จัสติซ ลีก (ภาพยนตร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก จัสติซลีกพาร์ตวัน)
จัสติซ ลีก
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับแซ็ก สไนเดอร์[N 1]
บทภาพยนตร์
เนื้อเรื่อง
  • คริส เทอร์ริโอ
  • แซ็ก สไนเดอร์
สร้างจากตัวละคร จาก ดีซี
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพเฟเบียน แวกเนอร์
ตัดต่อ
ดนตรีประกอบแดนนี เอลฟ์แมน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเชอส์
วันฉาย13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 (2017-11-13)(โรงละครดอลบี)
17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 (2017-11-17)(สหรัฐ)
ความยาว120 นาที[4]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[5]
ทำเงิน657.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[6]

จัสติซ ลีก (อังกฤษ: Justice League) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวซูเปอร์ฮีโร ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2017 สร้างจากทีมซูเปอร์ฮีโรชื่อเดียวกันของดีซีคอมิกส์ สร้างโดย เรตเพก-ดูนเอนเทอร์เทนเมนต์,[N 2] ดีซีฟิล์มส์, แอตลาสเอนเทอร์เทนเมนต์และครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส์ จัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเชอส์ เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ห้าในจักรวาลขยายดีซี และมีเนื้อเรื่องต่อจาก แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม[7][8][9] กำกับโดย แซ็ก สไนเดอร์ เขียนบทโดย คริส เทอร์ริโอและจอสส์ วีดอน ภาพยนตร์ประกอบด้วยนักแสดงนำจำนวนมาก ได้แก่ เบน แอฟเฟล็ก, เฮนรี แควิลล์, เอมี แอดัมส์, กัล กาด็อท, เอซรา มิลเลอร์, เจสัน โมโมอา, เรย์ ฟิชเชอร์, เจเรมี ไอเอินส์, ไดแอน เลน, คอนนี นีลเซน, เจ. เค. ซิมมอนส์และเคียรัน ไฮส์ ในภาพยนตร์ หลังการเสียชีวิตของซูเปอร์แมน, แบทแมนและวันเดอร์วูแมน ตามหา เดอะแฟลช, อะควาแมนและไซบอร์ก เพื่อกอบกู้โลกจากภัยร้ายของ สเตพเพนวูล์ฟ และกองทัพพาราดีมอนของเขา

วอร์เนอร์บราเธอร์ส เริ่มพัฒนาภาพยนตร์คนแสดงของจัสติซลีกในปี ค.ศ. 2007 โดยมอบหมายให้ จอร์จ มิลเลอร์ เป็นผู้กำกับ แต่โครงการถูกยกเลิกเนื่องจากกระบวนการสร้างภาพยนตร์ที่ล่าช้าและความกังวลด้านงบประมาณ ภาพยนตร์จัสติซลีกเข้าสู่การพัฒนาอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ดีซีในอนาคตของวอร์เนอร์บราเธอร์สในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 โดยมีสไนเดอร์เข้ามาผู้กำกับและเทอร์ริโอเป็นผู้เขียนบท ในตอนแรกภาพยนตร์มีชื่อว่า จัสติซ ลีก ภาค 1 โดยมีภาพยนตร์เรื่องที่สอง (ภายใต้ชื่อ จัสติซ ลีก ภาค 2) ตามมาในปี ค.ศ. 2019 อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ภาคต่อถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการสร้างภาพยนตร์เดี่ยวของแบทแมนที่แสดงนำโดยแอฟเฟล็ก การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนเมษายนถึงตุลาคม ค.ศ. 2016 สไนเดอร์ถอนตัวออกจากภาพยนตร์ หลังการเสียชีวิตของลูกสาวของเขา วีดอนได้รับการว่าจ้างให้ดูแลส่วนที่เหลือหลังการถ่ายทำ ได้แก่ บทภาพยนตร์และกำกับฉากเพิ่มเติม รวมถึงการถ่ายทำใหม่หลายฉากที่เป็นส่วนใหญ่ของภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน ในที่สุด สไนเดอร์ยังคงมีชื่อเป็นผู้กำกับแต่เพียงผู้เดียว จัสติซ ลีก เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างสูงที่สุด ด้วยทุนสร้างประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จัสติซ ลีก ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ลอสแองเจลิสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 และฉายในสหรัฐเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 ภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า 657 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ซึ่งไม่ถึงจุดคุ้มทุนที่ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินล้มเหลวในบ็อกซ์ออฟฟิศ และทำให้วอร์เนอร์บราเธอร์สขาดทุนประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ โดยชมในเรื่องของฉากโลดโผนและการแสดงของนักแสดง แต่ติดในเรื่องของเนื้อเรื่อง, บทภาพยนตร์, จังหวะการดำเนินเรื่อง, ตัวร้าย, มุกตลก, ภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์และการกำกับของวีดอน โทนของภาพยนตร์ทำให้เกิดความเห็นที่แบ่งแยกออกเป็นสองฝั่ง โดยบางส่วนชื่นชมโทนของภาพยนตร์ที่เบาลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ในจักรวาลขยายดีซี แต่อีกส่วนหนึ่งพบว่าภาพยนตร์ไม่มีความสอดคล้องกันและไม่เป็นธรรมชาติ หลังภาพยนตร์ฉาย แฟน ๆ เริ่มผลักดันให้วอร์เนอร์บราเธอร์สปล่อยภาพยนตร์ต้นฉบับของสไนเดอร์ วอร์เนอร์บราเธอร์ส ตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 และปล่อย จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ บน เอชบีโอแม็กซ์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2021

เรื่องย่อ[แก้]

หลายพันปีก่อน Steppenwolf และกองทัพ Parademon ได้พยายามครอบครองโลก ผ่านการผสานพลังของ Mother Box ทั้งสาม แต่ถูกกำราบลงโดยกองทัพฝ่ายโลกซึ่งเป็นการรวมกำลังกันของเหล่าเทพแห่งโอลิมปัส ชาวนักรบแอมะซอน ชาวแอตแลนติส มนุษย์โลก และกองกำลัง Green Lantern Corps หลังจากขับไล่กองทัพของ Steppenwolf ไปได้แล้ว กล่อง Mother Box ก็ถูกแยกออกไปเก็บซ่อนไว้ทั่วโลก

โลกปัจจุบัน เมื่อคนทั้งโลกกำลังเศร้าโศกจากการสูญเสียซูเปอร์แมน ความตายนี้ได้กระตุ้นให้ Mother Box ส่งสัญญาณไปถึง Steppenwolf ด้วยว่าโลกตอนนี้ไร้ผู้ปกป้อง และเป็นโอกาสที่ Steppenwolf จะได้ทำความดีความชอบให้กับ Darkseid ผู้เป็นนาย Steppenwolf จึงวางแผนที่จะใช้พลังของ Mother Box ทั้งสาม เพื่อทำให้เกิดยูนิตี้ เป็นการทำลายระบบนิเวศของโลกลง และเปลี่ยนแปลงดาวเคราะห์โลกใหม่ให้เหมือนดังดาวเคราะห์บ้านเกิดของ Steppenwolf

Steppenwolf ชิงเอา Mother Box มาจากเมือง Themyscira ได้สำเร็จ ราชินี Hippolyta จึงเตือน Diana บุตรสาวว่า Steppenwolf ได้กลับมาแล้ว Diana จึงไปสมทบกับ Bruce Wayne เพื่อช่วยกันตามหาเหล่า metahuman มาร่วมการต่อสู้นี้ โดย Wayne เดินทางไปพบกับ Arthur Curry และ Bary Allen ในขณะที่ Diana ตามหา Victor Stone ทางฝ่าย Wayne นั้นล้มเหลวในการชวน Curry เข้าร่วมกลุ่ม แต่ก็ได้ตัว Allen ซึ่งมีความกระตือรือร้นอย่างมาก เข้ามาร่วมทีม ส่วนทาง Diana แม้จะไม่สามารถชักชวน Stone ให้เข้าร่วมได้ แต่ Stone ก็รับปากจะช่วยตามหาตำแหน่งของภัยคุกคาม หากเขาสามารถหาได้พบ ในเวลาต่อมา Stone ก็เข้าร่วมกับทีม เมื่อ Silas ผู้เป็นพ่อ และเจ้าหน้าที่คนอื่นของ S.T.A.R. Labs ถูก Steppenwolf ลักพาตัวไป เพื่อตามหา Mother Box กล่องที่อยู่กับมนุษย์โลก

นักแสดง[แก้]

นอกจากนี้ยังมีโรบิน วริกท์, จูเลี่ยน ลูวิส โจนส์, โจ มอร์ตัน และบิลลี่ ครูดัพ ที่มารับบทแอนทิโอเป่, ราชาแอตแลน, ไซลาส สโตน และเฮนรี่ แอลลิน ตามลำดับ

จัสติซ ลีก สไนเดอร์คัต[แก้]

การตอบรับที่แตกออกเป็นสองฝั่งของภาพยนตร์ฉบับสุดท้ายของ จัสติซ ลีก มาจากการที่แซ็ก สไนเดอร์ลาออกจากตำแหน่งผู้กำกับ ทำให้ภาพยนตร์ตกอยู่ในมือของ จอสส์ วีดอน ได้นำไปสู่การถกเถียงเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างภาพยนตร์ ซูเปอร์แมน 2 ทั้ง จัสติซ ลีก และ ซูเปอร์แมน 2 มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับด้วยเหตุผลที่ต่างกัน ก่อนภาพยนตร์จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ผู้กำกับคนที่สองที่เข้ามาแทนที่นั้น ทำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อโทนของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง แม้ว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการลาออกของผู้กำกับแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ริชาร์ด ดอนเนอร์ ก็สามารถทำ ซูเปอร์แมน 2 คัต ของเขาให้เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 2005 มีความเชื่อที่ว่าสไนเดอร์นั้นได้ถ่ายทำมากเพียงพอที่จะทำภาพยนตร์ให้เสร็จสมบูรณ์ จึงมีการรณรงค์ "สไนเดอร์คัต" ขึ้นเพื่ออนุญาตให้สไนเดอร์ได้รับการกระทำเหมือนกับดอนเนอร์ มีการถกเถียงกันว่าวิสัยทัศน์ของสไนเดอร์จะเหมือนกับภาพยนตร์ก่อนหน้ามากกว่าภาพยนตร์ จัสติซ ลีก ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งสไนเดอร์ปฏิเสธที่จะดูภาพยนตร์นั้น ในช่วงแรกนั้น วอร์เนอร์บราเธอส์ ไม่พูดถึงความตั้งใจใด ๆ ที่จะสร้าง "สไนเดอร์คัต"

เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 สไนเดอร์ยืนยันว่าภาพยนตร์ฉบับของเขามีอยู่จริง และกล่าวว่าขึ้นอยู่กับวอร์เนอร์บราเธอส์ว่าจะปล่อยมันหรือไม่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน มีคนวงในอ้างว่า วอร์เนอร์บราเธอส์ ไม่น่าจะปล่อย จัสติซ ลีก ของแซ็ก สไนเดอร์ในโรงภาพยนตร์หรือบนเอชบีโอแมกซ์ โดยบอกว่าเป็น "ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ" เมื่อเดือนธันวาคม สไนเดอร์ได้โพสต์ภาพกล่องที่แปะป้ายว่า "Z.S. J.L Director's cut" พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพ "Is it real? Does it exist? Of course it does." (แปล: "ของจริงเหรอ? มันมีอยู่จริงเหรอ? แน่นอนมันมีอยู่จริง") ในบัญชีวีโรของเขา เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 สไนเดอร์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าภาพยนตร์ จัสติซ ลีกของเขาจะปล่อยในเอชบีโอแมกซ์ในปี ค.ศ. 2021 โดยจะใช้ทุนสร้าง 20–30 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อทำเทคนิคพิเศษ, ดนตรีประกอบและการตัดต่อให้เสร็จสมบูรณ์ โดยจะเป็นมินิซีรีส์จำนวนสี่ตอน ตอนละหนึ่งชั่วโมง มีการเปิดเผยว่า เฮนรี แควิลล์, เบน แอฟเฟล็ก, กัล กาด็อต, เจสัน โมมัว, เรย์ ฟิชเชอร์ และ เอซรา มิลเลอร์ จะกลับมาช่วยให้โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยเวอร์ชันนี้จะแตกต่างกับเวอร์ชันเดิมและมีการนำตัวละคร ดาร์กไซด์ ที่ถูกตัดไปมาใส่ในฉบับนี้และมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของ สตีเฟ่นวูลฟ์ โดยจะมีการนำฉากที่ไม่ได้ใช้ในฉบับดั้งเดิมมาใส่ รวมถึงชุดของ ซุปเปอร์แมน ที่เป็นสีดำที่เราจะได้เห็นในเวอร์ชันนี้

หมายเหตุ[แก้]

  1. สไนเดอร์เป็นผู้กำกับระหว่างการถ่ายทำหลัก เขาถูกแทนที่โดย จอสส์ วีดอน ช่วงระหว่างหลังการถ่ายทำ สไนเดอร์ยังคงมีชื่อเป็นผู้กำกับเพราะเขาถ่ายทำภาพยนตร์จนเสร็จ[1] ถึงแม้มีรายงานว่าวีดอนได้มีการถ่ายทำใหม่หลายส่วนซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาพยนตร์[2]
  2. 2.0 2.1 ในการวางจำหน่ายโฮมวิดีโอนั้น เรตเพก-ดูนเอนเทอร์เทนเมนต์ถูกแทนที่ด้วยแอกเซสเอ็นเทอร์เทนเมนต์ (เจ้าของเรตเพกในปัจจุบัน) หลัง เบร็ต แรตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของเรตเพก-ดูน ถูกข้อกล่าวหาในคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ[3]

อ้างอิง[แก้]

  1. Strauss, Bob (November 15, 2017). "Joss Whedon brought 'own flavor' to 'Justice League' after Zack Snyder left". Los Angeles Daily News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 27, 2018. สืบค้นเมื่อ June 27, 2018.
  2. Kit, Borys (May 20, 2020). ""It Will Be an Entirely New Thing": Zack Snyder's $20M-Plus 'Justice League' Cut Plans Revealed". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2020. สืบค้นเมื่อ May 20, 2020.
  3. Chapman, Tom (February 13, 2018). "Justice League: Brett Ratner Credit Replaced For Home Video". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2018. สืบค้นเมื่อ May 22, 2018.
  4. "Justice League [2-D]". British Board of Film Classification. November 7, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 9, 2017. สืบค้นเมื่อ November 9, 2017.
  5. Chitwood, Adam (November 6, 2017). "'Justice League': Warner Bros. CEO Reportedly Mandated a Runtime Under 2 Hours". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2017. สืบค้นเมื่อ November 9, 2017.
  6. "Justice League". Box Office Mojo. IMDb. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2020. สืบค้นเมื่อ January 26, 2021.
  7. Mithaiwala, Mansoor (November 18, 2017). "Do You Need To See Batman V Superman To Understand Justice League?". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2018. สืบค้นเมื่อ May 10, 2018.
  8. Fitch, Adam (August 28, 2017). "Justice League a 'Direct Sequel' to Batman v Superman". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 30, 2018. สืบค้นเมื่อ May 10, 2018.
  9. Villaverde, Noah (August 27, 2017). "How 'Justice League' Serves As A Direct Sequel To 'Batman V Superman'". Heroic Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2018. สืบค้นเมื่อ May 10, 2018.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]