กรัมแมน F9F แพนเธอร์
| F9F แพนเธอร์ | |
|---|---|
F9F แพนเธอร์ ขณะบิน | |
| ข้อมูลทั่วไป | |
| ประเภท | เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดประจำเรือบรรทุกอากาศยาน |
| บริษัทผู้ผลิต | กรัมแมน |
| ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพเรือสหรัฐ |
| จำนวนที่ผลิต | 1,385 ลำ[1] |
| ประวัติ | |
| เริ่มใช้งาน | พฤษภาคม 1949 [2] |
| เที่ยวบินแรก | 21 พฤศจิกายน 1947 |
| ปลดประจำการ | 1958 (ทร.สหรัฐ) 1969 (อาร์เจนตินา) |
| พัฒนาเป็น | F-9 คูการ์ |
กรัมแมน F9F แพนเธอร์ (Grumman F9F Panther) เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นรุ่นแรกที่กองทัพเรือสหรัฐใช้งานอย่างแพร่หลายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามเกาหลี เป็นเครื่องบินไอพ่นที่สามารถปฏิบัติการได้บนเรือบรรทุกเครื่องบิน
F9F แพนเธอร์ พัฒนาโดยบริษัทกรัมแมนแอร์คราฟท์ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพเรือที่ต้องการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องบินใบพัดสู่ยุคไอพ่น ขึ้นบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1947 และเข้าประจำการในปี 1949[3]
F9F แพนเธอร์ ใช้เครื่องยนต์ Pratt & Whitney J42 ซึ่งผลิตภายใต้สิทธิ์ของ Rolls-Royce Nene ทำให้มีแรงขับเพียงพอในการบินขึ้นจากดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 925 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รัศมีปฏิบัติการราว 2,300 กิโลเมตร และเพดานบินสูงสุดประมาณ 13,700 เมตร[4] โครงสร้างลำตัวมีความแข็งแรง ทนต่อสภาพการใช้งานหนักบนเรือรบ และมีความเสถียรในการบินระดับต่ำถึงปานกลาง แพนเธอร์ติดตั้งปืนใหญ่กลขนาด 20 มิลลิเมตรจำนวน 4 กระบอกที่ด้านหน้าลำตัว นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระเบิดสู่พื้น จรวด และถังเชื้อเพลิงเสริมใต้ปีก ทำให้สามารถปฏิบัติภารกิจทั้งการสกัดกั้น การสนับสนุนภาคพื้นดิน และการโจมตีเชิงยุทธวิธีได้อย่างยืดหยุ่น จุดเด่นของเครื่องบินรุ่นนี้คือการเป็น “เครื่องบินเจ็ตสารพัดประโยชน์” ของกองทัพเรือในช่วงแรกเริ่ม
แพนเธอร์ถูกใช้อย่างมากในสงครามเกาหลี โดยเฉพาะในภารกิจโจมตีภาคพื้นดินและคุ้มกันกองเรือ ขณะเดียวกันก็เป็นคู่ต่อสู้ของเครื่องบินขับไล่โซเวียตรุ่น มิก-15 แต่แพนเธอร์ด้อยกว่าในด้านความเร็วและการบินระดับสูง[5] ที่สำคัญ นักบินหลายคนที่ภายหลังกลายเป็นบุคคลสำคัญ เช่น นีล อาร์มสตรอง ก็เคยปฏิบัติภารกิจด้วยเครื่องบินรุ่นนี้
รุ่นย่อย
[แก้]- F9F-2 : รุ่นผลิตหลัก ติดตั้งเครื่องยนต์ Pratt & Whitney J42 พร้อมปืนใหญ่อัตโนมัติ 20 มม. 4 กระบอก
- F9F-2B : รุ่นปรับปรุง สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยอากาศสู่ผิวพื้นและระเบิดได้มากขึ้น
- F9F-3 : ใช้เครื่องยนต์ Allison J33 แต่แรงขับด้อยกว่า ถูกยกเลิกเร็ว
- F9F-4 : ปรับปรุงด้วยถังเชื้อเพลิงใหญ่ขึ้น เพิ่มรัศมีปฏิบัติการ
- F9F-5 : รุ่นพัฒนาใหญ่ขึ้น ใช้เครื่องยนต์ J48 แรงขับสูงกว่า ติดอาวุธมากกว่า
- F9F-5P : รุ่นลาดตระเวนถ่ายภาพ ติดกล้องถ่ายภาพแทนอาวุธโจมตี
ข้อมูลจำเพาะ (F9F-2)
[แก้]
- นักบิน: 1 นาย
- ความยาว: 11.3 เมตร
- ความกว้างช่วงปีก: 11.6 เมตร
- ความสูง: 3.9 เมตร
- พื้นที่ปีก: 22.6 ตารางเมตร
- น้ำหนักตัวเปล่า: 4,600 กิโลกรัม
- น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 7,030 กิโลกรัม
- เครื่องยนต์: เทอร์โบเจ็ต Pratt & Whitney J42-P-6/-8 แรงขับ 5,000 ปอนด์ (22.2 kN)
- ความเร็วสูงสุด: 925 กม./ชม. (มัค 0.79) ที่ระดับน้ำทะเล
- รัศมีปฏิบัติการ: 2,300 กม. พร้อมถังเชื้อเพลิงเสริม
- เพดานบิน: 13,700 เมตร (45,000 ฟุต)
- อัตราไต่: 30 เมตร/วินาที
- ระบบอาวุธ
- ปืนกล 20 มม. Colt Mk.16 จำนวน 4 กระบอก
- จรวด HVAR ขนาด 5 นิ้วสูงสุด 8 ลูก
- ระเบิด สูงสุด 907 กิโลกรัม (2,000 ปอนด์) ใต้ปีก
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Thomason 2008, p. 61.
- ↑ "F9F-2 Panther". National Naval Aviation Museum. สืบค้นเมื่อ 17 January 2024.
- ↑ Donald, David. Encyclopedia of World Aircraft. London: Aerospace Publishing, 1997.
- ↑ Gunston, Bill. Fighters of the Fifties. London: Patrick Stephens, 1981.
- ↑ Winchester, Jim. The World’s Greatest Aircraft. London: Parragon Publishing, 2004.