ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อะบูบักร์"
from Arabic source |
|||
บรรทัด 22: | บรรทัด 22: | ||
}}}} |
}}}} |
||
{{อิสลาม}}'''อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก (ผู้เชื่อมั่น) อับดุลเลาะฮ์ บุตร อะบูกุฮาฟะฮ์ ตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์''' ([[ภาษาอาหรับ|อาหรับ]]: أبو بَكر الصّدِّيق عبد الله بن أبي قُحافة التَّيمي القُرَشيّ) คือ[[เคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม]]ท่านแรก เป็นหนึ่งใน[[สิบผู้ได้รับข่าวสวรรค์]] สหายสนิทของท่านศาสดา[[มุฮัมมัด|มุฮำมัด]] และเพื่อนร่วมเดินทางคราวท่านศาสดา[[ฮิจเราะห์|อพยพ]]ไปยังเมือง[[มะดีนะฮ์]] |
{{อิสลาม}}'''อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก (ผู้เชื่อมั่น) อับดุลเลาะฮ์ บุตร อะบูกุฮาฟะฮ์ ตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์''' ([[ภาษาอาหรับ|อาหรับ]]: أبو بَكر الصّدِّيق عبد الله بن أبي قُحافة التَّيمي القُرَشيّ) คือ[[เคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม]]ท่านแรก เป็นหนึ่งใน[[สิบผู้ได้รับข่าวสวรรค์]] สหายสนิทของท่านศาสดา[[มุฮัมมัด|มุฮำมัด]] และเพื่อนร่วมเดินทางคราวท่านศาสดา[[ฮิจเราะห์|อพยพ]]ไปยังเมือง[[มะดีนะฮ์]] |
||
[[ซุนนี|นิกายอะฮ์ลุซซุนนะฮ์]]ถือว่าอะบูบักร์คือผู้ที่ประเสริฐที่สุดรองลงมาจากบรรดา[[นบี|ศาสดาผู้เผยวจนะ]]ทั้งหลาย และเป็น[[บรรดาสหายของท่านศาสดามุฮำมัด|สหายท่านศาสดามุฮำมัด]]ที่มีศรัทธาและความมัธยัสถ์มากที่สุด และยังเป็นผู้ที่ท่านศาสดามุฮำมัดรักที่สุดรองลงมาจาก[[อาอิชะฮ์|ท่านหญิงอาอิชะฮ์]] และโดยปกติ อะบูบักร์จะได้รับการเรียกขานพร้อมฉายานามว่า "อัศศิดดี๊ก" (ผู้เชื่อมั่น) อันเป็นฉายานามที่ท่านศาสดาเป็นผู้ตั้งให้ อันเนื่องจากศรัทธาอันเปี่ยมล้นที่อะบูบักร์มีต่อท่านศาสดา |
[[ซุนนี|นิกายอะฮ์ลุซซุนนะฮ์]]ถือว่าอะบูบักร์คือผู้ที่ประเสริฐที่สุดรองลงมาจากบรรดา[[นบี|ศาสดาผู้เผยวจนะ]]ทั้งหลาย และเป็น[[บรรดาสหายของท่านศาสดามุฮำมัด|สหายท่านศาสดามุฮำมัด]]ที่มีศรัทธาและความมัธยัสถ์มากที่สุด และยังเป็นผู้ที่ท่านศาสดามุฮำมัดรักที่สุดรองลงมาจาก[[อาอิชะฮ์|ท่านหญิงอาอิชะฮ์]] และโดยปกติ อะบูบักร์จะได้รับการเรียกขานพร้อมฉายานามว่า "อัศศิดดี๊ก" (ผู้เชื่อมั่น) อันเป็นฉายานามที่ท่านศาสดาเป็นผู้ตั้งให้ อันเนื่องจากศรัทธาอันเปี่ยมล้นที่อะบูบักร์มีต่อท่านศาสดา |
||
อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก เกิดที่เมือง[[มักกะฮ์]] ราวปี ค.ศ. 573 คือหลังจาก[[ปีช้าง]] 2 ปีและ 6 เดือน<ref>فتح الباري (7/9)</ref><ref>الإصابة (2/341)</ref> เคยเป็นเศรษฐีของ[[กุเรช|ตระกูลกุรอยช์]]ใน[[ญาฮิลียะฮ์|ยุคอวิชชา]] (ยุคญาอิลียะห์ الجَاهِلِيَّة) ครั้นเมื่อท่านศาสดามุฮำมัดเชิญชวนอะบูบักร์ให้รับอิสลาม ท่านก็ได้รับศรัทธาอย่างไร้เคลือบแคลง อะบูบักร์จึงนับเป็นเสรีชนชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม |
อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก เกิดที่เมือง[[มักกะฮ์]] ราวปี ค.ศ. 573 คือหลังจาก[[ปีช้าง]] 2 ปีและ 6 เดือน<ref>فتح الباري (7/9)</ref><ref>الإصابة (2/341)</ref> เคยเป็นเศรษฐีของ[[กุเรช|ตระกูลกุรอยช์]]ใน[[ญาฮิลียะฮ์|ยุคอวิชชา]] (ยุคญาอิลียะห์ الجَاهِلِيَّة) ครั้นเมื่อท่านศาสดามุฮำมัดเชิญชวนอะบูบักร์ให้รับอิสลาม ท่านก็ได้รับศรัทธาอย่างไร้เคลือบแคลง อะบูบักร์จึงนับเป็นเสรีชนชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม |
||
หลังจากนั้น อะบูบักร์ก็[[ฮิจเราะห์|อพยพ]]ไปเมือง[[มะดีนะฮ์]]พร้อมกับท่านศาสดาในฐานะเพื่อนยาก และสู้ศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านศาสดาในทุกสมรภูมิ และเมื่อท่านศาสดาป่วยหนักในครั้งที่ท่านจะเสียชีวิต ท่านก็ได้ใช้ให้อะบูบักร์เป็นผู้นำ[[ละหมาด]]แทนท่าน |
หลังจากนั้น อะบูบักร์ก็[[ฮิจเราะห์|อพยพ]]ไปเมือง[[มะดีนะฮ์]]พร้อมกับท่านศาสดาในฐานะเพื่อนยาก และสู้ศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านศาสดาในทุกสมรภูมิ และเมื่อท่านศาสดาป่วยหนักในครั้งที่ท่านจะเสียชีวิต ท่านก็ได้ใช้ให้อะบูบักร์เป็นผู้นำ[[ละหมาด]]แทนท่าน |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 30: | ||
อะบูบักร์เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 22 [[ญุมาดัลอาคิเราะฮ์]] ฮ.ศ. 13 รวมสิริอายุ 63 ปี แล้ว[[อุมัร|อุมัร บุตร อัลคอฏฏอบ]] ก็สืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน |
อะบูบักร์เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 22 [[ญุมาดัลอาคิเราะฮ์]] ฮ.ศ. 13 รวมสิริอายุ 63 ปี แล้ว[[อุมัร|อุมัร บุตร อัลคอฏฏอบ]] ก็สืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน |
||
== ก่อนรับอิสลาม == |
== ก่อนรับอิสลาม == |
||
=== เชื้อสาย === |
=== เชื้อสาย === |
||
[[ไฟล์:Abu Bakr1.png|thumb|นามของท่านอะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก พร้อมคำอวยพร เขียนด้วยภาษาอาหรับ]] |
|||
* อับดุลเลาะฮ์ บุตร[[อะบูกุฮาฟะฮ์|อุษมาน]] บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตร[[ตระกูลสาขาตัยม์|ตัยม์]] บุตร[[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ|มุรเราะฮ์]] บุตร[[กะอ์บ บุตรลุอัย|กะอ์บ]] บุตร[[ลุอัย บุตรฆอลิบ|ลุอัย]] บุตร[[ฆอลิบ บุตรฟิฮ์ร|ฆอลิบ]] บุตร[[ฟิฮ์ร บุตรมาลิก|ฟิฮ์ร]] บุตร[[มาลิก บุตรอันนัฎร์|มาลิก]] บุตร[[อันนัฎร์ บุตรกุรอยช์|อันนัฎร์]] บุตร[[กุเรช|กุรอยช์]] บุตร[[กินานะฮ์ บุตรคุซัยมะฮ์|กินานะฮ์]] บุตร[[คุซัยมะฮ์ บุตรมุดริกะฮ์|คุซัยมะฮ์]] บุตร[[มุดริกะฮ์ บุตรอิลยาส|มุดริกะฮ์]] บุตร[[อิลยาส บุตรมุฎอร|อิลยาส]] บุตร[[มุฎอร]] บุตร[[นิซาร บุตรมะอ์ด|นิซาร]] บุตร[[มะอ์ด บุตรอัดนาน|มะอ์ด]] บุตร[[อัดนาน]] แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์<ref>[[أسد الغابة في معرفة الصحابة]]، [[ابن الأثير الجزري]]، دار الكتب العلمية، الطبعة الأولى 1415هـ-1994م، ج3 ص310</ref><ref>[[الإصابة في تمييز الصحابة]]، [[ابن حجر العسقلاني]]، 4/ 144-145</ref> มาบรรจบกับท่านศาสดามุฮำมัด ณ ปู่คนที่ 6 ([[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ]])<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص27</ref> |
* อับดุลเลาะฮ์ บุตร[[อะบูกุฮาฟะฮ์|อุษมาน]] บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตร[[ตระกูลสาขาตัยม์|ตัยม์]] บุตร[[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ|มุรเราะฮ์]] บุตร[[กะอ์บ บุตรลุอัย|กะอ์บ]] บุตร[[ลุอัย บุตรฆอลิบ|ลุอัย]] บุตร[[ฆอลิบ บุตรฟิฮ์ร|ฆอลิบ]] บุตร[[ฟิฮ์ร บุตรมาลิก|ฟิฮ์ร]] บุตร[[มาลิก บุตรอันนัฎร์|มาลิก]] บุตร[[อันนัฎร์ บุตรกุรอยช์|อันนัฎร์]] บุตร[[กุเรช|กุรอยช์]] บุตร[[กินานะฮ์ บุตรคุซัยมะฮ์|กินานะฮ์]] บุตร[[คุซัยมะฮ์ บุตรมุดริกะฮ์|คุซัยมะฮ์]] บุตร[[มุดริกะฮ์ บุตรอิลยาส|มุดริกะฮ์]] บุตร[[อิลยาส บุตรมุฎอร|อิลยาส]] บุตร[[มุฎอร]] บุตร[[นิซาร บุตรมะอ์ด|นิซาร]] บุตร[[มะอ์ด บุตรอัดนาน|มะอ์ด]] บุตร[[อัดนาน]] แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์<ref>[[أسد الغابة في معرفة الصحابة]]، [[ابن الأثير الجزري]]، دار الكتب العلمية، الطبعة الأولى 1415هـ-1994م، ج3 ص310</ref><ref>[[الإصابة في تمييز الصحابة]]، [[ابن حجر العسقلاني]]، 4/ 144-145</ref> มาบรรจบกับท่านศาสดามุฮำมัด ณ ปู่คนที่ 6 ([[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ]])<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص27</ref> |
||
* |
*'''บิดา''' : [[อะบูกุฮาฟะฮ์|อะบูกุฮาฟะฮ์ อุษมาน]] บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตร[[ตระกูลสาขาตัยม์|ตัยม์]] บุตร[[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ|มุรเราะฮ์]] แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์ มารดาของท่านคือ กอยละฮ์ บุตรีอะซาฮ์ บุตร ริยาฮ์ บุตรอับดุลเลาะฮ์ บุตรกอรฏ์ บุตรร่อซาฮ์ บุตรอะดีย์ บุตรกะอ์บ<ref>إكمال الكمال - ابن ماكولا، ج7 ص 30</ref><ref>نسب قريش - مصعب الزبيري ، ج1 ص122</ref> โดยอะบูกุฮาฟะฮ์ได้รับอิสลามในวันแห่ง[[การพิชิตมักกะฮ์]] และมีชีวิตยืนยาวหลังการเสียชีวิตของอะบูบักร์บุตรของท่าน และเป็นบุคคลแรกในอิสลามที่ได้รับมรดกจากเคาะลีฟะฮ์ แต่อะบูกุฮาฟะฮ์เลือกไม่รับมรดกและนำส่วนแบ่งของตนให้กับบุตรของอะบูบักร์ อะบูกุฮาฟะฮ์เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 14 อายุ 97 ปี<ref>أسد الغابة، ابن الأثير، ج3 ص575</ref> |
||
* |
*'''มารดา''' : [[ซัลมา บุตรีศอคร์ บุตรอามิร|อุมมุ้ลคอยร์ ซัลมา]] บุตรีศอคร์ บุตรอามิร ตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์|อุมมุ้ลคอยร์ ซัลมา บุตรีศอคร์ บุตรอามิร บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตร[[ตระกูลสาขาตัยม์|ตัยม์]] บุตร[[มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ|มุรเราะฮ์]] แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์ รับอิสลามพร้อมกับอะบูบักร์ผู้เป็นบุตร ก่อนเหตุการณ์การอพยพฮิจเราะฮ์ และเสียชีวิตก่อนอะบูกุฮาฟะฮ์<ref>أسد الغابة، ابن الأثير، ج7 ص314</ref> |
||
=== วัยเยาว์ === |
=== วัยเยาว์ === |
||
[[ไฟล์:Mecca from Jabal Nur.JPG|thumb|left|ทิวทัศน์เมืองมักกะฮ์ในปัจจุบัน ที่ที่ท่านอะบูบักร์เกิดและโต]] |
[[ไฟล์:Mecca from Jabal Nur.JPG|thumb|left|upright|ทิวทัศน์เมืองมักกะฮ์ในปัจจุบัน ที่ที่ท่านอะบูบักร์เกิดและโต]] |
||
อะบูบักร์ เกิดที่เมือง[[มักกะฮ์]] ปี ค.ศ. 573 คือหลังจาก[[ปีช้าง]]ที่ท่าน[[มุฮัมหมัด|นบีมุฮัมหมัด]]เกิดเป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน<ref>فتح الباري (7/9)، الإصابة (2/341)</ref> อะบูบักร์จึงนับว่าอายุน้อยกว่าท่านศาสดา นักวิชาการมีมติฉันท์ว่าท่านอบูบักรเกิดหลัง[[ปีช้าง]]อย่างแน่นอน แต่มีความเห็นต่างในเรื่องของช่วงเวลาหลังปีช้าง บางทรรศนะจึงกล่าวว่า 3 ปี อีกทัศนะบอกว่า 2 ปี 6 เดือน และอีกทัศนะบอกว่า 2 ปีกว่า ๆ โดยมิได้กำหนดระยะเดือนที่ชัดเจน<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص29</ref><ref>تاريخ الخلفاء، للإمام [[جلال الدين السيوطي]]، تحقيق إبراهيم صالح، دار صادر، بيروت، الطبعة الأولى 1417هـ- 1997م، ص56</ref> |
อะบูบักร์ เกิดที่เมือง[[มักกะฮ์]] ปี ค.ศ. 573 คือหลังจาก[[ปีช้าง]]ที่ท่าน[[มุฮัมหมัด|นบีมุฮัมหมัด]]เกิดเป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน<ref>فتح الباري (7/9)، الإصابة (2/341)</ref> อะบูบักร์จึงนับว่าอายุน้อยกว่าท่านศาสดา นักวิชาการมีมติฉันท์ว่าท่านอบูบักรเกิดหลัง[[ปีช้าง]]อย่างแน่นอน แต่มีความเห็นต่างในเรื่องของช่วงเวลาหลังปีช้าง บางทรรศนะจึงกล่าวว่า 3 ปี อีกทัศนะบอกว่า 2 ปี 6 เดือน และอีกทัศนะบอกว่า 2 ปีกว่า ๆ โดยมิได้กำหนดระยะเดือนที่ชัดเจน<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص29</ref><ref>تاريخ الخلفاء، للإمام [[جلال الدين السيوطي]]، تحقيق إبراهيم صالح، دار صادر، بيروت، الطبعة الأولى 1417هـ- 1997م، ص56</ref> |
||
อะบูบักร์เกิดและเติบโตที่เมืองมักกะฮ์ และเป็นหนึ่งในผู้นำและผู้ทรงเกียรติของตระกูลกุรอยช์ในยุคอวิชชา และยังเป็นที่รักและชื่นชมอย่างมาก เมื่ออะบูบักร์จะออกความเห็นใด ๆ ชาวกุรอยช์จะคล้อยตาม<ref>أسد الغابة، ابن الأثير، ج3 ص310</ref> โดยมีคำกล่าวว่า คนจากตระกูลกุรอยช์ที่มีเกียรติที่สุดมีอยู่สิบกว่าคน คือ [[อัลอับบาส บุตรอับดุลมุฏฏอบิบ]] จาก[[ตระกูลสาขาฮาชิม|สาขาฮาชิม]], [[อะบูซุฟยาน บุตรฮัรบ์]] จาก[[ตระกูลสาขาอุมัยยะฮ์|สาขาอุมัยยะฮ์]], [[อุษมาน บุตรฏอลหะฮ์|อุษมาน บุตรฏอลหะฮ์ บุตรซัมอะฮ์ บุตรอัลอัสวัด]] จาก[[ตระกูลสาขาอะสัด|สาขาอะสัด]], อะบูบักร์ จาก[[ตระกูลสาขาตัยม์|สาขาตัยม์]], [[คอลิด บุตรอัลวะลีด]] จาก[[ตระกูลสาขามัคซูม|สาขามัคซูม]], [[อุมัร|อุมัร บุตรอัลคอฏฏอบ]] จาก[[ตระกูลสาขาอะดีย์|สาขาอะดีย์]], [[ซอฟวาน บุตรอุมัยยะฮ์]] จาก[[ตระกูลสาขาญุมะห์|สาขาญุมะห์]] เป็นต้น<ref>أشهر مشاهير الإسلام، 1/ 10</ref> |
อะบูบักร์เกิดและเติบโตที่เมืองมักกะฮ์ และเป็นหนึ่งในผู้นำและผู้ทรงเกียรติของตระกูลกุรอยช์ในยุคอวิชชา และยังเป็นที่รักและชื่นชมอย่างมาก เมื่ออะบูบักร์จะออกความเห็นใด ๆ ชาวกุรอยช์จะคล้อยตาม<ref>أسد الغابة، ابن الأثير، ج3 ص310</ref> โดยมีคำกล่าวว่า คนจากตระกูลกุรอยช์ที่มีเกียรติที่สุดมีอยู่สิบกว่าคน คือ [[อัลอับบาส บุตรอับดุลมุฏฏอบิบ]] จาก[[ตระกูลสาขาฮาชิม|สาขาฮาชิม]], [[อะบูซุฟยาน บุตรฮัรบ์]] จาก[[ตระกูลสาขาอุมัยยะฮ์|สาขาอุมัยยะฮ์]], [[อุษมาน บุตรฏอลหะฮ์|อุษมาน บุตรฏอลหะฮ์ บุตรซัมอะฮ์ บุตรอัลอัสวัด]] จาก[[ตระกูลสาขาอะสัด|สาขาอะสัด]], อะบูบักร์ จาก[[ตระกูลสาขาตัยม์|สาขาตัยม์]], [[คอลิด บุตรอัลวะลีด]] จาก[[ตระกูลสาขามัคซูม|สาขามัคซูม]], [[อุมัร|อุมัร บุตรอัลคอฏฏอบ]] จาก[[ตระกูลสาขาอะดีย์|สาขาอะดีย์]], [[ซอฟวาน บุตรอุมัยยะฮ์]] จาก[[ตระกูลสาขาญุมะห์|สาขาญุมะห์]] เป็นต้น<ref>أشهر مشاهير الإسلام، 1/ 10</ref> |
||
[[ไฟล์:Bahira.jpg|thumb|โบสถ์ของบาทหลางนามบะฮีรอ ณ เมืองบุสรอ แคว้นซีเรีย |
[[ไฟล์:Bahira.jpg|thumb|right|โบสถ์ของบาทหลางนามบะฮีรอ ณ เมืองบุสรอ แคว้นซีเรีย]] |
||
ใน[[ญาฮิลียะฮ์|ยุคอวิชชา]] อะบูบักร์จะมีชื่อเสียงในเรื่องของวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูล โดยเป็นหนึ่งในผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลและเรื่องราวเหตุการณ์ของชาวอาหรับยุคก่อน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากบรรดาผู้รู้ทางด้านวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากมายอาทิ [[อุกอยล์ บุตรอะบูตอลิบ]] และ [[ญุบัยร์ บุตรมุฏอิม]] เป็นต้น อะบูบักร์ยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวอาหรับ เนื่องจากท่านไม่เคยกล่าวถึงวงศ์ตระกูลใดในทางเสีย ๆ หาย ๆ ดังเช่นที่ผู้รู้ท่านอื่นทำ<ref>التهذيب، 2/ 183</ref> โดยมีรายงานว่าท่านศาสดาเคยกล่าวยกย่องไว้ว่า : "อบูบักร์เป็นผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากที่สุดของตระกูลกุรอยช์ (إن أبا بكر أعلمُ قريش بأنسابها)"<ref>[[صحيح مسلم]]، رقم: 2490</ref><ref>الطبراني في الكبير، رقم: 3582</ref> |
ใน[[ญาฮิลียะฮ์|ยุคอวิชชา]] อะบูบักร์จะมีชื่อเสียงในเรื่องของวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูล โดยเป็นหนึ่งในผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลและเรื่องราวเหตุการณ์ของชาวอาหรับยุคก่อน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากบรรดาผู้รู้ทางด้านวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากมายอาทิ [[อุกอยล์ บุตรอะบูตอลิบ]] และ [[ญุบัยร์ บุตรมุฏอิม]] เป็นต้น อะบูบักร์ยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวอาหรับ เนื่องจากท่านไม่เคยกล่าวถึงวงศ์ตระกูลใดในทางเสีย ๆ หาย ๆ ดังเช่นที่ผู้รู้ท่านอื่นทำ<ref>التهذيب، 2/ 183</ref> โดยมีรายงานว่าท่านศาสดาเคยกล่าวยกย่องไว้ว่า : "อบูบักร์เป็นผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากที่สุดของตระกูลกุรอยช์ (إن أبا بكر أعلمُ قريش بأنسابها)"<ref>[[صحيح مسلم]]، رقم: 2490</ref><ref>الطبراني في الكبير، رقم: 3582</ref> |
||
อะบูบักร์ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า [[อิบนุกะษีร อัดดิมัชกีย์|อิบนุกะษีร]]กล่าวว่า : "อะบูบักร์เป็นพ่อค้าที่มีคุณธรรมและจรรยาบรรณ มีผู้คนมากมายเข้าหาอะบูบักร์ เพราะความรู้ การค้า และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของท่าน"<ref name="abc1">[[البداية والنهاية]]، [[ابن كثير الدمشقي|ابن كثير]]، ج3 ص39</ref> อะบูบักร์ได้ท่องไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ เพื่อการค้า และเคยเดินทางไป[[บุสรอ|เมืองบุสรอ]]ใน[[ลิแวนต์|แคว้นซีเรีย]] อะบูบักร์มีต้นทุนการค้าถึง 40,000 ดิรฮัม และท่านยังเป็นที่รู้จักในยุคอวิชชาในฐานะผู้ใจบุญที่มักบริจาคทาน<ref>أبو بكر الصديق، علي طنطاوي، دار المنارة، جدة، السعودية، 1406هـ-1986م، ص66</ref><ref>التاريخ الإسلامي، الخلفاء الراشدون، محمود شاكر، المكتب الإسلامي، 1411هـ، มีบันทึกรายงานว่า ครั้งหนึ่ง ขณะที่อะบูบักร์อยู่ในแคว้นซีเรีย ท่านได้เล่าความฝันหนึ่งให้กับ[[บาทหลวง บะฮีรอ|บาทหลวงนามบะฮีรอ]]ฟัง บาทหลวงจึงถามอะบูบักร์ว่า : "ท่านมาจากที่ใดกัน?" |
อะบูบักร์ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า [[อิบนุกะษีร อัดดิมัชกีย์|อิบนุกะษีร]]กล่าวว่า : "อะบูบักร์เป็นพ่อค้าที่มีคุณธรรมและจรรยาบรรณ มีผู้คนมากมายเข้าหาอะบูบักร์ เพราะความรู้ การค้า และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของท่าน"<ref name="abc1">[[البداية والنهاية]]، [[ابن كثير الدمشقي|ابن كثير]]، ج3 ص39</ref> อะบูบักร์ได้ท่องไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ เพื่อการค้า และเคยเดินทางไป[[บุสรอ|เมืองบุสรอ]]ใน[[ลิแวนต์|แคว้นซีเรีย]] อะบูบักร์มีต้นทุนการค้าถึง 40,000 ดิรฮัม และท่านยังเป็นที่รู้จักในยุคอวิชชาในฐานะผู้ใจบุญที่มักบริจาคทาน<ref>أبو بكر الصديق، علي طنطاوي، دار المنارة، جدة، السعودية، 1406هـ-1986م، ص66</ref><ref>التاريخ الإسلامي، الخلفاء الراشدون، محمود شاكر، المكتب الإسلامي، 1411هـ، ص30</ref> มีบันทึกรายงานว่า ครั้งหนึ่ง ขณะที่อะบูบักร์อยู่ในแคว้นซีเรีย ท่านได้เล่าความฝันหนึ่งให้กับ[[บาทหลวง บะฮีรอ|บาทหลวงนามบะฮีรอ]]ฟัง บาทหลวงจึงถามอะบูบักร์ว่า : "ท่านมาจากที่ใดกัน?" อะบูบักร์ตอบว่า : "จากเมืองมักกะฮ์" บาทหลวง : "จากตระกูลใดเล่า?" อะบูบักร์ : "ตระกูลกุรอยช์" บาทหลวง : "ท่านเป็นอะไร?" อะบูบักร์ : "เป็นพ่อค้า" บาทหลวง : "หากพระเจ้าจะทำให้ฝันของท่านเป็นจริง พระองค์จะทรงส่งศาสนทูตมาจากกลุ่มชนของท่าน แล้วท่านจะได้เป็นผู้รับใช้สนิทในขณะที่เขามีชีวิต และเป็นผู้สืบทอดอำนาจหลังจากเขาสิ้นชีวิต" |
||
อะบูบักร์ตอบว่า : "จากเมืองมักกะฮ์" |
|||
บาทหลวง : "จากตระกูลใดเล่า?" |
|||
อะบูบักร์ : "ตระกูลกุรอยช์" |
|||
บาทหลวง : "ท่านเป็นอะไร?" |
|||
อะบูบักร์ : "เป็นพ่อค้า" |
|||
บาทหลวง : "หากพระเจ้าจะทำให้ฝันของท่านเป็นจริง พระองค์จะทรงส่งศาสนทูตมาจากกลุ่มชนของท่าน แล้วท่านจะได้เป็นผู้รับใช้สนิทในขณะที่เขามีชีวิต และเป็นผู้สืบทอดอำนาจหลังจากเขาสิ้นชีวิต"<nowiki><ref>الخلفاء الراشدون، محمود شاكر، ص34</nowiki></ref> |
|||
⚫ | กล่าวกันว่าอะบูบักร์ไม่เคยดื่ม[[สุรา]]แม้แต่ในยุคอวิชชา โดยท่านได้ถือว่าสุราเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับตัวท่านเอง อะบูบักร์จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่บริสุทธิ์ที่สุดในยุคอวิชชา<ref>تاريخ الخلفاء، [[جلال الدين السيوطي]]، ص48</ref> [[อาอิชะฮ์|ท่านหญิงอาอิชะฮ์]]ได้เล่าว่า : "อะบูบักร์ได้ถือว่าสุราเป็นที่ต้องห้ามสำหรับตนเอง ดังนั้นท่านจึงไม่เคยดื่มสุราทั้งในยุคอวิชชาและในยุคอิสลาม มีครั้งหนึ่งอะบูบักร์ได้เดินผ่านคนเมาคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้มือจับกองอุจจาระแล้วนำมาไว้ใกล้ปาก แต่เมื่อเขาได้กลิ่นเขาก็โยนอุจจาระทิ้ง อะบูบักร์จึงกล่างวว่า: "คน ๆ นี้ไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาเพียงได้กลิ่นอุจจาระแล้วก็ปัดทิ้ง"<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص34</ref> |
||
อะบูบักร์ตอบว่า : "ฉันขอความคุ้มครองจากอัลเลาะฮ์" |
|||
คนผู้นั้นจึงถามขึ้นว่า : "ทำไมกันล่ะ?" |
|||
⚫ | กล่าวกันว่าอะบูบักร์ไม่เคยดื่ม[[สุรา]]แม้แต่ในยุคอวิชชา โดยท่านได้ถือว่าสุราเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับตัวท่านเอง อะบูบักร์จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่บริสุทธิ์ที่สุดในยุคอวิชชา<ref>تاريخ الخلفاء، [[جلال الدين السيوطي]]، ص48</ref> [[อาอิชะฮ์|ท่านหญิงอาอิชะฮ์]]ได้เล่าว่า : "อะบูบักร์ได้ถือว่าสุราเป็นที่ต้องห้ามสำหรับตนเอง ดังนั้นท่านจึงไม่เคยดื่มสุราทั้งในยุคอวิชชาและในยุคอิสลาม มีครั้งหนึ่งอะบูบักร์ได้เดินผ่านคนเมาคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้มือจับกองอุจจาระแล้วนำมาไว้ใกล้ปาก แต่เมื่อเขาได้กลิ่นเขาก็โยนอุจจาระทิ้ง อะบูบักร์จึงกล่างวว่า: "คน ๆ นี้ไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาเพียงได้กลิ่นอุจจาระแล้วก็ปัดทิ้ง"<ref>سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص34</ref> และครั้งหนึ่งเคยมีผู้ถามท่านว่า : "ท่านเคยดื่มสุราในยุคอวิชชาไหม?" อะบูบักร์ตอบว่า : "ฉันขอความคุ้มครองจากอัลเลาะฮ์" คนผู้นั้นจึงถามขึ้นว่า : "ทำไมกันล่ะ?" อะบูบักร์ : "ฉันต้องรักษาเกียรติและคุณธรรมของฉัน เพราะผู้ที่ดื่มสุรานั้นคือผู้ที่ทำลายเกียรติและคุณธรรมของตนเอง"<ref>تاريخ الخلفاء، [[جلال الدين السيوطي]]، ص49</ref> |
||
อะบูบักร์ : "ฉันต้องรักษาเกียรติและคุณธรรมของฉัน เพราะผู้ที่ดื่มสุรานั้นคือผู้ที่ทำลายเกียรติและคุณธรรมของตนเอง"<ref>تاريخ الخلفاء، [[جلال الدين السيوطي]]، ص49</ref> |
|||
เช่นเดียวกัน มีบันทึกรายงานว่าท่านไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อะบูบักร์ยังเคยพูดต่อหน้า[[บรรดาสหายของท่านศาสดามุฮำมัด|บรรดาสหายท่านศาสดา]]ว่า : "ฉันไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลย ครั้งหนึ่งขณะที่ฉันเพิ่งจะบรรลุวัยหนุ่ม [[อะบูกุฮาฟะฮ์]]ได้จูงมือของฉันไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่มีรูปปั้น แล้วพูดกับฉันว่า "นี่คือเทพเจ้าของเจ้า" แล้วพ่อก็เดินออกไปปล่อยฉันไว้ตามลำพัง ฉันจึงเข้าไปใกล้ ๆ รูปปั้นแล้วพูดกับมันว่า "ฉันหิว ขอจงให้อาหารฉันเถิด" แต่มันไม่ตอบ ฉันจึงพูดอีกว่า "ฉันไม่มีเสื้อผ้า ขอจงประทานเสื้อผ้าให้หน่อย" แต่มันก็ไม่ตอบ ฉันจึงขว้างหินพังหน้ารูปปั้นนั้น"<ref>أصحاب الرسول، محمود المصري، مكتبة أبي حذيفة السلفي، 1420هـ-1999م، 1/ 58</ref><ref>الخلفاء الراشدين، محمود شاكر، ص31</ref> |
เช่นเดียวกัน มีบันทึกรายงานว่าท่านไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อะบูบักร์ยังเคยพูดต่อหน้า[[บรรดาสหายของท่านศาสดามุฮำมัด|บรรดาสหายท่านศาสดา]]ว่า : "ฉันไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลย ครั้งหนึ่งขณะที่ฉันเพิ่งจะบรรลุวัยหนุ่ม [[อะบูกุฮาฟะฮ์]]ได้จูงมือของฉันไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่มีรูปปั้น แล้วพูดกับฉันว่า "นี่คือเทพเจ้าของเจ้า" แล้วพ่อก็เดินออกไปปล่อยฉันไว้ตามลำพัง ฉันจึงเข้าไปใกล้ ๆ รูปปั้นแล้วพูดกับมันว่า "ฉันหิว ขอจงให้อาหารฉันเถิด" แต่มันไม่ตอบ ฉันจึงพูดอีกว่า "ฉันไม่มีเสื้อผ้า ขอจงประทานเสื้อผ้าให้หน่อย" แต่มันก็ไม่ตอบ ฉันจึงขว้างหินพังหน้ารูปปั้นนั้น"<ref>أصحاب الرسول، محمود المصري، مكتبة أبي حذيفة السلفي، 1420هـ-1999م، 1/ 58</ref><ref>الخلفاء الراشدين، محمود شاكر، ص31</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:31, 26 สิงหาคม 2563
อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก อับดุลเลาะฮ์ บุตร กุฮาฟะห์ | |||
---|---|---|---|
นามของท่านอะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก พร้อมคำอวยพร เขียนด้วยภาษาอาหรับ
| |||
เกิด | 50 ก่อน ฮ.ศ. / ค.ศ.573 เมืองมักกะฮ์, แคว้นติฮามะฮ์, คาบสมุทรอาหรับ | ||
เสียชีวิต | ญุมาดัลอูลา ฮ.ศ.13 / 23 สิงหาคม ค.ศ.634 เมืองมะดีนะฮ์, แคว้นฮิญาซ, คาบสมุทรอาหรับ | ||
คู่สมรส | |||
บิดามารดา | |||
ทายาท | |||
(มารดา) |
ส่วนหนึ่งของ |
ศาสนาอิสลาม |
---|
|
อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก (ผู้เชื่อมั่น) อับดุลเลาะฮ์ บุตร อะบูกุฮาฟะฮ์ ตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์ (อาหรับ: أبو بَكر الصّدِّيق عبد الله بن أبي قُحافة التَّيمي القُرَشيّ) คือเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรมท่านแรก เป็นหนึ่งในสิบผู้ได้รับข่าวสวรรค์ สหายสนิทของท่านศาสดามุฮำมัด และเพื่อนร่วมเดินทางคราวท่านศาสดาอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮ์ นิกายอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ถือว่าอะบูบักร์คือผู้ที่ประเสริฐที่สุดรองลงมาจากบรรดาศาสดาผู้เผยวจนะทั้งหลาย และเป็นสหายท่านศาสดามุฮำมัดที่มีศรัทธาและความมัธยัสถ์มากที่สุด และยังเป็นผู้ที่ท่านศาสดามุฮำมัดรักที่สุดรองลงมาจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ และโดยปกติ อะบูบักร์จะได้รับการเรียกขานพร้อมฉายานามว่า "อัศศิดดี๊ก" (ผู้เชื่อมั่น) อันเป็นฉายานามที่ท่านศาสดาเป็นผู้ตั้งให้ อันเนื่องจากศรัทธาอันเปี่ยมล้นที่อะบูบักร์มีต่อท่านศาสดา
อะบูบักร์ อัศศิดดี๊ก เกิดที่เมืองมักกะฮ์ ราวปี ค.ศ. 573 คือหลังจากปีช้าง 2 ปีและ 6 เดือน[1][2] เคยเป็นเศรษฐีของตระกูลกุรอยช์ในยุคอวิชชา (ยุคญาอิลียะห์ الجَاهِلِيَّة) ครั้นเมื่อท่านศาสดามุฮำมัดเชิญชวนอะบูบักร์ให้รับอิสลาม ท่านก็ได้รับศรัทธาอย่างไร้เคลือบแคลง อะบูบักร์จึงนับเป็นเสรีชนชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม หลังจากนั้น อะบูบักร์ก็อพยพไปเมืองมะดีนะฮ์พร้อมกับท่านศาสดาในฐานะเพื่อนยาก และสู้ศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านศาสดาในทุกสมรภูมิ และเมื่อท่านศาสดาป่วยหนักในครั้งที่ท่านจะเสียชีวิต ท่านก็ได้ใช้ให้อะบูบักร์เป็นผู้นำละหมาดแทนท่าน
ต่อมาเมื่อท่านศาสดามุฮำมัดสิ้นชีวิตในวันจันทร์ที่ 12 ร่อบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 11 และอะบูบักร์ได้รับการให้สัตยาบันเป็นเคาะลีฟะฮ์ผู้สืบอำนาจต่อจากท่านศาสดา อะบูบักร์ก็ได้บริหารกิจการรัฐอิสลามด้วยการแต่งตั้งผู้ปกครองและผู้พิพากษาตามพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงตระเตรียมกองทัพไพร่พล อีกทั้งยังเกิดเหตุการณ์กบฏละทิ้งศาสนาอิสลามของเผ่าอาหรับจำนวนมาก ทำให้อะบูบักร์ต้องส่งกองทัพออกไปปราบกบฏ กระทั่งคาบสมุทรอาหรับทั้งหมดยอมอยู่ภายใต้การปกครองของอิสลาม และเมื่อเสร็จศึกปราบกบฏ อะบูบักร์ยังได้ส่งกองทัพไปพิชิตแคว้นอิรักและซีเรีย
อะบูบักร์เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 22 ญุมาดัลอาคิเราะฮ์ ฮ.ศ. 13 รวมสิริอายุ 63 ปี แล้วอุมัร บุตร อัลคอฏฏอบ ก็สืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน
ก่อนรับอิสลาม
เชื้อสาย
- อับดุลเลาะฮ์ บุตรอุษมาน บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตรตัยม์ บุตรมุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ บุตรลุอัย บุตรฆอลิบ บุตรฟิฮ์ร บุตรมาลิก บุตรอันนัฎร์ บุตรกุรอยช์ บุตรกินานะฮ์ บุตรคุซัยมะฮ์ บุตรมุดริกะฮ์ บุตรอิลยาส บุตรมุฎอร บุตรนิซาร บุตรมะอ์ด บุตรอัดนาน แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์[3][4] มาบรรจบกับท่านศาสดามุฮำมัด ณ ปู่คนที่ 6 (มุรเราะฮ์ บุตรกะอ์บ)[5]
- บิดา : อะบูกุฮาฟะฮ์ อุษมาน บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตรตัยม์ บุตรมุรเราะฮ์ แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์ มารดาของท่านคือ กอยละฮ์ บุตรีอะซาฮ์ บุตร ริยาฮ์ บุตรอับดุลเลาะฮ์ บุตรกอรฏ์ บุตรร่อซาฮ์ บุตรอะดีย์ บุตรกะอ์บ[6][7] โดยอะบูกุฮาฟะฮ์ได้รับอิสลามในวันแห่งการพิชิตมักกะฮ์ และมีชีวิตยืนยาวหลังการเสียชีวิตของอะบูบักร์บุตรของท่าน และเป็นบุคคลแรกในอิสลามที่ได้รับมรดกจากเคาะลีฟะฮ์ แต่อะบูกุฮาฟะฮ์เลือกไม่รับมรดกและนำส่วนแบ่งของตนให้กับบุตรของอะบูบักร์ อะบูกุฮาฟะฮ์เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 14 อายุ 97 ปี[8]
- มารดา : อุมมุ้ลคอยร์ ซัลมา บุตรีศอคร์ บุตรอามิร ตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์|อุมมุ้ลคอยร์ ซัลมา บุตรีศอคร์ บุตรอามิร บุตรกะอ์บ บุตรสะอ์ด บุตรตัยม์ บุตรมุรเราะฮ์ แห่งตระกูลกุรอยช์ สาขาตัยม์ รับอิสลามพร้อมกับอะบูบักร์ผู้เป็นบุตร ก่อนเหตุการณ์การอพยพฮิจเราะฮ์ และเสียชีวิตก่อนอะบูกุฮาฟะฮ์[9]
วัยเยาว์
อะบูบักร์ เกิดที่เมืองมักกะฮ์ ปี ค.ศ. 573 คือหลังจากปีช้างที่ท่านนบีมุฮัมหมัดเกิดเป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน[10] อะบูบักร์จึงนับว่าอายุน้อยกว่าท่านศาสดา นักวิชาการมีมติฉันท์ว่าท่านอบูบักรเกิดหลังปีช้างอย่างแน่นอน แต่มีความเห็นต่างในเรื่องของช่วงเวลาหลังปีช้าง บางทรรศนะจึงกล่าวว่า 3 ปี อีกทัศนะบอกว่า 2 ปี 6 เดือน และอีกทัศนะบอกว่า 2 ปีกว่า ๆ โดยมิได้กำหนดระยะเดือนที่ชัดเจน[11][12]
อะบูบักร์เกิดและเติบโตที่เมืองมักกะฮ์ และเป็นหนึ่งในผู้นำและผู้ทรงเกียรติของตระกูลกุรอยช์ในยุคอวิชชา และยังเป็นที่รักและชื่นชมอย่างมาก เมื่ออะบูบักร์จะออกความเห็นใด ๆ ชาวกุรอยช์จะคล้อยตาม[13] โดยมีคำกล่าวว่า คนจากตระกูลกุรอยช์ที่มีเกียรติที่สุดมีอยู่สิบกว่าคน คือ อัลอับบาส บุตรอับดุลมุฏฏอบิบ จากสาขาฮาชิม, อะบูซุฟยาน บุตรฮัรบ์ จากสาขาอุมัยยะฮ์, อุษมาน บุตรฏอลหะฮ์ บุตรซัมอะฮ์ บุตรอัลอัสวัด จากสาขาอะสัด, อะบูบักร์ จากสาขาตัยม์, คอลิด บุตรอัลวะลีด จากสาขามัคซูม, อุมัร บุตรอัลคอฏฏอบ จากสาขาอะดีย์, ซอฟวาน บุตรอุมัยยะฮ์ จากสาขาญุมะห์ เป็นต้น[14]
ในยุคอวิชชา อะบูบักร์จะมีชื่อเสียงในเรื่องของวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูล โดยเป็นหนึ่งในผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลและเรื่องราวเหตุการณ์ของชาวอาหรับยุคก่อน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากบรรดาผู้รู้ทางด้านวิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากมายอาทิ อุกอยล์ บุตรอะบูตอลิบ และ ญุบัยร์ บุตรมุฏอิม เป็นต้น อะบูบักร์ยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวอาหรับ เนื่องจากท่านไม่เคยกล่าวถึงวงศ์ตระกูลใดในทางเสีย ๆ หาย ๆ ดังเช่นที่ผู้รู้ท่านอื่นทำ[15] โดยมีรายงานว่าท่านศาสดาเคยกล่าวยกย่องไว้ว่า : "อบูบักร์เป็นผู้รู้วิชาการสืบลำดับวงศ์ตระกูลมากที่สุดของตระกูลกุรอยช์ (إن أبا بكر أعلمُ قريش بأنسابها)"[16][17]
อะบูบักร์ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า อิบนุกะษีรกล่าวว่า : "อะบูบักร์เป็นพ่อค้าที่มีคุณธรรมและจรรยาบรรณ มีผู้คนมากมายเข้าหาอะบูบักร์ เพราะความรู้ การค้า และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของท่าน"[18] อะบูบักร์ได้ท่องไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ เพื่อการค้า และเคยเดินทางไปเมืองบุสรอในแคว้นซีเรีย อะบูบักร์มีต้นทุนการค้าถึง 40,000 ดิรฮัม และท่านยังเป็นที่รู้จักในยุคอวิชชาในฐานะผู้ใจบุญที่มักบริจาคทาน[19][20] มีบันทึกรายงานว่า ครั้งหนึ่ง ขณะที่อะบูบักร์อยู่ในแคว้นซีเรีย ท่านได้เล่าความฝันหนึ่งให้กับบาทหลวงนามบะฮีรอฟัง บาทหลวงจึงถามอะบูบักร์ว่า : "ท่านมาจากที่ใดกัน?" อะบูบักร์ตอบว่า : "จากเมืองมักกะฮ์" บาทหลวง : "จากตระกูลใดเล่า?" อะบูบักร์ : "ตระกูลกุรอยช์" บาทหลวง : "ท่านเป็นอะไร?" อะบูบักร์ : "เป็นพ่อค้า" บาทหลวง : "หากพระเจ้าจะทำให้ฝันของท่านเป็นจริง พระองค์จะทรงส่งศาสนทูตมาจากกลุ่มชนของท่าน แล้วท่านจะได้เป็นผู้รับใช้สนิทในขณะที่เขามีชีวิต และเป็นผู้สืบทอดอำนาจหลังจากเขาสิ้นชีวิต"
กล่าวกันว่าอะบูบักร์ไม่เคยดื่มสุราแม้แต่ในยุคอวิชชา โดยท่านได้ถือว่าสุราเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับตัวท่านเอง อะบูบักร์จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่บริสุทธิ์ที่สุดในยุคอวิชชา[21] ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้เล่าว่า : "อะบูบักร์ได้ถือว่าสุราเป็นที่ต้องห้ามสำหรับตนเอง ดังนั้นท่านจึงไม่เคยดื่มสุราทั้งในยุคอวิชชาและในยุคอิสลาม มีครั้งหนึ่งอะบูบักร์ได้เดินผ่านคนเมาคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้มือจับกองอุจจาระแล้วนำมาไว้ใกล้ปาก แต่เมื่อเขาได้กลิ่นเขาก็โยนอุจจาระทิ้ง อะบูบักร์จึงกล่างวว่า: "คน ๆ นี้ไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาเพียงได้กลิ่นอุจจาระแล้วก็ปัดทิ้ง"[22] และครั้งหนึ่งเคยมีผู้ถามท่านว่า : "ท่านเคยดื่มสุราในยุคอวิชชาไหม?" อะบูบักร์ตอบว่า : "ฉันขอความคุ้มครองจากอัลเลาะฮ์" คนผู้นั้นจึงถามขึ้นว่า : "ทำไมกันล่ะ?" อะบูบักร์ : "ฉันต้องรักษาเกียรติและคุณธรรมของฉัน เพราะผู้ที่ดื่มสุรานั้นคือผู้ที่ทำลายเกียรติและคุณธรรมของตนเอง"[23]
เช่นเดียวกัน มีบันทึกรายงานว่าท่านไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อะบูบักร์ยังเคยพูดต่อหน้าบรรดาสหายท่านศาสดาว่า : "ฉันไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นเลย ครั้งหนึ่งขณะที่ฉันเพิ่งจะบรรลุวัยหนุ่ม อะบูกุฮาฟะฮ์ได้จูงมือของฉันไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่มีรูปปั้น แล้วพูดกับฉันว่า "นี่คือเทพเจ้าของเจ้า" แล้วพ่อก็เดินออกไปปล่อยฉันไว้ตามลำพัง ฉันจึงเข้าไปใกล้ ๆ รูปปั้นแล้วพูดกับมันว่า "ฉันหิว ขอจงให้อาหารฉันเถิด" แต่มันไม่ตอบ ฉันจึงพูดอีกว่า "ฉันไม่มีเสื้อผ้า ขอจงประทานเสื้อผ้าให้หน่อย" แต่มันก็ไม่ตอบ ฉันจึงขว้างหินพังหน้ารูปปั้นนั้น"[24][25]
ความประเสริฐของอะบูบักรฺตามทัศนะของซุนนีย์
ในช่วงท้ายของชีวิตท่านนบีมุฮัมมัดป่วย ได้ให้ท่านอะบูบักรฺเป็นผู้นำละหมาดแทนท่าน ดังนั้นเมื่อท่านนบีเสียชีวิต มุสลิมส่วนใหญ่จึงพร้อมใจกันแต่งตั้งท่านเป็นผู้นำ(คอลีฟะหฺ)ท่านแรก
อัลลอหฺได้กล่าวเกี่ยวกับความประเสริฐของอะบูบักรฺว่า "และพระองค์ทรงให้ผู้ยำเกรงห่างไกลจากไฟนรก ซึ่งเขาบริจาคทรัพย์สินของเขา เพื่อขัดเกลาตัวเขา" (ซูเราะตุลลัยล์)
เล่าจากอับดุลลอฮ์ บุตร อุมัร (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ) จากท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล) ว่า แท้จริงท่านได้กล่าวแก่อบูบักรว่า “ท่าน(อบูบักร) เป็นมิตรของข้าพเจ้าที่บ่อน้ำ และเป็นมิตรของข้าพเจ้าในถ้ำ ”
เล่าจากอาอิชะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮอันฮา) จากท่านนบีมุฮัมมัด (ศ) ได้กล่าวว่า “ไม่สมควรแก่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอะบูบักรฺร่วมอยู่ด้วย ที่คนอื่นจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนั้น นอกจากอะบูบักรฺ”
อ้างอิง
- ↑ فتح الباري (7/9)
- ↑ الإصابة (2/341)
- ↑ أسد الغابة في معرفة الصحابة، ابن الأثير الجزري، دار الكتب العلمية، الطبعة الأولى 1415هـ-1994م، ج3 ص310
- ↑ الإصابة في تمييز الصحابة، ابن حجر العسقلاني، 4/ 144-145
- ↑ سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص27
- ↑ إكمال الكمال - ابن ماكولا، ج7 ص 30
- ↑ نسب قريش - مصعب الزبيري ، ج1 ص122
- ↑ أسد الغابة، ابن الأثير، ج3 ص575
- ↑ أسد الغابة، ابن الأثير، ج7 ص314
- ↑ فتح الباري (7/9)، الإصابة (2/341)
- ↑ سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص29
- ↑ تاريخ الخلفاء، للإمام جلال الدين السيوطي، تحقيق إبراهيم صالح، دار صادر، بيروت، الطبعة الأولى 1417هـ- 1997م، ص56
- ↑ أسد الغابة، ابن الأثير، ج3 ص310
- ↑ أشهر مشاهير الإسلام، 1/ 10
- ↑ التهذيب، 2/ 183
- ↑ صحيح مسلم، رقم: 2490
- ↑ الطبراني في الكبير، رقم: 3582
- ↑ البداية والنهاية، ابن كثير، ج3 ص39
- ↑ أبو بكر الصديق، علي طنطاوي، دار المنارة، جدة، السعودية، 1406هـ-1986م، ص66
- ↑ التاريخ الإسلامي، الخلفاء الراشدون، محمود شاكر، المكتب الإسلامي، 1411هـ، ص30
- ↑ تاريخ الخلفاء، جلال الدين السيوطي، ص48
- ↑ سيرة وحياة الصديق، مجدي فتحي السيد، ص34
- ↑ تاريخ الخلفاء، جلال الدين السيوطي، ص49
- ↑ أصحاب الرسول، محمود المصري، مكتبة أبي حذيفة السلفي، 1420هـ-1999م، 1/ 58
- ↑ الخلفاء الراشدين، محمود شاكر، ص31