ช่วงว่างระหว่างรัชกาล (ออตโตมัน)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงครามกลางเมืองออตโตมัน

เจ้าชายมูซาและสุไลยมาน เซเลบี
วันที่20 กรกฏาคม ค.ศ.1402 - 5 กรกฏาคม ค.ศ.1413 (10ปี 11เดือน 2สัปดาห์ 1วัน)
สถานที่
ผล ชัยชนะของ เมห์เหม็ด เซเลบี และสามารถรวมจักรวรรดิได้อีกครั้ง
คู่สงคราม
กองทัพของเมห์เหม็ด กองทัพของอิซา กองทัพของสุไลยมาน กองทัพของมูซา
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
เมห์เหม็ด เซเลบี อิซา เซเลบี   สุไลยมาน เซเลบี  ออร์ฮาน เซเลบี   มูซา เซเลบี  

ช่วงว่างระหว่างรัชกาลออตโตมัน 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1402 – 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1413 เป็นสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิระหว่างบุตรชาย 4 พระองค์ของสุลต่านบาเยซิดที่ 1 หลังจากที่พระราชบิดาพ่ายแพ้ที่ยุทธการที่อังการา ต่อเตมือร์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1402 ถึงแม้ว่าเมห์เหม็ด เซเลบี จะได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่สุไลยมาน เซเลบี มูซา เซเลบี และอิซา เซเลบี ไม่ยอมรับการปกครอง จึงเกิดสงครามกลางเมืองยาวนานถึง 11ปี และในที่สุดเมห์เหม็ด เซเลบี สามารถชนะสงครามกลางเมืองได้

สงครามกลางเมือง[แก้]

สงครามกลางเมืองเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่สุลต่านบาเยซิดที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1403 "สุไลยมาน เซเลบี" ได้ปกครองรูเมเลีย (คือดินแดนออตโตมันในยุโรป) มีเมืองหลวงอยู่ที่เอดีร์แน "อิซา เซเลบี" ได้ปกครองบูร์ซา "เมห์เหม็ด เซเลบี" ได้ปกครองอามัสยา การต่อสู้ของอิซาและเมห์เหม็ดได้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1403 ผลของสงครามครั้งนั้นทำให้อิซาต้องหนีไปคอนสแตนติโนเปิล และเมห์เหม็ดสามารถยึดบูร์ซาได้

ในขณะเดียวกันมูซา เซเลบีโดนจับพร้อมบิดาหลังจากยุทธการที่อังการา แต่ เตมือร์ไม่ได้ขังพระองค์ไว้ หลังจากยุทธการที่อังการา มูซา เซเลบีก็ถูกส่งไปบูร์ซาตามคำสั่งของเตมือร์และก็ได้ถูกปล่อยมาในที่สุด หลังจากที่อิซาถูกปลงพระชนม์ สุไลยมาน เซเลบี ก็ยกทัพผ่านช่องแคบบอสฟอรัสพร้อมกับกองทัพจำนวนมากและทำการบุกอานาโตเลีย และยึดบูร์ซาจากเมห์เหม็ดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1404

มูซา เซเลบี

ระหว่างนั้นเมห์เหม็ดได้ส่ง มูซา เซเลบี ข้ามทะเลดำไปที่บัลแกเรีย ซึ่งในไม่ช้าก็เกิดสงครามระหว่าง มูซา เซเลบี และสุไลยมาน เซเลบี ในตอนแรกพระองค์เสียเปรียบเรื่องจำนวนทหารและอาวุธเป็นอย่างมากแต่ มูซา เซเลบีสามารถยึดเอดีร์แนเมืองหลวงของรูเมเลียได้ ทำให้สุไลยมาน เซเลบีต้องหลบหนีไป ทำให้มูซา เซเลบีได้ขึ้นเป็นสุลต่านรูเมเลียองค์ที่ 2 ในปี ค.ศ. 1411

สิ้นสุดสงคราม[แก้]

หลังจากที่มูซา เซเลบีสิ้นพระชนม์เมห์เหม็ดได้ขึ้นเป็นสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมันมีพระนามว่าสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 1 แต่ก็ยังเหลือมุสตาฟา เซเลบีบุตรชายพระองค์สุดท้ายของสุลต่านบาเยซิดที่ 1 ที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้ก่อกบฏขึ้นช่วงท้ายรัชสมัยของเมห์เหม็ดจนถึงรัชสมัยของสุลต่านมูรัดที่ 2 แต่ก็ไม่สำเร็จ

อ้างอิง[แก้]

  1. ^ Kastritsis, p. 140.
  2. ^ Kastritsis, p. xi.
  3. ^ Fine, p. 499.

https://www.stefkeris.com/post/the-ottoman-civil-war