จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบดัตช์และเฟลมิช
![]() | |
โดยฮีเยโรนีมึส โบส | |
ของเนเธอร์แลนด์และเฟลมิช | |
เนเธอร์แลนด์เริ่มแรก (ค.ศ. 1400-1500) | |
เรอแนซ็องส์แบบดัตช์และเฟลมิช (ค.ศ. 1500-84) | |
ยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (ค.ศ. 1584-1702) | |
บาโรกแบบเฟลมิช (ค.ศ. 1585-1700) | |
จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบดัตช์และเฟลมิช (อังกฤษ: Dutch and Flemish Renaissance painting) เป็นจิตรกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นศิลปะที่โต้ตอบศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลีของกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ศิลปินกลุ่มนี้ที่เริ่มจากจิตรกรจริตนิยมแอนต์เวิร์ป และฮีเยโรนีมึส โบส เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษจนถึงปลายสมัยจิตรกรจริตนิยม เช่น ฟรันส์ โฟลริส (Frans Floris) และกาเริล ฟัน มันเดอร์ (Karel van Mander) ในตอนปลาย ซึ่งเป็นศิลปะที่วิวัฒนาการมาจากการเขียนแบบใหม่ในอิตาลีและงานเขียนแบบท้องถิ่นของจิตรกรสมัยเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก แอนต์เวิร์ปกลายเป็นเมืองศูนย์กลางของศิลปะในบริเวณนั้น จิตรกรหลายคนทำงานให้กับราชสำนักในยุโรปรวมทั้งฮีเยโรนีมึส โบส ผู้ที่มีลักษณะการเขียนที่เป็นที่เลื่องลือ, ยัน มาบูซ (Jan Mabuse), มาร์เติน ฟัน เฮมสแกร์ก (Maarten van Heemskerck), ฟรันส์ โฟลริส (Frans Floris) ต่างก็มีบทบาทในการนำแบบการวาดของอิตาลีเข้ามาผสมกับลักษณะการเขียนของตนเอง
นอกจากนั้นจิตรกรดัตช์และเฟลมิชก็ยังมีบทบาทในการริเริ่มหัวข้อการวาดใหม่ เช่น จิตรกรรมภูมิทัศน์ จิตรกรรมชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นงานเขียนของโยอาคิม ปาตีนีร์ (Joachim Patinir) ที่มีบทบาทสำคัญในการวิวัฒนาการการเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์ ขณะเดียวกับที่ปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) และปีเตอร์ อาร์ตเซิน (Pieter Aertsen) ช่วยทำให้จิตรกรรมชีวิตประจำวันเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
วิวัฒนาการ
[แก้]อิทธิพลของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเริ่มปรากฏในจิตรกรรมเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก ราว ค.ศ. 1500 แต่ก็ยังลักษณะการเขียนเดิมอยู่เป็นอันมาก ลัทธิจริตนิยมแบบแอนต์เวิร์ปเป็นคำที่ใช้เรียกจิตรกรที่แสดงอิทธิพลของงานเขียนอิตาลี แต่โดยทั่วไปแล้วยังคงเขียนในลักษณะและหัวเรื่องของจิตรกรสำคัญ ๆ ก่อนหน้านั้นของเนเธอร์แลนด์เอง ฮีเยโรนีมึส โบส เป็นศิลปินที่ไม่เหมือนผู้ใด งานของเขามีลักษณะแปลก เต็มไปด้วยภาพจินตนาการที่นอกกรอบของเหตุผลและยากที่จะตีความหมาย[1] แต่ที่น่าประหลาดใจคือมีลักษณะราวกับเป็นศิลปะสมัยใหม่ที่เขียนเกี่ยวกับโลกของความฝันที่มีความเกี่ยวพันกับศิลปะกอทิกมากกว่าที่จะเป็นลักษณะของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลี แต่ภาพพิมพ์จากเวนิสในช่วงเดียวกันก็มีลักษณะบางส่วนที่คล้ายกับงานของโบส จิตรกรยุคโรมันนิยม (Romanism) เป็นจิตรกรกลุ่มต่อมาที่รับอิทธิพลจากอิตาลีอย่างเต็มที่

หลังจากปี ค.ศ. 1550 จิตรกรดัตช์และเฟลมิชก็เริ่มแสดงความสนใจในความงามธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ลักษณะการเขียนที่รวมปัจจัยบางอย่างของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่ก็เป็นลักษณะที่ต่างจากศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาที่สละสลวยและเบาของอิตาลี [2] และเป็นการปูทางโดยตรงไปสู่งานของจิตรกรเฟลมิชและดัตช์สมัยบาโรกคนสำคัญ ๆ เป็นงานในหัวข้อภูมิทัศน์ ภาพนิ่ง และภาพชีวิตประจำวัน[1].
วิวัฒนาการนี้จะเห็นได้จากงานของโยอาคิม ปาตีนีร์ และปีเตอร์ อาร์ตเซิน แต่จิตรกรที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) ผู้มีชื่อเสียงในการวาดภาพธรรมชาติและชีวิตประจำวัน ผู้เลือกที่จะวาดภาพชาวบ้านแทนที่จะวาดเจ้าขุนมูลนาย
"ภูมิทัศน์และอิคารัสปีกหัก" ที่ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นงานเลียนแบบของเบรอเคิล แม้ว่าจะเป็นงานที่ไม่เหมือนงานของผู้ใดรวมลักษณะการเขียนหลายอย่างของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนเหนือ และเป็นนัยที่แสดงความสนใจใตหัวข้อการวาดของตำนานโบราณ (ตำนานเกี่ยวกับเทพอิคารัส) แต่อิคารัสในภาพนี้ซ่อนอยู่ในฉากหลัง ตัวเอกของภาพคือธรรมชาติและผู้ที่เด่นที่สุดในภาพคือชาวนาผู้ที่มิได้มองขึ้นไปดูเมื่ออิคารัสตกจากฟ้า ซึ่งเป็นลักษณะของการต่อต้านวีรบุรุษ น่าขัน และบางครั้งก็อัปลักษณ์[2]
จิตรกร
[แก้]

- ปีเตอร์ อาร์ตเซิน (Pieter Aertsen)
- ซีโมน เบนิง (Simon Bening)
- ฮีเยโรนีมึส โบส (Hieronymus Bosch)
- ปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) (Pieter Brueghel the Elder)
- ปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้ลูก) (Pieter Brueghel the Younger)
- โยส ฟัน เกลเฟอ (Joos van Cleve)
- ปีเตอร์ ฟัน อาลสต์ (Pieter van Aelst)
- ฮีเยโรนีมึส โกกซ์ (Hieronymus Cockx)
- กอร์แนย์ เดอ ลียง (Corneille de Lyon)
- ฮันส์ อีเวิร์ท (Hans Eworth)
- ฟรันส์ โฟลริส (Frans Floris)
- มาร์เติน ฟัน เฮมสแกร์ก (Maarten van Heemskerck)
- กาเตรีนา ฟัน เฮเมิสเซิน (Catarina van Hemessen)
- ยัน ซันเดิร์ส ฟัน เฮเมิสเซิน (Jan Sanders van Hemessen)
- อาดรียาน อีเซินบรันต์ (Adriaen Isenbrant)
- ยัน มาบูซ (Jan Mabuse)
- อันโตนิส มอร์ (Anthonis Mor)
- ลือกัส ฟัน ไลเดิน (Lucas van Leyden)
- ลัมเบิร์ต โลมบาร์ด (Lambert Lombard)
- กวินเติน มัตไซส์ (Quentin Matsys)
- ยัน โมสตาร์ต (Jan Mostaert)
- แบร์นาร์ด ฟัน ออร์ลีย์ (Bernard van Orley)
- โยอาคิม ปาตีนีร์ (Joachim Patinir)
- ฟรันส์ ปูร์บึส (ผู้พ่อ) (Frans Pourbus the Elder)
- ปีเตอร์ ปูร์บึส (Pieter Pourbus)
- ยัน โปรโฟสต์ (Jan Provoost)
- มารีนึส ฟัน ไรเมอร์สวาเลอ (Marinus van Reymerswaele)
- ยัน ฟัน สโกเริล (Jan van Scorel)
- เลฟีนา เตร์ลิงก์ (Levina Teerlinc)
- ยาโกบ ฟัน อือแตร็คต์ (Jacob van Utrecht)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Janson, H.W. (1997). History of Art (5th, rev. ed.). New York: Harry N. Abrams, Inc. ISBN 0-8109-3442-6.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ 2.0 2.1 Heughebaert, H. (1998). Artistieke opvoeding. Wommelgem, Belgium: Den Gulden Engel bvba. ISBN 90-5035-222-7.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help)