ค่าง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ค่าง
ค่างห้าสี (Pygathrix nemaeus) ค่างที่ได้ชื่อว่ามีสีสวยที่สุดในโลก
ลูกของค่างเทา (Trachypithecus cristata) ที่มีขนสีทอง
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Primates
วงศ์ใหญ่: Cercopithecoidea
วงศ์: Cercopithecidae
วงศ์ย่อย: Colobinae
Jerdon, 1867
สกุล

ค่าง (อังกฤษ: Langur, Leaf Monkey) ชื่อสามัญของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับวานร โดยจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Colobinae ในวงศ์ลิงโลกเก่า (Cercopithecidae)

ลักษณะ[แก้]

ค่างมีลักษณะที่แตกต่างไปจากลิงในวงศ์อื่น ๆ คือ มีรูปร่างที่เพรียวบางกว่า ขาทั้ง 4 ข้างเรียวยาวกว่า แต่มีนิ้วโป้งสั้นกว่า มีหางที่ยาวกว่า รวมถึงขนที่ยาวกว่าด้วย นอกจากนั้นแล้ว ระบบย่อยอาหารของค่างนั้นจะไม่เหมือนกับลิง กล่าวคือ กระเพาะของค่างจะสามารถย่อยอาหารได้ดีเพียงแค่พืชเท่านั้น ไม่เหมือนกับของลิงซึ่งสามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้ด้วย ดังนั้นค่างจึงกินอาหารจำพวกพืชเป็นหลัก โดยได้แก่ ใบไม้, ยอดต้นไม้ หรือผลไม้ และอาจจะกินแมลงเป็นเพียงอาหารเสริมเท่านั้น

การจำแนกและการกระจายพันธุ์[แก้]

ค่างมีทั้งหมด 58 ชนิด ใน 10 สกุล พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่ภูมิภาคเอเชียใต้, ตอนใต้ของจีน และเอเชียอาคเนย์ และพบในทวีปแอฟริกา 3 สกุล คือ สกุล Colobus, Piliocolobus, และ Procolobus โดยค่างที่อยู่ในสกุล Trachypithecus ลูกที่เกิดใหม่จะมีขนสีเหลืองทองทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน และจะเปลี่ยนสีขนคล้ายกับตัวเต็มวัยเมื่ออายุได้ 6 เดือน ส่วนในสกุล Presbytis ลูกที่เกิดใหม่จะมีสีออกขาวและมีสีดำพาดที่หลัง

ค่างมีพฤติกรรมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง อาศัยและหากินอยู่ตามต้นไม้หรือหน้าผาสูง มักหากินในเวลากลางวันจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ นานครั้งจึงจะค่อยลงมายังพื้นดิน

ค่างที่ได้ชื่อว่าเป็นค่างที่สวยที่สุดในโลก คือ ค่างห้าสี (Pygathrix nemaeus)[1] ซึ่งเป็นค่างในสกุล Pygathrix พบได้เฉพาะพรมแดนระหว่างลาวและเวียดนามเท่านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีค่างชนิดใกล้เคียงกันอีก 2 ชนิด คือ ค่างสี่สี (P. cinerea) และ ค่างสามสี (P. nigripes) ซึ่งมีความแตกต่างกันของสีขนบริเวณหน้าแข้งและขาหน้า

สำหรับในประเทศไทยพบค่างทั้งหมด 4 ชนิด ใน 2 สกุล ได้แก่ ค่างแว่นถิ่นเหนือ (Trachypithecus phayrei), ค่างแว่นถิ่นใต้ (T. obscura), ค่างเทาหรือค่างหงอก (T. cristata) และค่างดำมลายูหรือค่างดำสุมาตรา (Presbytis melalophos)[2]

สถานะและความเชื่อ[แก้]

สถานะของค่างในธรรมชาติ ปัจจุบันนับว่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤตแล้วในหลายชนิด เช่น ค่างกระหม่อมขาว (Trachypithecus poliocephalus) ซึ่งพบเป็นกลุ่มของของค่างหัวมงกุฎ (T. francoisi) ซึ่งพบได้เพียงบนเขาหินปูนบนเกาะก๊าทบ่า ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ในอ่าวตังเกี๋ยเท่านั้น จำนวนประชากรที่สำรวจล่าสุดพบเหลือเพียงแค่ 59 ตัวเท่านั้น และจัดเป็น 1 ใน 10 ชนิดของสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วอย่างที่สุดของโลก[3] มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ยังมีจำนวนประชากรเหลือมากอยู่ เช่น ค่างแว่นถิ่นใต้ เป็นต้น

ค่าง ในความเชื่อของคนไทย เชื่อว่า เลือดและอวัยวะหลายส่วนของค่างเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี โดยจะใช้ละลายดื่มกับสุรา และคนจีนก็มีความเชื่อว่า นิ่วของค่างสามารถปรุงเป็นยาได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด[4][5] นอกจากนี้แล้วยังเชื่อด้วยว่า ผีกองกอย ซึ่งเป็นผีป่าที่เชื่อกันว่า จะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของผู้ที่สัญจรในป่าในเวลานอนหลับ มีรูปร่างคล้ายลิง ก็คือ ค่างที่แก่และไม่สามารถขึ้นต้นไม้ได้นั่นเอง ซึ่งค่างเหล่านี้มักมีร่างกายที่อ้วนแผละและมีเขี้ยวโง้งออกจากปากเห็นได้ชัดเจน ทำให้มีหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัว [6]

อ้างอิง[แก้]

  1. [ลิงก์เสีย] สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้ลูกค่างห้าสีต้อนรับปิดเทอม จากผู้จัดการออนไลน์
  2. มารู้จักค่าง (langur) กันดีไหม ?
  3. เหลือเพียง 59 ตัว หนึ่งใน 10 ชนิดหายากที่สุดในโลก จากผู้จัดการออนไลน์[ลิงก์เสีย]
  4. "เรื่องทั่วไป: สัตวแพทย์เตือน!! "ค่าง" ไม่ใช่ยา ชี้เสี่ยงพยาธิ-ไวรัส-ท้องร่วง อันตรายถึงชีวิต!!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-04. สืบค้นเมื่อ 2010-04-18.
  5. หน้า 173, สัตว์สวยป่างาม (สิงหาคม, 2518) โดย ชมรมนิเวศวิทยามหาวิทยาลัยมหิดล
  6. ผีกองกอย[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]