กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รี
| กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รี | |
|---|---|
| สถานะการอนุรักษ์ | |
| การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
| อาณาจักร: | Animalia |
| ไฟลัม: | Chordata |
| ชั้น: | Amphibia |
| อันดับ: | Anura |
| วงศ์: | Dendrobatidae |
| สกุล: | Oophaga |
| สปีชีส์: | O. pumilio |
| ชื่อทวินาม | |
| Oophaga pumilio (Schmidt, 1857) | |
| ชื่อพ้อง | |
| |
กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รี หรือ กบพิษสตรอว์เบอร์รี (อังกฤษ: Strawberry poison-dart frog, Strawberry poison frog; ชื่อวิทยาศาสตร์: Oophaga pumilio) สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจำพวกกบชนิดหนึ่ง ในวงศ์กบลูกศรพิษ (Dendrobatidae)
เป็นกบที่มีขนาดเล็กเหมือนกับกบลูกศรพิษทั่วไป มีลำตัวเป็นสีแดงฉูดฉาดเห็นได้ชัดเจนและขาทั้งสี่ข้างเป็นสีน้ำเงิน (แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มีสีสันแตกต่างออกไปตามสภาพสัณฐานวิทยา[2]) นิ้วตีนไม่มีพังผืด เนื่องจากใช้ชีวิตในการปีนต้นไม้และอยู่บนพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ กระจายพันธุ์อยู่ในป่าดิบชื้นของภูมิภาคอเมริกากลาง ตั้งแต่ภาคกลางของประเทศนิการากัว ประเทศคอสตาริกา จนถึงตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปานามา[3]
กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รีมีบลูกศรพิษที่หลั่งออกมาจากรูบนผิวหนังเหมือนรูขุมขนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพื่อใช้ในการป้องกันตัวโดยเฉพาะจากสัตว์นักล่า เช่น งู เนื่องจากมีขนาดลำตัวเล็กมาก เมื่องูได้งับเข้าไปแล้ว จะปล่อยสารเคมีจำพวกแอลคาลอยด์ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับงูได้ จนกระทั่งต้องยอมคายออกมา แต่กระนั้นก็มิได้หมายความว่า กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รีทุกตัวจะรอดได้ทุกครั้ง หากโดนงับเข้าอย่างแรง ก็อาจทำให้ตัวกบแตกและตายได้

โดยสารแอลคาลอยด์ได้มาจากการที่กบกินอาหารจำพวกแมลงบางชนิด เช่น ปลวก และแมลงปีกแข็ง ที่กินพืชที่มีสารนี้เข้าไปและสะสมในตัว โดยเก็บไว้ในต่อมสารคัดหลั่ง เมื่อโดนคุกคาม จะคายผ่านผิวหนังเพื่อตอบโต้
กบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รีขยายพันธุ์ในกลีบดอกไม้หรือใบไม้ที่มีน้ำขังบนต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่า เช่น บรอมเมเลีย เมื่อตัวเมียวางไข่ ตัวผู้จึงจะปล่อยสเปิร์มเข้าปฏิสนธิ โดยวางไข่จำนวนเพียง 3-4 ฟองเท่านั้น และจะถูกสัตว์บางชนิด เช่น แมงมุม กินเป็นอาหาร แต่จะมีบางส่วนที่เหลือรอด โดยหน้าที่เฝ้าไข่จะเป็นของกบตัวผู้ เมื่อลูกอ๊อดฟักเป็นตัวแล้ว ตัวผู้จะส่งสัญญาณไปยังตัวเมีย และจะเป็นหน้าที่ของตัวเมียที่จะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูลูก โดยจะแบกลูกอ๊อดไว้บนหลังเพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงดูลูกอ๊อด โดยจะเคลื่อนย้ายลูกอ๊อดไว้บนหลังแบบนี้จนกระทั่งหมด ตัวเมียจะปล่อยไข่ที่ไม่ได้ปฏิสนธิไว้เป็นอาหารแก่ลูกอ๊อด ลูกอ๊อดใช้ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์จึงจะเติบโตจนมีสภาพเหมือนกบตัวเต็มวัย และจะปีนลงมาจากใบของต้นบรอมเมเลียลงสู่พื้นดิน เพื่อที่จะใช้ชีวิตต่อไป[4] ซึ่งกบลูกศรพิษสตรอว์เบอร์รีที่เพิ่งลงสู่พื้นดิน ร่างกายจะยังไม่มีพิษสะสม จึงจะต้องเร่งหาอาหารกินเพื่อสะสมพิษ ในตอนนี้จึงอาจตกเป็นอาหารแก่งูได้ง่าย ๆ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ IUCN SSC Amphibian Specialist Group (2015). "Oophaga pumilio". IUCN Red List of Threatened Species. 2015: e.T55196A3025630. doi:10.2305/IUCN.UK.2015-4.RLTS.T55196A3025630.en. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2025.
- ↑ Summers, Kyle; Cronin, Thomas W.; Kennedy, Timothy (14 มกราคม 2003). "Variation in spectral reflectance among population of Dendrobates pumilio, the strawberry poison frog, in the Bocas del Toro Archipelago, Panama". Journal of Biogeography. 30: 35–53. doi:10.1046/j.1365-2699.2003.00795.x.
- ↑ Savage, Jay M. (สิงหาคม 2002). The Amphibians and Reptiles of Costa Rica: A Herpetofauna between Two Continents, between Two Seas. Chicago and London: University of Chicago Press. ISBN 978-0-226-73537-5.
- ↑ Forsyth, Adrian; และคณะ (ถ่ายภาพ: Fogden, Michael; Fogden, Patricia; คำนิยม: Wilson, Edward Osborne) (15 พฤศจิกายน 2008). Nature of the Rainforest: Costa Rica and Beyond. Comstock Publishing Associates. ISBN 978-0-8014-7475-0.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Oophaga pumilio ที่วิกิสปีชีส์