ข้ามไปเนื้อหา

กรัมแมน F8F แบร์แคท

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
F8F แบร์แคท
F8F แบร์แคทในการบินโชว์ ค.ศ. 2016
ข้อมูลทั่วไป
ชาติกำเนิด สหรัฐ
บริษัทผู้ผลิตกรัมแมน
ผู้ใช้งานหลักกองทัพเรือสหรัฐ
จำนวนที่ผลิต1,265 ลำ
ประวัติ
เริ่มใช้งาน21 พฤษภาคม 1945
เที่ยวบินแรก21 สิงหาคม 1944
ปลดประจำการ1963 (เวียดนามใต้)[1]

กรัมแมน F8F แบร์แคท (อังกฤษ: Grumman F8F Bearcat) เป็นเครื่องบินขับไล่ติดตั้งเครื่องยนต์ลูกสูบเดี่ยวของสหรัฐอเมริกา ออกแบบให้ปฏิบัติการบนเรือบรรทุกอากาศยาน และถูกเปิดตัวในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินรุ่นนี้ได้ประจำการในกองทัพเรือสหรัฐ เหล่านาวิกโยธินสหรัฐ รวมถึงกองทัพอากาศของหลายประเทศ

F8F แบร์แคทถือเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบแบบสุดท้ายของบริษัท Grumman Aircraft นอกจากนี้ รุ่นดัดแปลงของแบร์แคตยังสามารถสร้างสถิติความเร็วสูงสุดสำหรับเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบได้อีกด้วย ปัจจุบัน แบร์แคตยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้สะสมเครื่องบินโบราณ และผู้แข่งขันการบินความเร็วสูง

การออกแบบ

[แก้]

F8F แบร์แคท ได้รับการออกแบบขึ้นโดยบริษัท Grumman Aircraft ในปี 1943 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพเรือสหรัฐซึ่งต้องการเครื่องบินขับไล่ที่มีอัตราเร่งและความคล่องตัวสูงสำหรับการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกอากาศยาน[2] จุดเด่นสำคัญของการออกแบบคือการลดน้ำหนักตัวเครื่องให้เบาที่สุด โดยใช้โครงสร้างที่กะทัดรัดและปีกที่สามารถพับได้ เพื่อให้เหมาะกับพื้นที่จำกัดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องยนต์ Pratt & Whitney R-2800 Double Wasp ให้กำลัง 2,100 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากในยุคนั้น

แบร์แคทถูกออกแบบให้มีอัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนักค่าสูง ทำให้ไต่ระดับความสูงได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ลูกสูบที่มีสมรรถนะการบินดีที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง แม้จะเข้าสู่การประจำการช่วงปลายสงครามก็ตาม ความเร็ว ความคล่องตัว และความสามารถในการขึ้นลงบนรันเวย์สั้น ทำให้แบร์แคทได้รับความนิยมและถูกยกย่องว่าเป็นการออกแบบที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าสุดท้ายของยุคเครื่องยนต์ลูกสูบ ก่อนการมาถึงของเครื่องบินไอพ่น[3]

ผู้ใช้งาน

[แก้]

F8F แบร์แคท ประจำการครั้งแรกในกองทัพเรือสหรัฐและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐในปี 1945 แม้จะเข้าสู่การประจำการช้ากว่าที่คาด และสงครามโลกครั้งที่สองก็สิ้นสุดลงพอดี แต่แบร์แคทก็ยังคงถูกใช้ในการฝึกและการปฏิบัติการในช่วงต้นสงครามเย็น ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินเจ็ตรุ่นใหม่อย่าง F9F Panther นอกจากสหรัฐ แบร์แคทยังถูกส่งออกและประจำการในกองทัพอากาศของหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ที่ใช้แบร์แคทในสงครามอินโดจีนครั้งแรกสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งระหว่างปี 1946–1954, กองทัพอากาศไทยที่ได้รับแบร์แคทจำนวนหนึ่งในช่วงทศวรรษ 1950 (เรียกว่า บ.ข.15), รวมถึง กองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อจากฝรั่งเศสภายหลัง

บ.ข.15 กองทัพอากาศไทย
 ฝรั่งเศส
 ไทย
 สหรัฐ
 เวียดนามใต้

ข้อมูลอากาศยาน

[แก้]
ภาพโครงร่าง
ภาพโครงร่าง
  • ลูกเรือ: 1 นาย
  • ความยาว: 8.61 ม
  • ช่วงระหว่างปลายปีก: 10.92 ม
  • ความสูง: 4.22 ม
  • พื้นที่ปีก: 22.7 ม2
  • น้ำหนักตัวเปล่า: 3,470 กก
  • น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 6,105 กก
  • ขุมกำลัง: 1 เครื่องยนต์ Pratt & Whitney R-2800-30W Double Wasp ให้กำลัง 2,250 แรงม้า (1,680 kW)
  • ใบพัด: 4 ใบ
  • ความเร็วสูงสุด: 732 กม/ชม
  • พิสัย: 1,778 กม
  • เพดานบิน: 40,800 ฟุต (12,400 เมตร)
  • อัตราการไต่ระดับ: 4,465 ฟุต/นาที (22.68 เมตร/วินาที)
  • แรงกดบนปีก: 42 ปอนด์/ตารางฟุต (210 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
  • กำลัง/มวล: 0.22 แรงม้า/ปอนด์ (0.36 kW/kg)

อ้างอิง

[แก้]
  1. Grandolini, A. (July–August 1997). "Indo-Chinese Fighting 'Cats: Grumman's Superb Bearcat in Vietnam". Air Enthusiast. No. 70. p. 21. ISSN 0143-5450.
  2. Angelucci, E., & Bowers, P. M. (1987). The American Fighter. New York: Orion Books.
  3. Tillman, B. (1996). Hellcat: The F6F in World War II. Annapolis: Naval Institute Press.