ชิซูเอะ คาโต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชิซูเอะ คาโต
สมาชิกราชมนตรีสภา
สำหรับเขตทั่วประเทศ
ดำรงตำแหน่ง
4 มิถุนายน 2493 – 7 กรกฎาคม 2517
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น
สำหรับโตเกียวเขตที่สอง
ดำรงตำแหน่ง
10 เมษายน 2489 – 23 ธันวาคม 2491
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
ชิซูเอะ ฮิโรตะ

2 มีนาคม พ.ศ. 2440
โตเกียว จักรวรรดิญี่ปุ่น
เสียชีวิต22 ธันวาคม พ.ศ. 2544 (104 ปี)
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เชื้อชาติญี่ปุ่น
พรรคการเมืองพรรคสังคมนิยม (2489–2494, 2498–2522)
พรรคสังคมนิยมฝ่ายขวา (2494–2498)
คู่สมรสอิชิโมโตะ เคกิจิ (2457–2487)
คันจู คาโต (2487–2544)

ชิซูเอะ คาโต (ญี่ปุ่น: 加藤 シヅエโรมาจิKatō Shizue; 2 มีนาคม พ.ศ. 2440 – 22 ธันวาคม 2544) หรือมักได้รับการตีพิมพ์ภายใต้ชื่อ ชิซูเอะ อิชิโมโตะ เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อคตินิยมสิทธิสตรีชาวญี่ปุ่นในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภาญี่ปุ่น คาโตเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกขบวนการเคลื่อนไหวการคุมกำเนิด

ชีวิตช่วงต้น[แก้]

ชิซูเอะ คาโต เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2440 ในครอบครัวอดีตซามูไรที่ร่ำรวย บิดาของคาโต ริตาโร ฮิโรตะ [ja] เป็นวิศวกรที่ประสบความสำเร็จ เขาได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมที่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิโตเกียว มารดาของเธอ โทชิโกะ สึรูมิ มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงและมีการศึกษาสูง[1] ฮิโรตะมักเดินทางไปยังประเทศตะวันตกเพื่อการทำงานของเขา และด้วยเหตุนี้ คาโตและครอบครัวของเธอเติบโตขึ้นมาด้วยความคุ้นชินกับวัฒนธรรมตะวันตก[2] ขณะที่อายุ 17 ปี คาโตสมรสกับ บารอน อิชิโมโตะ เคกิจิ (ญี่ปุ่น: 石本恵吉โรมาจิKekichi Ishimoto) นักมนุษยนิยมคริสเตียนที่สนใจในการปฏิรูปสังคม[3] เคกิจิเป็นลูกชายของชินโรกุ อิชิโมโตะ

การย้ายถิ่นไปสหรัฐอเมริกา[แก้]

เพียงไม่นานหลังการสมรสของทั้งสอง คาโต (ต่อมาเปลี่ยนเป็นอิชิโมโตะ) และสามีของเธอย้ายไปยังเหมืองถ่านหินมิอิเกะในภูมิภาคคีวชู ตลอดระยะเวลา 3 ปี พวกเขาได้พบเห็นสภาวะการทำงานอันหดหู่ของทั้งชายและหญิง ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้คาโตและสามีของเธอมีสภาพจิตใจย่ำแย่ จึงตัดสินใจย้ายถิ่นไปสหรัฐอเมริกาในปี 2462[3] ที่สหรัฐฯ บารอน อิชิโมโตะ เริ่มเปลี่ยนทิศทางความคิดจากมนุษยนิยมคริสต์ศาสนาสู่ลัทธิคอมมิวนิสต์เชิงมูลวิวัติ[3] คาโตเริ่มที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระมากขึ้นหลังสามีของเธอย้ายออกไปที่วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและล่ามสำหรับคณะผู้แทนชาวญี่ปุ่นในการประชุมองค์การแรงงานนานาชาติ[2] ระหว่างนี้คาโตอาศัยอยู่ในตึกพักอาศัยแบ่งเช่าและสมัครเข้าวิชาเรียนงานด้านเลขานุการและภาษาอังกฤษ[2] ช่วงเวลานี้ตาโตเริ่มที่จะเข้าสังคมกับคนรู้จักของสามีเธอ ซึ่งนำไปสู่การพบเจอกับมาร์กาเร็ต แซงเจอร์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คาโตในการริเริ่มขบวนการเคลื่อนไหวการคุมกำเนิดหลังการกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นของเธอ[2]

การกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นและการเคลื่อนไหว[แก้]

หลังจากการกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นของคาโตในปี 2464 คาโตพยายามผลักดันความอิสระในอิสรภาพทางเศรษฐกิจ และเริ่มภารกิจของเธอในการเผยแพร่ความรู้ด้านการคุมกำเนิด คาโตได้รับงานเลขานุการส่วนตัวสำหรับสหพันธ์สมาคมไวดับเบิลยูซีเอ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการแนะนำผู้เยี่ยมชมชาวตะวันตกให้รู้จักกับวัฒนธรรมและชาวญี่ปุ่น[1]

ระหว่างนี้คาโตยังได้ตีพิมพ์งานเขียนหลากหลายเพื่อช่วยเหลือการเข้าถึงการคุมกำเนิดสำหรับสตรี เธอโต้เถียงว่าปัญหาประชากรที่เพิ่มขค้นอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่นสามารถแก้ไขได้โดยสตรีเอง คาโตเชื่อว่าการให้สตรีคุมกำเนิดจะสามารถทำให้มีอิสระที่มากกว่า[2] อีกส่วนหนึ่งของข้อโต้เถียงคือการคุมกำเนิดจะช่วยให้ชาวญี่ปุ่นเลี้ยงบุตรหลานของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น คาโตคิดว่าการมีลูกในจำนวนที่น้อยกว่าจะช่วยให้สตรีสามารถสร้างโอกาสทางการศึกษาและทางการเงินที่ดีกว่า[2]

รัฐบาลญี่ปุ่นฝ่ายขวาที่สนับสนุนการคลอดบุตรจับกุมคาโตในปี 2480 โทษฐานการเผยแพร่ "ความคิดที่อันตราย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้มีการคุมกำเนิดและสิทธิในการทำแท้ง คาโตถูกกักขังในเรือนจำเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์[2] จากเหตุนี้ทำให้ขบวนการเคลื่อนไหวการคุมกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นหยุดชะงักจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง[4]

รัฐสภาญี่ปุ่น (2489–2517)[แก้]

คาโตเป็นสตรีคนแรกที่หาเสียงลงสมัครเลือกตั้งในประเทศญี่ปุ่นภายใต้ฐานสนับสนุนของพรรคสังคมนิยมประกอบกับการเน้นยำประชาธิปไตยแบบอเมริกัน[5] ในปี 2489 คาโตได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภาญี่ปุ่น การหาเสียงของเธอให้ความสำคัญไปที่การวางแผนครอบครัวและการพัฒนาความก้าวหน้าทางการเงินของสตรี[1][6] ในปีเดียวกัน คาโตได้เขียนถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างขบวนการเคลื่อนไหวการคุมกำเนิดและประชาธิปไตยในประเทศญี่ปุ่นว่า:

การคลอดบุตรมากคนและทำให้พวกเขาหลายคนตาย — การกระทำเช่นนั้นอย่างซ้ำ ๆ ของสตรีชาวญี่ปุ่นจะส่งผลถึงความเหนื่อยล้ากายของผู้เป็นแม่ รวมถึงความเจ็บปวดทางจิตใจและความเสียหายต่อสถาบันครอบครัว หากไม่มีอิสรภาพและการพัฒนาสตรี มันจะเป็นไปไม่ได้เลยในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น[7]

แม้ว่าคาโตจะเป็นผู้สร้างความหวังในการเติบโตของสตรีในบทบาททางการเมืองก็ตาม แต่ไม่นานเธอก็ถูกนักการเมืองชายคนอื่น ๆ ครอบงำความสนใจของเธอไป อย่างไรก็ตาม คาโตพยายามมองหาทางอื่น ๆ ในการทำให้ความตั้งใจในการปฏิรูปการเมืองของเธอนั้นสำเร็จ ในปี 2489 คาโตได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานชุมนุม "สำหรับผู้หญิง" เป็นครั้งแรกในโตเกียว การชุมนุมนี้เป็นการเรียกร้องทรัพยากรทางเศรษฐกิจสำหรับสตรีที่เพิ่มมากขึ้น[5]

หลังจากนั้นคาโตได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในสภาสูงญี่ปุ่น 4 วาระ (วาระละ 6 ปี) เธอยังคงสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปสิทธิสตรีและการวางแผนครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาโตสามารถทำภารกิจของเธอให้เกิดขึ้นจริงได้ในหลากหลายเรื่อง เช่น การตรากฎหมายการคุมกำเนิด การยกเลิกประมวลกฎหมายครอบครัวที่มีความเป็นศักดินา และการก่อตั้งสำนักงานสตรีและผู้เยาว์ภายใต้กรมแรงงานและปัญหาสภาพแวดล้อม[5] คาโตยังได้ช่วยก่อตั้งสมาพันธ์การวางแผนครอบครัวแห่งญี่ปุ่น ซึ่งทำงานเพื่อบรรลุ "สังคมที่ทุกคนในประเทศสามารถเข้าถึงการบริการทางสุขภาพด้านการมีบุตรอย่างสมัครใจ"[8]

เกียรติยศ[แก้]

หลังจากที่คาโตได้ออกจากแวดวงการเมือง เธอยังคงมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง คาโตยังคงจัดการบรรยายเกี่ยวกับปัญหาคตินิยมสิทธิสตรี รวมถึงการเป็นประธานของสมาพันธ์การวางแผนครอบครัวแห่งญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง[9]

ในปี 2531 คาโตได้รับรางวัลประชากรแห่งสหประชาชาติ

การเสียชีวิตและมรดก[แก้]

คาโตเสียชีวิตในวันที่ 22 ธันวาคม 2544 ด้วยอายุ 104 ปี มีผู้เขียนข่าวการเสียชีวิตของเธอบนเว็บไซต์สมาพันธ์การวางแผนผู้ปกครองนานาชาติ (อังกฤษ: International Planned Parenthood Federation) ว่า "ความพยายามอย่างต่อเนื่องของคาโตในการพยุงกุลบุตรกุลธิดาในสังคมญี่ปุ่น การทำให้ตัวเลขการทำแท้ง อัตราการตายของทารก และการเสียชีวิตของมารดาลดลง ขณะที่เพิ่มการใช้วิธีต่าง ๆ ในการคุมกำเนิดนั้นเพิ่มขึ้นถึง 80% แบบแผนการวางแผนครอบครัวชาวญี่ปุ่นนั้นได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนเป็นที่สนใจต่างประเทศและถูกนำไปใช้เป็นแบบแผนตัวอย่าง"[4]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 M., Hopper, Helen (1996) [1995]. A new woman of Japan : a political biography of Katō Shidzue. Boulder: Westview Press. ISBN 0813389712. OCLC 33048252.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 Tipton, Elise (1997). "Ishimoto Shizue: The Margaret Sanger of Japan". Women's History Review. 6:3 (3): 337–355. doi:10.1080/09612029700200151.
  3. 3.0 3.1 3.2 Blacker, Carmen (1 February 2002). "Shizue Kato". The Guardian.
  4. 4.0 4.1 "Kato, Shidzue 1897-2001 - Dictionary definition of Kato, Shidzue 1897-2001 | Encyclopedia.com: FREE online dictionary". www.encyclopedia.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-02-15.
  5. 5.0 5.1 5.2 Gelb, Joyce (1997). "Review of A "New Woman" of Japan: A Political Biography of Kato Shidzue". The Journal of Asian Studies. 56 (1): 208–209. doi:10.2307/2646389. JSTOR 2646389.
  6. "KATO Shizue". National Diet Library Japan (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-03-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. Kano, Ayako (November 2017). Japanese feminist debates : a century of contention on sex, love, and labor (Paperback ed.). Honolulu. ISBN 9780824873813. OCLC 992540964.
  8. "Japan Family Planning Association, Inc. | IPPF". IPPF (ภาษาอังกฤษ). 2016-03-31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-07. สืบค้นเมื่อ 2018-02-20.
  9. "Feminism Reaches Japan". The Economist. Vol. 339. June 1996. pp. 81–82.

หนังสืออ่านเพิ่ม[แก้]