กรัมแมน F8F แบร์แคท
| F8F แบร์แคท | |
|---|---|
F8F แบร์แคทในการบินโชว์ ค.ศ. 2016 | |
| ข้อมูลทั่วไป | |
| ชาติกำเนิด | |
| บริษัทผู้ผลิต | กรัมแมน |
| ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพเรือสหรัฐ |
| จำนวนที่ผลิต | 1,265 ลำ |
| ประวัติ | |
| เริ่มใช้งาน | 21 พฤษภาคม 1945 |
| เที่ยวบินแรก | 21 สิงหาคม 1944 |
| ปลดประจำการ | 1963 (เวียดนามใต้)[1] |
กรัมแมน F8F แบร์แคท (อังกฤษ: Grumman F8F Bearcat) เป็นเครื่องบินขับไล่ติดตั้งเครื่องยนต์ลูกสูบเดี่ยวของสหรัฐอเมริกา ออกแบบให้ปฏิบัติการบนเรือบรรทุกอากาศยาน และถูกเปิดตัวในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินรุ่นนี้ได้ประจำการในกองทัพเรือสหรัฐ เหล่านาวิกโยธินสหรัฐ รวมถึงกองทัพอากาศของหลายประเทศ
F8F แบร์แคทถือเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบแบบสุดท้ายของบริษัท Grumman Aircraft นอกจากนี้ รุ่นดัดแปลงของแบร์แคตยังสามารถสร้างสถิติความเร็วสูงสุดสำหรับเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบได้อีกด้วย ปัจจุบัน แบร์แคตยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้สะสมเครื่องบินโบราณ และผู้แข่งขันการบินความเร็วสูง
การออกแบบ
[แก้]F8F แบร์แคท ได้รับการออกแบบขึ้นโดยบริษัท Grumman Aircraft ในปี 1943 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพเรือสหรัฐซึ่งต้องการเครื่องบินขับไล่ที่มีอัตราเร่งและความคล่องตัวสูงสำหรับการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกอากาศยาน[2] จุดเด่นสำคัญของการออกแบบคือการลดน้ำหนักตัวเครื่องให้เบาที่สุด โดยใช้โครงสร้างที่กะทัดรัดและปีกที่สามารถพับได้ เพื่อให้เหมาะกับพื้นที่จำกัดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องยนต์ Pratt & Whitney R-2800 Double Wasp ให้กำลัง 2,100 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากในยุคนั้น
แบร์แคทถูกออกแบบให้มีอัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนักค่าสูง ทำให้ไต่ระดับความสูงได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ลูกสูบที่มีสมรรถนะการบินดีที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง แม้จะเข้าสู่การประจำการช่วงปลายสงครามก็ตาม ความเร็ว ความคล่องตัว และความสามารถในการขึ้นลงบนรันเวย์สั้น ทำให้แบร์แคทได้รับความนิยมและถูกยกย่องว่าเป็นการออกแบบที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าสุดท้ายของยุคเครื่องยนต์ลูกสูบ ก่อนการมาถึงของเครื่องบินไอพ่น[3]
ผู้ใช้งาน
[แก้]F8F แบร์แคท ประจำการครั้งแรกในกองทัพเรือสหรัฐและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐในปี 1945 แม้จะเข้าสู่การประจำการช้ากว่าที่คาด และสงครามโลกครั้งที่สองก็สิ้นสุดลงพอดี แต่แบร์แคทก็ยังคงถูกใช้ในการฝึกและการปฏิบัติการในช่วงต้นสงครามเย็น ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินเจ็ตรุ่นใหม่อย่าง F9F Panther นอกจากสหรัฐ แบร์แคทยังถูกส่งออกและประจำการในกองทัพอากาศของหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ที่ใช้แบร์แคทในสงครามอินโดจีนครั้งแรกสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งระหว่างปี 1946–1954, กองทัพอากาศไทยที่ได้รับแบร์แคทจำนวนหนึ่งในช่วงทศวรรษ 1950 (เรียกว่า บ.ข.15), รวมถึง กองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อจากฝรั่งเศสภายหลัง

ข้อมูลอากาศยาน
[แก้]
- ลูกเรือ: 1 นาย
- ความยาว: 8.61 ม
- ช่วงระหว่างปลายปีก: 10.92 ม
- ความสูง: 4.22 ม
- พื้นที่ปีก: 22.7 ม2
- น้ำหนักตัวเปล่า: 3,470 กก
- น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 6,105 กก
- ขุมกำลัง: 1 เครื่องยนต์ Pratt & Whitney R-2800-30W Double Wasp ให้กำลัง 2,250 แรงม้า (1,680 kW)
- ใบพัด: 4 ใบ
- ความเร็วสูงสุด: 732 กม/ชม
- พิสัย: 1,778 กม
- เพดานบิน: 40,800 ฟุต (12,400 เมตร)
- อัตราการไต่ระดับ: 4,465 ฟุต/นาที (22.68 เมตร/วินาที)
- แรงกดบนปีก: 42 ปอนด์/ตารางฟุต (210 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
- กำลัง/มวล: 0.22 แรงม้า/ปอนด์ (0.36 kW/kg)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Grandolini, A. (July–August 1997). "Indo-Chinese Fighting 'Cats: Grumman's Superb Bearcat in Vietnam". Air Enthusiast. No. 70. p. 21. ISSN 0143-5450.
- ↑ Angelucci, E., & Bowers, P. M. (1987). The American Fighter. New York: Orion Books.
- ↑ Tillman, B. (1996). Hellcat: The F6F in World War II. Annapolis: Naval Institute Press.