิดาของเม็มมะในวันถัดมา และกราบกรานขอให้อนุญาตนายช่าง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ทำดอกไม้เพลิงให้แก่พวกตน บิดาของเม็มมะรับทราบถึงความตั้งใจของเด็ก ๆ แล้วก็ยกให้ ระหว่างที่งานทำดอกไม้เพลิงดำเนินไปอยู่นั้นเอง ยุกิอะสึให้รู้สึกคับอกคับใจที่มีแต่จินตังที่มองเห็นพูดคุยกับเม็มมะได้ ฝ่ายอะนะรุก็เคืองใจที่ตนไม่มีดีจะให้เทียบเปรียบกับเม็มมะเอาเสียเลย ทั้งคู่จึงปรับทุกข์กันและชวนคบหาดูใจกัน สึรุโกะได้ยินเข้าก็น้อยใจ ค่ำลงวันนั้น เม็มมะเห็นปลาตะเพียนในแม่น้ำใต้สะพานชิชิบุ จึงกระโดดลงน้ำไปชมดู จินตังเห็นแล้วก็ตกใจ วิ่งเข้ากอดเธอไว้พลางว่า ลึก ๆ แล้วเขาเกรงเธอจะจากเขาไปอีกครั้ง และเขาต้องการให้เธออยู่เคียงข้างเขาชั่วนิรันดร์ แต่เมื่อนึกขึ้นว่าเป็นความเห็นแก่ตัวแล้ว เขาก็คลายอ้อมแขนออก | |||
10 |
|
17 มิถุนายน 2554[9] | |
ดอกไม้เพลิงแล้วเสร็จ กลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติจัดเลี้ยงแด่เม็มมะ และเตรียมยิงดอกไม้เพลิงในวันรุ่งขึ้น เย็นวันเลี้ยงนั้น ยุกิอะสึให้อะนะรุและปปโปะกดดันให้จินตังเผยความรู้สึกอันแท้จริงที่จินตังมีต่อเม็มมะ จินตังยอมรับว่ารักเม็มมะหาที่สุดมิได้ แม้รู้ดีว่า คำตอบต้องเป็นเช่นนั้น แต่อะนะรุก็มิอาจหักห้ามใจได้ร้องไห้อยู่กับสึรุโกะและบอกสึรุโกะว่า เธอหลงรักจินตัง สึรุโกะตอบเธอว่า ตนก็หลงรักยุกิอะสึอยู่ ฝ่ายจินตังนั้นสารภาพรักแก่เม็มมะแล้วก็ร้องขอให้เธออยู่กับเขาตลอดไป เม็มมะว่า เธอก็ชอบพอจินตังมากและอยากครองรักกันสืบไป แต่ได้ปลงใจแล้วว่าจะไปเกิดใหม่ อย่างน้อยอาจจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันกับทุกคนอีกก็เป็นได้ ในวันยิงดอกไม้เพลิง ซะโตะชิมาร่วมชมดู จินตังยังคิดไม่ตกว่า ควรให้เม็มมะไปสู่สุคติหรือเก็บเธอไว้กับเขาเช่นนี้ตลอดไป เขาทำใจลาจากเธอมิได้จึงร้องให้ทุกคนรั้งรอก่อน แต่หาทันไม่ เมื่อดอกไม้เพลิงขึ้นสู่เวิ้งฟ้า จินตังได้ยินเสียงเม็มมะจึงหันหลังกลับไปมอง พบว่า เธอยืนชมความสวยงามของท้องฟ้าอันแล้วไปด้วยสีสันของดอกไม้เพลิงอย่างอิ่มใจ ส่วนมารดาของเม็มมะนั้น จำเดิมไม่ยอมมาร่วมงานเพราะยังแค้นเคืองเด็ก ๆ อยู่ แต่สามีได้พูดให้เข้าใจจนปล่อยวางได้ และขับรถยนต์มาทันเวลาชมดอกไม้เพลิงขึ้นสู่อากาศ | |||
11 |
|
24 มิถุนายน 2554[9] | |
แม้ได้ยิงดอกไม้เพลิงแล้ว แต่เม็มมะก็ยังคงอยู่มิได้ไปผุดไปเกิดแต่ประการใด ชาวสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติจึงประชุมปรึกษากันหาสาเหตุ มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การยิงดอกไม้เพลิงอาจมิใช่ความปรารถนาที่แท้จริงของเม็มมะ บ้างก็ว่า เพราะทุกคนเห็นแก่ตัวมิได้ตั้งใจทำเพื่อเม็มมะจริง ๆ ความพยายามจึงสูญเปล่า ที่สุดก็บานปลายเป็นการทะเลาะวิวาทใหญ่หลวง อะนะรุรับว่า ตนต้องการให้เม็มมะจากไปโดยเร็ว จินตังจะได้มองมาที่ตนบ้าง ยุกิอะสึว่า เขาก็เช่นกัน เพราะไม่ต้องการให้จินตังได้เม็มมะไว้แต่ผู้เดียว ฝ่ายสึรุโกะเผยว่า ตนริษยาอะนะรุที่ได้ไปไหนมาไหนกับยุกิอะสึเสมอ และเป็นตนเองที่ชวนเม็มมะให้นัดทุกคนมาพร้อมหน้ากันในวันที่เม็มมะถึงแก่ความตายนั้น เพียงเพราะเธอหวังจะได้พบได้ใกล้ชิดยุกิอะสึ ส่วนปปโปะเผยว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ที่เม็มมะถึงแก่ความตายแต่ช่วยเหลือเธอมิได้ จึงรู้สึกผิดมหันต์ฝังใจนับแต่นั้นสืบมา ขณะที่จินตังว่า ใจจริงเขาอยากให้เม็มมะอยู่กับเขาตลอดไป แต่เม็มมะนั้นรักเพื่อนทุกคน ความรู้สึกของเขาจึงเป็นความเห็นแก่ตัวแก่ได้ฝ่ายเดียว ต่างคนต่างร่ำไห้หนัก แต่เมื่อเห็นเครื่องสำอางบนใบหน้าอะนะรุผิดแผกไปเพราะน้ำตา คนทั้งหลายก็หัวเราะให้กัน สงบสติอารมณ์ได้ กลายเป็นความเข้าอกเข้าใจและเห็นใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น ได้ฟังว่า เม็มมะต้องการอยู่ร่วมกับทุกคน คนอื่น ๆ จึงเสนอให้จินตังนำพาเธอไปที่ตูบ จะได้พร้อมหน้าค่าตาและสนทนาปราศรัยกัน เมื่อจินตังกลับบ้าน เขาพบว่า เม็มมะเริ่มเลือนหายไป ทั้งนี้ ครั้งหนึ่ง เม็มมะเคยรับปากกับมารดาของจินตังว่า จะช่วยสอนให้จินตังร้องไห้ หัวเราะ เรียนรู้ และเพลิดเพลินไปอย่างเต็มที่ เพราะสมัยนั้น จินตังเกรงมารดาซึ่งป่วยอยู่จะเสียกำลังใจจึงฝืนทำตัวเข้มแข็ง และนั่นคือความปรารถนาที่แท้จริงของเม็มมะที่เธอนึกไม่ออกในตอนต้น บัดนี้ เมื่อจินตังได้ผ่านรอยยิ้มและน้ำตามาแล้ว ก็เป็นอันว่า เม็มมะได้ทำหน้าที่ดังกล่าวบริบูรณ์ ยังให้เธอสำเร็จความปรารถนาโดยแท้ จินตังแบกเม็มมะไปยังตูบ ครั้นถึงแล้ว ปรากฏว่า เขาไม่อาจมองเห็นเธอได้อีกต่อไป ทุกคนจึงวิ่งพล่านไปรอบป่าเขาเพื่อช่วยกันหาเธอ เม็มมะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเขียนข้อความอำลาเพื่อน ๆ จินตังร้องว่า ต้องหาเธอให้ได้ มิฉะนั้น จะเป็นการเล่นซ่อนหากันไปไม่สิ้นสุด เขาและเพื่อนกู่ร้องหาเธอ และเธอร้องตอบ เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า บัดนี้ พวกเขาเหล่านั้นได้ยินและได้เห็นเธอด้วยกันทุกคน พวกเขาจึงกล่าวความในใจและร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย เม็มมะได้ฟังแล้ว คลองน้ำตาก็ถั่งเท เมื่อคนทั้งหลายร้องว่า "เจอตัวแล้ว" (we found you) เธอก็อันตรธานลับไป วันรุ่งขึ้น จินตังเดินไปโรงเรียนกับอะนะรุ ส่วนยุกิอะสึและสึรุโกะนั้นสนิทสนมกันมากขึ้น ฝ่ายปปโปะยังคงทำงานนอกเวลาหาเลี้ยงชีพต่อไป และว่า จะพยายามกลับมาร่ำเรียนอีกครั้ง ครั้นแล้ว คนทั้งสี่ก็มาสโมสรกันที่ฐานทัพลับเหมือนเคย ครั้งนั้น พวกเขาพูดคุยกันว่า ดอกไม้ที่เบ่งบานในหน้าร้อนดอกนั้นเขาเรียกกันว่าอะไร |
การเผยแพร่
[แก้]ในทวีปอเมริกาเหนือ บริษัทเอ็นไอเอสอเมริกา (NIS America) ในเครือบริษัทนิปปงอิชิซอฟต์แวร์ (Nippon Ichi Software) ได้รับอนุญาตในเดือนมีนาคม 2555 ให้นำอนิเมะนี้ออกจำหน่ายเป็นบลูเรย์กับดีวีดีตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2555 โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า อะโนะฮะนะ: เดอะเฟลาเวอร์วีซอว์แดตเดย์ (Anohana: The Flower We Saw That Day)[10][11]
ส่วนในประเทศไทย บริษัทดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) ได้รับอนุญาตเมื่อเดือนเมษายน 2555 ให้นำอนิเมะออกจำหน่าย และกำหนดเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555[12] แต่เลื่อนเป็นตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2555[13]
มังงะ
[แก้]จิตรกรมิสึ อิซุมิ ดัดแปลงอนิเมะนี้เป็นมังงะใช้ชื่อเดียวกันนั้น ลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร จัมป์สแควร์ ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2555[2]
วิชวลโนเวล
[แก้]บริษัทกายซ์แวร์ดัดแปลงอนิเมะนี้เป็นเกมแนววิชวลโนเวลสำหรับเล่นกับเครื่องเพลย์สเตชันแบบพกพา และบริษัทไฟว์พีบี. (5pb.) จำหน่ายเป็นครั้งแรกในกลางปี 2555[3]
ตัวละคร
[แก้]ชื่อ | พากย์ | ||
---|---|---|---|
ชื่อตัว | ชื่อเล่น | ญี่ปุ่น | ไทย |
|
|
|
|
ในวัยเยาว์ จินตังเป็นเด็กร่าเริงและมีพลังมาก เขาและเพื่อนอีกห้าคนรวมกันเป็นกลุ่ม "สุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติ" โดยจินตังตั้งตัวเป็นหัวหน้า แต่หลังจากเม็มมะ สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มซึ่งเขาแอบมีใจให้ ได้ถึงแก่ความตายเพราะอุบัติเหตุในโอกาสไล่เลี่ยกันกับมารดาของเขา เขาก็เลิกคบค้าสมาคมกับคนทั้งปวง หันไปใช้ชีวิตสันโดษ ไม่ยอมไปโรงเรียน และกักตัวอยู่แต่บ้าน อันเป็นภาวะที่เรียกขานว่า "ฮิกิโกะโมะริ" (hikikomori) เวลานั้นเอง เด็กกลุ่มดังกล่าวต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตัว ต่อมาเมื่อผีเม็มมะปรากฏแก่เขา เขามิปักใจเชื่อว่าเป็นผี แต่บอกตนเองว่าเป็นภาวะที่ก่อรูปมาแต่ความวิตกกังวลของตัวเขาเอง และเรียกขานเธอว่า "สัตว์ร้ายหน้าร้อน" (the beast of summer) ทว่า เพราะเขารักเธอมาก ไม่ว่าเธอที่เห็นนั้นจะเป็นจินตภาพหรือความจริง เขาจึงไม่รอช้ารับคำว่าจะช่วยเหลือเธอให้สมประสงค์ และไม่เคยบอกปัดคำขอของเธอในทุกวารโอกาส แม้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เห็นชอบด้วยในเบื้องต้นหรือปฏิบัติได้ยากก็ตาม การปรากฏกายของผีเม็มมะนี้ยังให้จินตังตัดสินใจออกจากกะลาครอบไปสู่โลกภายนอกและเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมอีกครั้ง | |||
|
|
|
ศันสนีย์ ติณห์กีรดีศ |
เม็มมะเป็นเด็กหญิงร่าเริงและช่างเจรจา บรรพบุรุษของเธอเป็นรัสเซียและญี่ปุ่นที่สมรสกัน วันหนึ่งในฤดูร้อนครั้งที่ยังเป็นเด็ก อะนะรุถามจินตังท่ามกลางเพื่อนสมาชิกกลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติว่า ชอบพอเม็มมะใช่หรือไม่ จินตังซึ่งไม่กล้าเปิดเผยความจริงปฏิเสธด้วยถ้อยคำรุนแรงแล้ววิ่งหนีออกไป เม็มมะวิ่งติดตามไป และยุกิอะสึก็วิ่งติดตามเม็มมะมาอีกที ยุกิอะสึบอกให้เม็มมะเลิกสนใจจินตังเสีย เพราะเขาต่างหากที่รักเธอจริง และมอบกิ๊บติดผมให้แก่เธอเป็นสื่อรัก แต่เธอมิได้ตอบประการใด แล้วออกวิ่งติดตามจินตังต่อไป จนพลัดตกเนินลงสู่แม่น้ำเบื้องล่างถึงแก่ความตาย สมาชิกทุกคนของกลุ่มจึงต่างฝ่ายต่างโทษตนเองว่าทำให้เธอประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต และเก็บความรู้สึกนั้นเป็นตราบาปฝังใจเรื่อยมา เม็มมะเห็นว่า ความทรงจำและมิตรภาพในวัยเด็กระหว่างเธอกับผองเพื่อนล้วนทรงคุณค่าหาที่เปรียบมิได้ กระนั้น เมื่อเธอตายแล้ว เธอจดจำอันใดมิใคร่จะได้ นอกจากเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวและเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งรวมถึงเรื่องที่ว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยร้องขอให้จินตังกระทำบางอย่างให้ การที่เธอยังห่วงหาอาวรณ์เรื่องคำร้องขอดังกล่าวอยู่นั้นยังให้เธอไม่ไปผุดไปเกิด วันหนึ่งของฤดูร้อนในอีกสิบปีต่อมา เธอจึงปรากฏกายแก่จินตัง และวิงวอนให้เขาช่วยให้ความปรารถนาเช่นว่าของเธอได้สำเร็จลุล่วงลง เม็มมะในชีวิตหลังความตายยังคงแจ่มใสชื่นบานเช่นเคย และแม้ตายแต่เด็ก วิญญาณของเธอกลับเจริญวัยขึ้นโดยลำดับเสมือนหนึ่งมีชีวิต แต่ก็สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์อย่างเดียวกับในวันที่ตายเพียงชุดเดียวเรื่อยมา ผีเม็มมะนั้นเมื่อแสดงตัวต่อจินตังแล้วก็อาศัยอยู่บ้านเขาตลอดทั้งเรื่อง เธอมีกิจวัตรและสามารถตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดังมนุษย์ทุกประการ เป็นต้นว่า ไหว้เจ้า หุงหาและรับประทานอาหาร อาบน้ำ นอนหลับ เล่มเกม กลิ้งไปมาบนพื้น และแม้กระทั่งเจ็บเมื่อถูกดีดหน้าผาก เมื่อยังเป็น เม็มมะเอาใจใส่คนรอบข้างเสมอโดยเฉพาะจินตัง ในยามผู้อื่นเป็นทุกข์ก็ร้องไห้เป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อตายแล้ว เธอก็ยังเป็นห่วงเป็นใยทุกคนมิเสื่อมคลาย แต่บางครั้งมากเกินควรจนจินตังว่า ให้นึกถึงทุกข์สุขของตัวเธอเองบ้าง เม็มมะนั้นไม่ถือสาเอาความเพื่อนในเรื่องอุบัติเหตุที่ยังให้เธอถึงแก่ความตาย และอโหสิทุกคน ทั้งยังหวังว่า จะได้กลับชาติมาเกิดร่วมโลกใบเดียวกับเพื่อน ๆ ทั้งหลายอีกหน | |||
|
|
|
วิภาดา จตุยศพร |
อะนะรุเป็นเพื่อนของจินตังและเม็มมะ เธอมักแสดงทีท่าเย็นชาต่อจินตังเมื่ออยู่ท่ามกลางหมู่คน แต่ใจจริงหลงรักและเป็นห่วงเป็นใยเขาจนหมดหัวใจ ในวัยเยาว์ อะนะรุสนิทกับเม็มมะมาก และเคยใฝ่ฝันว่า อยากเป็นคนเด่นคนดีเช่นเม็มมะ แม้ลึก ๆ แล้วอิจฉาเม็มมะที่สนิทสนมกับจินตังก็ตาม ครั้นโตขึ้น อะนะรุกลับปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสสังคม ไม่รู้จักปฏิเสธสิ่งที่พึงปฏิเสธ และมักไหลไปตามลมปาก เธอยังมักเที่ยวเล่นเพลิดเพลินไปกับเพื่อนหญิงด้วยกันแม้ไม่ลงรอยกันในบางเรื่อง และมีแนวโน้มว่าจะถูกชักจูงออกนอกลู่นอกทาง ดีที่ได้เพื่อนร่วมกลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติคอยเหนี่ยวรั้งไว้ สิบปีหลังจากมรณกรรมของเม็มมะ อะนะรุเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งเดียวกับจินตังและเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เธอคอยนำการบ้านมาให้เขาถึงบ้านเพราะเขาไม่ยอมไปโรงเรียน และมักชี้แนะให้เขาปรับปรุงตัว แม้ไม่พึงใจในพฤติกรรมของเขา แต่เธอยังคงรักเขาอยู่มิวาย เมื่อมาหาเขาก็มักแต่งกายให้งดงามเสมอ เธอรับรู้ได้ถึงการกลับมาของเม็มมะ และขุ่นเคืองจินตังที่ยังมีใจให้เม็มมะไม่แปรเปลี่ยน กระนั้น ก็ไม่รีรอที่จะช่วยเหลือเม็มมะให้ได้สมปรารถนา | |||
|
|
|
ธนกฤต เจนคลองธรรม |
ยุกิอะสึเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของจินตังและเม็มมะ ทว่า ในกาลปัจจุบัน เขาจงเกลียดจงชังและดูแคลนจินตังเป็นอันมาก เขาจะโมโหโกรธาอย่างยิ่งเมื่อมีผู้เอ่ยถึงเม็มมะ และพยายามปิดบังอำพรางความรู้สึกคลุ้มคลั่งของตนต่อการตายของเม็มมะเสมอมา เขาเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งเดียวกับสึรุโกะ อันเป็นสถานศึกษาที่ผู้ลากมากดีมักเข้า และจินตังเคยใฝ่ฝันจะเข้าเรียนแต่สอบเข้าตก ยุกิอะสึเป็นหนุ่มรูปงามและสะโอดสะอง จึงได้รับความนิยมสูง เขาหลงรักเม็มมะมาก ครั้งเป็นเด็ก เขาสารภาพรักต่อเม็มมะแล้วมอบกิ๊บติดผมให้เป็นสื่อแทนใจ แต่เม็มมะมิได้ตอบประการใด เพราะกำลังวิ่งติดตามจินตังอยู่ เขาจึงน้อยใจและขว้างกิ๊บนั้นทิ้งในพงหญ้า ภายหลังเขาคิดถึงวันวานจึงไปซื้อกิ๊บลายเดียวกันมาเก็บไว้กับตัว ส่วนกิ๊บอันจริงนั้น สึรุโกะนำมาเก็บรักษาไว้ลับ ๆ ตั้งแต่นั้นจนทุกวันนี้ อันที่จริง ยุกิอะสึมีพฤติกรรมประหลาด เขาแอบเก็บชุดกระโปงสีขาวตัวหนึ่งของเม็มมะไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วนำออกมาสูดดมเป็นประจำ เมื่อเม็มมะล่วงลับไปแล้ว เขาก็มักแต่งเป็นเธอโดยสวมชุดกระโปรงและผมปลอมแล้วออกท่องเที่ยวไปในป่ายามวิกาล เพราะเขาโทษตนเองว่าเป็นเหตุให้เม็มมะถึงแก่กรรม เขาจึงบอกว่า เขาคนเดียวที่ควรถูกผีเม็มมะตามหลอกตามหลอน ภายหลัง เมื่อถูกจับได้ว่าแต่งเป็นหญิงแล้วเขาก็เลิกแต่ง ยุกิอะสึไว้วางใจอะนะรุมากกว่าใครเพื่อน เพราะเห็นว่า พวกตนทั้งคู่ต่างก็ไม่สมปรารถนาในความรักเสมือนกัน และด้วยเหตุนี้ เขาจึงถือว่า ตนกับอะนะรุเป็นดองกันทางจิตวิญญาณ (kindred spirits) | |||
|
|
|
อรุณี นันทิวาส |
สึรุโกะเป็นเพื่อนของจินตังและเม็มมะ เธอมักทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์อย่างสงบเสงี่ยมในกลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติ สึรุโกะเป็นเด็กมีสติปัญญาเป็นเลิศ รู้จักเหตุและผล แต่เอาจริงเอาจังจนสุดโต่ง และเห็นแก่ตัวในบางโอกาส แม้เวลาผ่านไปหลายปี เธอและยุกิอะสึติดต่อกันใกล้ชิด ทั้งยังร่ำเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่เดียวกันด้วย เพราะทั้งสองมักไปไหนมาไหนด้วยกัน คนทั้งปวงจึงสำคัญว่าเป็นคู่รักกัน สำหรับสึรุโกะนั้นยินดีที่ถูกเข้าใจไปดังนั้น ด้วยว่าเธอมีใจปฏิพัทธ์ยุกิอะสึ ในทุกโมงยามที่ยุกิอะสึคลุ้มคลั่งเพราะโทษตนเองว่าเป็นเหตุให้เม็มมะถึงแก่ความตาย สึรุโกะจะคอยสอนให้เขาใช้เหตุผลและชี้แนวทางให้แก่เขา แม้รักเพื่อน แต่สึรุโกะก็มิตามใจเพื่อนในทางมิชอบ เมื่อเห็นว่า อะนะรุติดมิตรสหายจนนอกลู่นอกทาง เธอก็ตำหนิอะนะรุ ครั้งหนึ่ง สึรุโกะยอมรับต่ออะนะรุว่า เธอหลงรักยุกิอะสึ และยืนยันว่า เธอตระหนักดีว่าไม่มีทางที่เขาจะรักเธอตอบแทน เพราะเธอไม่สามารถเป็นดังเม็มมะหรือเอาชนะเม็มมะได้แม้สักน้อย เบื้องต้น สึรุโกะไม่ยินดียินร้ายเมื่อจินตังว่าเม็มมะกลับมา แต่ภายหลัง สึรุโกะได้ร่วมแรงร่วมใจกับคนอื่น ๆ ช่วยเหลือให้เม็มมะเพื่อนรักของเธอได้ไปสู่สุคติ | |||
|
|
|
|
ปปโปะเป็นเพื่อนของจินตังและเม็มมะ ครั้งเยาว์วัย เขาเทิดทูนบูชาจินตังเป็นอันมาก เพราะเห็นว่าจินตังเป็นผู้กล้าตามอุดมคติของเขา เขายังมักชมจินตังทำนองว่า "ยอดไปเลย" (amazing) หรือ "เท่" (cool) เป็นต้น เขากล่าวว่า เขารู้สึกซาบซึ้งน้ำใจชาวสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติที่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนและให้ร่วมเป็นสมาชิกด้วย เพราะเดิมทีเขามีบุคลิกลักษณะกะเล่อกะล่า น้อยคนจึงพอใจคบหาด้วย ปปโปะมีอุปนิสัยร่าเริงยิ้มแย้มแต่เจนชีวิต ในยามที่คนอื่น ๆ ทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นเขาที่คอยคลี่คลายสลายความขุ่นหมองนั้น ภายหลังเขาลาออกจากโรงเรียน เพราะมุ่งหวังเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก เขาทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยงานนอกเวลา และไม่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เมื่ออยู่ในประเทศก็พำนัก ณ ตูบกลางป่าซึ่งกลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติเคยใช้เป็นที่ประชุมกัน ทั้งนี้ เพราะเขามิอาจลืมวันวานที่เคยอยู่ร่วมกับผองเพื่อน และยังหวังว่า สักวันหนึ่ง กลุ่มสุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติจะได้รวมตัวกันอีกครั้ง เมื่อจินตังบอกเขาว่า สามารถเห็นและพูดคุยกับผีเม็มมะได้ เขาก็เชื่อโดยสนิทใจและไม่รอช้าที่จะให้ความร่วมมือ ท้องเรื่องในภายหลังเปิดเผยว่า ภายใต้รอยยิ้มพิมพ์ใจ ปปโปะซ่อนเร้นความรู้สึกผิดอย่างหนักหนาสาหัสที่มีส่วนในมรณกรรมของเม็มมะเอาไว้ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Aniplex, A-1 Pictures Launch Anohana Project Anime". Anime News Network. December 9, 2010. สืบค้นเมื่อ February 24, 2011.
- ↑ 2.0 2.1 "AnoHana Anime Gets Manga in Jump Square Magazine". Anime News Network. 2012-02-29. สืบค้นเมื่อ 2012-03-06.
- ↑ 3.0 3.1 "AnoHana TV Anime Inspires PSP Game". Anime News Network. March 26, 2012. สืบค้นเมื่อ March 30, 2012.
- ↑ zzeroparticle (2011-05-25). "Ano Hana ED Single – secret base ~Kimi Ga Kureta Mono~ – Review". Anime Instrumentality. สืบค้นเมื่อ 2012-03-06.
- ↑ "アニソンをオーケストラで聴こう!!". Melodic Taste. n.d. สืบค้นเมื่อ 2012-03-06.
- ↑ zzeroparticle (2011-12-11). "Doujin Album: Anime Song Orchestra – Review". Anime Instrumentality. สืบค้นเมื่อ 2012-03-06.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 "あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない。" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-03. สืบค้นเมื่อ March 10, 2011.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 "あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない。" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-10. สืบค้นเมื่อ May 10, 2011.
- ↑ 9.0 9.1 "あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない。" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-10. สืบค้นเมื่อ June 10, 2011.
- ↑ "NIS America Licenses anohana: The Flower We Saw That Day" (ภาษาอังกฤษ). Anime News Network. สืบค้นเมื่อ April 3, 2012.
- ↑ "Anohana: The Flower We Saw That Day Complete Series Premium Edition Releases in July" (ภาษาอังกฤษ). Anime News Network. สืบค้นเมื่อ April 3, 2012.
- ↑ "ตารางสินค้า DEX ประจำเดือนพฤศจิกายน 2555". เดกซ์. 30 ตุลาคม 2555. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-24. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ตารางสินค้า DEX ประจำเดือนธันวาคม 2555". เดกซ์. 16 พฤศจิกายน 2555. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-13. สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2555.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- (ญี่ปุ่น) เว็บไซต์ทางการ
- (ญี่ปุ่น) อะโนะฮะนะ@ชิชิบุ (ประมวลภาพสถานที่ที่ปรากฏในเรื่อง) เก็บถาวร 2012-04-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ที่ ไลฟ์ดอร์วิกิ[ลิงก์เสีย]
- (อังกฤษ) อะโนะฮะนะ (อนิเมะ) ที่เครือข่ายข่าวอนิเมะ
- การ์ตูนญี่ปุ่น
- ซีรีส์อนิเมะ
- บทความเกี่ยวกับอนิเมะและมังงะที่ใช้ไอคอนธง
- มังงะชุด
- การ์ตูนญี่ปุ่นแนวนาฏกรรม
- อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2554
- การ์ตูนญี่ปุ่นแนวเสี้ยวชีวิต
- เกมสำหรับเพลย์สเตชันแบบพกพา
- ภาพยนตร์ที่สร้างจากภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์
- มังงะที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2555
- การ์ตูนญี่ปุ่นแนวสุขนาฏกรรม
- การ์ตูนญี่ปุ่นแนววีรคติ
- ภาพยนตร์อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2556
- การ์ตูนญี่ปุ่นแนวก้าวผ่านวัย
- มิวส์ คอมมิวนิเคชัน
- เอ-1 พิกเจอร์ส