ฉบับร่าง:เฌอซ็องฟรงเตียร์
นี่คือบทความฉบับร่างซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแก้ไขได้ โปรดตรวจสอบว่าเนื้อหามีลักษณะเป็นสารานุกรมและมีความโดดเด่นควรแก่การรู้จักก่อนที่จะเผยแพร่เป็นบทความลงในวิกิพีเดีย กรุณาอดทนรอผู้เขียนคนอื่นมาช่วยตรวจให้ อย่าย้ายหน้าไปเป็นบทความเองโดยพลการ ค้นหาข้อมูล: Google (books · news · newspapers · scholar · free images · WP refs) · FENS · JSTOR · NYT · TWL สำคัญ: ถ้าลบป้ายนี้ออกจะทำให้บันทึกหน้าไม่ได้ ผู้แก้ไขหน้านี้คนล่าสุด คือ JasperBot (พูดคุย | เรื่องที่เขียน) เมื่อ 6 วันก่อน (ล้างแคช)
ฉบับร่างนี้ถูกส่งสำหรับการทบทวนแล้วและกำลังรอการทบทวน |
เฌอซ็องฟรงเตียร์ | |
---|---|
เป็นที่รู้จักกันในชื่อ |
|
ประเภท | เกมโชว์ |
สร้างโดย |
|
เค้าโครงจาก | Intervilles |
กรรมการ | ดูเพิ่มเติม |
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง | Jacques Revaux |
ประเทศแหล่งกำเนิด | ยุโรป |
ภาษาต้นฉบับ | ภาษาที่ใช้พูดของแต่ละประเทศที่เข้าร่วม |
จำนวนฤดูกาล | 30 ฤดูกาล |
การผลิต | |
สถานที่ถ่ายทำ | รอบยุโรป |
บริษัทผู้ผลิต | สหภาพการแพร่สัญญาณวิทยุและโทรทัศน์แห่งยุโรป |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ดูเพิ่มเติม |
ออกอากาศ | 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1965 – 23 กันยายน ค.ศ. 1999 |
การแสดงที่เกี่ยวข้อง | |
It's a Knockout เกมบันลือโลก |
เฌอซ็องฟรงเตียร์ (ฝรั่งเศส: Jeux sans frontières) เป็นการแข่งขันโทรทัศน์ระดับนานาชาติซึ่งจัดโดย สหภาพการแพร่สัญญาณวิทยุและโทรทัศน์แห่งยุโรป (EBU) โดยจัดขึ้นทั้งหมด 30 ฤดูกาล ออกอากาศตั้งแต่ปี 1965 ถึง ปี 1999 โดยผู้เข้าร่วมจะเป็นประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพ โดยส่งภายใต้ชื่อของสถานีโทรทัศน์ของแต่ละประเทศ ซึ่งแต่ละสถานีโทรทัศน์จะส่งชุดทีมผสมจากเมืองต่าง ๆ มาแข่งขันระหว่างทีมในประเทศตัวเอง และทีมจากต่างประเทศ โดยการแข่งขันทั่วไปจะเป็นเกมที่ออกแบบตลก (funny game) พร้อมกับการสวมชุดประหลาด ๆ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอุปสรรคในการเล่นก็ตาม โดยทีมของแต่ละประเทศทีมใดที่ทำอันดับดีที่สุด ทีมเหล่านั้นจะได้เข้าไปแข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศ ในแต่ละตอนจะจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ที่เข้าร่วม ณ สถานที่แห่งหนึ่งในประเทศนั้น ๆ และมีธีมเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะ โดยจะจัดพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปทุกประเทศที่เข้าร่วมในปีนั้น ๆ
รายการได้รับการสร้างสรรค์ให้กับ EBU โดย กี ลุกซ์ (Guy Lux) และคล็อด ซาวารี (Claude Savarit) จากสำนักงานกระจายเสียงโทรทัศน์ฝรั่งเศส (ORTF) โดยจัดเป็นรายการเวอร์ชันระหว่างประเทศของรายการ Intervilles ซึ่งเป็นรายการเกมโชว์ที่รายการครั้งแรกในฝรั่งเศสเมื่อปี 1962 ในประเทศที่ไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาพูด ชื่อรายการ เฌอซ็องฟรงเตียร์ (Jeux sans frontières) ก็จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาต่าง ๆ ในแต่ละประเทศที่มีการออกอากาศ[a] ในขณะที่ภาษาอังกฤษจะใช้ชื่อว่า It's a Knockout ซึ่งเป็นชื่อที่ BBC ใช้ในรายการคัดเลือกตัวแทนในระดับชาติ
รายการมีการแข่งขันในรูปแบบในฤดูหนาว โดยจัดที่สกีรีสอร์ต และรูปแบบตอนเดี่ยวพิเศษในช่วงคริตสมาสด้วย
ประวัติ
[แก้]ไอเดียของรายการระหว่างประเทศนี้ เกิดขึ้นจากดำริของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชาร์ล เดอ โกล ซึ่งมีความปรารถนาที่จะให้เยาวชนในฝรั่งเศสและในเยอรมนีได้พบกันในการแข่งขันเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างสองประเทศ หลังจากที่เดอ โกลได้ชมรายการแล้วเกิดความชื่นชอบ ถึงขั้นให้ผู้ติดตามทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เดอ โกลได้รับชมขณะที่เดินทางเยือนเยอรมนีตะวันตก และเพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจากสนธิสัญญาเอลีเซ[1] ในปี 1965 กี ลุกซ์ (Guy Lux) และคล็อด ซาวารี (Claude Savarit) จากสำนักงานกระจายเสียงโทรทัศน์ฝรั่งเศส (ORTF) และเป็นผู้ให้กำเนิดรายการ Intervilles ได้เสนอแนวคิดของรายการให้กับสถานีโทรทัศน์ในสหภาพการแพร่สัญญาณวิทยุและโทรทัศน์แห่งยุโรป (EBU). ทีมตัวแทนจากฝรั่งเศส เยอรมนีตะวันตก เบลเยียม และอิตาลี เข้าร่วมรายการในการแข่งขันครั้งแรกในปีเดียวกันภายใต้ชื่อรายการ เกมนานาชาติ หรือหากแปลจากชื่อรายการคือ เกมไร้พรมแดน
ในช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด เฌอซ็องฟรงเตียร์ มีผู้ชมสูงถึง 110 ล้านคนทั่วยุโรป ในรูปแบบต้นฉบับได้ยุติการออากาศไปในปี 1982 และรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในปี 1988 ด้วยประเทศที่แตกต่างกันออกไป ในรูปแบบระยะหลังจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์เล็ก ๆ โดยมีข้อยกเว้นที่น่าสังเกตคือสถานีโทรทัศน์ของอิตาลี (RAI) ที่เป็นเจ้าภาพในสถานที่เดียวในปี 1996 ปี 1998 และปี 1999
รูปแบบ
[แก้]ในรูปแบบดั้งเดิมทีมจากเบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนีตะวันตก และอิตาลี จะเข้าร่วมแข่งขันกันในแต่ละสัปดาห์ สองเมืองจากสองในสี่ประเทศจะแข่งขันกันแบบตัวต่อตัว โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีการแข่งขันในรูปแบบของการใช้พละกำลัง (กีฬา) และการใช้พลังสมอง (ตอบคำถาม) เมื่อแข่งขันกันครบทุกทีม แต่ละประเทศจะมีการแข่งขันสะสมคะแนนในแต่ทีม ทีมที่มีคะแนนสะสมสูงสุดของแต่ละประเทศ จะพบกันในรอบรองชนะเลิศสองรอบ และเมื่อได้ผู้ชนะสองทีมในรอบรอง ทั้งสองทีมจะได้มาเจอกันในรองชิงชนะเลิศ ในการแข่งขันครั้งแรกปี 1965 จบด้วยการเป็นผู้ชนะร่วมของทีมเบลเยียมจากเมืองซิเนย์ (Ciney) และทีมจากฝรั่งเศสจากเมืองแซ็งตามานด์ (St. Amand) รูปแบบนี้ยังถูกใช้อีกในปีต่อมา พร้อมกับเมืองที่มากขึ้นจากทั้งสี่ประเทศ
รูปแบบที่เป็นที่รู้จักเกิดขึ้นในปี 1967 เมื่อทีมจากบริเตนใหญ่และสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมรายการแข่งขัน การแข่งขันและเมืองเจ้าภาพ จะปรากฏเพียงครั้งเดียวในรอบการแข่งขัน (Heat) ของฤดูกาล โดยแต่ละรอบจะจัดโดยสถานีโทรทัศน์ที่เข้าร่วมในประเทศนั้น ๆ และจะคัดเลือกเมืองที่สะสมคะแนนในดีที่สุดของแต่ละประเทศเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ รอบคำถามถูกตัดออก และเกมต่าง ๆ ถูกทำให้มีรูปแบบที่ขบขันมากขึ้น (แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากในทางเทคนิคก็ตาม) และเริ่มมีการเล่นด้วยเครื่องแต่งกายประหลาด ๆ (มักจะใช้เป็นชุดโฟมลาเท็กซ์ตัวใหญ่ ๆ) โดยผู้เข้าแข่งขันจะแข่งขันกันทำภารกิจสุดแปลกในเกมสุดสนุก แต่ละทีมไม่สามารถเลือกได้ว่าสมาชิกคนใดจะลงเล่นในแต่ละเกม โดยจะมีการจับฉลากขึ้น เพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะได้รับอนุญาตให้ฝึกซ้อมการแข่งขันก่อนที่จะถ่ายทอดสดรายการ หรือบันทึกรายการสำหรับบางประเทศที่จะจัดฉายออกอากาศในภายหลัง ในแต่ละทีมจะได้รับคะแนนในแต่ละเกม และการแข่งขันจะมีกรรมการระดับ "นานาชาติ" หนึ่งหรือสองคน ตัดสินการแข่งขันนั้น ๆ (โดยมีกรรมการสนับสนุนจากประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน) ทีมที่ชนะในแต่ละรอบการแข่งขันจะได้รับถ้วยรางวัลเงิน กรรมการชาวสวิสสองคน เจนนาโร โอลิเวียรี (Gennaro Olivieri) และ กุยโด ปันกาลดี (Guido Pancaldi) กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำรายการ จากการทำหน้าที่เป็นกรรมการหลักประจำรายการด้วยกันตั้งแต่ปี 1966 ถึงปี 1982 และในปี 1988 ปันกาลดีก็ได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง
โดยปกติแล้ว การแข่งขันจะจัดขึ้นในสถานที่กลางแจ้งในช่วงฤดูร้อนของยุโรป แต่ในบางครั้งก็จัดขึ้นในสถานที่ในร่ม (เช่นในรอบการแข่งขันที่เนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพในปี 1971 ที่ได้จัดขึ้นใน Ahoy Sports Arena[2]) จัตุรัสกลางเมืองในประวัติศาสตร์ หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมักถูกใช้เป็นสถานที่จัดงาน อย่างไรก็ตามบริเวณรอบสระว่ายน้ำหรือบริเวณท่าเรือ ทะเลสาบ หรือทะเล ก็มักจะเป็นที่นิยมใช้จัดเช่นกัน ซึ่งการจัดในสถานที่กลางแจ้งมักจะมีข้อจำกัดในเรื่องของสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจในบางครั้ง ซึ่งมีผลต่อการจัดการแข่งขัน แต่การแข่งขันก็มักจะจัดต่อไปโดยไม่สนสภาพอากาศ ดังจะเห็นได้จากการแข่งขันที่ได้ชื่อว่าน่าอับอายที่สุด คือในรอบชิงชนะเลิศปี 1970 ที่เกิดเหตุการพายุฝนผัดถล่มมาในอัฒจันทร์เมืองเวโรนา ทำให้ผู้ที่เข้าชมในอัฒจันทร์ต้องหนีไปหลบฝน ในขณะที่พิธีกรภาคสนาม ผู้เข้าแข่งขัน และกรรมการต้องดำเนินรายการต่อไปจนเสร็จสิ้นท่ามกลางฝนที่ถล่มอย่างกระหน่ำ[3]
การแข่งขันในแต่ละฤดูกาลจะสิ้นสุดลงกันในรอบชิงชนะเลิศ โดยทีมที่ดีที่สุดของแต่ละประเทศจะเข้าร่วมแข่งขันกันในรอบนี้ ทั้งที่ทีมที่จะเข้าแข่งจะต้องเป็นทีมที่ชนะในรอบการแข่งขันที่ทีมตนเองลงแข่ง หากประเทศใดที่มีทีมชนะการแข่งขันในรอบการแข่งขันมากกว่าหนึ่งทีม จะคัดเลือกทีมเข้าแข่งด้วยการตัดสินกันที่คะแนนสะสมของแต่ละทีม แต่หากประเทศใดไม่มีทีมที่ชนะเลิศในรอบการแข่งขันใด ๆ จะเลือกเอาทีมที่จบในอันดับรองชนะเลิศ และหากมีอันดับเดียวกันมากกว่าหนึ่งทีม ก็จะตัดสินกันด้วยคะแนนสะสมเช่นกัน นั้นหมายความว่า หากมีทีมที่มีคะแนนสะสมมากกว่า แต่จบในอันดับที่แย่กว่ารองชนะเลิศ ก็จะไม่ได้เข้าร่วมในรอบชิงชนะเลิศ และในกรณีที่เป็นไปได้ยาก คือไม่มีทีมใดของประเทศได้รับชัยชนะหรือตำแหน่งรองชนะเลิศในรอบการแข่งขันใด ๆ เลย (เช่นทีมบริเตนใหญ่ในปี 1967, ทีมฝรั่งเศสในปี 1968 หรือทีมโปรตุเกสในปี 1979) ทีมที่ทำคะแนนสูงที่สุดจะได้เข้าร่วมในรอบชิงแทน
สถานีโทรทัศน์ของแต่ละประเทศจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันในแต่ละรอบการแข่งขัน โดยจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดรอบชิงชนะเลิศในแต่ละปีอีกด้วย ทีมชนะเลิศในรอบชิงชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลทอง ทีมรองชนะเลิศจะได้รับถ้วยเงิน และทีมอันดับสามจะได้ถ้วยทองแดง และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประเทศต่าง ๆ จะชนะการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศด้วยทีมที่ไม่เคยชนะรอบการแข่งขันของตนเลย หรือแม้กระทั่งประเทศที่ไม่เคยชนะรอบใด ๆ เลย ที่จะมาชนะการแข่งขันในรอบชิง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วโดยมีทีมสวิตเซอร์แลนด์ที่ชนะการแข่งขันในรองชิงสองครั้งในปี 1972 และปี 1974 ทีมเยอรมันชนะในปี 1977 ทีมอิตาลีชนะในปี 1978 ทีมโปรตุเกสในปี 1980 และทีมบริเตนใหญ่ในปี 1981 ซึ่งทีมทั้งหมดเป็นทีมที่จบอันดับสอง หรือเป็นทีมที่ไม่ชนะเลิศในรอบใด ๆ เลย โปรตุเกสคว้าถ้วยรางวัลในปี 1980 โดยไม่เคยชนะการแข่งขันรอบคัดเลือกเลยแม้แต่ครั้งเดียวในสองฤดูกาล ส่วนสวิตเซอร์แลนด์เป็นผู้ชนะสองครั้งในปี 1972 และ 1974 แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าชัยชนะในฤดูกาลใดเลยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1971 ถึง 1974
ในรูปแบบดั้งเดิมมีเพียงเบลเยียมและอิตาลีเท่านั้น ที่เข้าร่วมครบทุกฤดูกาล (1965–1982) แม้ทีมฝรั่งเศสเข้าร่วมในปี 1968 แต่จากสถานการณ์ทางการเมืองและการร่วมประท้วงของพนักงานของสถานีโทรทัศน์ในฝรั่งเศส ทำให้ในปีนั้นฝรั่งเศสไม่มีการออกอากาศรายการในปีนั้น และยกเลิกการเป็นเจ้าภาพในรอบการแข่งขันของตนเอง ส่งผลให้ทีมเยอรมนีตะวันตกรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพถึงสองรอบการแข่งขัน และด้วยการประท้วงที่ยังคงมีมาต่อเนื่องจนถึง 1969 ทำให้ไม่มีทีมใดจากฝรั่งเศสเข้าร่วมในปีต่อมา ลีชเทินชไตน์ เข้าร่วมการแข่งขันเพียงครั้งเดียว โดยเป็นทีมที่มาแทนทีมสวิตเซอร์แลนด์ ในรอบการแข่งขันที่เจ็ดของปี 1976 โดยในครั้งนั้นมีการกำหนดรหัสประเทศเป็น FL แทนที่ CH สำหรับใช้ในการแข่งขันในตอนนั้น และได้รับการตกลงว่าหากทีมลีชเทินชไตน์สามารถเอาชนะในรอบการแข่งขันนั้น จะอนุญาตให้ทีมเข้าร่วมรอบชิงชนะเลิศร่วมกับทีมสวิตเซอร์แลนด์ที่มีอันดับดีที่สุด แต่สุดท้ายทีมลีชเทินชไทน์ก็ไม่สามารถเข้าร่วมของชิงได้ เนื่องจากจบการแข่งขันด้วยอันดับสี่ในรอบการแข่งขันนั้น ทีมจากเมืองเดร์รี (Derry) จากไอร์แลนด์เหนือเป็นตัวแทนของทีมบริเทนใหญ่ในรอบการแข่งขันที่เยอรมนีตะวันตกในปี 1978 และมีการใช้รหัสประเทศว่า NI แทนที่ GB ในการแข่งขันในตอนนั้น
สถานีโทรทัศน์ของเนเธอร์แลนด์ (ซึ่งเข้าร่วมรายการการแข่งขันครั้งแรกในปี 1970) เป็นสถานีแรกที่ได้ถอนตัวออกจากรายการอย่างถาวรหลังจบการแข่งขันในปี 1977 และไม่เคยชนะเลิศในรอบชิงชนะเลิศเลย เนื่องด้วยเรตติ้งที่ต่ำมาก อันเป็นผลมาจากการที่สถานีโทรทัศน์เบลเยียมภาคภาษาดัตช์ได้ทำการถ่ายทอดสดรายการ ในขณะที่สถานีโทรทัศน์ของเนเธอร์แลนด์จะบันทึกเทปรายการเพื่อนำไปฉายในเวลาต่อมา (เหมือนกับหลาย ๆ สถานี) ทำให้ผู้ชมในเนเธอร์แลนด์ได้รับชมรายการมาก่อนหน้าแล้วจากโทรทัศน์เบลเยียม ไม่ดูรายการจากโทรทัศน์เนเธอร์แลนด์ ในปี 1978 ทีมเนเธอร์แลนด์ได้ถูกแทนที่โดยทีมจากยูโกสลาเวีย ซึ่งก็ไม่เคยชนะเลิศในรอบชิง ทีมโปรตุเกสเข้าร่วมในปี 1979 แต่ในปี 1980 ทีมเยอรมนีตะวันตกได้ถอนตัวออกจากรายการหลังจากเรตติงของรายการลดลง และต่อมามีการตกลงกันว่าจะยุติรายการลงหลังจากการแข่งขันในปี 1982 ซึ่งจบด้วยการที่เบลเยียมสามารถคว้าชัยชนะได้เป็นครั้งแรก แต่ก็มีรื้อฟื้นรายการขึ้นมาอีกในปี 1988 โดยกลุ่มประเทศเข้าร่วมใหม่
ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีของวงการโทรทัศน์ ทำให้ในบางตอนเริ่มมีการถ่ายทำในระบบภาพสี ในปี 1968 จนกระทั่งในปี 1970 ได้มีการออกอากาศการแข่งขันตลอดรายการเป็นภาพสี แต่อย่างไรก็ตาม ในบางสถานีโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝรั่งเศสกับอิตาลี ที่ยังคงออกอากาศในระบบภาพขาวดำ แม้ในตอนที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพจะผลิตรายการเป็นภาพสีแล้วก็ตาม ฝรั่เศสเริ่มออกอากาศในระบบภาพสีทุกตอนในปี 1974 ตามมาด้วยอิตาลีในปี 1976
ในแต่ละรอบการแข่งขัน รายการส่วนใหญ่จะใช้ภาษาพูดของประเทศเจ้าภาพเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รายการจำเป็นต้องมีผู้บรรยายจากสถานีโทรทัศน์ของประเทศที่เข้าแข่งเพื่อให้ผู้ชมในประเทศได้ทราบ รูปแบบนี้ทำให้การขายลิขสิทธิ์รายการตอนต่าง ๆ ไปนอกประเทศที่เข้าร่วมเป็นไปได้ยาก และมีโอกาสคืนทุนรายการจากการขายลิขสิทธิ์ต่างประเทศได้น้อย (แม้ว่ารูปแบบนี้จะได้ขายลิขสิทธิ์ในหลาย ๆ ประเทศก็ตาม) ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษปี 1970 เป็นต้นมา BBC ได้รับหน้าที่ในการจัดชุดรายการตอนต่าง ๆ เพื่อจัดจำหน่ายในต่างประเทศ รวมถึงเสียงบรรยายภาคภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายลิขสิทธิ์ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ส่งผลให้มีการออกอากาศไปทั่วโลก ในบางตอน BBC จะเพิ่มช่วงแนะนำก่อนรายการจากพิธีกรภาคภาษาอังกฤษ สจ๊วต ฮอลล์ (Stuart Hall) และมักจะตัดความยาวของรายการออกจากเวอร์ชันที่ออกอากาศสดให้สั้นลง ในบางตอนก็มีการตัดในเหลือหนึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะสามารถขายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศได้
การให้คะแนนในการแข่งขัน จะให้ตามอันดับของทีมในแต่ละเกม เช่น หากมีทีมแข่งขันกัน 6 ทีม อันดับหนึ่งจะได้รับ 6 แต้ม รองลงมาคือ 5 แต้ม เป็นต้นไป แต่ละทีมจะไม่ได้เล่นหนึ่งเกมต่อรอบการแข่งขัน แต่ทุกทีมจะต้องเล่นเกมสุดท้ายเสมอ และแต่ละทีมสามารถเล่นโจ๊กเกอร์ (Joker) ได้หนึ่งครั้งซึ่งจะทำให้คะแนนของเกมนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในปี 1969 ได้มีการเพิ่มรอบ 'เส้นแดง' (Fil Rouge) ขึ้น แล้วแต่ละทีมจะได้เล่นรอบนี้ไม่พร้อมกัน และไม่สามารถที่จะเล่นโจ๊กเกอร์ได้ จนกระทั่งในปี 1970 – 1971 ได้มีการเปลี่ยนกฎให้สามารถเล่นโจ๊กเกอร์ได้ แต่ด้วยกฎนี้ทำให้ในหลาย ๆ รอบการแข่งขัน แต่ละทีมมักจะเก็บโจ๊กเกอร์ไว้เล่นในเกมสุดท้าย ทำให้ในปี 1972 จึงมีการเปลี่ยนกฎอีกครั้ง โดยห้ามไม่ให้เล่นโจ๊กเกอร์ในเกมสุดท้าย แต่ในรอบการแข่งขันแรกที่เบลเยียมเป็นเจ้าภาพ ทีมเบลเยียมได้ขอเก็บโจ๊กเกอร์ไว้ใช้ในเกมสุดท้าย เมื่อกัปตันทีมได้นำโจ๊กเกอร์ไปแสดงต่อกรรมการก่อนเริ่มเกมสุดท้าย กรรมการได้ปฏิเสธการใช้โจ๊กเกอร์ของทีม จึงทำให้เบลเยียมไม่ได้ใช้โจ๊กเกอร์เลยในรอบการแข่งขันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งเดียวที่มีทีมที่ไม่ใช้โจ๊กเกอร์เลย ทำให้ทีมจากเมืองสปาของเบลเยียม มีคะแนนห่างจากทีมอื่นที่มีคะแนนนำอยู่อย่างมาก ด้วยจำนวนทีมที่เพิ่มขึ้นเป็น 8 ทีม ในปี 1979 จึงมีการเปลี่ยนกฎของโจ๊กเกอร์อีกครั้ง โดยหากทีมที่ใช้โจ๊กเกอร์จบอันดับที่หนึ่งในเกมนั้น ได้คะแนนพิเศษ 6 คะแนน จบอันดับสอง ได้คะแนนพิเศษ 4 คะแนน จบอันดับสาม ได้คะแนนพิเศษ 2 คะแนน หากไม่จบในสามอันดับแรก จะไม่ได้คะแนนพิเศษเลย และในปี 1981 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรอบเส้นแดง โดยเปลี่ยนให้ทุกทีมเล่นรอบนี้พร้อมกัน และจะเล่นกันสี่รอบ โดยที่แต่ละรอบจะไม่ใช้คนเล่นซ้ำกัน โดยแต่ละทีมจะต้องเก็บคะแนนให้มากที่สุด หรือทำเวลาให้ดีที่สุด และจะตัดสินรอบเส้นแดงหลังเล่นรอบที่สี่แล้ว
ผู้ตัดสินและกรรมการ
[แก้]- Gennaro Olivieri (1965–1982)
- Guido Pancaldi (1966–1989)
- Arthur Ellis (1971–1982)
- Nenad Romano (1979–1982)
- Mike Swann (1988–1989)
- Bernard Galley (1990–1991)
- Denis Pettiaux (1990–1999)
- Nikos Mperedimas (1993)
- Irini Kamperidiou (1994)
- Lehel Németh (1993–1995, 1999)
- Babis Ioanidis (1995–1999)
- Orsolya Hovorka (1996–1998)
- Lea Vodušek (1996–1997, 1999)
- Carlo Pegoraro (1996, 1998–1999)
- Beertje van Beers (1997)
ประเทศที่เข้าร่วม
[แก้]ระหว่างปี 1965 ถึงปี 1999 มีสถานีโทรทัศน์จาก 20 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันในรายการ เฌอซ็องฟรงเตียร์ ซึ่งจัดขึ้นมาเป็นเวลา 30 ฤดูกาล (ให้แยก เช็กเกีย และ เชโกสโลวาเกีย เป็นประเทศที่เข้าร่วมคนละประเทศกัน):
- คำอธิบาย
- ‡ ประเทศในอดีตที่ล่มสลายไปแล้ว
รหัสประเทศ | ประเทศ | สถานีโทรทัศน์ | ปีที่เข้าร่วม | จำนวนครั้งที่เข้าร่วม | จำนวนชนะเลิศในรอบชิงชนะเลิศ | จำนวนชนะเลิศในรอบการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
I | อิตาลี | RAI | 1965–1982, 1988–1999 | 30 | 4 (1970, 1978, 1991, 1999) | 33 |
F | ฝรั่งเศส | ORTF, Antenne 2, France 2 | 1965–1968, 1970–1982, 1988–1992, 1997–1999 | 25 | 3 (1965, 1975, 1979) | 20 |
CH | สวิตเซอร์แลนด์ | SRG SSR | 1967–1982, 1992–1999 | 24 | 2 (1972, 1974) | 24 |
B | เบลเยียม | BRT, RTBF | 1965–1982, 1988–1989 | 20 | 2 (1965, 1982) | 28 |
D | เยอรมนีตะวันตก | ARD | 1965–1980 | 16 | 6 (1966, 1967, 1968, 1969, 1976, 1977) | 31 |
GB[b] | บริเตนใหญ่ | BBC | 1967–1982 | 16 | 4 (1969, 1971, 1973, 1981) | 12 |
P | โปรตุเกส | RTP | 1979–1982, 1988–1998 | 15 | 5 (1980, 1981, 1988, 1989, 1997) | 37 |
NL | เนเธอร์แลนด์ | NCRV, TROS | 1970–1977, 1997–1998 | 10 | 0 | 13 |
H | ฮังการี | MTV | 1993–1999 | 7 | 3 (1993, 1996, 1998) | 15 |
GR | กรีซ | ERT | 1993–1999 | 7 | 0 | 3 |
YU | ยูโกสลาเวีย ‡ | JRT | 1978–1982, 1990 | 6 | 0 | 9 |
E | สเปน | TVE | 1988, 1990–1992 | 4 | 1 (1990) | 4 |
SLO | สโลวีเนีย | RTVSLO | 1994, 1996–1997, 1999 | 4 | 0 | 8 |
GB / C | เวลส์[c] | S4C | 1991–1994 | 4 | 0 | 4 |
CZ | เช็กเกีย | ČT | 1993–1995 | 3 | 2 (1994, 1995) | 4 |
SM | ซานมารีโน | ไม่มีสถานีโทรทัศน์ [d] | 1989–1991 | 3 | 0 | 4 |
M | มอลตา | PBS Malta | 1994–1995 | 2 | 0 | 0 (ดีที่สุด: 3rd) |
CS | เชโกสโลวาเกีย ‡ | ČST | 1992[e] | 1 | 1 (1992) | 2 |
FL | ลีชเทินชไทน์[f] | ไม่มีสถานีโทรทัศน์ [g] | 1976 | 1 | 0 | 0 (ดีที่สุด: 4th) |
TU | ตูนีเซีย | ERTT | 1992 | 1 | 0 | 0 (ดีที่สุด: 2nd) |
สีประจำทีม
[แก้]แต่ละประเทศจะถูกกำหนดสีประจำประเทศ ซึ่งนำมาใช้บนชุดและอุปกรณ์ของทีม ในรูปแบบดั้งเดิมซึ่งสิ้นสุดในปี 1982 สีที่ใช้: เบลเยียม – เหลือง; เยอรมนีตะวันตก – ฟ้า; บริเตนใหญ่ – แดง; อิตาลี – น้ำเงินเข้ม; ยูโกสลาเวีย – ขาว เดิมทีฝรั่งเศสใช้สีม่วง ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวในปี 1977 สวิตเซอร์ถูกกำหนดให้ใช้สีน้ำตาลอ่อน แต่ต่อมาในปี 1979 ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงสลับขาว ซึ่งทำให้เกิดการสับสนกับทีมบริเตนใหญ่ จึงถูกบังคับให้กลับไปใช้สีน้ำตาลอ่อน แต่ก็มีบางรอบการแข่งขันที่จะใช้สีแดงสลับขาว เนเธอร์แลนด์ถูกกำหนดให้ใช้สีส้ม แต่เมื่อเนเธอร์แลนด์ถอนตัวไปในปี 1977 สีนี้จึงกำหนดให้เป็นสีของโปรตุเกสตั้งแต่ปี 1979
ฤดูกาล
[แก้]ในรอบชิงชนะเลิศปี 1969 จบด้วยการเสมอระหว่างทีมเยอรมัน ว็อลฟส์บวร์ค และทีมบริติช ชรูส์บรี ซึ่งมีคะแนน 32 คะแนนเท่ากัน ตามกติกาของการแข่งขันแล้วทีมว็อลฟส์บวร์ค เป็นทีมที่ชนะในฤดูกาลนี้ เนื่องจากมีคะแนนจากรอบเส้นแดงมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม กัปตันทีมว็อลฟส์บวร์คยืนกรานว่าถ้วยรางวัลควรจะได้ร่วมกัน และคณะกรรมการก็ตกลงที่จะให้ทั้งสองทีมได้ตำแหน่งชนะเลิศร่วมกัน
หลังจากแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในปี 1981 เสร็จสิ้นแล้ว ปรากฎว่าทีมบริเตนใหญ่ ดาร์ทมัธ ได้คว้าถ้วยทองไป แต่หลังจากมีทีมโปตุเกสคัดค้าน คณะกรรมการได้ทบทวนการแข่งขันและได้ปรับให้ทีมฝรั่งเศสไม่ผ่านและจัดให้อยู่อันดับสุดท้ายในเกมสุดท้าย ทำให้ทีมโปรตุเกสจากเมืองลิสบอนได้คะแนนพิเศษ ทำให้ทีมโปรตุเกสเป็นชนะเลิศร่วมกับทีมดาร์ทมัธ[4]
ตาราสรุปผลรอบชิงชนะเลิศ
[แก้]ประเทศ | ทอง | เงิน | ทองแดง | อันดับ 4 | อันดับ 5 | อันดับ 6 | อันดับ 7 | อันดับ 8 | อันดับ 9 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เยอรมนีตะวันตก | 6 | 1 | 2 | 4 | – | 2 | 1 | – | – |
โปรตุเกส | 5 | 3 | 1 | 1 | 1 | – | 2 | 2 | – |
อิตาลี | 4 | 6 | 5 | 6 | 3 | 2 | 3 | 1 | – |
บริเตนใหญ่ | 4 | 2 | 1 | 3 | 4 | 2 | – | – | – |
ฝรั่งเศส | 3 | 1 | 7 | 6 | 3 | 2 | 2 | 1 | – |
ฮังการี | 3 | 1 | 1 | 1 | – | – | 1 | – | – |
สวิตเซอร์แลนด์ | 2 | 3 | 6 | 4 | 4 | 3 | 2 | – | – |
เบลเยียม | 2 | 3 | 5 | 2 | 3 | 3 | 2 | – | – |
เช็กเกีย | 2 | 1 | – | – | – | – | – | – | – |
สเปน | 1 | 1 | – | – | 1 | 1 | – | – | – |
เชโกสโลวาเกีย | 1 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เนเธอร์แลนด์ | – | 3 | 1 | 1 | 1 | 2 | 2 | – | – |
ยูโกสลาเวีย | – | 2 | 1 | 1 | – | 1 | 1 | – | – |
กรีซ | – | 2 | – | 1 | 2 | 2 | – | – | – |
เวลส์ | – | 1 | – | – | 1 | 1 | 1 | – | – |
สโลวีเนีย | – | – | – | 2 | – | 1 | 1 | – | – |
ซานมารีโน | – | – | – | 2 | – | 1 | – | – | – |
มอลตา | – | – | – | – | – | 1 | – | – | 1 |
ตูนีเซีย | – | – | – | – | – | – | – | 1 | – |
ลีชเทินชไทน์[h] | – | – | – | – | – | – | – | – | – |
รายการพิเศษคริสต์มาส
[แก้]รายการเวอร์ชันพิเศษที่จัดธีมของรายการเป็นเทศกาลฤดูหนาวในชื่อว่า Jeux Sans Frontieres: Christmas Special[i] มักจะฉายในช่วงคริสต์มาส และผลิตรายการแข่งขันเป็นตอนเดี่ยวมาตั้งแต่ปี 1970 ถึงปี 1981 โดยจัดขึ้นครั้งแรกที่เมืองไลเดิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ และจะมีการจัดการแข่งขันสลับกันระหว่างเมืองกอร์ตีนาดัมเปซโซในอิตาลี โดยสถานีโทรทัศน์อิตาลี (RAI) (1973, 1975, 1976, 1979) และเมืองอาวีมอร์ในสกอตแลนด์ โดยบีบีซี (1971, 1972, 1974, 1977, 1981, 1983) สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพในปี 1978 ที่วิลลาร์ซูร์โอลง และเบลเยียมเป็นเจ้าภาพในปี 1980 ที่ลีแยฌ
รายการจะจัดขึ้นในบริเวณในร่มหรือนอกร่ม บนพื้นลานน้ำแข็งหรือพื้นหิมะ แต่ในครั้งใดที่ไม่มีหิมะเลย ก็จะใช้หิมะเทียมหรือโฟมแทน เกมโดยทั่วไปที่มักจะเล่นกันจะสวมใส่รองเท้าสเก็ตหรือสกี ประเทศที่เข้าร่วมเป็นหลัก ๆ มักจะมีสี่ประเทศคือบริเตนใหญ่ เบลเยียม อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ (แม้ในรายการหลักจะถอนตัวออกไปแล้วก็ตาม) ต่อมาในปี 1977 – 1980 จึงมีสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมเป็นประเทศที่ห้า ซึ่งจะประเทศจะส่งพิธีกรมาร่วมดำเนินรายการ และส่งเกมที่แต่ละประเทศคิดขึ้นมาร่วมแข่งขันกันในรายการ
หลักจาก เฌอซ็องฟรงเตียร์ ภาคปกติได้สิ้นสุดลงไปหลังจบรอบชิงชนะเลิศปี 1982 รายการพิเศษก็ยังคงมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยทีมเข้าร่วมจากสี่ประเทศคือ เบลเยียม บริเตนใหญ่ เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกส โดยไปจัดที่ไปรยาดูราดา ในเมืองการ์โวเอโร โดยมีผู้ชนะเป็นทีมจากเบลเยียม แต่ในครั้งนี้มีการตัดสินใจไม่ออกอากาศรายการนี้ เนื่องจากรายการที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยในที่สุดมีเพียงโทรทัศน์เบลเยียมเท่านั้นที่ออกอากาศรายการนี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1982 รายการพิเศษนี้จัดขึ้นอีกเป็น 2 ครั้งสุดท้าย โดยในปี 1983 จัดที่เมืองเอวีมอร์ โดยเป็นการแข่งขันระหว่างทีมจากบริเตนใหญ่และทีมจากสวีเดน และปี 1984 จัดที่เมืองแบล็กพูล โดยเป็นการแข่งขันระหว่างบริเตนใหญ่ ฝรั่งเศส และเยอรมนีตะวันตก
หลังจากมีการรื้อฟื้นรายการในปี 1988 รายการพิเศษคริสต์มาสก็ถูกรื้อฟื้นด้วยเช่นกันในปี 1990 โดยครั้งนี้ไปจัดที่มาเก๊า[5] และอีกครั้งในปี 1994 ที่เมืองคาร์ดิฟฟ์
รายการพิเศษคริสต์มาส
[แก้]ปี | เมืองเจ้าภาพ | ทีมชนะเลิศ | ทีมรองชนะเลิศ | ทีมอันดับสาม |
---|---|---|---|---|
1970 | ไลเดิน | อัลเพนอานเดนไรน์ | เกรทยาร์มัธ | — |
1971 | เอวีมอร์ | อาลเทิน | เยโซโล | แบล็กพูล |
1972 | เอวีมอร์ | เอวีมอร์ | ไอส์เซลสไตน์ | อ็องเกลอร์ |
1973 | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | ทีมดาวกีฬาชาวดัตช์ | เอวีมอร์ |
1974 | เอวีมอร์ | เอวีมอร์ | ดัตช์ 'ออล์ สตาร์' | โวลูเวแซ็งปีแยร์ |
1975 | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | ดัตช์ 'ออล์ สตาร์' | ชาร์เลอรัว |
1976 | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | วอเตอร์ลู | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | ดัตช์ 'ออล์ สตาร์' |
1977 | เอวีมอร์ | โบลซาโน | เอวีมอร์ | เลเบรอเนต์ |
1978 | วิลลาร์ซูร์โอลง | ลีแยฌ | อาซียาโก | วิลลาร์ซูร์โอลง |
1979 | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | เด็นฮาค | กอร์ตีนาดัมเปซโซ | เลย์แซ็ง |
1980 | ลีแยฌ | เฮเรนเฟน | โมเอนา | บริสตอล |
1981 | เอวีมอร์ | เอวีมอร์ | ฟัลกาเด | นามูร์ |
1982 | การ์โวเอโร | บลังเคนแบเคอ | พลิมัท | การ์โวเอโร |
1983 | เอวีมอร์ | บริติช 'ออล์ สตาร์' | คอลส์ครูนา | — |
1984 | แบล็กพูล | แบล็กพูล | ตูร์กวง | บอททรอป |
1990 | โคโลอาน | แบร์กาโม โทรเกียร์ |
ไม่มีทีมอันดับสอง | กีมาไรช์ |
1994 | คาร์ดิฟฟ์ | สวิตเซอร์แลนด์ เวลส์ กรีซ มอลตา โปรตุเกส |
ไม่มีทีมอันดับสองและสาม ฉบับพิเศษเซเลบริตี ทั้งห้าทีมเป็นทีมชนะร่วมกัน |
ฉบับฤดูหนาว
[แก้]แอ็งเตอเนจ์ (ฝรั่งเศส: Interneige) หรือ Jeux sans frontières d’hiver เป็นรายการสปินออฟฉบับฤดูหนาวที่จัดขึ้นกันในสกีรีสอร์ส โดยจัดขึ้นมาทั้งหมด 11 ฤดูกาล (1965–1968, 1976–1981, และ 1992) มีชื่อเรียกอื่น ๆ อย่าง Jeux Sans Frontieres on Ice หรือ Jeux Sans Frontieres in the Snow
ฉบับฤดูหนาว แอ็งเตอเนจ์
[แก้]ฤดูกาล | ปี | เมืองเจ้าภาพรอบชิงชนะเลิศ | ทีมชนะเลิศ | ทีมรองชนะเลิศ | ทีมอันดับสาม |
---|---|---|---|---|---|
1 | 1965 | วิลลาร์เดอลอง กร็องซูร์ซิแยร์ |
วิลลาร์เดอลอง | กร็องซูร์ซิแยร์ | — |
2 | 1966 | ลาปลัญ กร็องซูร์ซิแยร์ |
ลาปลัญ | กร็องซูร์ซิแยร์ | |
3 | 1967 | มอนตานา-เวอร์มาลา เลรูสซ์ |
มอนตานา-เวอร์มาลา | เลรูสซ์ | |
4 | 1968 | ลัลเปอดูเอซ เจนีวา |
เลอโกบีเยร์ | อ็องแซร์ | |
5 | 1976 | ตีอง 2000 | ตีอง | เลเฌต์ | |
6 | 1977 | เลเฌต์ | เลย์แซ็ง เลเฌต์ |
ไม่มีทีมอันดับสอง | ปีลาออสตา |
7 | 1978 | โอเตอร์น็องดา | ตีนีส์ | ลาโชเดอฟง | โมเอนา |
8 | 1979 | ปนเตดีเลโญ | วัลการ์ลีนา | ซีนาล-วัล ดานิเวียร์ | กูเร็ต |
9 | 1980 | มาเกฟ | กาวาเลเซ ซาราเยโว |
ไม่มีทีมอันดับสอง | มงดอร์ |
10 | 1981 | กร็องมงตานา | กร็องมงตานา | เมรีเบล | หุบเขาฟิเอมเม |
11 | 1992 | ปราก | โนเวเมชโตนาโมราเว | ซันตากาเตรีนาดีวัลฟูร์วา | รัฐฌูรา |
ความพยายามรื้อฟื้น
[แก้]ในปี 2006 ทางอีบียูได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัวรายการดังกล่าวอีกครั้งในช่วงฤดูร้อนปี 2007 โดยร่วมมือกับ Mistral Production และ Upside Television[6] เบลเยียม โครเอเชีย สเปน กรีซ เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย และอิตาลี จะเป็นประเทศที่เข้าร่วมรายการ อย่างไรก็ตามเนื่องจากประสบปัญหาด้านงบประมาณ แผนดังกล่าวจึงถูกระงับไป เดิมทีดำเนินการเป็นเวลา 12 เดือน แต่ภายหลังก็ถูกยกเลิกไปโดยสิ้นเชิง
ในเดือนธันวาคม 2016 ทางอีบียูได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์สำหรับการดำเนินงานในปี 2017 – 2020 ซึ่งรวมไปถึงการรื้อฟื้นรานการโดยใช้ชื่อว่า ยูโรวิชันซูเปอร์เกมส์ (อังกฤษ: Eurovision Super Games) ซึ่งถือเป็นการรื้อฟื้นรายการหลังจากออกอากาศครั้งสุด้ายในปี 1999[7] มีประเทศเข้าร่วมและมีส่วนร่วมในโครงการนี้จำนวน 12 ประเทศ ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง 8 ประเทศ โดยแต่ละประเทศมีนักกีฬา 4 คนเป็นตัวแทนในการแข่งขันท้าทายทางจิตใจและร่างกาย ผู้ชมทางบ้านสามารถเลือกนักกีฬาสองคนจากประเทศของตนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันที่เสนอได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีหลักประกันทางการเงิน อีบียูจึงประกาศในเดือนมิถุนายน 2017 ว่าจะไม่มีรายการแข่งขันนี้[8]
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2019 ในงานแถลงข่าวประจำปีของ France Télévisions มีการประกาศรื้อฟื้นรายการอีกครั้ง ซึ่งจะผลิตโดย Nagui และออกอากาศทาง France 2[9] แต่ต่อมาก็ยกเลิกในภายหลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูรายการ Intervilles ที่ประกาศในช่วงปลายทศวรรษ 2020 จนในที่สุดทาง Nagui ก็ประกาศในเดือนตุลาคม 2023 ว่าการรื้อฟื้นรายการจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เนื่องจากค่าครองชีพและปัญหาทางการเงินของเมืองต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การฟื้นคืนการแสดงยังคงมีความเป็นไปได้ในอนาคต[10]
ยูโรเกมส์
[แก้]ในปี 2019 ทางอีบียูได้สูญเสียลิขสิทธิ์ของรูปแบบรายการและสิทธิ์ของเฟรนไชส์ให้กับ Mediaset และมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ยูโรเกมส์ (อังกฤษ: Eurogames) โดยถ่ายทำรายการกันที่ชิเนชิตตาเวิร์ดในกรุงโรม[11] รายการนี้เน้นไปที่การแข่งขันแบบสบาย ๆ ระหว่างทีมจากอิตาลี สเปน เยอรมนี และกรีซ ร่วมกับทีมน้องใหม่อย่างโปแลนด์และรัสเซีย[12][13][14][15][16]
ดูเพิ่มเติม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ อังกฤษ: It's A Knockout; เยอรมัน: Spiel Ohne Grenzen; ดัตช์: Spel Zonder Grenzen; อิตาลี: Giochi Senza Frontiere; ข้อผิดพลาด Lua: expandTemplate: template "lang-x2" does not exist; สโลวีเนีย: Igre Brez Meja; สเปน: Juegos Sin Fronteras; โปรตุเกส: Jogos Sem Fronteiras; กรีก: Παιχνίδια Χωρίς Σύνορα, อักษรโรมัน: Paichnídia Chorís Sýnora; เวลส์: Gemau Heb Ffiniau; ฮังการี: Játék Határok Nélkül; เช็ก: Hry Bez Hranic; อาหรับ: العاب بلا حدود, อักษรโรมัน: Aleab Bila Hudud; มอลตา: Logħob għal Kulħadd
- ↑ เมื่อทีมจากเมืองเดร์รีเป็นตัวแทนให้กับทีมบริเตนใหญ่ ได้ใช้รหัสประเทศว่า 'NI' สำหรับไอร์แลนด์เหนือ แทนที่ GB
- ↑ เวลส์เข้าร่วมตั้งแต่ปี 1991 ถึงปี 1994 ในนามทีมบริเตนใหญ่ และใช้รหัสประเทศว่า GB ในการออกอากาศในยุโรปภาคพื้นทวีป และใช้รหัสประเทศ C (Cymru, ชื่อดินแดนในภาษาเวลส์) ในการออกอากาศในเวลส์เอง ภาษาเวลส์ เป็นภาษาที่ถูกใช้ในการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ S4C
- ↑ อาศัยการรับชมจากสถานีโทรทัศน์อิตาลี (RAI)
- ↑ เชโกสโลวาเกียเข้าร่วมในปี 1992 ด้วยทีมที่จากฝั่งเช็กอย่างเดียว โดยที่ไม่มีทีมจากฝั่งสโลวักเลย
- ↑ ลีชเทินชไทน์เข้าร่วมในปี 1976 แทนที่ทีมสวิตเซอร์แลนด์ในหนึ่งรอบการแข่งขัน และใช้รหัสประเทศว่า FL (แทนที่ CH)
- ↑ อาศัยการรับชมจากสถานีโทรทัศน์สวิตเซอร์แลนด์ (SRG SSR)
- ↑ ลีชเทินชไทน์เข้าร่วมในปี 1976 เพียงรอบการแข่งขันเดียว แต่ไม่สามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้
- ↑ อังกฤษ: It's a Christmas Knockout!; ดัตช์: Zeskamp Speciaal; อิตาลี: Giochi Sotto L'Albero; ฝรั่งเศส: Jeux de Noël; เยอรมัน: Weihnachtsspiele; สวีเดน: Nyårs Knockout
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Intervilles revient: une émission mythique avec ses couacs, chutes et scandales de triche" (ภาษาฝรั่งเศส). RTBF. 19 ธันวาคม 2019.
- ↑ "Jeux Sans Frontieres 1971 – Rotterdam (Heat 3)". 5 กรกฎาคม 2021 – โดยทาง www.youtube.com.
- ↑ "Camillo Felgen & Frank Elstner – Spiel ohne Grenzen (Finale in Verona) 1970" – โดยทาง www.youtube.com.
- ↑ "Jeux Sans Frontieres Belgrade 1981 (YU) English Commentary Full Show". 5 มกราคม 2014 – โดยทาง www.youtube.com.
- ↑ Tavares, Tiago (20 กรกฎาคม 2015). "Attention! Prêts? Piiiii! Assim eram os Jogos Sem Fronteiras". Observador (ภาษาโปรตุเกส).
- ↑ "EBU.CH :: Jeux sans Frontières". 24 ธันวาคม 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ธันวาคม 2006.
- ↑ "EBU To Launch New Format "Eurovision Super Games"". eurovoix.com. Eurovoix. 12 ธันวาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 21 กรกฎาคม 2019.
- ↑ Granger, Anthony (26 มิถุนายน 2017). "Eurovision Super Games Will Not Be Created". eurovoix.com. Eurovoix. สืบค้นเมื่อ 21 กรกฎาคม 2019.
- ↑ ""Jeux sans frontières" de retour sur France 2 avec Nagui". Le Huffington Post. 18 มิถุนายน 2019. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2019.
- ↑ "Intervilles: Bientôt de retour sur nos télés ?".
- ↑ ""Games Without Frontiers" is back on Channel 5". www.bitfeed.co. 13 กรกฎาคม 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2019.
- ↑ Granger, Anthony (20 กรกฎาคม 2019). "Seven Broadcasters To Take Part in EuroGames?". eurovoix-world.com. Eurovoix.
- ↑ ""Torna su Canale 5 Giochi Senza Frontiere: a condurlo sarà Ilary Blasi"". Il Fatto Quotidiano. 16 มิถุนายน 2019. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2019.
- ↑ "Ascolti TV | Giovedì 19 settembre 2019. Un Passo dal Cielo 18.6%, Eurogames parte dal 16%". DavideMaggio.it (ภาษาอิตาลี). 20 กันยายน 2019. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2019.
- ↑ "Ascolti TV | Giovedì 24 ottobre 2019. Un Passo dal Cielo 19.3%, Eurogames chiude al ribasso (8.2%). La Carrà riparte dal 6.2%". DavideMaggio.it (ภาษาอิตาลี). 25 ตุลาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2019.
- ↑ "Mediaset estrena por sorpresa 'Eurogames' en su plataforma de pago Mitele Plus". eldiario.es (ภาษาสเปนแบบยุโรป). 3 มกราคม 2020. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2020.
ลิงก์ภายนอก
[แก้]แม่แบบ:Jeux sans frontières แม่แบบ:European Broadcasting Union
โปรดรอสักครู่
หน้านี้อาจใช้ระยะเวลานานถึงหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากฉบับร่างจะได้รับการทบทวนตามลำดับ ขณะนี้มี 122 หน้าที่กำลังรอการทบทวน
ขอความช่วยเหลือ
วิธีปรับปรุงบทความของคุณ
คุณยังสามารถดู วิกิพีเดีย:บทความคัดสรร และ วิกิพีเดีย:บทความคุณภาพ เพื่อค้นหาตัวอย่างบทความที่ดีที่สุดของวิกิพีเดียในหัวข้อที่คล้ายกับบทความที่คุณแจ้งทบทวน ทรัพยากรการแก้ไข
เครื่องมือตรวจสอบ
|
- บทความฉบับร่าง
- Jeux sans frontières
- Eurovision events
- Television game shows
- เกมโชว์ในคริสต์ทศวรรษ 1960
- เกมโชว์ในคริสต์ทศวรรษ 1970
- เกมโชว์ในคริสต์ทศวรรษ 1980
- เกมโชว์ในคริสต์ทศวรรษ 1990
- เกมโชว์ในคริสต์ทศวรรษ 2010
- Television series revived after cancellation
- ฉบับร่างรอตรวจ
- ฉบับร่างรอตรวจเรียงตามอายุ/5 สัปดาห์ก่อน
- ฉบับร่างเรียงตามวันที่ส่ง/04 ตุลาคม 2024