จักรวรรดิเซลจูก
มหาจักรวรรดิเซลจูก | |
---|---|
1037–1194 | |
![]() | |
สถานะ | จักรวรรดิ |
เมืองหลวง | |
ภาษาทั่วไป | |
ศาสนา | อิสลามนิกายซุนนี (มัซฮับฮะนะฟี) |
การปกครอง | รัฐบริวารในรัฐเคาะลีฟะฮ์ (โดยนิตินัย)[6] รัฐสุลต่านอิสระ (โดยพฤตินัย) |
เคาะลีฟะฮ์ | |
• 1031–1075 | อัลกออิม |
• 1180–1225 | อันนาศิร |
สุลต่าน | |
• 1037–1063 | สุลต่านตูฆรีลที่ 1 (องค์แรก) |
• 1174–1194 | ทูฆรีลที่ 3 (องค์สุดท้าย)[7] |
ประวัติศาสตร์ | |
• จัดตั้งโดยทูฆรีล | 1037 |
1040 | |
1071 | |
1095–1099 | |
1141 | |
• จักรวรรดิฆวอแรซม์เข้ามาแทนที่[8] | 1194 |
พื้นที่ | |
ประมาณ ค.ศ. 1080[9][10] | 3,900,000 ตารางกิโลเมตร (1,500,000 ตารางไมล์) |
![]() |
ประวัติศาสตร์อิหร่านแผ่นดินใหญ่ |
---|
มหาจักรวรรดิเซลจูก (อังกฤษ: Great Seljuk Empire) เป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่สำคัญในประวัติศาสตร์โลกอิสลามช่วงยุคกลาง ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านตูฆริลที่ 1 ชาวเติร์กชนเผ่าโอกูซ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมอำนาจของชนเผ่าเติร์กในเอเชียกลางและเปอร์เซียในคริสต์ศตวรรษที่ 11
จักรวรรดิเซลจูกมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่เอเชียกลาง เปอร์เซีย และลงไปถึงอานาโตเลีย (เอเชียน้อย) รวมทั้งอิรักและซีเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการเมืองของโลกมุสลิมในยุคนั้น โดยจักรวรรดิแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องและขยายขอบเขตของอิสลามสุนนี รวมถึงการขับไล่อำนาจชีอะห์และอาณาจักรอื่นๆ ที่แข่งขันกันในภูมิภาค
ในด้านการปกครอง จักรวรรดิเซลจูกผสมผสานระบบราชการเปอร์เซียเข้ากับวัฒนธรรมเติร์ก ทำให้เกิดระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพ โดยมีตำแหน่ง “เวซิร” (vizier) เป็นผู้ช่วยบริหารสูงสุด คล้ายกับนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน[11] นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนศาสนาอิสลามซุนนีอย่างเข้มแข็ง ด้วยการก่อตั้งมาดราซะฮ์ (ศาสนวิชชาลัยอิสลาม) และมัสยิดในหลายเมือง ซึ่งทำให้การศึกษาและศาสนาเติบโตอย่างกว้างขวาง
จักรวรรดิเซลจูกยังมีชื่อเสียงในด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานศิลปะแบบเปอร์เซียและเติร์กเข้าด้วยกัน สร้างผลงานที่มีความงดงามและมีอิทธิพลต่อยุคต่อมา เช่น การสร้างมัสยิดใหญ่ในเมืองอิสฟาฮาน[12] จักรวรรดินี้เจริญรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 11 ถึงต้นศตวรรษที่ 12 ก่อนจะเสื่อมอำนาจและแตกแยกลงในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 แต่ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมและการเมืองที่สำคัญไว้ในประวัติศาสตร์อิสลามและตะวันออกกลางอย่างยาวนาน
ประวัติ
[แก้]ก่อตั้งราชวงศ์
[แก้]ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซลจูกคือขุนศึกชาวเติร์กโอคุซนามเซลจูก เขามีชื่อเสียงจากการรับใช้ในกองทัพคาซาร์ พวกเซลจูกอพยพไปที่ฆวอแรซม์ ใกล้กับเมืองJend โดยพวกเขาเข้ารับอิสลามใน ค.ศ. 985[13] ฆวอแรซม์ในเวลานั้นอยู่ในการควบคุมของ Ma'munids แห่งจักรวรรดิซอมอนีด[14] ใน ค.ศ. 999 จักรวรรดิซอมอนีดตกอยู่ใต้อำนาจของรัฐข่านคารา-ข่านแห่งทรานโซเซียนา แต่พวก Ghaznavids ครอบครองดินแดนทางใต้ของ Oxus[15] พวกเซลจูกจึงมีส่วนร่วม โดยสนับสนุนเอมีร์ซอมอนีดองค์สุดท้าย ก่อนที่จะจัดตั้งฐานอำนาจอิสระของตนเอง[16]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ สีอ่อนข้างบนขวาคือรัฐข่านคารา-ข่าน รัฐบริวาร
เชิงอรรถ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Savory, R. M., บ.ก. (1976). Introduction to Islamic Civilisation. Cambridge University Press. p. 82. ISBN 978-0-521-20777-5.
- ↑ Black, Edwin (2004). Banking on Baghdad: Inside Iraq's 7,000-year History of War, Profit and Conflict. John Wiley and Sons. p. 38. ISBN 978-0-471-67186-2.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 C.E. Bosworth, "Turkish Expansion towards the west" in UNESCO History of Humanity, Volume IV, titled "From the Seventh to the Sixteenth Century", UNESCO Publishing / Routledge, p. 391: "While the Arabic language retained its primacy in such spheres as law, theology and science, the culture of the Seljuk court and secular literature within the sultanate became largely Persianized; this is seen in the early adoption of Persian epic names by the Seljuk rulers (Qubād, Kay Khusraw and so on) and in the use of Persian as a literary language (Turkish must have been essentially a vehicle for everyday speech at this time)."
- ↑ Stokes 2008, p. 615.
- ↑ Concise Encyclopedia of Languages of the World, Ed. Keith Brown, Sarah Ogilvie, (Elsevier Ltd., 2009), 1110; "Oghuz Turkic is first represented by Old Anatolian Turkish which was a subordinate written medium until the end of the Seljuk rule."
- ↑ Holt, Peter M. (1984). "Some Observations on the 'Abbāsid Caliphate of Cairo". Bulletin of the School of Oriental and African Studies. University of London. 47 (3): 501–507. doi:10.1017/s0041977x00113710. S2CID 161092185.
- ↑ Grousset, Rene, The Empire of the Steppes, (New Brunswick: Rutgers University Press, 1988), 167.
- ↑ Grousset, Rene (1988). The Empire of the Steppes. New Brunswick: Rutgers University Press. pp. 159, 161. ISBN 978-0-8135-0627-2.
In 1194, Togrul III would succumb to the onslaught of the Khwarizmian Turks, who were destined at last to succeed the Seljuks to the empire of the Middle East.
- ↑ Turchin, Peter; Adams, Jonathan M.; Hall, Thomas D. (December 2006). "East-West Orientation of Historical Empires". Journal of World-Systems Research. 12 (2): 223. ISSN 1076-156X. สืบค้นเมื่อ 13 September 2016.
- ↑ Rein Taagepera (September 1997). "Expansion and Contraction Patterns of Large Polities: Context for Russia". International Studies Quarterly. 41 (3): 496. doi:10.1111/0020-8833.00053. JSTOR 2600793.
- ↑ Lambton, A.K.S. Continuity and Change in Medieval Persia, SUNY Press, 1988.
- ↑ Kennedy, Hugh. The Prophet and the Age of the Caliphates, Routledge, 2004.
- ↑ Peacock 2015, p. 25.
- ↑ Peacock 2015, p. 26.
- ↑ Frye 1975, p. 159.
- ↑ Peacock 2015, p. 27.