การอธิษฐานในศาสนาพุทธ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อธิษฐาน ( อ่าน อะ-ทิด-ถาน ) มีสองความหมาย ความหมายแรกคือ การตั้งมั่นหรือการตัดสินใจ และความหมายที่สองคือ การตั้งใจหรือการผูกใจ

อธิษฐานในความหมายของการตั้งมั่น[แก้]

อธิษฐาน แปลว่า การตั้งมั่น การตัดสินใจ การตั้งความปรารถนา ทั่วไปหมายถึงการตั้งใจมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง, การตั้งจิตร้องขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์, การนึกปรารถนาสิ่งที่ต้องการจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระ นึกอธิษฐานในใจ ขอให้เดินทางแคล้วคลาด เป็นต้น

คำว่า อธิษฐาน ในคำวัด หมายถึง ความตั้งใจมั่นคงตัดสินใจรักษาสัจจะ ตั้งใจประกอบความเพียร ตั้งใจเสียสละ ตั้งใจทำบุญ ตั้งใจหาความสงบ เป็นต้น

อธิษฐานในความหมายของการตั้งใจ[แก้]

อธิษฐาน แปลว่า การตั้งใจไว้ การผูกใจไว้ ใช้คู่กับคำว่า ปัจจุธรณ์ ที่แปลว่า ถอนคืน, การถอนคืน เป็นภาษาพระวินัย คือมีธรรมเนียมว่าเมื่อพระสงฆ์ได้ผ้ามาใหม่ ตั้งใจจะใช้เป็นผ้าชนิดใด เช่น เป็นสบงสำหรับนุ่ง เป็นจีวรสำหรับห่ม ก็อธิษฐาน คือตั้งใจกำหนดผูกใจไว้ ว่า จะใช้สอยเป็นผ้าชนิดนั้น เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วเป็นอันถูกต้อง และใช้สอยได้ตามพระวินัย เรียกผ้านั้นว่า ผ้าอธิษฐาน ผ้าครอง หรือ สบงอธิษฐาน จีวรอธิษฐาน

แม้บาตรก็ต้องอธิษฐานก่อนนำใช้บิณฑบาตทุกครั้งเช่นกัน โดยว่าดังนี้ ๓ หน “อิมัง ปัตตัง อะธิฏฐามิ” เมื่ออธิษฐานแล้วเรียกว่า บาตรอธิษฐาน

มีคำสำหรับอธิษฐานตามพระวินัยโดยเฉพาะเมื่อต้องการจะเลิกใช้หรือเปลี่ยนใหม่ก็ทำได้โดยการปัจจุธรณ์เสียก่อน

คำขอขมาและอธิฐานจิต

อธิฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดมนต์ก่อนนอน

(ตั้งนะโม ๓ จบ)

สัพพัง อะปะระธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะคะตัง สัพพัง ทะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต



อ้างอิง[แก้]