คุณธรรมหลัก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คุณธรรมหลัก[1] (อังกฤษ: cardinal virtues) หมายถึง คุณธรรมขึ้นพื้นฐาน 4 ประการ ซึ่งเป็นแม่บทของคุณธรรมอื่น ๆ พบในงานเขียนสมัยคลาสสิก ต่อมาศาสนาคริสต์ได้เพิ่มคุณธรรมทางเทววิทยาอีก 3 ประการ จึงรวมเป็น 7

คุณธรรมหลัก 4 ประการ ประกอบด้วย:

  • ความรอบคอบ - ความสามารถในการตัดสินระหว่างสิ่งที่ควรจะเลือกปฏิบัติ เรียกอีกอย่างว่า ปัญญา
  • ความยุติธรรม - ความสามารถในการสร้างดุลยภาพระหว่างความต้องการของอัตตากับสิทธิและความต้องการของผู้อื่น
  • ความพอประมาณ - ความสามารถในการรู้ถึงความพอดีไม่เกินเลย รู้จักควบคุมตนเอง
  • ความกล้าหาญ - ความอดทน ความเข้มแข็ง

คุณธรรมพื้นฐานสี่ประการมาจากปรัชญาดั้งเดิมของเพลโต ต่อมามีนักบุญ เช่น แอมโบรสแห่งมิลาน ออกัสตินแห่งฮิปโป และทอมัส อไควนัส นำมาประยุกต์ใช้

ในภาษาอังกฤษ คำว่า cardinal มาจากภาษาลาตินว่า "cardo" หรือ "บานพับ" ซึ่งหมายถึงสี่งที่ยึดเหนี่ยวประตูที่เปิดไปสู่ชีวิตอันเต็มไปด้วยกิเลส ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญเช่นสำนวนที่ว่า "Cardinal rules" หรือ "กฎพื้นฐาน" ที่ไม่ควรเลี่ยง

คุณธรรมพื้นฐานสี่ประการซึ่งพรรณนาไว้บนสุสานของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 2 ในมหาวิหารบัมแบร์ก
Iustitia
(ความยุติธรรม)
Fortitudo
(ความอดทน)
Sapienta
(ความรอบคอบ)
Temperantia
(ความพอประมาณ)

เพลโตเปรียบคุณธรรมสี่ประการกับลำดับชั้นของพลเมืองและความสามารถของมนุษย์ไว้ในหนังสือ อุตมรัฐ อันได้แก่:

  • ความพอประมาณ เปรียบกับชนชั้นผู้ใช้แรงงาน ชาวนาและช่างฝีมือ ผู้มีความอยากเช่นสัตว์
  • ความอดทน เปรียบกับชนชั้นนักการสงคราม ผู้ประกอบด้วยจิตวิญญาณอันกล้าหาญ
  • ความรอบคอบ เปรียบกับชนชั้นปกครอง และการใช้เหตุผล
  • ความยุติธรรม ไม่อยู่ในระบบชนชั้นใด และเป็นสิ่งที่แบ่งแยกลักษณะของบุคคลในแต่ละกลุ่มแต่ละชั้นของทั้งสามชั้น

ปรัชญาต่าง ๆ นี้อาจจะนำไปสู่ปรัชญาของชาวยิวใน หนังสือปรีชาญาณ 8:7 ที่กล่าวว่า "[ปัญญา] สอนให้มีความพอประมาณ ความอดทน ความรอบคอบ และความยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งไม่มีสิ่งใดที่มีประโยชน์เหนือไปกว่า’"

ความเกี่ยวข้องกับคุณธรรมทางเทววิทยา[แก้]

ขณะที่คุณธรรมหลัก 4 ประการ มีประวัติย้อนไปได้ถึงนักปรัชญากรีก และเป็นที่ยอมรับอยู่แพร่หลายในหมู่ผู้ประสงค์จะใช้ชีวิตอย่างมีศีลธรรม แต่คุณธรรมทางเทววิทยาเป็นเรื่องของคริสต์ศาสนิกชนโดยเฉพาะ ดังที่เปาโลอัครทูตเขียนไว้ในพันธสัญญาใหม่

ใน หนังสือปฐมกาล บทที่ 28 ข้อ 12 ยาโคบเล่าว่าเห็นนิมิตบันไดไปสู่สรวงสวรรค์ ตามมุขปาฐะ มีตัวการสำคัญสามตัวขึ้นบันได ซึ่งถูกตั้งชื่อว่าเป็น ศรัทธา ความหวัง และความรัก (ใน คัมภีร์ไบเบิลฉบับพระเจ้าเจมส์ กล่าวว่าเป็น "ความกรุณา" (Charity) แต่ว่าความกรุณาก็มีรากศัพท์มาจากคำว่า caritas อันหมายถึง "ความรัก" เช่นเดิม) โดยทั้งสามได้ถูกกล่าวถึงใน 1 โครินธ์ บทที่ 13 และจากการพาดพิงถึงนี้ คุณสมบัติเจ็ดประการนั้นบางครั้งได้ถูกเรียกรวมกันว่าเป็นคุณธรรมพื้นฐานสี่ประการ (ความรอบคอบ ความอดทน ความยุติธรรม และความพอประมาณ) และสามคุณธรรมจากสวรรค์ (ศรัทธา ความหวัง และความรัก)

ในวรรณกรรมเยาวชนชุด อาณาจักรแห่งกาลเวลา คุณธรรมพื้นฐานนั้นก็มีพื้นฐานมาจากคุณธรรมทั้งเจ็ดประการ (มีคุณสมบัติตามคุณธรรมต่าง ๆ ของพินัยกรรม) ซึ่งถูกใช้ต่อต้านกับบาป 7 ประการ ประกอบด้วย ความอ่อนน้อม ความโอบอ้อมอารี ความรักฉันพี่น้อง ความว่านอนสอนง่าย ความบริสุทธิ์ ความพอประมาณ และความขยันหมั่นเพียร

การพรรณนา[แก้]

ความดีพื้นฐานสี่ประการมักจะถูกพรรณาให้เห็นบ่อย ๆ ว่าเป็น รูปปั้นเชิงเปรียบเทียบของสตรี และเคยเป็นหัวข้อที่เป็นที่นิยมกันในหมู่ปฏิมากรที่มีชื่อเสียง โดยที่คุณสมบัติและชื่อของรูปปั้นดังกล่าวนี้จะผันแปรไปตามความหมายของท้องถิ่นที่แตกต่างกัน

บนสุสานของ เซอร์ จอห์น ฮอปแฮม ในโบสถ์เซนต์แมรี่ เซาท์ ดัลตัน ได้ให้ความหมายของรูปปั้นทั้งสี่ว่า

  • ความยุติธรรม (Justice) - ถือดาบในมือ
  • ความพอประมาณ (Temperence) - ผสมไวน์และน้ำในเหยือกสองใบ
  • ความอดทน (Fortitude) - เสาหินปรักหักพัง
  • ความซื่อสัตย์ (Truth) - ถือกระจกและถูกโจมตีโดยอสรพิษ

อ้างอิง[แก้]

  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2548, หน้า 14

ลิงก์เพิ่มเติม[แก้]