ข้ามไปเนื้อหา

จักรวรรดิเซลจูก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก จักรวรรดิซัลญูก)
มหาจักรวรรดิเซลจูก

1037–1194
จักรวรรดิเซลจูกในสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดใน ค.ศ. 1092 เมื่อสุลต่านแมลิก ชอฮ์ที่ 1 เสด็จสวรรคต[a]
จักรวรรดิเซลจูกในสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดใน ค.ศ. 1092
เมื่อสุลต่านแมลิก ชอฮ์ที่ 1 เสด็จสวรรคต[a]
สถานะจักรวรรดิ
เมืองหลวง
ภาษาทั่วไป
ศาสนา
อิสลามนิกายซุนนี (มัซฮับฮะนะฟี)
การปกครองรัฐบริวารในรัฐเคาะลีฟะฮ์ (โดยนิตินัย)[6]
รัฐสุลต่านอิสระ (โดยพฤตินัย)
เคาะลีฟะฮ์ 
• 1031–1075
อัลกออิม
• 1180–1225
อันนาศิร
สุลต่าน 
• 1037–1063
สุลต่านตูฆรีลที่ 1 (องค์แรก)
• 1174–1194
ทูฆรีลที่ 3 (องค์สุดท้าย)[7]
ประวัติศาสตร์ 
• จัดตั้งโดยทูฆรีล
1037
1040
1071
1095–1099
1141
• จักรวรรดิฆวอแรซม์เข้ามาแทนที่[8]
1194
พื้นที่
ประมาณ ค.ศ. 1080[9][10]3,900,000 ตารางกิโลเมตร (1,500,000 ตารางไมล์)
ก่อนหน้า
ถัดไป
Oghuz Yabgu State
แฆซแนวีด
ราชวงศ์บูยิด
จักรวรรดิไบแซนไทน์
คอคูยิด
รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์
รัฐข่านคารา-ข่าน
Marwanids
Rawadids
รัฐสุลต่านรูม
เบย์ลิกอานาโตเลีย
ราชวงศ์ฆูริด
จักรวรรดิฆวอแรซม์
Atabegs of Azerbaijan
Salghurids
Bavandids
ราชวงศ์อัยยูบี
ราชวงศ์บูริด
ราชวงศ์เซนกิด
ดอนิชเมนด์
Artuqid dynasty
Shah-Armens
Shaddadids
รัฐสุลต่านเซลจูกเคร์มอน
ราชอาณาจักรไซปรัส
จักรวรรดิไบแซนไทน์

มหาจักรวรรดิเซลจูก (อังกฤษ: Great Seljuk Empire) เป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่สำคัญในประวัติศาสตร์โลกอิสลามช่วงยุคกลาง ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านตูฆริลที่ 1 ชาวเติร์กชนเผ่าโอกูซ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมอำนาจของชนเผ่าเติร์กในเอเชียกลางและเปอร์เซียในคริสต์ศตวรรษที่ 11

จักรวรรดิเซลจูกมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่เอเชียกลาง เปอร์เซีย และลงไปถึงอานาโตเลีย (เอเชียน้อย) รวมทั้งอิรักและซีเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการเมืองของโลกมุสลิมในยุคนั้น โดยจักรวรรดิแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องและขยายขอบเขตของอิสลามสุนนี รวมถึงการขับไล่อำนาจชีอะห์และอาณาจักรอื่นๆ ที่แข่งขันกันในภูมิภาค

ในด้านการปกครอง จักรวรรดิเซลจูกผสมผสานระบบราชการเปอร์เซียเข้ากับวัฒนธรรมเติร์ก ทำให้เกิดระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพ โดยมีตำแหน่ง “เวซิร” (vizier) เป็นผู้ช่วยบริหารสูงสุด คล้ายกับนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน[11] นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนศาสนาอิสลามซุนนีอย่างเข้มแข็ง ด้วยการก่อตั้งมาดราซะฮ์ (ศาสนวิชชาลัยอิสลาม) และมัสยิดในหลายเมือง ซึ่งทำให้การศึกษาและศาสนาเติบโตอย่างกว้างขวาง

จักรวรรดิเซลจูกยังมีชื่อเสียงในด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานศิลปะแบบเปอร์เซียและเติร์กเข้าด้วยกัน สร้างผลงานที่มีความงดงามและมีอิทธิพลต่อยุคต่อมา เช่น การสร้างมัสยิดใหญ่ในเมืองอิสฟาฮาน[12] จักรวรรดินี้เจริญรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 11 ถึงต้นศตวรรษที่ 12 ก่อนจะเสื่อมอำนาจและแตกแยกลงในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 แต่ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมและการเมืองที่สำคัญไว้ในประวัติศาสตร์อิสลามและตะวันออกกลางอย่างยาวนาน

ประวัติ

[แก้]

ก่อตั้งราชวงศ์

[แก้]

ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซลจูกคือขุนศึกชาวเติร์กโอคุซนามเซลจูก เขามีชื่อเสียงจากการรับใช้ในกองทัพคาซาร์ พวกเซลจูกอพยพไปที่ฆวอแรซม์ ใกล้กับเมืองJend โดยพวกเขาเข้ารับอิสลามใน ค.ศ. 985[13] ฆวอแรซม์ในเวลานั้นอยู่ในการควบคุมของ Ma'munids แห่งจักรวรรดิซอมอนีด[14] ใน ค.ศ. 999 จักรวรรดิซอมอนีดตกอยู่ใต้อำนาจของรัฐข่านคารา-ข่านแห่งทรานโซเซียนา แต่พวก Ghaznavids ครอบครองดินแดนทางใต้ของ Oxus[15] พวกเซลจูกจึงมีส่วนร่วม โดยสนับสนุนเอมีร์ซอมอนีดองค์สุดท้าย ก่อนที่จะจัดตั้งฐานอำนาจอิสระของตนเอง[16]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. สีอ่อนข้างบนขวาคือรัฐข่านคารา-ข่าน รัฐบริวาร

เชิงอรรถ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Savory, R. M., บ.ก. (1976). Introduction to Islamic Civilisation. Cambridge University Press. p. 82. ISBN 978-0-521-20777-5.
  2. Black, Edwin (2004). Banking on Baghdad: Inside Iraq's 7,000-year History of War, Profit and Conflict. John Wiley and Sons. p. 38. ISBN 978-0-471-67186-2.
  3. 3.0 3.1 3.2 C.E. Bosworth, "Turkish Expansion towards the west" in UNESCO History of Humanity, Volume IV, titled "From the Seventh to the Sixteenth Century", UNESCO Publishing / Routledge, p. 391: "While the Arabic language retained its primacy in such spheres as law, theology and science, the culture of the Seljuk court and secular literature within the sultanate became largely Persianized; this is seen in the early adoption of Persian epic names by the Seljuk rulers (Qubād, Kay Khusraw and so on) and in the use of Persian as a literary language (Turkish must have been essentially a vehicle for everyday speech at this time)."
  4. Stokes 2008, p. 615.
  5. Concise Encyclopedia of Languages of the World, Ed. Keith Brown, Sarah Ogilvie, (Elsevier Ltd., 2009), 1110; "Oghuz Turkic is first represented by Old Anatolian Turkish which was a subordinate written medium until the end of the Seljuk rule."
  6. Holt, Peter M. (1984). "Some Observations on the 'Abbāsid Caliphate of Cairo". Bulletin of the School of Oriental and African Studies. University of London. 47 (3): 501–507. doi:10.1017/s0041977x00113710. S2CID 161092185.
  7. Grousset, Rene, The Empire of the Steppes, (New Brunswick: Rutgers University Press, 1988), 167.
  8. Grousset, Rene (1988). The Empire of the Steppes. New Brunswick: Rutgers University Press. pp. 159, 161. ISBN 978-0-8135-0627-2. In 1194, Togrul III would succumb to the onslaught of the Khwarizmian Turks, who were destined at last to succeed the Seljuks to the empire of the Middle East.
  9. Turchin, Peter; Adams, Jonathan M.; Hall, Thomas D. (December 2006). "East-West Orientation of Historical Empires". Journal of World-Systems Research. 12 (2): 223. ISSN 1076-156X. สืบค้นเมื่อ 13 September 2016.
  10. Rein Taagepera (September 1997). "Expansion and Contraction Patterns of Large Polities: Context for Russia". International Studies Quarterly. 41 (3): 496. doi:10.1111/0020-8833.00053. JSTOR 2600793.
  11. Lambton, A.K.S. Continuity and Change in Medieval Persia, SUNY Press, 1988.
  12. Kennedy, Hugh. The Prophet and the Age of the Caliphates, Routledge, 2004.
  13. Peacock 2015, p. 25.
  14. Peacock 2015, p. 26.
  15. Frye 1975, p. 159.
  16. Peacock 2015, p. 27.