ความสัมพันธ์ไทย–มาเลเซีย
![]() | |
![]() มาเลเซีย |
![]() ไทย |
ความสัมพันธ์ไทย–มาเลเซีย (มลายู: Hubungan Malaysia–Thailand / هوبوڠن مليسيا–تايلاند) สื่อถึงความสัมพันธ์ทางการทูตแบบทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ประเทศไทยมีสถานเอกอัครราชทูตในกัวลาลัมเปอร์และสถานกงสุลใหญ่ในจอร์จทาวน์และโกตาบารู[1] ส่วนประเทศมาเลเซียมีสถานเอกอัครราชทูตในกรุงเทพมหานคร[2]
ไทยและมาเลเซียมักมักร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดน เช่น การค้าและการลงทุน ความมั่นคงและการป้องกัน การศึกษาและการฝึกอาชีพ เยาวชนและกีฬา การท่องเที่ยว ความเชื่อมโยงและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม[3][4][5] เนื่องจากปัญหากลุ่มแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองบางคนในประเทศไทยกล่าวอ้างอย่างเปิดเผยว่าบางพรรคในมาเลเซียสนใจสาเหตุของฝ่ายตรงข้ามในสงคราม ซึ่งรัฐบาลชุดหลังโต้แย้งอย่างรุนแรง เนื่องจากมาเลเซียได้ให้ความช่วยเหลือในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน[6][7]

เปรียบเทียบประเทศ[แก้]
![]() |
![]() | |
---|---|---|
ตราแผ่นดิน | ![]() |
![]() |
ธง | ![]() |
![]() |
ประชากร | 67,959,000 คน | 31,360,000 คน |
พื้นที่ | 513,120 ตารางกิโลเมตร (198,120 ตารางไมล์) | 330,803 ตารางกิโลเมตร (127,724 ตารางไมล์) |
ความหนาแน่นประชากร | 132 ต่อตารางกิโลเมตร (340 ต่อตารางไมล์) | 92 ต่อตารางกิโลเมตร (240 ต่อตารางไมล์) |
เขตเวลา | 1 | 1 |
เมืองหลวง | กรุงเทพมหานคร | ปูตราจายา (การบริหารและตุลาการ) กัวลาลัมเปอร์ (พิธีการและนิติบัญญัติ) |
เมืองใหญ่สุด | กรุงเทพมหานคร – 8,280,925 คน | กัวลาลัมเปอร์ – 1,768,000 คน |
รัฐบาล | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ | สหพันธรัฐ ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยเลือกตั้ง |
ก่อตั้ง | 6 เมษายน ค.ศ. 1782 (ก่อตั้งอาณาจักรรัตนโกสินทร์) 10 ธันวาคม ค.ศ. 1932 (จัดตั้งระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) |
31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 (เป็นเอกราชจากจักรวรรดิบริติช จัดตั้งสหพันธรัฐมาลายา) 16 กันยายน ค.ศ. 1963 (คำประกาศมาเลเซีย) |
รัฐสืบทอด | ราชอาณาจักรสมัยกลาง (1238–1782)![]() ![]() ![]() ราชอาณาจักรสมัยใหม่ (1782–ปัจจุบัน) ![]()
|
สมัยอาณานิคมโปรตุเกส (1511–1641)![]() สมัยอาณานิคมดัตช์ (1641–1825) ![]() สมัยอาณานิคมอังกฤษ (1771–1946) ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สมัยญี่ปุ่นยึดครอง (1942–1945) ![]() ![]() ![]() สมัยทหารชั่วคราว (1945–1946) ![]() ![]() สมัยรัฐบาลปกครองตนเอง (1946–1963) ![]() ![]() ![]() ![]() สมัยสหพันธรัฐ (1963–ปัจจุบัน) ![]() |
ผู้นำคนแรก | พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (อดีต) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (โดยนิตินัย) |
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุล ระห์มัน (กษัตริย์) ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (นายกรัฐมนตรี) |
ประมุขแห่งรัฐ | ![]() |
![]() |
หัวหน้ารัฐบาล | ![]() |
นายกรัฐมนตรี: อันวาร์ อิบราฮิม |
รองหัวหน้า | รองนายกรัฐมนตรี: ปานปรีย์ พหิทธานุกร | ไม่มี |
ฝ่ายนิติบัญญัติ | รัฐสภา (ระบบสองสภา) | รัฐสภา (ระบบสองสภา) |
สภาสูง | วุฒิสภา | วุฒิสภา ประธาน: เอส. วิกเนสวรัน |
สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร | สภาผู้แทนราษฎร ประธาน: โมฮามัด อาริฟฟ์ มัด ยูซฟ |
ตุลาการ | ศาลฎีกา ประธานศาล: อโนชา ชีวิตโสภณ |
ศาลสูงสุด ประธานศาล: เติงกู ไมมุน ตวน มัต |
ภาษาประจำชาติ | ไทย | มาเลเซีย |
จีดีพี (เฉลี่ย) | 1.152 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (16,706 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว) | 800,169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (25,833 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว) |
ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Royal Thai Embassy, Kuala Lumpur". Royal Thai Embassy, Malaysia. สืบค้นเมื่อ 18 April 2017.
● "Royal Thai Consulate-General, Penang, Malaysia". Royal Thai Embassy, Malaysia. สืบค้นเมื่อ 18 April 2017.
● "Royal Thai Consulate-General, Kota Bharu". Royal Thai Embassy, Malaysia. สืบค้นเมื่อ 18 April 2017. - ↑ "Official Website of Embassy of Malaysia, Bangkok". Ministry of Foreign Affairs, Malaysia. สืบค้นเมื่อ 18 April 2017.
- ↑ "Anifah will host his Thai counterpart". Bernama. New Straits Times. 7 ตุลาคม 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 ตุลาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2012.
- ↑ Vichada Pabunjerkit (14 September 2015). "Malaysia-Thai Trade Relations". BFM 89.9. สืบค้นเมื่อ 13 December 2017.
- ↑ Sarika Dubey (5 October 2017). "Malaysia-Thailand Trade and Economic Relations". ASEAN Briefing. สืบค้นเมื่อ 13 December 2017.
- ↑ Rohan Gunaratna; Arabinda Acharya (2013). The Terrorist Threat from Thailand: Jihad Or Quest for Justice?. Potomac Books, Inc. pp. 53–. ISBN 978-1-59797-582-7.
- ↑ Chanintira na Thalang (26 January 2017). "Malaysia's role in two South-East Asian insurgencies: 'an honest broker'?". Australian Journal of International Affairs. 71 (4): 389–404. doi:10.1080/10357718.2016.1269147.