คาสเซิลวาเนีย: ซิมโฟนีออฟเดอะไนท์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คาสเซิลวาเนีย: ซิมโฟนีออฟเดอะไนท์
ผู้พัฒนาโคนามิคอมพิวเตอร์เอนเตอร์เทนเมนต์โตเกียว
ผู้จัดจำหน่ายโคนามิ
กำกับโทรุ ฮางิฮาระ
อำนวยการผลิตโทรุ ฮางิฮาระ
โปรแกรมเมอร์
  • โทรุ ฮางิฮาระ
  • โคจิ อิการาชิ
ศิลปิน
เขียนบท
  • โคจิ อิการาชิ
  • โทชิฮารุ ฟูรูคาวะ
แต่งเพลงมิชิรุ ยามาเนะ
ชุดคาสเซิลวาเนีย
เครื่องเล่น
วางจำหน่าย
20 มีนาคม 1997
  • เพลย์สเตชัน
    • JP: 20 มีนาคม 1997
    • NA: 2 ตุลาคม 1997
    • PAL: 1 พฤศจิกายน 1997
    เซกา แซตเทิร์น
    • JP: 25 มิถุนายน 1998
    เอกซ์บอกซ์ 360
    • ทั่วโลก: 21 มีนาคม 2007
    เพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล
    • NA: 23 ตุลาคม 2007
    • JP: 8 พฤศจิกายน 2007
    • EU: 18 กุมภาพันธ์ 2008
    เพลย์สเตชัน 4
    • ทั่วโลก: 26 ตุลาคม 2018
    แอนดรอยด์, ไอโอเอส
    • ทั่วโลก: 4 มีนาคม 2020
แนวแอ็กชันเล่นตามบทบาท, แพลตฟอร์มผจญภัย (เมทรอยด์วาเนีย)
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว

คาสเซิลวาเนีย: ซิมโฟนีออฟเดอะไนท์ (อังกฤษ: Castlevania: Symphony of the Night[a][2]) เป็นวิดีโอเกมแนวแอ็กชันเล่นตามบทบาท พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยโคนามิ สำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน[3] กำกับและอำนวยการสร้างโดยโทรุ ฮากิฮาระ โดยมีโคจิ อิการาชิทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ตัวเกมเป็นภาคต่อโดยตรงของเกม คาสเซิลวาเนีย: รอนโดออฟบลัด ที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีต่อมา โดยมีอลูคาร์ด ลูกชายของแดรกคูลา (กลับมาจากเกม คาสเซิลวาเนีย III แดรกคูลาส์เคิร์ส) เป็นตัวเอก ซึ่งลุกขึ้นจากการหลับใหลเพื่อสำรวจปราสาทของแดรกคูลา ซึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ริกเตอร์ เบลมอนต์หายตัวไป[4] การออกแบบเกมนี้ถือเป็นการแยกจากการออกแบบเกมก่อนหน้าในชุดเกม ทั้งการนำเสนออีกครั้ง การสำรวจ การออกแบบระดับเกมที่ไม่เป็นเส้นตรง และองค์ประกอบการเล่นตามบทบาทที่ทดลองครั้งแรกในเกม คาสเซิลวาเนีย II: ไซมอนส์เควสต์[5]

เมื่อ คาสเซิลวาเนีย: ซิมโฟนีออฟเดอะไนท์ วางจำหน่าย ตัวเกมทำยอดขายได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ตัวเกมค่อย ๆ ทำยอดขายได้จากการบอกแบบปากต่อปากและกลายเป็นเกมยอดฮิต และพัฒนาจนกลายเป็นการตามเกินพิสัยและทำยอดขายได้มากกว่า 700,000 ชุดในสหรัฐและญี่ปุ่น ตัวเกมได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง และถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล โดยยกย่องถึงนวัตกรรมรูปแบบการเล่น บรรยากาศ ภาพ และเพลงประกอบ นอกจากนี้ตัวเกมยังถือเป็นผู้บุกเบิกประเภทเกมแนวเมทรอยด์วาเนีย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเกมแอคชันผจญภัยตามการสำรวจมากมาย คาสเซิลวาเนีย: ซิมโฟนีออฟเดอะไนท์ จะมีผลกระทบยาวนานต่อชุดเกม คาสเซิลวาเนีย โดยมีเกมสายหลักที่ตามมาอีกมากมายที่ใช้รูปแบบการเล่นนี้

หมายเหตุ[แก้]

  1. หรือรู้จักในชื่อญี่ปุ่นในชื่อ Demon Castle Dracula X: Nocturne in the Moonlight (ญี่ปุ่น: Akumajō Dracula X: Gekka no Yasōkyokuโรมาจิ悪魔城ドラキュラX 月下の夜想曲ทับศัพท์: Akumajō Dorakyura Ekkusu: Gekka no Yasōkyoku)[1]

อ้างอิง[แก้]

  1. Konami (2010-08-04). Castlevania: Harmony of Despair. Konami. Japanese: 歴代の「悪魔城ドラキュラ」シリーズから選ばれた登場キャラクターを操作して、仲間たちと悪魔城に乗り込み、宿敵ドラキュラ伯爵に立ち向かおう。 English translation: Take control of past protagonists from the Castlevania series to brave the Demon Castle alongside friends and defeat the ancient enemy Count Dracula.
  2. Konami Computer Entertainment Tokyo (20 March 1997). Akumajō Dracula X: Gekka no Yasōkyoku. Konami Co., Ltd. Scene: staff credits.
  3. "悪魔城ドラキュラX 〜月下の夜想曲〜 [PS] / ファミ通.com". Famitsu. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-01. สืบค้นเมื่อ 2018-07-24.
  4. Bozon, Mark (January 18, 2008). "Castlevania: The Retrospective – Page 4". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2011. สืบค้นเมื่อ September 4, 2010.
  5. Tieryas, Peter. "The Castlevania Game That Changed Everything". Kotaku (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-15. สืบค้นเมื่อ 2021-02-04.