ข้ามไปเนื้อหา

กัลปพฤกษ์ (ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ประติมากรรมนูนต่ำรูปกัลปพฤกษ์ ห้อมล้อมด้วยกินนร-กินรีและอัปสร บนผนังภายนอกของจัณฑิปาวน พุทธศาสนสถานสร้างขึ้นศตวรรษที่ 8 บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย

กัลปพฤกษ์[note 1] (สันสกฤต: कल्पवृक्ष, แปลตรงตัว'ต้นไม้กัลป์', kalpavṛkṣa, กลฺปวฺฤกฺษ) เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าให้ผลสำเร็จตามความปรารถนา ปรากฏในคติของศาสนาฮินดู, ศาสนาไชนะ และ ศาสนาพุทธ[1] ที่ซึ่งมีการใช้อีกคำคือ รัตนพฤกษ์ (ratnavṛkṣa) พบได้เช่นกัน

กัลปพฤษก์เกิดขึ้นมาระหว่างการกวนเกษียรสมุทร พร้อมกับกามเธนุหรือวัวศักดิ์สิทธิ์ พระอินทร์เป็นผู้รับต้นกัลปพฤกษ์นี้กลับไปไว้ที่วิมานของตน กัลปพฤกษ์ได้ถูกนำมาระบุว่าเป็นต้นพืชหลายชนิด เช่น ต้นปริชาต (Nyctanthes arbor-tristis), Ficus benghalensis, Acacia, Madhuca longifolia, Prosopis cineraria, Diploknema butyracea และ ต้นมัลเบอร์รี (Morus nigra)

ศาสนาฮินดู

[แก้]

กลัปพฤกษ์ปรากฏการกล่าวถึงในวรรณกรรมสมัยพระเวท ในวรรณกรรมที่กล่าวถึงการกวนเกษียรสมุทรที่เก่าแก่ที่สุด ระบุว่ากัลปพฤกษ์เกิดขึ้นจากการกวนเกษียรสมุทรพร้อมกับกามเธนุ วัวศักดิ์สิทธิ์ ที่ประทานทุกสิ่งอย่างให้ดังความต้องการ ต้นกัลปพฤกษ์นี้กล่าวว่าเป็นทางช้างเผือกหรือที่กำเนิดของดาวซีรีอุส พระอินทร์ เทวกษัตริย์ของเทวะทั้งปวง นำเอาต้นกัลปพฤกษ์กลับไปปลูกที่วิมานของตน นอกจากนี้ยังปรากฏกัลปพฤกษ์ในเอกสารฮินดูเช่น มานาสร ส่วนหนึ่งของ ศิลปศาสตร์ ด้วย[2][3]

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า กัลปพฤกษ์นั้นเดิมทีโตอบู่บนโลก และถูกส่งต่อไปวิมานของพระอินทร์หลังผู้คนเริ่มนำต้นนี้มาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องโดยการขอพรเรื่องชั่วร้าย[4] ในวิมานของพระอินทร์ ซึ่งคือเทวโลก เชื่อว่ามีต้นกัลปพฤกษ์อยู่ห้าต้น มีชื่อว่น มัณฑน (Mandana), ปริชาต (Parijata), สันตน (Santana), ดัลปวฤกษ (Kalpavriksha) และ หริจันทน (Harichandana) ทั้งหมดสามารถประทานพร[4] ต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งชื่อว่า กัลปวฤกษ นั้นว่ากันว่าปลูกไว้อยู่ที่ยอดเขาพระสุเมรุ ใจกลางสวนสวรรค์ทั้งห้าของพระอินทร์ ในตำนานกล่าวถึงต้นกัลปพฤกษ์เหล่านี้ของพระอินทร์ว่าเป็นต้นไม้ประทานพรที่อสูรก่อสงครามไม่จบสิ้นกับดินแดนของเทวะ ด้วยว่าเทวดาและเทพเจ้าต่าง ๆ เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการได้ผลประโยชน์อย่างเสรีจากดอกไม้และผลอันศักดิ์สิทธิ์ของกัลปพฤกษ์ ในขณะที่อสูรต้องอาศัยอย่างคับแค้นที่ลำต้นและรากตอนปลายของต้นกัลปพฤกษ์ มีการระบุพืชที่ตรงกับต้นปริชาตว่าคือ Eyrthrina indica กระนั้นมักปรากฏในรูปเหมือนต้นแมกโนเลีย หรือ frangipani (สันสกฤต: จัมปกะ) กัลปพฤกษ์นั้นมีบรรยายไว้ว่ามีรากเป็นทองคำ ลำต้นเป็นเงิน กิ่งไม้เป็นลาพิสลาซูลี ใบไม้เป็นปะการัง ดอกไม้เป็นไข่มุก หน่ออ่อนเป็นอัญมณี และผลเป็นเพชร[3] ในอีกตำนานเล่าว่าอโศกสุนทรีเกิดขึ้นจากต้นกัลปพฤกษ์เพื่อช่วยบรรเทาความเหงาของพระปารวตี[5]

ศาสนาเชน

[แก้]

ในจักรวาลวิทยาเชน กัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ประทานพรที่ประสาทพรให้แก่ผู้คนในระยะแรก ๆ ของวัตตะทางโลก ในตอนแรกนั้น เด็กจะเกิดมาโดยไม่ได้สร้างกรรม[6] มีกัลปพฤกษ์สิบต้นที่ประสาทพรสิบแบบที่ต่างกัน เช่น ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า เครื่องใช้ อาหาร ดนตรี เครื่องประดับ ดอกไม้หอม โคมส่องแสง และแสงสว่างยามค่ำคืน[6]

ศาสนาพุทธ

[แก้]

ในศาสนาพุทธ มักสร้างสรรค์งานศิลปะรูปต้นกัลปพฤกษ์ประดับอยู่บนหม้อปูรณฏกะ ยกถือโดยเทวดาแห่งความมีอายุยืน เช่น อมิตายุ หรือ อุษนิศวิชย เทวีศรมนะในศาสนาพุทธมีลักษณะประติมานวิทยาทรงกิ่งกัลปพฤกษ์ในหัตถ์ซ้าย[3]

การระบุกับต้นไม้จริง

[แก้]

ต้น Madhuca longifolia ในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนชนเผ่า เช่นเดียวกับต้น Madhuca indica[7]

ต้นไทรนิโครธ (Ficus benghalensis) มีความเชื่อว่าเป็นกัลปพฤกษ์[8][9]

ต้นอษวัตมีอีกชื่อคือกัลปพฤกษ์ เป็นที่เทพเจ้าและพระพรหมประทับ และว่ากันว่าฤาษีนารทมุนีสอนฤาษีเกี่ยวกับการใช้งานและบูชาต้นพืชนี้[10]

ต้น Prosopis cineraria ซึ่งพบในแถบทะเลทรายของอินเดีย เรียกว่ากัลปพฤกษ์เช่นกัน ในแถบทะเลทรายของรัฐราชสถาน รากของต้นนี้มีความลึกได้ถึง 17–25 เมตร (56–82 ฟุต) และยังคงมีลักษณะเขียวแม้อยู่กลางทะเลทราย ชาวราชสถานจึงเชื่อว่าต้นนี้คือกัลปพฤกษ์เนื่องด้วยแม้ในเวลาที่มีภัยแล้ง ไม่มีหญ้าขึ้น สัตว์ต่าง ๆ จะยังคงอยู่ได้จากการกินใบเขียวของพืชนี้[11]

ต้น Diploknema butyracea ซึ่งเติบโตในแถบพื้นที่สูงของหิมาลัยที่ความสูง 500-1000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ก็เรียกว่าเป็นกัลปพฤกษ์ในบรรดาคนที่อาศัยในพื้นที่สูง ต้นพืชนี้สามารถเป็นแหล่งน้ำผึ้ง น้ำตาลโตนด และฆี ร่มเงาโตเป็นทรงเหมือนร่ม[12]

ในโชษีมัถ รัฐอุตตราขัณฑ์ ต้นหม่อนต้นหนึ่งที่ว่ากันว่าอายุ 2400 ปี ได้รับการเคารพบูชาในฐานะกัลปพฤกษ์ ต้นไม้นี้ในศตวรรษที่ 8 เป็นที่ที่อาทิศังกราจารย์บริกรรมสำนึกผิด (penance) ใต้ต้นนี้[13]

ในมงคลิยวัสใกล้กับอาชเมร์ รัฐราชสถาน มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สองต้น เป็นต้นบาวบาบเพศผู้กับต้นเพศเมีย เชื่อว่าอายุมากกว่า 800 ปี และเรียกว่าเป็นกัลปพฤกษ์ ในวันอมวาสยะ เดือนศราวนะ จะมีพิธีบูชาต้นไม้นี้[5]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ชื่ออื่น เช่น kalpataru, kalpadruma, kalpa vruksham, kalpapādapa, and karpaga vriksham.

อ้างอิง

[แก้]
  1. Agrawala 2003, p. 87.
  2. Toole 2015, p. 73.
  3. 3.0 3.1 3.2 Beer 2003, p. 19.
  4. 4.0 4.1 Dalal 2014, p. 620.
  5. 5.0 5.1 "Background Context and Observation Recording" (PDF). Sacred Plants. National Informatics Center Rajasthan Forest Department. pp. 23–24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 5 March 2016. สืบค้นเมื่อ 1 September 2015.
  6. 6.0 6.1 "Kalchakra". Jainism simplified. University of Michigan.
  7. Rastogī 2008, p. 46.
  8. Jha 2013, p. 83.
  9. Gupta 1991, p. 48.
  10. Samarth & Kendra 2008, p. 173.
  11. Rastogī 2008, p. 53.
  12. Rastogī 2008, p. 25.
  13. Limaye, Anita (1 June 2006). "Visit the 2,400 year old Kalpavriksh". The Economic Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2015.

บรรณานุกรม

[แก้]