การบินตระเวนรบ

การบินตระเวนรบ[1] หรือ การบินรบรักษาเขต[2] (อังกฤษ: combat air patrol: CAP) เป็นประเภทหนึ่งของภารกิจบินสำหรับเครื่องบินขับไล่ การบินตระเวนรบคือการตรวจตราทางอากาศที่ดำเนินการเหนือพื้นที่เป้าหมาย เหนือกองกำลังที่ได้รับการปกป้อง เหนือพื้นที่สำคัญของเขตหน้า หรือเหนือพื้นที่ป้องกันทางอากาศ เพื่อจุดประสงค์ในการสกัดกั้นและทำลายเครื่องบินข้าศึกก่อนที่พวกเขาจะไปถึงเป้าหมาย การบินตระเวนรบใช้กับทั้งปฏิบัติการบนบกและบนน้ำ เพื่อปกป้องเครื่องบินลำอื่น สถานที่ประจำที่และเคลื่อนที่บนบก หรือเรือในทะเล
การบินตระเวนรบ รู้จักในชื่อย่อว่า CAP โดยทั่วไปหมายถึงเครื่องบินขับไล่ที่บินตามรูปแบบยุทธวิธีหรือคัดกรองเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันในขณะที่มองหาผู้โจมตีที่กำลังเข้ามา รูปแบบการบินตระเวนรบที่มีประสิทธิภาพอาจรวมถึงเครื่องบินที่ประจำตำแหน่งทั้งในระดับความสูงและต่ำ เพื่อลดเวลาตอบสนองเมื่อตรวจพบการโจมตี การบินตระเวนรบสมัยใหม่ได้รับการควบคุมโดยการสกัดกั้นที่ควบคุมจากพื้นดิน (GCI) หรือ ระบบเตือนภัยล่วงหน้าและควบคุมทางอากาศ (AWACS) เพื่อให้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าสูงสุดสำหรับปฏิกิริยาป้องกัน
การบินตระเวนรบช่วงแรก ๆ เป็นลักษณะเฉพาะของปฏิบัติการของเรือบรรทุกอากาศยาน โดยการบินตระเวนรบจะถูกใช้บินเพื่อปกป้องหมู่เรือบรรทุกอากาศยาน แต่คำศัพท์นี้ได้กลายเป็นคำทั่วไปสำหรับการปฏิบัติการบินทั้งบนบกและบนเรือ ปฏิบัติการปิดล้อมแตกต่างจากเครื่องบินขับไล่คุ้มกันตรงที่กองกำลังการบินตระเวนรบจะไม่ผูกมัดกับหมู่เรือที่ตนปกป้อง ไม่ถูกจำกัดด้วยระดับความสูงและความเร็วที่บิน และมีความยืดหยุ่นทางยุทธวิธีในการเข้าโจมตีภัยคุกคาม เครื่องบินขับไล่คุ้มกันมักจะอยู่กับทรัพยากรที่ตนสนับสนุนและด้วยความเร็วของหมู่ที่ได้รับการสนับสนุนในฐานะกองกำลังตอบโต้ขั้นสุดท้ายต่อภัยคุกคามในระยะใกล้ เมื่อเครื่องบินคุ้มกันเข้าโจมตี กองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจะไม่ได้รับการปกป้อง
ประเภทการบินตระเวนรบ
[แก้]ส่วนนี้มีผลใช้เฉพาะกับกองทัพสหรัฐเท่านั้น กองท้พสหรัฐใช้การบินตระเวนรบหลายประเภทนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง:
- BARCAP: "การบินตระเวนรบเป็นฉากขัดขวาง" หรือ "การบินรบรักษาเขตเป็นฉากขัดขวาง"[1] (Barrier combat air patrol) ในแง่ของทัพเรือ (fleet) ภารกิจที่บินระหว่างหมู่เรือบรรทุกอากาศยานและทิศทางที่มีแนวโน้มสูงสุดที่ศัตรูจะโจมตี นอกจากนี้ยังหมายถึงเครื่องบินขับไล่ที่วางไว้ระหว่างกองกำลังโจมตีของฝ่ายเราและพื้นที่ที่คาดว่าจะมีภัยคุกคามทางอากาศ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า "MiG screen"
- BATCAP: การบินตระเวนรบในช่วงเย็น[3]
- CAP/Strike: อากาศยานที่มีบทบาทหลักในการโจมตี CAP และบทบาทการโจมตีรอง อากาศยานดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ทิ้งระเบิดโจมตีและไล่ตามเครื่องบินศัตรูที่พบเห็น และไม่จำกัดเฉพาะการเผชิญหน้าเพื่อการป้องกันเท่านั้น
- DADCAP: การบินตระเวนรบตั้งแต่เช้าจรดค่ำ[3]
- FastCAP: การบินตระเวนรบเพื่อปกป้องเครื่องบินขับไล่โจมตี
- FORCAP: "กองกำลังบินตระเวนรบ" (Force combat air patrol) คือหน่วยลาดตระเวนของเครื่องบินขับไล่ที่ควบคุมดูแลกองกำลังโจมตี โดยหลักแล้วเป็นหน่วยคุ้มกัน
- HAVCAP: "การบินตระเวนรบมูลค่าทรัพย์สินสูง" (High asset value combat air patrol) บินเพื่อปกป้อง "ทรัพย์สินมูลค่าสูง" เช่น เครื่องบิน AWACS หรือ J-STARS เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ หรือเครื่องบินข่าวกรอง เฝ้าระวัง และลาดตระเวน (ISR) ในช่วงเวลาที่กำหนดบนสถานี เรียกอีกอย่างว่า HVAACAP สำหรับ "การบินตระเวนรบที่มีมูลค่าสูง" (high value airborne asset CAP)[4][5][6]
- JACKCAP: การบินตระเวนรบครอบคลุมพื้นที่สี่ส่วนด้วยฉากกำบังอีกฉากหนึ่ง[3]
- MiGCAP: ใช้เป็นหลักในช่วงสงครามเวียดนาม MiGCAP ถูกใช้เพื่อโจมตีเครื่องบิน MiG โดยเฉพาะ ในช่วงปฏิบัติการไลน์แบ็คเกอร์ได้มีการจัดระเบียบอย่างเข้มข้นและมี 3 ประการ ดังนี้
- MiGCAP ขาเข้า 2–3 เที่ยวบิน (เครื่องบินขับไล่ 8–12 ลำ) ซึ่งอยู่ก่อนกองกำลังสนับสนุนชุดแรก เช่นเครื่องบินทิ้งระเบิดเป้าลวง หรือต่อต้าน SAM และยังคงอยู่จนกระทั่งออกจากเขตศัตรู
- พื้นที่เป้าหมาย MiGCAP ของเที่ยวบินอย่างน้อย 2 เที่ยวบิน ก่อนหน้าการโจมตีจริงทันที
- เครื่องบิน MiGCAP ขาออก 1 หรือ 2 เที่ยวบิน ที่มาถึงสถานีที่จุดทางออกที่คาดการณ์ไว้ 10 นาที ก่อนเวลาขาออกเร็วที่สุด เครื่องบิน MiGCAP ขาออกทุกเที่ยวบินได้รับการเติมน้ำมันจากเครื่องบินเติมน้ำมันจนเต็มถังและนำผู้โดยสารออกจากพื้นที่เป้าหมาย CAP
- RAPCAP: การบินตระเวนรบยามเรดาร์[3]
- RESCAP: "การบินตระเวนรบกู้ภัย" (Rescue combat air patrol) กำลังเครื่องบินขับไล่ มักมาจากเครื่องบินที่อยู่ในพื้นที่แล้ว ใช้เพื่อปกป้องบุคลากรบนพื้นดิน (เช่น นักบินที่ถูกยิงตก) จากภัยคุกคามภาคพื้นดิน รวมถึงเครื่องบินค้นหาและกู้ภัยในการรบหรือหน่วยกู้ภัยอื่น ๆ จากภัยคุกคามทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ
- SARCAP: "การบินตระเวนรบค้นหาและกู้ภัย" (Search and rescue combat air patrol) รุ่นก่อนหน้าของ RESCAP
- SCOCAP: การบินตระเวนรบสอดแนม[3]
- Slow CAP: การบินตระเวนรบเพื่อปกป้องเครื่องบินที่บินช้า เช่น EA-3B / EKA-3B, P-3A / P-3B, EB-66 / RB-66, B-52 หรือ EC-121 ในช่วงสงครามเวียดนาม โดยถูกแทนที่ด้วย "HAVCAP"
- Strike/CAP: เครื่องบินที่ทำหน้าที่โจมตีเป็นหลักและป้องกันภัยทางอากาศเป็นรอง ได้รับอนุญาตให้ทิ้งอาวุธโจมตีและโจมตีเครื่องบินของศัตรูได้เฉพาะเมื่อถูกโจมตีโดยตรงเท่านั้น Strike/CAP ยังมีหน้าที่ถอนตัวจาก CAP เมื่อส่งอาวุธโจมตีไปยังเป้าหมายแล้ว
- TARCAP: "การบินตระเวนรบเป้าหมาย" (Target combat air patrol) บินเหนือหรือใกล้เป้าหมายการโจมตีเพื่อปกป้องเครื่องบินโจมตีเฉพาะทาง เช่น เครื่องบินล็อกฮีด เอซี-130 จากเครื่องบินขับไล่ของศัตรู
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 พจนานุกรมศัพท์ทหาร อังกฤษ-ไทย ฉบับใช้ร่วมสามเหล่าทัพ พ.ศ. 2558 (PDF). สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ. 2558. p. 51. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2025-05-30.
- ↑ คู่มือศัพท์ และ คำย่อทางทหาร (PDF). เอส.อาร์.พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์. 2547. pp. 3–148. ISBN 9747517701.[ลิงก์เสีย]
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Reynolds, Clark G. (1968). The Fast Carriers: The Forging of an Air Navy. New York: McGraw Hill Book Company. p. 290.
- ↑ "All Weather Intercept (AWI) Flight Training Instruction" (PDF). U.S. Navy. 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ October 23, 2016. สืบค้นเมื่อ 13 August 2020.
- ↑ "All Weather Intercept (AWI) - 2017; CNATRA P-825 (02-17)". SCRIBD.com. Naval Air Training Command, NAS Corpus Christi, Texas. สืบค้นเมื่อ 12 March 2025.
- ↑ Samborowski, Leonard J. (1992). The Joint Surveillance Target Attack Radar System: Can Procedures be Developed to Support the Requirements of the Land And Air Component Commanders? (PDF). Defense Technical Information Center (วิทยานิพนธ์). U.S. Army Command and General Staff College. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2019. สืบค้นเมื่อ 13 August 2020.
บรรณานุกรม
[แก้]- Futrell, L. Frank, et al. (1976) United States Air Force in Southeast Asia: Aces and Aerial Victories - 1965–1973, Air University, Headquarters USAF, on-line edition
- Griffith, Paddy (1991). The Ultimate Weaponry. Sidgwick & Jackson.