การวางยาพิษเซียร์เกย์และยูเลีย สกรีปาล
การวางยาพิษเซียร์เกย์และยูเลีย สกรีปาล | |
---|---|
![]() สถานที่เกิดเหตุที่มีม้านั่งที่เซียร์เกย์กับยูเลีย สกรีปาลหมดสติ | |
สถานที่ | ซอลส์บรี, วิลท์เชอร์, สหราชอาณาจักร |
วันที่ | 4 มีนาคม ค.ศ. 2018 |
เป้าหมาย | เซียร์เกย์ สกรีปาล ยูเลีย สกรีปาล |
อาวุธ | A-234 (สงาัยว่าใช้อาวุธเคมี) |
ผู้เสียหาย | 3 คนถูกส่งไปโรงพยาบาล (ต่อมาถูกปล่อยตัว): เซียร์เกย์และยูเลีย สกรีปาล Det Sgt Nick Bailey, ตำรวจวิลท์เชอร์ สองคนถูกวางยาพิษในภายหลัง หนึ่งคนเสียชีวิต died |
ผู้ต้องหา | คนชาติรัสเซีย "Alexander Petrov" (ถูกกล่าวหาในนามแฝงDr. Alexander Mishkin[1]) กับ "Ruslan Boshirov"[2][3] (ถูกกล่าวหาในนามแฝงพันเอก Anatoliy Chepiga)[4] |
วันที่ 4 มีนาคม 2561 อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทหารรัสเซียและสายลับบริติช เซียร์เกย์ สกรีปาล (Sergei Skripal) และธิดา ยูเลีย สกรีปาล (Yulia Skripal) ถูกวางยาพิษในซอลส์บรี ประเทศอังกฤษ ด้วยสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโนวีชอก (Novichok) ตามแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักร[5][6] วันที่ 26 มีนาคม 2561 เซียร์เกย์ยังบาดเจ็บสาหัสในโรงยาบาลและแพทย์ระบุว่า เขาอาจไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์อีก[7][8] ไม่นานจากนั้น ยูเลียได้สติอีกครั้งและพูดได้[9] จ่าสืบสวน นิก ไบเลย์ (Nick Bailey) ก็อยู่ในการอภิบาลหลังได้รับการปนเปื้อนเมื่อเขาเข้าบ้านของเซียร์เกย์ สกรีปาล ในวันที่ 22 มีนาคม เขาฟื้นตัวเพียงพอออกจากโรงพยาบาล มีอีก 46 คนขอคำแนะนำทางการแพทย์หลังเกิดเหตุ แต่ไม่มีผู้ใดต้องได้รับการรักษา[10]
ในคริสต์ทศวรรษ 1990 เซียร์เกย์ สกรีปาลเป็นนายทหารในหน่วยอำนวยการข่าวกรองหลักของรัสเซีย (GRU) และทำงานเป็นสายลับสองหน้าให้ราชการข่าวกรองลับของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2538 จนถูกจับกุมในกรุงมอสโกในเดือนธันวาคม 2547 เขาถูกพิพากษาลงโทษฐานกบฏต่อแผ่นดินและถูกศาลรัสเซียตัดสินจำคุกในนิคมเรือนจำ 13 ปีในปี 2549 เขาตั้งรกรากในสหราชอาณาจักรในปี 2553 หลังการแลกเปลี่ยนสายลับ เซียร์เกย์เป็นพลเมืองบริติช[11] ยูเลียเป็นพลเมืองรัสเซีย[12][13] และเดินทางจากกรุงมอสโกเพื่อเข้าพบบิดา
ต่อมาในเดือนมีนาคม รัฐบาลบริติชกล่าวหารัสเซียว่าพยายามฆ่าและประกาศมาตรการลงโทษหลายอย่างต่อประเทศรัสเซีย รวมทั้งการขับนักการทูต การประเมินเหตุการณ์อย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรซึ่งใช้มาตรการขับนักการทูตรัสเซียเช่นกัน ประเทศรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาและตอบสนองด้วยการขับนักการทูตเช่นกัน และกล่าวหาบริเตนว่าเป็นผู้วางยาพิษเสียเอง[14]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Second Skripal Poisoning Suspect Identified as Dr. Alexander Mishkin. 2018. Bellingcat. 8 Oct. https://www.bellingcat.com/news/uk-and-europe/2018/10/08/second-skripal-poisoning-suspect-identified-as-dr-alexander-mishkin/. Retrieved: 9 October 2018.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBBCnames
- ↑ "Russia's GRU: The murky spy agency behind the Salisbury poisoning, a failed coup and US election hack". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 5 September 2018.
- ↑ "GRU colonel Chepiga revealed as Skripal suspect's 'real identity'". BBC News. 26 September 2018. สืบค้นเมื่อ 26 September 2018.
- ↑ Asthana, Anushka; Roth, Andrew; Harding, Luke; MacAskill, Ewen (12 March 2018). "May issues ultimatum to Moscow over Salisbury poisoning". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 13 March 2018.
- ↑ Dodd, Vikram; Harding, Luke; MacAskill, Ewen (8 March 2018). "Sergei Skripal: former Russian spy poisoned with nerve agent, say police". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 8 March 2018.
- ↑ "More than 130 people could have been exposed to novichok, PM says". The Guardian. 26 March 2018.
- ↑ "A poisoned Russian spy and his daughter may never recover their full mental functions, a British judge said". Newsweek. 23 March 2018.
- ↑ "Russian spy: Yulia Skripal 'conscious and talking'". BBC News. 29 March 2018. สืบค้นเมื่อ 29 March 2018.
- ↑ "Spy poisoning: Putin most likely behind attack - Johnson". BBC News. 16 March 2018. สืบค้นเมื่อ 28 March 2018.
- ↑ "May to announce measures against Russia". BBC News. 14 March 2018. สืบค้นเมื่อ 15 March 2018.
- ↑ "Лавров заявил о российском гражданстве Юлии Скрипаль". РБК. สืบค้นเมื่อ 15 March 2018.
- ↑ "В МИДе прокомментировали историю с экс-полковником ГРУ Скрипалем". РБК. สืบค้นเมื่อ 15 March 2018.
- ↑ "Russia claims it could have been in interests of Britain to poison Sergei Skripal". The Independent. 2 April 2018. สืบค้นเมื่อ 3 April 2018.