ช่วงว่างระหว่างรัชกาล (ออตโตมัน)
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
สงครามกลางเมืองออตโตมัน | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เจ้าชายมูซาและสุไลยมาน เซเลบี | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
กองทัพของเมห์เหม็ด | กองทัพของอิซา | กองทัพของสุไลยมาน | กองทัพของมูซา | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
เมห์เหม็ด เซเลบี | อิซา เซเลบี † | สุไลยมาน เซเลบี † ออร์ฮาน เซเลบี † | มูซา เซเลบี † |
ช่วงว่างระหว่างรัชกาลออตโตมัน 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1402 – 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1413 เป็นสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิระหว่างบุตรชาย 4 พระองค์ของสุลต่านบาเยซิดที่ 1 หลังจากที่พระราชบิดาพ่ายแพ้ที่ยุทธการที่อังการา ต่อเตมือร์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1402 ถึงแม้ว่าเมห์เหม็ด เซเลบี จะได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่สุไลยมาน เซเลบี มูซา เซเลบี และอิซา เซเลบี ไม่ยอมรับการปกครอง จึงเกิดสงครามกลางเมืองยาวนานถึง 11 ปี และในที่สุดเมห์เหม็ด เซเลบี สามารถชนะสงครามกลางเมืองได้
สงครามกลางเมือง
[แก้]สงครามกลางเมืองเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่สุลต่านบาเยซิดที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1403 "สุไลยมาน เซเลบี" ได้ปกครองรูเมเลีย (คือดินแดนออตโตมันในยุโรป) มีเมืองหลวงอยู่ที่เอดีร์แน "อิซา เซเลบี" ได้ปกครองบูร์ซา "เมห์เหม็ด เซเลบี" ได้ปกครองอามัสยา การต่อสู้ของอิซาและเมห์เหม็ดได้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1403 ผลของสงครามครั้งนั้นทำให้อิซาต้องหนีไปคอนสแตนติโนเปิล และเมห์เหม็ดสามารถยึดบูร์ซาได้
ในขณะเดียวกันมูซา เซเลบีโดนจับพร้อมบิดาหลังจากยุทธการที่อังการา แต่ เตมือร์ไม่ได้ขังพระองค์ไว้ หลังจากยุทธการที่อังการา มูซา เซเลบีก็ถูกส่งไปบูร์ซาตามคำสั่งของเตมือร์และก็ได้ถูกปล่อยมาในที่สุด หลังจากที่อิซาถูกปลงพระชนม์ สุไลยมาน เซเลบี ก็ยกทัพผ่านช่องแคบบอสฟอรัสพร้อมกับกองทัพจำนวนมากและทำการบุกอานาโตเลีย และยึดบูร์ซาจากเมห์เหม็ดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1404
ระหว่างนั้นเมห์เหม็ดได้ส่ง มูซา เซเลบี ข้ามทะเลดำไปที่บัลแกเรีย ซึ่งในไม่ช้าก็เกิดสงครามระหว่าง มูซา เซเลบี และสุไลยมาน เซเลบี ในตอนแรกพระองค์เสียเปรียบเรื่องจำนวนทหารและอาวุธเป็นอย่างมากแต่ มูซา เซเลบีสามารถยึดเอดีร์แนเมืองหลวงของรูเมเลียได้ ทำให้สุไลยมาน เซเลบีต้องหลบหนีไป ทำให้มูซา เซเลบีได้ขึ้นเป็นสุลต่านรูเมเลียองค์ที่ 2 ในปี ค.ศ. 1411
สิ้นสุดสงคราม
[แก้]หลังจากที่มูซา เซเลบีสิ้นพระชนม์เมห์เหม็ดได้ขึ้นเป็นสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมันมีพระนามว่าสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 1 แต่ก็ยังเหลือมุสตาฟา เซเลบีบุตรชายพระองค์สุดท้ายของสุลต่านบาเยซิดที่ 1 ที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้ก่อกบฏขึ้นช่วงท้ายรัชสมัยของเมห์เหม็ดจนถึงรัชสมัยของสุลต่านมูรัดที่ 2 แต่ก็ไม่สำเร็จ
อ้างอิง
[แก้]- ^ Kastritsis, p. 140.
- ^ Kastritsis, p. xi.
- ^ Fine, p. 499.