ข้ามไปเนื้อหา

ครันชีโรล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ครันชีโรล
ชื่อเดิม
  • ฟันนิเมชัน (2537–2563)[a]
  • ฟันนิเมชันโปรดักชันส์ (2537–2548, 2554–2563)
  • ฟันนิเมชันเอนเตอร์เทนเมนต์ (2548–2554)
  • ฟันนิเมชันโกบอลกรุ็ป (2563–2565)
ประเภทกิจการร่วมค้า
อุตสาหกรรมการบันเทิง
รูปแบบอนิเมะ
ก่อตั้ง9 พฤษภาคม 1994; 31 ปีก่อน (1994-05-09) ใน ซิลิคอนแวลลีย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา[1]
ผู้ก่อตั้ง
สำนักงานใหญ่
3501 โอลิมปัส บูเลอวาร์ด, ห้องสวีท 400[2]
คอปเปล, รัฐเท็กซัส
,
บุคลากรหลัก
ผลิตภัณฑ์
ตราสินค้าครันชีโรล
บริการ
เจ้าของ
พนักงาน
1500+[3] (2567)
แผนก

บริษัท ครันชีโรล จํากัด[5] (อังกฤษ: Crunchyroll, LLC) เป็นบริษัทบันเทิงสัญชาติอเมริกัน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองคอปเปล รัฐเทกซัส[6] ปัจจุบันดำเนินธุรกิจให้บริการสตรีมมิ่งแบบวิดีโอที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเลือกรับชม โดยเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับอนิเมะเป็นหลักภายใต้ชื่อ "ครันชีโรล"

บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2537 โดย เก็น ฟุคุนากะ และภรรยาของเขา ซินดี้ เบรนแนน ในซิลิคอนแวลลีย์ ด้วยเงินทุนจากแดเนียล โคคาโนเกอร์ และครอบครัว ซึ่งกลายมาเป็นนักลงทุนในบริษัท ต่อมาได้ย้ายสำนักงานไปยังเขตมหานครแดลลัส-ฟอร์ตเวิร์ธ โดยตั้งอยู่ที่นอร์ทริชแลนด์ฮิลส์ในช่วงแรก และต่อมาย้ายไปที่ฟลาวเวอร์เมานด์ ก่อนที่จะย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบันในเมืองคอปเปล[7] ฟันนิเมชันถูกซื้อกิจการโดย นาวาร์เรคอร์ปอเรชัน ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 นาวาร์เรได้ขายฟันนิเมชันให้กับกลุ่มนักลงทุนที่รวมถึงฟุคุนากะในมูลค่า $24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] บริษัทถูก โซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ. 2560 และรีแบรนด์เป็น ครันชีโรล แอลแอลซี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 หลังจากที่เข้าซื้อบริการสตรีมมิ่ง ครันชีโรล ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564[9]

บริษัทนี้ยังจัดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบโฮมวิดีโอทั้งโดยตรง (โซนี่พิคเจอร์สโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567)[10] หรือผ่านพันธมิตรด้านการจัดจำหน่ายบางราย เช่น เซ็นไตฟิล์มเวิร์กส, วิซมีเดีย, ดิสโคเท็กมีเดีย และบริษัทในเครือเดียวกันอย่าง อะนิเพล็กซ์อเมริกา ในทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึง อนิเมะลิมิเต็ด ในสหราชอาณาจักรด้วย[11][12]

ประวัติของบริษัท

[แก้]

ในชื่อ ฟันนิเมชัน

[แก้]
โลโก้ดั้งเดิมอันแรกของฟันนิเมชัน ซึ่งถูกใช้งานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ถึง 2548

ประวัติช่วงเริ่มต้น

[แก้]

ในช่วงปี พ.ศ. 2533 นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นชื่อ เก็น ฟุคุนากะ ได้รับการติดต่อจากนากาฟูมิ โฮริ ลุงของเขาซึ่งทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ โทเอคอมปะนี โฮริเสนอว่าหากฟุคุนากะสามารถก่อตั้งบริษัทโปรดักชันและระดมทุนได้มากพอ โทเอแอนิเมชันจะอนุญาตให้ลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ ดราก้อนบอล ไปยังสหรัฐอเมริกา ฟุคุนากะจึงได้พบกับเพื่อนร่วมงานชื่อแดเนียล โคคาโนเกอร์ ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงโม่อาหารสัตว์ในเมืองดิเคเทอร์, รัฐเท็กซัส และเขาก็สามารถโน้มน้าวให้ครอบครัวของโคคาโนเกอร์ขายธุรกิจของตน และเข้ามาเป็นนักลงทุนในบริษัท[13][14][15]

บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ในชื่อ ฟันนิเมชันโปรดักชันส์[16] เดิมบริษัทตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ แต่ในที่สุดก็ได้ย้ายที่ตั้งไปยัง นอร์ทริชแลนด์ฮิลส์, รัฐเท็กซัส[15][17] ในช่วงแรกพวกเขาได้ร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ ในการผลิตดราก้อนบอล เช่น บีแอลทีโปรดักชันส์, โอเชียนสตูดิโอ, ไพโอเนียร์ และ บีวีเอสเอนเตอร์เทนเมนท์[18][19] หลังจากมีความพยายามที่จะนำแฟรนไชส์ดราก้อนบอลเข้าสู่โทรทัศน์ผ่านการออกอากาศที่ล้มเหลวไปถึงสองครั้ง การ์ตูนเน็ตเวิร์คจึงเริ่มออกอากาศ ดราก้อนบอล Z เป็นส่วนหนึ่งของบล็อกทูนามิในปี พ.ศ. 2541 ซึ่งเร็วๆ นี้กลายเป็นรายการที่มีเรตติ้งสูงสุดและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย[20][21][22] ความสำเร็จของ ดราก้อนบอล Z ถือว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ฟันนิเมชัน สามารถเข้าซื้อสิทธิ์อนุญาตเรื่องอื่นๆ ได้[22][23] นอกจากนี้ ฟันนิเมชันยังได้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์สำหรับวิดีโอโดยตรงเรื่อง Chuck E. Cheese in the Galaxy 5000 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทที่ไม่ใช่อนิเมะอีกด้วย[24]

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 บริษัทได้รักษาข้อตกลงโฮมวิดีโอบุคคลที่สามครั้งแรกไว้ และเมื่อบริษัทที่ทำงานพากย์อนิเมะอีกแห่งอย่าง 4คิดส์เอนเตอร์เทนเมนท์ ได้แต่งตั้งฟันนิเมชันให้เป็นผู้จัดจำหน่ายโฮมวิดีโอแบบเอกสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา ข้อตกลงนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ 4คิดส์ ได้รับสิทธิ์ในขณะนั้น โดยเริ่มต้นด้วย ยูกิโอ ดูเอลมอนสเตอร์, คิวบิกซ์, แคบเบจแพทช์คิดส์, Tama and Friends และ เคอร์บี: ไรต์แบคแอตยา![25][26] ต่อมา ข้อตกลงดังกล่าวได้ขยายครอบคลุมไปยัง โซนิคเอ็กซ์, เต่านินจา และ อุลตร้าแมนทีก้า อีกด้วย[27]

หลังจากความสำเร็จของข้อตกลงกับ 4คิดส์ แล้ว ฟันนิเมชันได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับบริษัท เนลวานา ซึ่งมีฐานอยู่ในแคนาดา เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2546[28] ข้อตกลงนี้อนุญาตให้ทั้งสองบริษัทร่วมผลิตอนิเมะใหม่ที่คาดหวังในอนาคต และให้ฟันนิเมชันจัดจำหน่ายผลงานกว่า 44 เรื่องจากคลังหนังของ เนลวานา ในรูปแบบโฮมวิดีโอ ซึ่งรวมถึง เรดวอลล์, เปโกร่า, Tales from the Cryptkeeper, Timothy Goes to School และงานพิเศษทางโทรทัศน์ของ ดิสนีย์แชนแนล เรื่อง The Santa Claus Brothers[29]

ในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2547 ฟันนิเมชันได้ขยายกลุ่มเนื้อหาสำหรับครอบครัวด้วยการเปิดแผนกใหม่ในชื่อ Our Time Family Entertainment ซึ่งมุ่งนำเสนอผลงานบันเทิงคุณภาพสูงสู่ตลาดเด็กเล็ก[30] และก่อนวัยเรียนที่กำลังเติบโต ผลิตภัณฑ์ที่เผยแพร่ภายใต้แผนกนี้รวมถึงภาพยนตร์ Little Nemo: Adventures in Slumberland, รายการพิเศษในช่วงวันหยุดหลายเรื่อง และผลงานบางส่วนจากเนลวานา (Elliot Moose, Marvin the Tap-Dancing Horse, Timothy Goes to School), WGBH (Arthur และผลงานร่วมสร้าง Time Warp Trio), และ Alliance Atlantis (Connie the Cow).[31]

ฟันนิเมชันยังคงดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ผลงานที่ไม่ใช่อนิเมะอย่างต่อเนื่อง เมื่อบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในอเมริกาเหนือสำหรับซีรีส์จากอังกฤษเรื่อง Make Way for Noddy โดยเจ้าของแฟรนไชส์คอริออน ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2548[32]

การเข้าซื้อกิจการโดยนาวาร์เรคอร์ปอเรชัน

[แก้]

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 บริษัท ฟันนิเมชัน ถูกเข้าซื้อโดย นาวาร์เรคอร์ปอเรชัน ด้วยเงินสดมูลค่า $100.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นของนาวาร์เร อีก 1.8 ล้านหุ้น ในฐานะส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการนี้ เก็น ฟุคุนากะ ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าบริษัท โดยเปลี่ยนบทบาทเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และชื่อของบริษัทก็เปลี่ยนจาก ฟันนิเมชันโปรดักชันส์ เป็น ฟันนิเมชันเอนเตอร์เทนเมนต์[33][34] ในปี พ.ศ. 2550 บริษัทได้ย้ายสำนักงานจาก นอร์ทริชแลนด์ฮิลส์ รัฐเท็กซัส ไปยังเมือง ฟลาวเวอร์เมานด์[35] และทำสัญญาเช่าสำนักงานในเขตธุรกิจเลคไซด์ เป็นเวลา 10 ปี[36]

จากบทสัมภาษณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 กับ แครี่ ดีคอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนาวาร์เรคอร์ปอเรชัน บริษัท ฟันนิเมชัน ได้เริ่มเจรจาในระยะแรกเพื่อเข้าซื้อสิทธิ์บางเรื่องที่เคยถูกลิขสิทธิ์โดยฝ่ายอเมริกาของจีนอน ซึ่งได้ยุติการดำเนินงานไปในเดือนธันวาคม พ.ศ.2550[37] ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ฟันนิเมชันยืนยันว่าได้สิทธิ์จัดจำหน่ายอนิเมะหลายเรื่องจากจีนอน รวมถึงบางเรื่องที่จีนอน ทิ้งไว้โดยยังทำไม่เสร็จหลังจากถอนตัวออกจากตลาดสหรัฐอเมริกา[38] ที่งาน อนิเมะเอ็กซ์โป 2008 ฟันนิเมชันได้ประกาศว่าได้ลิขสิทธิ์อนิเมะมากกว่า 30 เรื่องจากแค็ตตาล็อกของ โซจิตซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่กับ เอ.ดี. วิชัน[39] ในปี พ.ศ. 2552 ฟันนิเมชันยังได้ลงนามในข้อตกลงกับโทเอแอนิเมชัน เพื่อสตรีมอนิเมะหลายเรื่องผ่านเว็บไซต์ของฟันนิเมชัน[40]

การขายกิจการโดยนาวาร์เรและความร่วมมือกับ นิโคนิโค

[แก้]
โลโก้ของฟันนิเมชันที่ใช้ในช่วงปี พ.ศ. 2554 ถึง 2559 ส่วนเวอร์ชันสีของโลโก้ถูกใช้งานระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึง 2554

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 บริษัท นาวาร์เรคอร์ปอเรชัน ประกาศว่าได้เริ่มการเจรจาเพื่อขายกิจการของฟันนิเมชัน โดยยังระบุด้วยว่า หากการขายเกิดขึ้นจริง ฟันนิเมชันจะถูกจัดประเภทใหม่เป็น "กิจการที่ถูกตัดจำหน่าย" (discounted operation) เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2554[41] ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553 นาวาร์เรประกาศว่ามีผู้สนใจซื้อกิจการฟันนิเมชันอยู่ทั้งหมด 6 ราย[42] และในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2554 ฟันนิเมชันก็ถูกจัดประเภทใหม่เป็น "กิจการที่ถูกตัดจำหน่าย"[43] กระทั่งวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554 นาวาร์เรได้ออกแถลงการณ์ประกาศว่า ฟันนิเมชันถูกขายให้กับกลุ่มนักลงทุนที่รวมถึงเจ้าของเดิมอย่าง เก็น ฟุคุนากะ ในมูลค่า $24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[44] โดยนาวาร์เรจะยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายพิเศษ (exclusive distributor) สำหรับผลงานของฟันนิเมชันต่อไป[44]

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ฟันนิเมชันได้ประกาศความร่วมมือกับ นิโคนิโค ซึ่งเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษของเว็บไซต์ Nico Nico Douga เพื่อก่อตั้งแบรนด์ฟูนิโค สำหรับการซื้อลิขสิทธิ์อนิเมะเพื่อนำไปสตรีมมิ่งและวางจำหน่ายในรูปแบบโฮมวิดีโอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อนิเมะแทบทุกเรื่องที่มีการการออกอากาศคู่ขนานโดย นิโคนิโค ก็ถูกรับไปโดยฟันนิเมชัน[45] ต่อมาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ฟันนิเมชันได้ประกาศว่าจะเปิดตัวแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งวิดีโอของตนในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555[46] ในปี พ.ศ. 2557 ฟันนิเมชันได้ร่วมมือกับสกรีนวิชั่น เพื่อนำ ดราก้อนบอล Z ศึกสงครามเทพเจ้า เข้าฉายในโรงภาพยนตร์[47] และจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฟันนิเมชันก็ได้จัดตั้งแผนกจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน[48] ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ฟันนิเมชันและ ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์สโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ได้ประกาศข้อตกลงในการจัดจำหน่ายโฮมวิดีโอเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งข้อตกลงนี้ทำให้ ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์สโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์รับหน้าที่จัดจำหน่ายและดูแลการขายผลงานทั้งหมดของฟันนิเมชัน[49] โดยยูนิเวอร์แซลเริ่มจัดจำหน่ายผลงานของฟันนิเมชันอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมของปีนั้น[50]

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 ฟันนิเมชันได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ และประกาศบริการสตรีมมิ่งของตนในชื่อ ฟันนิเมชันนาว[51][52] ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 พวกเขาได้เปิดให้บริการดังกล่าวในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์[53] เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 ฟันนิเมชันได้ประกาศความร่วมมือกับครันชีโรล โดยอนิเมะบางเรื่องจากฟันนิเมชันจะถูกนำไปสตรีมแบบมีซับไตเติลบนครันชีโรล ขณะที่อนิเมะบางเรื่องจากครันชีโรลจะถูกนำมาสตรีมบน ฟันนิเมชันนาว รวมถึงผลงานที่มีเสียงพากย์ในอนาคต นอกจากนี้ฟันนิเมชันจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายสื่อโฮมวิดีโอของครันชีโรลอีกด้วย[54]

การถือครองโดยโซนี่

[แก้]
โลโก้ที่ใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึง 2565 โดยยังคงใช้กับบริการสตรีมมิ่งฟันนิเมชันจนถึงปี พ.ศ. 2567

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2560 มีรายงานว่า ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ และ โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่น ให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของฟันนิเมชัน อย่างไรก็ตาม ยูนิเวอร์แซล ตัดสินใจไม่เดินหน้าประมูลต่อ[55] เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่นประกาศว่าจะเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ 95% ของฟันนิเมชันในมูลค่า $143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งข้อตกลงนี้ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560[56] การซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ฟันนิเมชันสามารถทำงานร่วมกันกับแอนิแมกซ์และ คิดส์สเตชั่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโซนี่ได้ และยังสามารถเข้าถึง "สายการผลิตเนื้อหาโดยตรง"[57] ทําให้ข้อตกลงดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560[58]

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 มีรายงานว่าแผนก เชาท์! สตูดิโอส์ ของบริษัท เชาท์! แฟคตอรี่ ได้เข้าซื้อลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และแคนาดาของภาพยนตร์ Big Fish & Begonia และร่วมมือกับ ฟันนิเมชันฟิล์ม อีกครั้งในการจัดจำหน่าย[59] ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 มีการประกาศว่า ฟันนิเมชันฟิล์มได้รับลิขสิทธิ์การจัดจำหน่าย ดราก้อนบอล ซูเปอร์ โบรลี่ ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยพากย์ภาษาอังกฤษมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพียงประมาณหนึ่งเดือนหลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉายทั่วประเทศญี่ปุ่น[60]

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เอทีแอนด์ที ได้เข้าซื้อกิจการ ออตเตอร์มีเดีย ซึ่งเป็นเจ้าของครันชีโรลอย่างสมบูรณ์[61] ต่อมาในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ฟันนิเมชันและครันชีโรลได้ประกาศยุติความร่วมมือ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 อันเป็นผลมาจากการที่ โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่น เข้าซื้อกิจการฟันนิเมชัน[62] แม้ว่าการวางจำหน่ายวิดีโอบนสื่อโฮมวิดีโอจะไม่ได้รับผลกระทบและยังคงดำเนินต่อไปตามแผน แต่คอนเทนต์บางรายการของฟันนิเมชันจะถูกถอดออกจากครันชีโรล และคอนเทนต์ที่มีคำบรรยายจะกลับมาอยู่ใน ฟันนิเมชันนาว นอกจากนี้ยังมีการประกาศว่าฟันนิเมชันจะถูกถอดออกจากบริการสตรีมมิง วีอาร์วี ที่เป็นของออตเตอร์มีเดีย โดยมี ไฮไดฟ์ เข้ามาแทนที่[62] ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 มีรายงานเพิ่มเติมว่าสาเหตุอีกประการที่ทำให้ความร่วมมือยุติลง คือข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการขยายตัวในระดับนานาชาติ[63] และในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ฟันนิเมชันได้ลงนามข้อตกลงสิทธิ์รับชมก่อนฉบับพิเศษแบบหลายปีแบบพิเศษกับ ฮูลู สำหรับบริการสมัครสมาชิกวิดีโอ[64]

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เก็น ฟุคุนากะ ได้ประกาศว่าเขาจะลงจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป และเปลี่ยนบทบาทไปเป็นประธานของบริษัทแทน[65] โดยตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปจะถูกส่งต่อให้กับโคลิน เด็คเกอร์ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562[66] ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562 ที่งาน AnimeJapan 2019 ฟันนิเมชันได้ประกาศความร่วมมือกับบริการสตรีมมิงของจีนอย่างบิลิบิลิ เพื่อร่วมกันสร้างลิขสิทธิ์อนิเมะสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา และจีน[67] ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม ฟันนิเมชันได้ประกาศเข้าซื้อกิจการสาขาสหราชอาณาจักรของ มังงะเอนเตอร์เทนเมนท์ และได้ควบรวมธุรกิจในสหราชอาณาจักรของตนเข้ากับ มังงะยูเค ทันที[68] ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ที่งานอนิเมะเอ็กซ์โป ฟันนิเมชันได้ประกาศความร่วมมือด้านการสตรีมมิ่งกับ ไรท์สตัฟ โดยจะมีการนำอนิเมะบางเรื่องจาก โนโซมิเอนเตอร์เทนเมนท์ เข้ามาฉายบน ฟันนิเมชันนาว ภายในปีนั้น[69] และในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562 อะนิเพล็กซ์อเมริกาได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า พวกเขาจะร่วมมือกับฟันนิเมชันฟิล์ม เพื่อจัดฉายภาพยนตร์ เรื่องฝันปั่นป่วยของผมกับรุ่นพี่บันนี่เกิร์ล เดอะ มูฟวี่ ในโรงภาพยนตร์ของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2562 และในแคนาดาในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การร่วมทุนระหว่าง อะนิเพล็กซ์/เอสพีที และการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ

[แก้]

เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562 โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่นและอะนิเพล็กซ์ ได้ประกาศการควบรวมธุรกิจสตรีมมิ่งอนิเมะระดับนานาชาติของตนภายใต้บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ชื่อว่า ฟันนิเมชันโกลบอลกรุ๊ป โดยมี โคลิน เด็คเกอร์ ผู้จัดการทั่วไปของฟันนิเมชันเป็นผู้นำบริษัท บริษัทร่วมทุนนี้จะดำเนินงานภายใต้แบรนด์ฟันนิเมชัน และเปิดโอกาสให้ฟันนิเมชันสามารถจัดจำหน่ายผลงานร่วมกับบริษัทย่อยของอะนิเพล็กซ์ เช่น วาคานิม, ครันชีโรลสโตร์ออสเตรเลีย และ อนิเมะแลป อนิเมะเรื่องแรกที่ออกฉายภายใต้การร่วมทุนนี้คือ Fate/Grand Order - Absolute Demonic Front: Babylonia ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ฉายแบบพิเศษ 30 วันบนแพลตฟอร์ม ฟันนิเมชันนาว, อนิเมะแลป และ วาคานิม และให้ฟันนิเมชันถือสิทธิ์พากย์ภาษาอังกฤษแบบพิเศษเป็นเวลาหนึ่งปี[70] ในเดือนธันวาคม ฟันนิเมชันยังได้จัดโพล "อนิเมะแห่งทศวรรษ" ให้แฟนๆ โหวตผลงานที่ชื่นชอบในหลากหลายหมวดหมู่[71][72]

เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ฟันนิเมชันประกาศว่าจะรวมคลังอนิเมะออนไลน์เข้ากับอนิเมะแลป สำหรับผู้ชมในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และจะปิดบริการฟันนิเมชันนาวในสองประเทศนี้ในวันที่ 30 มีนาคม[73] ต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม ฟันนิเมชันนาวประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ โคดันชะยูเอสเอ เพื่อจัดกิจกรรมดูอนิเมะประจำสัปดาห์แบบออนไลน์[74] และในวันที่ 4 พฤษภาคม ฟันนิเมชันได้บรรลุข้อตกลงกับ นิปปอนอิจิซอฟต์แวร์อเมริกา เพื่อสตรีมผลงานบางเรื่องบนฟันนิเมชันนาว[75] นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ฟันนิเมชันยังประกาศจัดงานอนิเมะเสมือนจริงชื่อว่า ฟันนิเมชันคอน ในวันที่ 3–4 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมออนไลน์ที่จัดขึ้นแทนอนิเมะเอ็กซ์โปปีนั้นที่ถูกยกเลิกไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน[76] ในงานฟันนิเมชันคอน วันที่ 3 กรกฎาคม ฟันนิเมชันประกาศแผนการขยายบริการสตรีมมิ่งไปยัง ลาตินอเมริกา เริ่มที่ เม็กซิโก และ บราซิล ในไตรมาส 4 ของปี พ.ศ. 2563 โดยหนึ่งในเรื่องที่มีพากย์ละตินอเมริกาเรื่องแรกคือ โตเกียวกูล[77][78] โดยบริการดังกล่าวเปิดให้ใช้งานเร็วกว่ากำหนดในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 (จากเดิมวางแผนไว้เดือนธันวาคม)[79] เมื่อวันที่ 9 กันยายน ฟันนิเมชันประกาศความร่วมมือกับ วิซมีเดีย โดยจะมีอนิเมะจาก วิซ มาให้ชมบนเว็บไซต์ฟันนิเมชัน[80] ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ ฟันนิเมชันนาวเคยสตรีมอนิเมะบางเรื่องของวิซแล้ว เช่น นินจาคาถาโอ้โฮเฮะภาคแรก และ ฮันเตอร์ × ฮันเตอร์ ตอนที่ 1–75 ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ช่องทีวีบราซิลชื่อว่า โหลดดิ้ง ได้ประกาศความร่วมมือด้านคอนเทนต์กับโซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในตอนแรกยังไม่ยืนยันว่าอนิเมะของฟันนิเมชันจะรวมอยู่ในข้อตกลงด้วยหรือไม่ แต่ในอีกห้าวันถัดมาก็มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าอนิเมะของฟันนิเมชัน จะเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ด้วย สุดท้ายในวันที่ 24 พฤศจิกายน ฟันนิเมชันยังได้ประกาศความร่วมมือกับซันไรส์เพื่อสตรีมอนิเมะกันดั้มหลายภาค เช่น โมบิลสูท กันดั้ม, โมบิลสูท กันดั้มซี้ด, โมบิลสูท กันดั้มวิง, โมบิลสูท เซต้ากันดั้ม ทั้งนี้ บางเรื่องเช่น โมบิลสูทกันดั้ม ไอรอน บลัด ออร์แฟนซ์ มีให้ชมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วบนฟันนิเมชัน[81]

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 มีรายงานว่า ฟันนิเมชันได้เริ่มกระบวนการย้ายสำนักงานไปยังอาคารแห่งใหม่ในโครงการพัฒนาไซเปรส วอเตอร์ส เมืองคอปเปล โดยสำนักงานใหม่นี้เปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2564[6]

เพื่อรวมภาพลักษณ์ของบริษัทในระดับสากล มังงะเอนเตอร์เทนเมนท์ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น ฟันนิเมชันยูเค ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ส่วน อนิเมะแลปก็ถูกรีแบรนด์เป็นฟันนิเมชันในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564 [82][83] หลังจากนั้นฟันนิเมชันได้เปิดให้บริการสตรีมมิ่งในอีก 3 ประเทศในอเมริกาใต้ ได้แก่ โคลอมเบีย, ชิลี และเปรู เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564[84] ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน ฟันนิเมชันและกอนโซ ได้ประกาศความร่วมมือในการอัปโหลดอนิเมะรีมาสเตอร์บางเรื่องลงบนช่องยูทูบของทั้งสองบริษัทจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยเรื่องที่เผยแพร่ ได้แก่ แร็คนาร็อคเดอะแอนิเมชัน, ตํารวจสาวอัศวินเหล็ก และ เทพธิดามหาประลัย[85]

ในชื่อ ครันชีโรล

[แก้]

การสร้างแบรนด์ใหม่

[แก้]

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ เอลเลชั่น และบริการสตรีมอนิเมะครันชีโรล จากวอร์เนอร์มีเดีย (ซึ่งต่อมาถูกแยกออกจาก เอทีแอนด์ที และควบรวมกับ ดิสคัฟเวอรี กลายเป็น วอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี) ด้วยมูลค่ารวม $1.175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยวางให้บริษัทอยู่ภายใต้การบริหารของฟันนิเมชันหลังจากการซื้อกิจการเสร็จสิ้น[86] อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564 มีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้ขยายเวลาการตรวจสอบกรณีการผูกขาดในข้อตกลงดังกล่าว[87] การเข้าซื้อกิจการของครันชีโรล เสร็จสิ้นในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2564 โดยโซนี่ระบุในแถลงการณ์ว่าจะสร้างบริการสมัครสมาชิกอนิเมะแบบรวมศูนย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้ธุรกิจอนิเมะที่มีอยู่ทั้งหมด[88] และครันชีโรลได้ยืนยันในอีก 4 วันถัดมาว่าแพลตฟอร์มวีอาร์วีรวมอยู่ในการเข้าซื้อครั้งนี้ด้วย[89]

เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 ครันชีโรลประกาศว่าจะนำภาพยนตร์เรื่อง มหาเวทย์ผนึกมาร 0 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยภาพยนตร์เข้าฉายในโรงมากกว่า 1,500 แห่ง รวมถึงบางโรงในระบบไอแมกซ์ทั้งในเวอร์ชันซับไตเติลและพากย์เสียงภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ครันชีโรลยังระบุด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใน สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, และประเทศในละตินอเมริกา รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเร็วๆ นี้ นี่ถือเป็น ภาพยนตร์เรื่องแรกของครันชีโรลที่จัดจำหน่ายร่วมกับฟันนิเมชันฟิล์ม[90]

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565 มีการประกาศว่าบริการสตรีมมิ่งแบบสมาชิก ได้แก่ ฟันนิเมชัน, วาคานิม และวีอาร์วี จะถูกรวมเข้ากับครันชีโรล นอกจากนี้ยังมีการประกาศว่า ฟันนิเมชันโกลบอลกรุ๊ป ได้มีการเปลี่ยนชื่อทางกฎหมายเป็น ครันชีโรล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของปีเดียวกัน[91][92][5] ต่อมาในอีก 14 วันหลังจากนั้น มีการประกาศว่า การวางจำหน่ายโฮมวิดีโอ (แผ่น บลูเรย์/ดีวีดี) ของฟันนิเมชันจะถูกจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ครันชีโรล โดยโลโก้ของครันชีโรลจะมาแทนที่โลโก้ของฟันนิเมชันบนสันกล่องและด้านหลังของปกแผ่นทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากชุดวางจำหน่ายในเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2565[10] หลังจากเกิดเหตุการณ์การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ครันชีโรลได้ประกาศเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565 ว่าจะยุติการให้บริการในรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้มีการปิดการดำเนินงานของวาคานิมและครันชีโรลอีเอ็มอีเออย่างสมบูรณ์ ตามแนวนโยบายการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ[93] บริษัทแม่โซนี่ได้บริจาคเงินจำนวน $2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับยูเครน[94]

เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565 บริษัทได้ประกาศว่า ช่องยูทูบของฟันนิเมชันจะถูกรีแบรนด์ใหม่เป็นชื่อ "Crunchyroll Dubs" ซึ่งจะกลายเป็นช่องสำหรับคอนเทนต์อนิเมะพากย์อังกฤษ โดยคอนเทนต์ที่เป็นซับภาษาอังกฤษยังคงอัปโหลดอยู่ในช่องชื่อ "Crunchyroll Collection" เช่นเดิม[95] นอกจากนี้ ยังมีการประกาศว่าจะมีการ ปล่อยตอนแรกของอนิเมะที่พากย์อังกฤษ ทุกวันเสาร์เวลา 3:00 น. (เขตเวลาตะวันออก) ทางช่อง Crunchyroll Dubs โดยเริ่มต้นด้วยเรื่อง Re:Zero - รีเซทชีวิต ฝ่าวิกฤตต่างโลก ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565 สามวันต่อมา ได้มีการประกาศเพิ่มเติมว่า ฟันนิเมชันช็อป จะถูกย้ายไปรวมกับครันชีโรลสโตร์ สองสัปดาห์หลังจากนั้นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โคลิน เด็คเกอร์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยมี ราหุล ปุรินี ซึ่งเดิมเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเนื้อหาขึ้นดำรงตำแหน่งแทน[96] จากการควบรวมบริษัทในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 อนิเมะที่เคยสตรีมมิ่งอยู่ในฟันนิเมชัน เช่น มายฮีโร่ อคาเดเมีย, รุ่นน้องตัวป่วนอยากชวนเที่ยวเล่น! และอื่น ๆ ยังคงอยู่บนแพลตฟอร์ม พร้อมกับซีซันใหม่ จนกว่าทุกเรื่องจะถูกถ่ายโอนไปยังครันชีโรลอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ใหม่ อย่าง รักอลวนคนสลับบ้าน และ สปาย × แฟมิลี จะสตรีมเฉพาะบนครันชีโรลเท่านั้น แต่กระบวนการ พากย์ยังคงทำที่สตูดิโอในแดลลัส เช่นเดิม[97][98][99] เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครันชีโรลได้ประกาศเข้าซื้อ ไรท์สตัฟ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์อนิเมะ ทั้งนี้ การจัดจำหน่ายและขายสินค้าสำหรับผู้ใหญ่/เฮ็นไต ของไรท์สตัฟจะถูกแยกออกไปจัดการโดยบริษัทอิสระอีกแห่งหนึ่ง ตามเงื่อนไขของข้อตกลงนี้[100][101]

เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565 สัญญาของ ไคล์ แม็คคาร์ลีย์ ในการให้เสียงพากย์เป็น คาเงยาม่า ชิเงโอะ ตัวเอกของเรื่อง ม็อบไซโค 100 คนพลังจิต ไม่ได้รับการต่อสัญญาโดยครันชีโรล แม็คคาร์ลีย์ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพนักแสดง แซก-อัฟตรา ได้เสนอที่จะทำงานภายใต้สัญญานอกสหภาพ สำหรับซีซันที่สาม โดยมีเงื่อนไขว่าครันชีโรลจะต้องเข้าพบตัวแทนจาก แซก-อัฟตรา เพื่อหารือเกี่ยวกับสัญญาในอนาคต อย่างไรก็ตาม ครันชีโรลปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนอนิเมะและสื่อหลายสำนัก[102]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ครันชีโรลปลดพนักงานจำนวน 85 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ ปรับโครงสร้างพนักงานซ้ำซ้อน ระหว่างสำนักงานทั้ง 12 แห่ง รวมถึง สำนักงานใหญ่ในแดลลัส และสำนักงานที่คัลเวอร์ซิตี้[103]

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566 มาร์คัส เกอร์เดมันน์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดสร้างสรรค์ระดับโลกของครันชีโรล ระบุว่าตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดนอกสหรัฐอเมริกา ได้แก่ บราซิล, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และเม็กซิโก และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีผู้คนมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกที่ให้ความสนใจในอนิเมะ[104]

โซนี่ได้หยุดให้บริการสตรีมมิ่งของฟันนิเมชันอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2567[105] ต่อมาในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ครันชีโรลได้ประกาศเริ่มแคมเปญเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งใน ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีการเพิ่มคำบรรยายและพากย์เสียงสำหรับอนิเมะส่วนใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอินโดนีเซียด้วย[106]

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ครันชีโรลและอะนิเพล็กซ์ได้ร่วมกันก่อตั้ง สตูดิโอแอนิเมชันสัญชาติญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ฮายาเตะอิงค์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างสองบริษัท โดยมีฐานอยู่ที่โตเกียว โดยสตูดิโอนี้จะมุ่งเน้นด้าน การวางแผน, พัฒนา และผลิตอนิเมะ สำหรับบริการสตรีมมิ่งของครันชีโรลโดยเฉพาะ[107][108]

การจัดจำหน่าย

[แก้]

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ฟันนิเมชันและเรดแพลนเน็ตมีเดีย ได้ประกาศเปิดตัวบริการวิดีโอที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเลือกรับชมผ่านมือถือ สำหรับผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือของ เอทีแอนด์ทีโมบิลิตีและสปรินท์ โดยมีอนิเมะ 3 เรื่องที่ร่วมเปิดตัว ได้แก่ ดอกไม้เพชฌฆาต, Tsukuyomi: Moon Phase และ The Galaxy Railways ซึ่งแต่ละเรื่องจะมีให้รับชมทั้งซีซัน[109]

จนถึงปี พ.ศ. 2559 ฟันนิเมชันไม่ได้จัดจำหน่ายผลงานของตนโดยตรงในตลาดนอกอเมริกาเหนือ (ที่ใช้ภาษาอังกฤษ) แต่เลือกที่จะให้ลิขสิทธิ์ผลงานกับบริษัทอื่นแทน เช่น มังงะเอนเตอร์เทนเมนท์ สาขาสหราชอาณาจักร และ อนิเมะลิมิเต็ด ในสหราชอาณาจักร[110]

ในปี พ.ศ. 2559 ฟันนิเมชันเริ่มจัดจำหน่ายผลงานบางเรื่องโดยตรงในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ภายใต้แบรนด์ฟันนิเมชันโดยที่ฟันนิเมชันเป็นผู้ดูแลด้านลิขสิทธิ์และการแปล ขณะที่อนิเมะลิมิเต็ดเป็นผู้ดูแลด้านการจัดจำหน่ายและการจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหา[111] ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ฟันนิเมชันได้จัดจำหน่าย มายฮีโร่ อคาเดเมีย ในภูมิภาคดังกล่าวผ่าน ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์สยูเค[112] และในปี พ.ศ. 2561 ได้เปลี่ยนมาร่วมมือกับ โซนี่พิคเจอร์สยูเค รวมถึงใช้สำหรับผลงานอื่นบางส่วนด้วย[113] ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 ฟันนิเมชันเริ่มให้ลิขสิทธิ์ผลงานบางเรื่องกับ มังงะเอนเตอร์เทนเมนท์ สาขาสหราชอาณาจักร ก่อนจะเข้าซื้อกิจการในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 และเริ่มจัดจำหน่ายผลงานโดยตรง[68] ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562 โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่นและอะนิเพล็กซ์ได้รวมธุรกิจสตรีมอนิเมะระดับนานาชาติของตนเข้าด้วยกัน โดยมีฟันนิเมชันเป็นบริษัทหลักของกลุ่ม[70]

ฟันนิเมชันยังเริ่มจัดจำหน่ายผลงานของตนโดยตรงในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในปี พ.ศ. 2560 เช่นเดียวกับในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ โดยมีการจัดจำหน่ายผลงานบางเรื่องผ่าน ยูนิเวอร์แซลโซนี่พิคเจอร์สโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ระหว่างปี พ.ศ. 2560 ถึง 2561 จากนั้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 ฟันนิเมชันได้ย้ายการจัดจำหน่ายไปยังครันชีโรลสโตร์ออสเตรเลีย โดยให้บริษัทดังกล่าวรับหน้าที่จัดจำหน่ายและจัดระดับความเหมาะสมในภูมิภาคนั้น[114][115] ต่อมาในปี พ.ศ. 2562 ครันชีโรลสโตร์ออสเตรเลียถูกควบรวมเข้ากับฟันนิเมชัน[70]

คดีความ

[แก้]

การต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์

[แก้]

ในปี พ.ศ. 2548 แผนกกฎหมายของฟันนิเมชัน เริ่มดำเนินมาตรการเชิงรุกมากขึ้นในการปกป้องผลงานที่บริษัทได้รับลิขสิทธิ์ โดยเริ่มส่งจดหมาย "หยุดและยุติ" (cease and desist หรือ C&D) ไปยังเว็บไซต์ที่ให้ลิงก์แฟนซับของผลงานต่าง ๆ ที่ตนถือสิทธิ์ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่อดีตบริษัท เอ.ดี. วิชัน เคยดำเนินการกับเว็บไซต์ทอร์เรนต์รายใหญ่หลายแห่งเมื่อหลายปีก่อน[116]

แผนกกฎหมายของฟันนิเมชันได้ส่งจดหมายหยุดและยุติ สำหรับซีรีส์ที่ยังไม่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศว่าถือสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เช่น สึบาสะ สงครามเทพข้ามมิติ, แบล็คแคท และ โซลตี้เรย์ โดยมีซีรีส์ที่เป็นที่รู้จักบางเรื่องรวมอยู่ในจดหมายด้วยเช่นกัน[117] ต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ฟันนิเมชันได้เปิดเผยลิขสิทธิ์เพิ่มเติม โดยส่งจดหมายไปยังเว็บไซต์ทอร์เรนต์เพื่อสั่งให้ยุติการเผยแพร่ซีรีส์ Xxxโฮลิค, กีฏจารย์กับอาถรรพ์แมลงพิสดาร, แร็คนาร็อคเดอะแอนิเมชัน และซีรีส์อื่น ๆ[118]

ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ฟันนิเมชันได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอลบเนื้อหาตามกฎหมายรัฐบัญญัติลิขสิทธิ์แห่งสหัสวรรษดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเผยแพร่ผลงานของตนเองและพันธมิตรที่ไม่ได้รับอนุญาตถูกลบออกจากผลการค้นหาของกูเกิล

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 ฟันนิเมชันได้ยื่นฟ้องผู้ใช้บิตทอร์เรนต์ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการดาวน์โหลดและอัปโหลดวันพีซโดยไม่ได้รับอนุญาต[119] อย่างไรก็ตาม ฟันนิเมชันได้ยกเลิกคดีในเดือนมีนาคม[120] หลังจากที่ผู้พิพากษาจากรัฐเท็กซัสภาคเหนือได้ตัดสินว่า ผู้ถูกฟ้องไม่สามารถถูกฟ้องเป็นกลุ่มได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ "ดำเนินการร่วมกัน" และจึงต้องถูกฟ้องแยกเป็นรายบุคคล[121]

ภาพยนตร์วันพีซที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้เป็นไฟล์แฟนซับ ซึ่งเป็นสำเนาที่ไม่ได้รับอนุญาตและมีซับไตเติ้ลที่ถูกแปลโดยแฟนๆ หลังจากที่คดีนี้ถูกยกเลิก ฟันนิเมชันก็ถูกรายงานว่าเคยใช้แฟนซับในการทำเสียงพากย์สำหรับบางเรื่อง[122] อย่างไรก็ตาม ฟันนิเมชันยังคงยืนกรานในจุดยืนว่า การทำแฟนซับถือเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมอนิเมะ โดยกล่าวว่า "การดาวน์โหลดผิดกฎหมายและการทำแฟนซับนั้นเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพันธมิตรชาวญี่ปุ่นของเรา และเราได้รับการร้องขอให้เฝ้าระวังและดำเนินการกับการแจกจ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตของผลงานเหล่านี้ เพราะเราเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม ดังนั้นเราจึงยินดีที่จะทำเช่นนั้น"[123] เว็บไซต์ที่เผยแพร่แฟนซับหรือซับไตเติ้ลที่สร้างโดยแฟน ๆ ยังคงเป็นเป้าหมายของการดำเนินการทางกฎหมายจากฟันนิเมชันและบริษัทอนิเมะอื่นๆ รวมถึงการฟ้องร้องทางอาญาในบางกรณี[124]

สองเดือนหลังจากที่ล้มเหลวในการฟ้องผู้ใช้บิตทอร์เรนต์ในเขตศาลทางตอนเหนือของเท็กซัส ฟันนิเมชันได้ทำการเลือกฟอรัมและดำเนินการฟ้องร้องกับจำเลย 1,427 รายในเขตศาลทางตะวันออกของเท็กซัส ในข้อหาที่พวกเขาทำการละเมิดลิขสิทธิ์ร่วมกันในภาพยนตร์ ยิปมัน 3 เปิดตำนานปรมาจารย์หมัดหย่งชุน ซึ่งคดีนี้ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ศาลได้ยกฟ้องคดีนี้กับจำเลยทั้งหมดโดยไม่สามารถฟ้องร้องได้อีก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556[125]

ข้อพิพาทกับคู่ค้า

[แก้]

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ฟันนิเมชันได้ฟ้อง เอ.ดี. วิชัน, เออีเซอร์ โฮลดิ้งส์, เซคชั่น23 ฟิล์ม, วาลคิรี มีเดีย พาร์ทเนอร์, เซราฟิม ดิจิตอล, เซ็นไตฟิล์มเวิร์กส และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท จอห์น เลดฟอร์ด รวมทั้ง สวิตช์เบลดพิคเจอร์สเป็นจำนวนเงิน $8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกล่าวหาว่ามีการ "ละเมิดสัญญา" และปัญหาอื่นๆ โดยฟันนิเมชันกล่าวหาว่าการโอนทรัพย์สินของ เอ.ดี. วิชัน ถูกทำขึ้นด้วย "เจตนาเพื่อชะลอ, ขัดขวาง หรือหลอกลวงเจ้าหนี้ของ เอ.ดี. วิชัน [ฟิล์ม]" ฟันนิเมชันจึงขอให้การขายทรัพย์สินของ เอ.ดี. วิชัน เป็นโมฆะ[126] คดีนี้ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยและยุติในปี พ.ศ. 2557 โดยเงื่อนไขของการตกลงไม่ได้ถูกเปิดเผย[127]

คดีความร้องวิค มิกนอญา

[แก้]

ในต้นปี พ.ศ. 2562 มีการกล่าวหาการกระทำที่ไม่เหมาะสมทางเพศต่อ วิค มิกนอญา นักพากย์จากทวิตเตอร์ภายใต้การเคลื่อนไหวมีทู ซึ่งหลังจากนั้น ฟันนิเมชันได้ดำเนินการสอบสวนภายในและประกาศเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ว่าได้ยุติความสัมพันธ์กับมิกนอญาแล้ว โดยมิกนอญาได้ถูกปลดออกจากบริษัทในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562[128] ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562 มิกนอญาได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อฟันนิเมชันและนักพากย์ เจมี มาร์คี, โมนิกา รีอัล, และคู่หมั้นของรีอัล, รอน ทอย โดยมิกนอญาและทนายความของเขากำลังขอการชดใช้เป็นเงินกว่า $1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[129] ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ฟันนิเมชันได้ยื่นคำตอบโดยปฏิเสธข้อกล่าวหาของมิกนอญา[130] ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ฟันนิเมชันได้ยื่นคำร้องต่อต้านคดีฟ้องร้องเชิงกลยุทธ์ต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้คดีของมิกนอญาถูกยกฟ้อง[131] หลังจากนั้นในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 รีอัล, มาร์คี, และทอย ก็ได้ยื่นคำร้องต่อต้านด้วย[132] การพิจารณาคำร้องต่อต้านของจำเลยมีขึ้นในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562[133] โดยผู้พิพากษาศาลทาร์แรนต์เคาน์ตี, จอห์น พี. ชัปป์, ได้สั่งให้คดีแพ่งที่ยื่นฟ้องมาร์คีถูกยกฟ้อง[134] และในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 คดีแพ่งที่ยื่นฟ้องฟันนิเมชัน, รีอัล, และทอย ก็ถูกยกฟ้องเช่นกัน[135]

ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562 มิกนอญาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการยกฟ้องคดี[136] ในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ฟันนิเมชัน, มาร์คี, รีอัล, และทอย ได้ยื่นคำร้องขอให้คดีอุทธรณ์ของ มิกนอญาถูกยกฟ้อง ซึ่งคำร้องนี้ได้รับการปฏิเสธ[136][137] ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ฟันนิเมชันได้ยื่นคำร้องขอเรียกเก็บค่าทนายความ, ค่าธรรมเนียม, และค่าปรับที่เกี่ยวข้องกับคดี[138] และในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 พิพากษาศาลทาร์แรนต์เคาน์ตี, จอห์น พี. ชัปป์, ได้ตัดสินว่า มิกนอญาต้องชำระค่าทนายความและค่าปรับรวมเป็นเงิน $238,042.42 ดอลลาร์สหรัฐให้กับ ฟันนิเมชัน, มาร์คี, รีอัล, และทอย[139]

คดีความร้องโคจิแคสท์

[แก้]

เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562 บริษัท โคจิแคสท์ ได้ยื่นฟ้องร้องต่อฟันนิเมชัน โดยกล่าวหาว่าบริการสตรีมมิ่ง ฟันนิเมชันนาว ของบริษัทละเมิดสิทธิบัตรของ โคจิแคสท์[140]

คดีความร้านค้า

[แก้]

เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2564 เจนิสา แอนเจลิส ได้ยื่นฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อฟันนิเมชัน โดยกล่าวหาว่าร้านค้าออนไลน์ของบริษัทไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนพิการของอเมริกา[141] คดีนี้ได้ถูกยุติการฟ้องนอกศาล โดยเงื่อนไขของการยุติคดีไม่ได้รับการเปิดเผย[142]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "20 Years of the Best in Anime". Funimation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ พฤษภาคม 19, 2014. สืบค้นเมื่อ พฤษภาคม 21, 2014.
  2. "Terms of Use". Funimation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 29, 2024. สืบค้นเมื่อ February 29, 2024.
  3. "Crunchyroll". LinkedIn. สืบค้นเมื่อ July 15, 2024.
  4. "CRUNCHYROLL GAMES TERMS OF SERVICE". Crunchyroll Games. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2022. สืบค้นเมื่อ July 22, 2022.
  5. 5.0 5.1 Brett (March 1, 2022). "Anime Fans Win as Funimation Global Group Content Moves to Crunchyroll Starting Today". Crunchyroll. Sony Pictures. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2022. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  6. 6.0 6.1 Brown, Steve (November 5, 2020). "Sony-owned Funimation is latest to make move to Cypress Waters mega-development". The Dallas Morning News (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2022. สืบค้นเมื่อ February 1, 2022.
  7. David, Eric (September 9, 2016). "How Funimation Made DFW an Anime Production Hub". Dallas Innovates. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 10, 2021. สืบค้นเมื่อ August 10, 2021.
  8. Warren, Emily (เมษายน 8, 2011). "Navarre Sells Anime Studio FUNimation". Asia Pacific Arts. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ เมษายน 13, 2014. สืบค้นเมื่อ เมษายน 17, 2011.
  9. Mateo, Alex (August 9, 2021). "Sony's Funimation Global Group Completes Acquisition of Crunchyroll from AT&T". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2021. สืบค้นเมื่อ August 9, 2021.
  10. 10.0 10.1 Antonio Pineda, Rafael (March 16, 2022). "Funimation's Anime Titles Now Listed Under Crunchyroll for Home Video in June". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2022. สืบค้นเมื่อ March 17, 2022.
  11. "Crunchyroll and Funimation Partner to Expand Access to Anime!". Crunchyroll. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 9, 2016. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
  12. NormanicGrav (December 24, 2017). "Anime Limited News: New Podcast Episode, Update on Stock, Xmas Sales Updates". Anime UK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 20, 2018. สืบค้นเมื่อ June 22, 2018.
  13. Green, Scott (November 11, 2017). "Funimation Initial Investor Allen Cocanougher Passes Away". Crunchyroll. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 30, 2019. สืบค้นเมื่อ September 30, 2019.
  14. Rogers, Bruce (January 14, 2019). "The Man Who Brought Anime To America: Sony Pictures Television's Funimation CEO Gen Fukunaga". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2019. สืบค้นเมื่อ September 30, 2019.
  15. 15.0 15.1 Jones, Terry Lee (August 9, 1995). "Japanese cartoon requires PC touch for U.S. viewers". Ft. Worth Star Telegram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2006. สืบค้นเมื่อ December 9, 2019.
  16. "Interview with Gen Fukunaga, Part 1". ICv2. November 1, 2004. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 8, 2019. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  17. "Animerica October 1995 – Sailor Moon Dragon Ball TV Edit News & scans". Practice Makes Awesome. May 13, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2013. สืบค้นเมื่อ August 13, 2012.
  18. "Pioneer announces last Dragonball Z release". Anime News Network. November 14, 1998. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  19. Fowler, Jimmy (January 20, 2000). "International incident". Dallas Observer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  20. Alverson, Brigid (September 18, 2016). "20 Years Ago, Dragon Ball Z Came to America to Stay". CBR.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  21. Watson, Elijah (March 21, 2017). "The Oral History of Cartoon Network's Toonami". Complex. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  22. 22.0 22.1 Abril, Danielle (May 9, 2017). "How Gen Fukunaga Turned an Interest Into a $100M Venture". D Magazine (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 28, 2020. สืบค้นเมื่อ January 25, 2021.
    • "New Anime Series Acquired". Anime News Network. January 11, 2001. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 6, 2008. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
    • "Funimation News". Anime News Network. January 31, 2001. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
    • "Lupin Licenced by Funimation". Anime News Network. August 19, 2001. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  23. Funimation (January 28, 2015). "5 Things You Might Not Know About FUNimation". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 17, 2022. สืบค้นเมื่อ July 24, 2024.
  24. Godfrey, Leigh (May 20, 2002). "4Kids Launches 4Kids Home Video Business". Animation World Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2024. สืบค้นเมื่อ July 25, 2024.
  25. "4Kids Entertainment Home Video Announces Kirby's Home Video Debut with Kirby Comes to Cappy Town" (PDF). 4Kids Entertainment. November 12, 2002. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ June 14, 2006. สืบค้นเมื่อ July 24, 2024.
  26. DeMott, Rick (May 27, 2004). "4Kids Announces Home Entertainment Releases For June 2004". Animation World Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2015. สืบค้นเมื่อ August 20, 2021.
  27. Macdonald, Christopher (September 26, 2003). "Nelvana & FUNimation teamup". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 28, 2021. สืบค้นเมื่อ December 28, 2021.
  28. Ball, Ryan (September 25, 2003). "Nelvana Home Entertainment Launched". Animation Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2018. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  29. Baisley, Sarah (July 19, 2004). "FUNimation Launches Our Time Family Ent". Animation World Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 17, 2023. สืบค้นเมื่อ July 24, 2024.
  30. Ball, Ryan (July 20, 2004). "FUNimation Launches New Division". Animation Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 24, 2024.
  31. Ball, Ryan (January 25, 2005). "FUNimation Gets Noddy for U.S." Animation Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 24, 2024.
  32. "Navarre Corporation Acquires Funimation, and Provides Financial Update and Guidance" (Press release). May 11, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 10, 2012. สืบค้นเมื่อ July 8, 2006.
  33. "Navarre Completes Funimation Acquisition" (Press release). May 12, 2005. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2018. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  34. "Funimation Gets New HQ". ICv2. June 10, 2007. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 27, 2023. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  35. Estridge, Holli L. (June 8, 2007). "FUNimation Entertainment scripts HQ move" (PDF). Dallas Business Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ February 19, 2009. สืบค้นเมื่อ June 20, 2008.
  36. "Navarre/FUNimation Interested in Some Geneon Titles". ICv2. February 8, 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2012. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  37. "FUNimation Entertainment and Geneon Entertainment Sign Exclusive Distribution Agreement for North America" (Press release). July 3, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2008. สืบค้นเมื่อ July 3, 2008.
  38. Loo, Egan (July 4, 2008). "Funimation Picks Up Over 30 Former AD Vision Titles" (Press release). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2009. สืบค้นเมื่อ July 4, 2008.
  39. Loo, Egan (April 3, 2009). "Funimation Adds Toei's Air Master, Captain Harlock". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 20, 2012. สืบค้นเมื่อ August 13, 2012.
  40. Loo, Egan (May 27, 2010). "Navarre Evaluates Sale of Funimation in Current Quarter". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2019. สืบค้นเมื่อ October 7, 2019.
  41. Browning, Jacob (September 16, 2010). "Navarre Has 6 Interested Buyers for Funimation". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2019. สืบค้นเมื่อ October 7, 2019.
  42. "navarre corporation". SEC.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 5, 2020. สืบค้นเมื่อ September 30, 2019.
  43. 44.0 44.1 "Navarre Corporation Announces Sale of FUNimation Entertainment". NBC News. Globe Newswire. April 4, 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 19, 2019. สืบค้นเมื่อ September 30, 2019.
  44. Loo, Egan (October 14, 2011). "Funimation, Niconico to Jointly License Anime". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 14, 2017. สืบค้นเมื่อ October 7, 2019.
  45. Sevakis, Justin (February 18, 2012). "Funimation.com to Launch Mobile Video App in March". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2019. สืบค้นเมื่อ October 7, 2019.
  46. "Dragon Ball Z: Battle of Gods". Box Office Mojo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ธันวาคม 27, 2018. สืบค้นเมื่อ มกราคม 5, 2019.
  47. "About Us: Funimation Films". Funimation Films. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2016. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  48. "Funimation and Universal Pictures Home Entertainment Enter Into Multi-Year Distribution Agreement" (Press release). June 22, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 23, 2015. สืบค้นเมื่อ June 22, 2015.
  49. Beveridge, Chris (July 17, 2015). "FUNimation Reveals (First?) October 2015 Anime Releases". The Fandom Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2015. สืบค้นเมื่อ December 30, 2016.
  50. "Introducting The Face Of Funimation!". Funimation. January 7, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  51. "Introducing Funimation's New Streaming Experience – FunimationNow". Funimation. January 7, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  52. "Funimation Now Launches in the U.K. and Ireland". Anime News Network. April 7, 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2020. สืบค้นเมื่อ January 20, 2021.
  53. Hodgkins, Crystalyn (September 8, 2016). "Crunchyroll, Funimation Announce Partnership to Share Content Via Streaming, Home Video, Est". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 19, 2016. สืบค้นเมื่อ September 9, 2016.
  54. Sakoui, Anousha (May 4, 2017). "Universal and Sony Are Eyeing 'Dragon Ball' Importer Funimation". Bloomberg. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 5, 2017. สืบค้นเมื่อ August 4, 2017.
  55. Eggerton, John (August 22, 2017). "Feds OK Sony Purchase of Funimation". Multichannel. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2020. สืบค้นเมื่อ August 20, 2020.
  56. Petski, Denise (July 31, 2017). "Sony Pictures TV Networks To Acquire Majority Stake in Funimation". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 2, 2017. สืบค้นเมื่อ August 1, 2017.
  57. Green, Scott (October 27, 2017). "Funimation Agrees To Be Acquired By Sony Pictures Television Networks". Crunchyroll. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2019. สืบค้นเมื่อ September 25, 2019.
  58. Frater, Patrick (February 16, 2018). "Chinese Animation 'Big Fish & Begonia' Set for April U.S. Release". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2018. สืบค้นเมื่อ May 14, 2018.
  59. Griffin, David; Stevens, Colin (July 12, 2018). "Funimation Is Bringing Dragon Ball Super: Broly to North American Theaters in 2019". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2018. สืบค้นเมื่อ July 23, 2018.
  60. Hipes, Patrick (August 7, 2018). "AT&T Acquires Rest Of Otter Media To Fold Into New WarnerMedia". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 17, 2018. สืบค้นเมื่อ November 23, 2019.
  61. 62.0 62.1 Ressler, Karen (October 18, 2018). "Funimation, Crunchyroll End Content-Sharing Partnership (Update)". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2018. สืบค้นเมื่อ December 9, 2019.
  62. Martinez, Phillip (December 13, 2018). "Funimation President Gen Fukunaga on Crunchyroll Split and Why Hulu Deal 'Makes Sense'". Newsweek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2019. สืบค้นเมื่อ December 9, 2019.
  63. Spangler, Todd (December 4, 2018). "Hulu Lands Funimation First-Look Deal for Japanese Anime Series (EXCLUSIVE)". Variety (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2019. สืบค้นเมื่อ March 9, 2019.
  64. Spangler, Todd (February 1, 2019). "Funimation Founder Gen Fukunaga Moves Into Chairman Role, Sony Seeks New GM for Anime Service (EXCLUSIVE)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2019. สืบค้นเมื่อ February 2, 2019.
  65. Spangler, Todd (May 6, 2019). "Sony's Funimation Taps Ex-Crunchyroll Exec Colin Decker as GM (EXCLUSIVE)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2019. สืบค้นเมื่อ May 7, 2019.
  66. Antonio Pineda, Rafael (March 23, 2019). "Funimation, bilibili Establish Partnership for Joint Anime Licensing". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2019. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
  67. 68.0 68.1 Wright, Marshall (May 29, 2019). "Funimation Acquires UK Anime Distributor Manga Entertainment Limited". Funimation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  68. Antonio Pineda, Rafael (July 5, 2020). "Funimation, Right Stuf/Nozomi Ent. Announce Partnership for Anime Streaming". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 31, 2020. สืบค้นเมื่อ March 6, 2020.
  69. 70.0 70.1 70.2 Spangler, Todd (September 24, 2019). "Sony Merges Anime Streaming Businesses Under Funimation-Led Joint Venture (EXCLUSIVE)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 20, 2019. สืบค้นเมื่อ September 24, 2019.
  70. "A Decade of Anime: Your Favorites of the 2010s". Funimation. December 9, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2022. สืบค้นเมื่อ March 2, 2022.
  71. Morrissy, Kim (December 31, 2019). "Funimation Reveals Results of 'Decade of Anime' Fan Polls". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2022. สืบค้นเมื่อ March 2, 2022.
  72. Sherman, Jennifer (January 25, 2020). "FunimationNow Streaming Content Moves to AnimeLab in Australia, New Zealand". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 25, 2020.
  73. "Join the Home Anime Club Watch-Along with Kodansha Comics and Funimation!". Funimation. May 1, 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  74. "Toradora!, Cardcaptor Sakura and More from the NIS America Catalog Come to Funimation". Funimation. May 4, 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  75. Peters, Megan (May 4, 2020). "Funimation Announces FunimationCon, a Virtual Anime Convention, for July". Comicbook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2020. สืบค้นเมื่อ May 5, 2020.
  76. Hayes, Dade (July 2, 2020). "Anime Specialist Funimation Plans Fall Streaming Expansion To Mexico And Brazil". Yahoo Sports. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2020. สืบค้นเมื่อ July 2, 2020.
  77. Rios, Josellie (July 3, 2020). "Siempre Más Anime: Funimation Streaming Arrives in Mexico and Brazil Fall 2020". Funimation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  78. Friedman, Nicholas (September 28, 2020). "Siempre Más Anime: Funimation Launches in Brazil and Mexico This December!". Funimation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  79. Antonio Pineda, Rafael (September 9, 2020). "Funimation Adds Terraformars, Coppelion, Gargantia, Megalobox Anime". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2020. สืบค้นเมื่อ September 28, 2020.
  80. Mateo, Alex (November 24, 2020). "Funimation Adds Mobile Suit Gundam, Gundam Unicorn, Gundam Seed, Gundam Seed Destiny Anime". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2021. สืบค้นเมื่อ October 4, 2021.
  81. "Manga Entertainment Rebrands to Funimation in UK/Ireland". Anime UK News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). April 12, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2021. สืบค้นเมื่อ April 12, 2021.
  82. Antonio Pineda, Rafael (June 10, 2021). "Australia, New Zealand Anime Streaming Service AnimeLab Rebrands as Funimation". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2021. สืบค้นเมื่อ June 10, 2021.
  83. Friedman, Nicholas (June 17, 2021). "Funimation Launches Today in Colombia, Chile and Peru". Funimation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2022. สืบค้นเมื่อ March 6, 2022.
  84. Saabedra, Humberto (September 2, 2021). "Animation Studio GONZO and Funimation Team Up To Remaster Mid-2000s Anime And Upload To YouTube". Crunchyroll. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 2, 2021. สืบค้นเมื่อ September 3, 2021.
  85. Spangler, Todd (December 9, 2020). "AT&T to Sell Crunchyroll to Sony's Funimation for $1.175 Billion". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2020. สืบค้นเมื่อ December 10, 2020.
  86. Mateo, Alex (March 24, 2021). "Report: U.S. Justice Department Extends Antitrust Review of Sony's Proposed Acquisition of Crunchyroll". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2021. สืบค้นเมื่อ March 24, 2021.
  87. "Sony's Funimation Global Group Completes Acquisition of Crunchyroll from AT&T". Sony Pictures Entertainment. August 9, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2021. สืบค้นเมื่อ August 18, 2021.
  88. Mateo, Alex (August 13, 2021). "Crunchyroll Confirms VRV as a Part of Sony Following Acquisition". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2021. สืบค้นเมื่อ August 15, 2021.
  89. Luster, Joseph (January 25, 2022). "Crunchyroll to Bring JUJUTSU KAISEN 0 Movie to Theaters on March 18". Crunchyroll. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2022. สืบค้นเมื่อ January 25, 2022.
  90. "Registration Statement". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2024. สืบค้นเมื่อ May 1, 2024.
  91. Spangler, Todd (March 1, 2022). "Crunchyroll Adds All Funimation Anime Content, Sony Starts to Phase Out Funimation Brand". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  92. Mateo, Alex (March 11, 2022). "Crunchyroll, Wakanim Suspend Services in Russia". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 6, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  93. "Donation to Humanitarian Aid in Ukraine Emergency". Sony Group Portal – Sony Global Headquarters. March 2, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2023. สืบค้นเมื่อ October 14, 2022.
  94. Mateo, Alex (April 5, 2022). "Funimation's YouTube Channel Becomes 'Crunchyroll Dubs' Channel". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2022. สืบค้นเมื่อ April 8, 2022.
  95. Hayes, Dave (April 19, 2022). "Crunchyroll CEO Colin Decker Steps Down, Passing Baton To Funimation Vet Rahul Purini As Sony Anime Integration Continues". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 19, 2022. สืบค้นเมื่อ April 20, 2022.
  96. "UPDATE: Funimation Titles Now Available on Crunchyroll (5/31)". Crunchyroll. March 1, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2023.
  97. "Your Guide to the Spring 2022 Anime Season on Crunchyroll and Funimation". Funimation. March 22, 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2023. สืบค้นเมื่อ June 5, 2023.
  98. McLoughlin, Aleksha (May 4, 2022). "Is Funimation free? How to get the best prices online in 2023". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 5, 2023. สืบค้นเมื่อ June 5, 2023.
  99. "Crunchyroll Closes Deal to Acquire Anime Superstore Right Stuf". Crunchyroll. August 4, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 4, 2022. สืบค้นเมื่อ August 4, 2022.
  100. Mateo, Alex (August 4, 2022). "Crunchyroll Purchases Anime Retailer Right Stuf". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2023. สืบค้นเมื่อ January 11, 2023.
  101. Loveridge, Lynzee (February 21, 2023). "Crunchyroll Lays off Approximately 85 Employees Globally". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 22, 2023. สืบค้นเมื่อ February 22, 2023.
  102. Sanchez, Sabrina (October 6, 2023). "Brands court Gen Z with anime as popularity surges". Campaign Asia. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 18, 2024. สืบค้นเมื่อ April 18, 2024.
  103. Tassi, Paul (February 8, 2024). "Sony's Crunchyroll Erasure Of Funimation Anime Libraries Is Inexcusable". Forbes. สืบค้นเมื่อ January 18, 2025.
  104. "Crunchyroll launches new campaign in Indonesia to celebrate more anime titles added". MARKETECH APAC. August 15, 2024. สืบค้นเมื่อ August 19, 2024.
  105. Ramachandran, Namam (March 17, 2025). "'Solo Leveling,' 'Demon Slayer' Outfits Aniplex and Crunchyroll Launch New Anime Production Venture Hayate". Variety. สืบค้นเมื่อ March 17, 2025.
  106. "アニプレックス、Crunchyrollの共同出資による アニメプロデュース会社HAYATE設立のお知らせ | ニュース | 株式会社アニプレックス". www.aniplex.co.jp (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-03-19.
  107. "Full Seasons of the Best Anime from FUNimation Channel Launch on JumpInMobile.TV – The New Mobile Video-on-Demand Service from Red Planet Media". Anime News Network. July 9, 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 10, 2008. สืบค้นเมื่อ July 9, 2008.
  108. Sevakis, Justin (April 29, 2016). "Is Funimation Entering the UK Market?". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 21, 2023. สืบค้นเมื่อ April 21, 2023.
  109. Osmond, Andrew (May 13, 2016). "Anime Limited to Distribute Funimation Titles". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  110. NormanicGrav (April 13, 2017). "My Hero Academia Season 1 smashes its way to the UK this May!". Anime UK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 3, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  111. Stevens, Josh A. (March 5, 2019). "Sony Confirms My Hero Academia Season 2, Part 1 for April Release". Anime UK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 3, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  112. Slykura (December 14, 2018). "Some insights". Madboards. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  113. Slykura (January 7, 2019). "In short, we have a new distribution agreement with Funimation which means that we are their local distributors NOT licensee, but distributor for their products". Madboards. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  114. Roth, Daniel (October 15, 2008). "Bittorrent: The Great Disrupter". danielroth.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2008. สืบค้นเมื่อ June 25, 2019.
  115. Macdonald, Christopher (ธันวาคม 7, 2005). "Funimation Enforces Intellectual Property Rights". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ สิงหาคม 6, 2020. สืบค้นเมื่อ สิงหาคม 20, 2020.
  116. Macdonald, Christopher (October 6, 2006). "Funimation Sends out Cease & Desist Letters For Multiple Anime". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 6, 2007. สืบค้นเมื่อ October 14, 2006.
  117. Manry, Gia (May 9, 2011). "Interview: Evan Stone". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  118. McSherry, Corynne (February 15, 2011). "Don't Mess With Texas: Another Texas Judge Scrutinizes Mass Copyright Litigation". EFF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  119. Manry, Gia (March 24, 2011). "Funimation Dismisses Its One Piece BitTorrent Lawsuit". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  120. Manry, Gia (March 22, 2011). "Downloaded Sora no Otoshimono Copy Shown at Funimation Studio". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  121. Loo, Egan (August 18, 2008). "3 Titles' Fansubs Pulled on Behalf of Japan's d-rights". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 25, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  122. Enigmax (June 8, 2012). "Student Fined For Running Movie & TV Show Subtitle Download Site". TorrentFreak. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 14, 2012. สืบค้นเมื่อ October 19, 2012.
  123. "FUNimation Entertainment v. DOES 1 – 1,427 (2:11-cv-00269)". courtlistener. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2021. สืบค้นเมื่อ October 18, 2021.
  124. Hodgkins, Crystalyn (January 13, 2012). "Funimation Sues A.D. Vision, Sentai, Others for US$8 Million". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2012. สืบค้นเมื่อ January 13, 2012.
  125. Loveridge, Lynzee (May 20, 2014). "Funimation v. ADV Lawsuit Settled, Dismissed". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 30, 2014. สืบค้นเมื่อ May 29, 2014.
  126. Loveridge, Lynzee (July 29, 2019). "Mignogna Deposition: The Funimation Investigation". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2019. สืบค้นเมื่อ July 30, 2019.
  127. Hodgkins, Crystalyn (April 19, 2019). "Vic Mignogna Sues Funimation, Jamie Marchi, Monica Rial, Ronald Toye". Anime News Network. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 19, 2019. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
  128. Sherman, Jennifer (June 12, 2019). "Funimation Files Response to Vic Mignogna's Lawsuit". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2019. สืบค้นเมื่อ July 3, 2019.
  129. Pineda, Rafael Antonio (July 3, 2019). "Funimation Files Anti-SLAPP Motion to Dismiss Vic Mignogna's Lawsuit". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2019. สืบค้นเมื่อ July 4, 2019.
  130. Pineda, Rafael Antonio (July 22, 2019). "Monica Rial, Ronald Toye, Jamie Marchi Also File Motions to Dismiss Vic Mignogna's Lawsuit". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2019. สืบค้นเมื่อ July 28, 2019.
  131. Grisby, Sharon (August 3, 2019). "Anime gets its #MeToo moment in clash between Dallas-area voice actors". The Dallas Morning News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 4, 2019. สืบค้นเมื่อ August 4, 2019.
  132. Loveridge, Lynzee (September 6, 2019). "Mignogna's Civil Case Against Voice Actress Jamie Marchi Dismissed". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  133. Mateo, Alex (October 4, 2019). "Vic Mignogna's Civil Case Against Funimation, Voice Actress Monica Rial, Ron Toye Dismissed". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2019. สืบค้นเมื่อ October 6, 2019.
  134. 136.0 136.1 Pineda, Rafael Antonio (October 30, 2019). "Monica Rial, Ron Toye, Jamie Marchi, Funimation File Motion to Dismiss Vic Mignogna's Appeal". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2020. สืบค้นเมื่อ December 31, 2019.
  135. "2nd Court Of Appeals' Order Denying Appellee's Motion to Dismiss". Second Court of Appeals, Fort Worth. December 11, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 6, 2020. สืบค้นเมื่อ April 10, 2020.
  136. Sherman, Jennifer (November 5, 2019). "Funimation Files Motion to Recover Attorney's Fees for Vic Mignogna's Lawsuit (Update)". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 5, 2019. สืบค้นเมื่อ December 9, 2019.
  137. Sherman, Jennifer (November 27, 2019). "Judge Rules Vic Mignogna Must Pay US$238,042 to Defendants in Lawsuit". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 15, 2019. สืบค้นเมื่อ December 18, 2019.
  138. Pineda, Rafael Antonio (May 26, 2019). "Kojicast Sues Funimation Over Alleged Patent Infringment for Media Casting". Anime News Network (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 26, 2019. สืบค้นเมื่อ May 26, 2019.
  139. Hodgkins, Crystalyn (February 8, 2021). "Funimation Faces Class-Action Lawsuit for Allegedly Violating Americans with Disabilities Act (Updated)". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2021. สืบค้นเมื่อ February 8, 2021.
  140. Mateo, Alex (April 6, 2021). "Funimation Reaches Settlement in Class-Action Lawsuit Over Allegedly Violating Americans with Disabilities Act". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2021.
  1. ชื่อตรงตามที่แสดงไว้ Delaware corporations registry under file no. 2672363.
  2. ส่วนหนึ่งของ โซนี่มิวสิคเอ็นเตอร์เทนเมนต์ญี่ปุ่น

ลิ้งค์ภายนอก

[แก้]