การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550
|
|
ทั้งหมด 480 ที่นั่งในรัฐสภาไทย |
---|
|
First party
|
Second party
|
Third party
|
|
|
|
|
ผู้นำ
|
สมัคร สุนทรเวช
|
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
|
บรรหาร ศิลปอาชา
|
พรรค
|
พลังประชาชน
|
ประชาธิปัตย์
|
ชาติไทย
|
เขตของผู้นำ
|
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
|
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
|
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
|
เลือกตั้งล่าสุด
|
ไม่ได้ลงเลือกตั้ง
|
96 [1]
|
27
|
ที่นั่งที่ชนะ
|
233
|
165
|
37
|
ที่นั่งเปลี่ยน
|
233
|
69
|
10
|
คะแนนเสียง
|
26,293,456 (แบบแบ่งเขต) 12,331,381 (แบบสัดส่วน)
|
21,745,696 (แบบแบ่งเขต) 12,138,960 (แบบสัดส่วน)
|
|
%
|
36.63% (แบบแบ่งเขต) 41.08% (แบบสัดส่วน)
|
30.30% (แบบแบ่งเขต) 40.44% (แบบสัดส่วน)
|
|
|
|
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และครั้งแรกภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550[2] ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 480 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวน 80 คน
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขตและนอกเขตวันที่ 15-16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยต้องไปลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดได้ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ส่วนเลือกตั้งในเขตไม่ต้องลงทะเบียน แต่ไปใช้สิทธิได้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต
วันที่ 26 ตุลาคม 2550 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต[3] จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด มี 400 คนจาก 76 จังหวัด
- เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คน
- มีเขตเลือกตั้งเดียว
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 1 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ ระนอง สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ตราด
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 2 คน มี 10 จังหวัด ได้แก่ พังงา นครนายก แม่ฮ่องสอน สตูล อ่างทอง ภูเก็ต อุทัยธานี มุกดาหาร ชัยนาท อำนาจเจริญ
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 3 คน มี 17 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ลำพูน ปราจีนบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร อุตรดิตถ์ ยะลา แพร่ น่าน ชุมพร พะเยา ประจวบคีรีขันธ์ หนองบัวลำภู จันทบุรี พัทลุง ตาก สระแก้ว
- เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี ส.ส.ได้เกิน 3 คน
- มี 2 เขตเลือกตั้ง
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 4 คน มี 11 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร พิจิตร ระยอง ตรัง สุโขทัย สระบุรี เลย ปัตตานี ฉะเชิงเทรา นครพนม นราธิวาส
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 5 คน มี 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ลำปาง นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พิษณุโลก
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 6 คน มี 7 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี หนองคาย มหาสารคาม สุราษฏร์ธานี กาฬสินธุ์ นนทบุรี เพชรบูรณ์
- มี 3 เขตเลือกตั้ง
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 7 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สมุทรปราการ สกลนคร ชัยภูมิ
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 8 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี เชียงราย ร้อยเอ็ด สงขลา
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 9 คน มี 2 จังหว้ด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ
- มี 4 เขตเลือกตั้ง
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 10 คน มี 3 จังหว้ด ได้แก่ นครศรีธรรมราช อุดรธานี บุรีรัมย์
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 11 คน มี 3 จังหว้ด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี
- มี 6 เขตเลือกตั้ง
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 16 คน มี 1 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา
- มี 12 เขตเลือกตั้ง
- จังหวัดที่มี ส.ส.ได้ 36 คน มี 1 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร
- เขต 1 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตบางรัก เขตปทุมวัน เขตราชเทวี
- เขต 2 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตคลองเตย เขตวัฒนา
- เขต 3 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตดินแดง เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตลาดพร้าว
- เขต 4 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตบางซื่อ เขตหลักสี่ เขตจตุจักร เขตพญาไท
- เขต 5 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตบางเขน เขตสายไหม เขตดอนเมือง
- เขต 6 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตหนองจอก เขตคลองสามวา เขตคันนายาว เขตบึงกุ่ม
- เขต 7 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตบางกะปิ เขตสะพานสูง เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง
- เขต 8 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา เขตพระโขนง
- เขต 9 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตบางกอกใหญ่ เขตจอมทอง
- เขต 10 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตราษฏร์บูรณะ เขตทุ่งครุ เขตบางขุนเทียน เขตบางบอน
- เขต 11 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตภาษีเจริญ เขตบางแค เขตหนองแขม
- เขต 12 มี ส.ส.ได้ 3 คน คือ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตตลิ่งชัน เขตทวีวัฒนา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน
วันที่ 17 ตุลาคม 2550 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. แบบสัดส่วน[4][5] มี 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มมี ส.ส. 10 คน ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 มีจำนวน 11 จังหวัด ประชากรรวม 7,615,610 คน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, พะเยา, น่าน, ลำปาง, ลำพูน, แพร่, สุโขทัย, ตาก และกำแพงเพชร
- กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 9 จังหวัด ประชากรรวม 7,897,563 คน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, ลพบุรี, นครสวรรค์ และอุทัยธานี
- กลุ่มที่ 3 มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,959,163 คน ได้แก่ จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, เลย, นครพนม, สกลนคร, หนองบัวลำภู, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, มหาสารคาม และอำนาจเจริญ
- กลุ่มที่ 4 มีจำนวน 6 จังหวัด ประชากรรวม 7,992,434 คน ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด, ยโสธร, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์
- กลุ่มที่ 5 มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,818,710 คน ได้แก่ นครราชสีมา, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และปทุมธานี
- กลุ่มที่ 6 มีจำนวน 3 จังหวัด ประชากรรวม 7,802,639 คน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และสมุทรปราการ
- กลุ่มที่ 7 มีจำนวน 15 จังหวัด ประชากรรวม 7,800,965 คน ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
- กลุ่มที่ 8 มีจำนวน 12 จังหวัด ประชากรรวม 7,941,622 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, พังงา, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ภูเก็ต, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และยะลา
หมายเลขพรรคในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน
หมายเลขประจำพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบสัดส่วน ซึ่งเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550[6] (19 พรรคแรกได้จากการจับสลากเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน) [7] หมายเลขเหล่านี้ไม่เหมือนกับ ส.ส.แบบแบ่งเขตที่เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550[8]
สถิติผู้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วน
จากรายงานของ กกต.[6] สรุปได้ว่าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 8 กลุ่มจังหวัด มี 10 พรรค จากทั้งหมด 31 พรรค จำนวนผู้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วนมีจำนวนรวม 1,260 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ชายร้อยละ 78.57 ที่เหลือเป็นผู้หญิง กลุ่มจังหวัดที่ 6 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งมากที่สุด (19.05%) กลุ่มจังหวัดที่ 2 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งน้อยที่สุด (9.52%) ผู้สมัครส่วนใหญ่ (33.33%) มีธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขาย ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี และมีอายุระหว่าง 51-60 ปี รองลงไปคือ 41-50 ปี
ผล Exit Poll
หลังจากมีการปิดหีบการเลือกตั้ง ผล Exit Poll จากหน่วยงานต่าง ๆ มีดังนี้
สวนดุสิตโพล
+ผล Exit Poll จากสวนดุสิตโพล [9]
|
พรรค |
แบ่งเขต |
สัดส่วน |
รวม
|
พรรคพลังประชาชน
|
221 |
35 |
256
|
พรรคประชาธิปัตย์
|
127 |
35 |
162
|
พรรคชาติไทย
|
24 |
5 |
29
|
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
|
14 |
1 |
15
|
พรรคเพื่อแผ่นดิน
|
8 |
2 |
10
|
พรรคประชาราช
|
3 |
1 |
4
|
พรรคมัชฌิมาธิปไตย
|
3 |
1 |
4
|
รวม
|
400 |
80 |
480
|
เอแบคโพล
+ผล Exit Poll จากเอแบคโพล [10]
|
พรรค |
แบ่งเขต |
สัดส่วน |
รวม
|
พรรคพลังประชาชน
|
165 |
37 |
202
|
พรรคประชาธิปัตย์
|
111 |
35 |
146
|
พรรคชาติไทย
|
46 |
3 |
49
|
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
|
17 |
2 |
19
|
พรรคเพื่อแผ่นดิน
|
39 |
3 |
42
|
พรรคประชาราช
|
7 |
0 |
7
|
พรรคมัชฌิมาธิปไตย
|
15 |
0 |
15
|
รวม
|
400 |
80 |
480
|
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
+ผล Exit Poll จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง [11]
|
พรรค |
แบ่งเขต |
สัดส่วน |
รวม
|
พรรคพลังประชาชน
|
218 |
37 |
255
|
พรรคประชาธิปัตย์
|
125 |
34 |
159
|
พรรคชาติไทย
|
33 |
5 |
38
|
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
|
13 |
1 |
14
|
พรรคเพื่อแผ่นดิน
|
10 |
3 |
13
|
พรรคประชาราช
|
1 |
0 |
1
|
พรรคมัชฌิมาธิปไตย
|
0 |
0 |
0
|
รวม
|
400 |
80 |
480
|
ผลการเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 มีดังนี้[12]
ผลการเลือกตั้งซ่อม 11 มกราคม 2552
การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 สกลนคร
ป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสกลนคร แทนที่ พงษ์ศักดิ์ บุญศล ซี่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี โดยมีการเลือกตั้งในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ซึ่งมีผู้สมัคร 2 คน คือ นางอนุรักษ์ บุญศล (พรรคเพื่อไทย) กับนายพิทักษ์ จันทศรี (พรรคภูมิใจไทย) ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นางอนุรักษ์ บุญศล เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งซ่อม เขต 6 กรุงเทพมหานคร
เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) แทนที่ นายทิวา เงินยวง ซึ่งถึงแก่กรรมไปก่อนหน้านี้ โดยมีการเลือกตั้งในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งมีผู้สมัครคนสำคัญ 2 คน คือ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ (พรรคประชาธิปัตย์) กับนายก่อแก้ว พิกุลทอง (พรรคเพื่อไทย) ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 สุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2553
ดูบทความหลักที่ การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 สุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2553
เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสุราษฎร์ธานี แทนที่ นายชุมพล กาญจนะ ซึ่งถูกตัดสิทธิ์จากการเมืองเป็นระยะ 5 ปี โดยมีการเลือกตั้งในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งมีผู้สมัครคนสำคัญ 2 คน คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (พรรคประชาธิปัตย์) กับนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ (พรรคเพื่อไทย) ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งซ่อมเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553
สืบเนื่องจากการที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง 5 ตำแหน่ง ตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จึงได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งดังกล่าว ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสุรินทร์
กรุงเทพมหานคร
พระนครศรีอยุธยา
นครราชสีมา
ขอนแก่น
สุรินทร์
สรุปจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรค
ณ 23 เมษายน พ.ศ. 2553[13]
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
|
---|
ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2475–2516 |
---|
|
|
ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2516–2544 |
---|
|
|
ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2544–ปัจจุบัน |
---|
ลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย พ.ศ. 2544–ปัจจุบัน แถวแรก: = รัฐประหาร (คลิกเพื่อดูบทความ), การเลือกตั้งทั่วไป (คลิกเพื่อดูบทความ); แถวสอง: รายชื่อนายกรัฐมนตรี; แถวสาม: รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่)
นายกรัฐมนตรีจากรัฐประหาร |
|
|
---|
| | ตัวเอียง หมายถึง ฉบับชั่วคราว |
|
|
|
เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง |
---|
|
|