ความสว่างของโลก

"ความสว่างของโลก" (อังกฤษ: Light of the World ;กรีก: φώς τοῦ κόσμου Phṓs tou kósmou) เป็นวลีที่พระเยซูทรงใช้กล่าวถึงพระองค์เองและสาวกของพระองค์ในพันธสัญญาใหม่[1] วลีนี้ถูกบันทึกในพระวรสารนักบุญมัทธิว (5:14–16) และพระวรสารนักบุญยอห์น (8:12) มีความเกี่ยวข้องอย่างใกลชิดกับอุปมาเรื่องเกลือและความสว่างและตะเกียงใต้ถังซึ่งก็ปรากฏในคำเทศนาบนภูเขาของพระเยซู
บันทึกในพระวรสาร
[แก้]
การทรงกล่าวถึงพระองค์เอง
[แก้]ในยอห์น 8:12 พระเยซูทรงใช้วลี "ความสว่างของโลก" ในการกล่าวถึงพระองค์เองระหว่างตรัสโต้ตอบกับพวกยิว โดยพระองค์ตรัสว่า:[1]
เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต
พระเยซูทรงอ้างเรื่องพระองค์ทรงเป็นความสว่างของโลกอีกครั้งในยอห์น 9:5 ระหว่างการอัศจรรย์เรื่องการทรงรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด โดยตรัสว่า: [2]
- ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นความสว่างของโลก
เหตุการณ์นี้นำไปสู่ยอห์น 9:39 เมื่อพระเยซูทรงอธิบายเป็นนับว่าพระองค์เสด็จมาในโลกนี้เพื่อทำให้คนตาบอดมองเห็นได้[2]
ในบริบททางคริสตวิทยา การใช้วลีเรียกว่าความสว่างของโลกมีความคล้ายคลึงกับวลีเรียกว่าอาหารแห่งชีวิตในยอห์น 6:35 ซึ่งพระเยซูตรัสว่า "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย"[3] ข้อยืนยันเหล่านี้สร้างจากแก่นทางคริสตวิทยาของยอห์น 5:26 เมื่อพระเยซูทรงอ้างพระองค์ทรงครอบครองชีวิตเช่นเดียวกับพระบิดา และทรงมอบชีวิตนั้นให้กับเหล่าผู้ที่ติดตามพระองค์[3][4] วลีว่า "ความสว่างของโลก" นั้นพระองค์ทรงใช้กล่าวถึงพระองค์เองในทางเดียวกันกับในยอห์น 6:51 [2]
ความสว่างได้รับการกำหนดให้เป็นชีวิต ดังที่ระบุในยอห์น 1:4 "พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์" ผู้ที่มีความเชื่อผ่านทางพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์ ในพระวรสารนักบุญยอห์น "ความมืดปรากฏในความไร้ความสว่าง คือความไร้ชีวิตนิรันดร์" และความมืดนั้นหมายถึงความตายทางจิตวิญญาณ[5]
การทรงกล่าวถึงสาวกของพระองค์
[แก้]พระเยซูยังทรงใช้วลี "ความสว่างของโลก" ในการกล่าวถึงสาวกของพระองค์ในมัทธิว 5:14:[1]
ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์[6]
การนำ "แสงสว่างเปรียบเทียบกับความมืด" เช่นนี้ยังปรากฏใน 1 ยอห์น 1:5 ซึ่งใช้กล่าวถึงพระเจ้าว่า "พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย"[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Names and Titles of the Lord Jesus Christ by Charles Spear 2003 ISBN 0-7661-7467-0 page 226
- ↑ 2.0 2.1 2.2 New Testament christology by Frank J. Matera 1999 ISBN 0-664-25694-5 page 235
- ↑ 3.0 3.1 Christology in Context by Marinus de Jonge 1988 ISBN 978-0-664-25010-2 page 147
- ↑ The person of Christ by Gerrit Cornelis Berkouwer 1954 ISBN 0-8028-4816-8 page 163
- ↑ Baylis, Charles P., "The Meaning of Walking "In the Darkness" (1 John 1:6)." Bibliotheca Sacra 149, no. 594 (1992). 219
- ↑ มัทธิว 5:14–16, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน
- ↑ John by H. A. Ironside 2006 ISBN 0-8254-2915-3 pages 199-202
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Light of the world