ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xiengyod~commonswiki (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 36: บรรทัด 36:
ฝ่ายแก๊งซาเหอได้ลอบวางเพลิงร้านเป่าจืนหลินเพื่อแก้แค้นหวงเฟยหง หลังจากนั้นจึงได้พากันหนีไปขอความคุ้มครองจาก "แจ็คสัน" เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันในเขตเช่าของ[[สหรัฐอเมริกา]] แจ็คสันได้ให้พวกแก๊งซาเหอช่วยเขาทำ[[การค้ามนุษย์]]อย่างลับๆ โดยจัดหาและลักพาตัวผู้หญิงชาวจีนมาขึ้นเรืออเมริกันเพื่อส่งตัวไปขายเป็น[[โสเภณี]] เมื่อหวงเฟยหงและผู้ว่าราชการเมืองฝอซานไปชมงิ้ว แก๊งซาเหอและพวกของแจ็คสันได้ร่วมมือกันโจมตีหวงเฟยหงและพยายามสังหารผู้ว่าราชการเมืองฝอซานแต่ไม่สำเร็จ มีผู้บริสุทธิ์ถูกลูกหลงจากการโจมตีครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานจึงโทษว่าหวงเฟยหงเป็นต้นเหตุ และสั่งจับกุมหวงเฟยหงพร้อมทั้งขู่ว่าจะลงโทษประหารชีวิตเสีย แต่อนุญาตให้หวงเฟยหงไปรักษาคนเจ็บที่ร้านเป่าจือหลินก่อนถูกควบคุมตัวไปเรือนจำได้
ฝ่ายแก๊งซาเหอได้ลอบวางเพลิงร้านเป่าจืนหลินเพื่อแก้แค้นหวงเฟยหง หลังจากนั้นจึงได้พากันหนีไปขอความคุ้มครองจาก "แจ็คสัน" เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันในเขตเช่าของ[[สหรัฐอเมริกา]] แจ็คสันได้ให้พวกแก๊งซาเหอช่วยเขาทำ[[การค้ามนุษย์]]อย่างลับๆ โดยจัดหาและลักพาตัวผู้หญิงชาวจีนมาขึ้นเรืออเมริกันเพื่อส่งตัวไปขายเป็น[[โสเภณี]] เมื่อหวงเฟยหงและผู้ว่าราชการเมืองฝอซานไปชมงิ้ว แก๊งซาเหอและพวกของแจ็คสันได้ร่วมมือกันโจมตีหวงเฟยหงและพยายามสังหารผู้ว่าราชการเมืองฝอซานแต่ไม่สำเร็จ มีผู้บริสุทธิ์ถูกลูกหลงจากการโจมตีครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานจึงโทษว่าหวงเฟยหงเป็นต้นเหตุ และสั่งจับกุมหวงเฟยหงพร้อมทั้งขู่ว่าจะลงโทษประหารชีวิตเสีย แต่อนุญาตให้หวงเฟยหงไปรักษาคนเจ็บที่ร้านเป่าจือหลินก่อนถูกควบคุมตัวไปเรือนจำได้


ระหว่างที่ทำการรักษาคนเจ็บอยู่นั้นเอง หวงเฟยหงได้พบกับแรงงานชาวจีนที่หลบหนีมาจากเรือของพวกค้ามนุษย์ชาวอเมริกัน และเล่าเรื่องราวการหลอกลวงชาวจีนไปขายแรงงานที่สหรัฐอเมริกาให้เขารับรู้ ขณะเดียวกันอาจารย์เอี้ยนก็ได้เดินทางมาที่ร้านเป่าจือหลินและดึงดันที่จะขอประลองกับหวงเฟยหงเพื่อพิสูจน์ฝีมือตนเองเพียงฝ่ายเดียว หวงเฟยหงเสียสมาธิจากเสียงปืนที่น้าสิบสามทำลั่นขึ้น ทำให้อาจารย์เอี้ยนสามารถเอาชนะหวงเฟยหงและทำลายป้ายร้านเป่าจือหลินได้ แม้กระนั้นเขาก็ไม่นับว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง จึงประกาศขอท้าประลองกับหวงเฟยหงอีกครั้งในโอกาสหน้าและออกจากร้านเป่าจือหลินไป เมื่อออกจากร้านเป่าจือหลินแล้ว อาจารย์เอี้ยนได้ไปอาศัยอยู่กับพวกแก๊งซาเหอเพื่อหาเงินทุนไว้ใช้ตั้งสำนักมวยของตนเอง แม้ว่าเหลียงควนจะทักท้วงอย่างแข็งขันแล้วว่าการทำเช่นนี้เป็นการขัดต่อคุณธรรมแต่อาจารย์เอี้ยนก็ไม่ฟัง
ระหว่างที่ทำการรักษาคนเจ็บอยู่นั้นเอง หวงเฟยหงได้พบกับแรงงานชาวจีนที่หลบหนีมาจากเรือของพวกค้ามนุษย์ชาวอเมริกัน และเล่าเรื่องราวการหลอกลวงชาวจีนไปใช้แรงงานทาสที่สหรัฐอเมริกาให้เขารับรู้ ขณะเดียวกันอาจารย์เอี้ยนก็ได้เดินทางมาที่ร้านเป่าจือหลินและดึงดันที่จะขอประลองกับหวงเฟยหงเพื่อพิสูจน์ฝีมือตนเองเพียงฝ่ายเดียว หวงเฟยหงเสียสมาธิจากเสียงปืนที่น้าสิบสามทำลั่นขึ้น ทำให้อาจารย์เอี้ยนสามารถเอาชนะหวงเฟยหงและทำลายป้ายร้านเป่าจือหลินได้ แม้กระนั้นเขาก็ไม่นับว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง จึงประกาศขอท้าประลองกับหวงเฟยหงอีกครั้งในโอกาสหน้าและออกจากร้านเป่าจือหลินไป เมื่อออกจากร้านเป่าจือหลินแล้ว อาจารย์เอี้ยนได้ไปอาศัยอยู่กับพวกแก๊งซาเหอเพื่อหาเงินทุนไว้ใช้ตั้งสำนักมวยของตนเอง แม้ว่าเหลียงควนจะทักท้วงอย่างแข็งขันแล้วว่าการทำเช่นนี้เป็นการขัดต่อคุณธรรมแต่อาจารย์เอี้ยนก็ไม่ฟัง


หลังจากอาจารย์เอี้ยนออกไปจากร้านเป่าจือหลินไม่นาน ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานได้นำทหารบุกเข้าไปจับตัวหวงเฟยหงและพรรคพวก หวงเฟยหงกับลูกศิษย์ได้ต่อสู้ถ่วงเวลาจนกระทั่งน้าสิบสาม อาซูฟันเหยิน และแรงงานชาวจีนเหยื่อพวกค้ามนุษย์หนีออกไปจากร้านเป่าจือหลินสำเร็จแล้วจึงยอมให้ทหารจับกุมตัว ทั้งหมดถูกคุมขังรวมกับหน่วยฮ่อธงดำที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้น ด้านน้าสิบสามและพรรคพวกได้หนีไปจนถึงเขตเช่าของสหรัฐอเมริกา พวกแก๊งซาเหอได้จับตัวน้าสิบสามเพื่อเอาตัวไปขายและฆ่าแรงงานจีนที่มาด้วยกัน อาซูฟันเหยินหนีรอดมาได้จึงไปแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกหวงเฟยหงซึ่งถูกจองจำอยู่ได้ทราบ ผู้คุมเรือนจำซึ่งเคารพในตัวหวงเฟยหงและรู้สึกคัดค้านกับการกระทำอย่างไม่เป็นธรรมของผู้ว่าราชการเมืองฝอซานมาหลายครั้งจึงตัดสินใจปล่อยตัวหวงเฟยหงโดยพลการ
หลังจากอาจารย์เอี้ยนออกไปจากร้านเป่าจือหลินไม่นาน ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานได้นำทหารบุกเข้าไปจับตัวหวงเฟยหงและพรรคพวก หวงเฟยหงกับลูกศิษย์ได้ต่อสู้ถ่วงเวลาจนกระทั่งน้าสิบสาม อาซูฟันเหยิน และแรงงานชาวจีนเหยื่อพวกค้ามนุษย์หนีออกไปจากร้านเป่าจือหลินสำเร็จแล้วจึงยอมให้ทหารจับกุมตัว ทั้งหมดถูกคุมขังรวมกับหน่วยฮ่อธงดำที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้น ด้านน้าสิบสามและพรรคพวกได้หนีไปจนถึงเขตเช่าของสหรัฐอเมริกา พวกแก๊งซาเหอได้จับตัวน้าสิบสามเพื่อเอาตัวไปขายและฆ่าแรงงานจีนที่มาด้วยกัน อาซูฟันเหยินหนีรอดมาได้จึงไปแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกหวงเฟยหงซึ่งถูกจองจำอยู่ได้ทราบ ผู้คุมเรือนจำซึ่งเคารพในตัวหวงเฟยหงและรู้สึกคัดค้านกับการกระทำอย่างไม่เป็นธรรมของผู้ว่าราชการเมืองฝอซานมาหลายครั้งจึงตัดสินใจปล่อยตัวหวงเฟยหงโดยพลการ

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:55, 19 พฤศจิกายน 2562

หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก
โปสเตอร์ภาพยนตร์ในรูปแบบบลูเรย์
กำกับฉีเคอะ
บทภาพยนตร์ฉีเคอะ
นักแสดงนำหลี่ เหลียนเจี๋ย
กวน จือหลิน
หยวนเปียว
บริษัทผู้สร้าง
โกลเด้นท์ ฮาร์เวสท์
พารากอน ฟิล์มส์
ฟิล์ม เวิร์คชอปส์
ผู้จัดจำหน่ายโกลเด้นท์ ฮาร์เวสท์
สหมงคลฟิล์ม
(ไทย)
วันฉาย15 สิงหาคม ค.ศ. 1991 (1991-08-15)
ความยาว134 นาที
ประเทศฮ่องกง
ภาษาภาษาจีน
ทำเงินHK$29,672,278.00
ต่อจากนี้หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร

หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก (อังกฤษ: Once Upon a Time in China) เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้สัญชาติฮ่องกง ค.ศ. 1991 เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยฉีเคอะ นำแสดงโดย หลี่ เหลียนเจี๋ย,กวน จือหลิน ภาพยนตร์ชุดนี้เป็นภาคแรกของภาพยนตร์ซีรีส์ชุด หวงเฟยหง โดยมีภาคที่ 2 คือ หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร

เนื้อเรื่อง

ที่เมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 "หลิวหย่งฟู่" แม่ทัพชาวฮั่นแห่ง "หน่วยฮ่อธงดำ" ผู้ซึ่งทางราชสำนักหวาดระแวงว่าจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ได้ถูกส่งตัวไปให้ความช่วยเหลือแคว้นตังเกี๋ยของเวียดนามซึ่งกำลังถูกกองทัพฝรั่งเศสโจมตีเพื่อยึดครองเป็นอาณานิคม เขาจึงฝากฝังให้ "หวงเฟยหง" ครูมวยชื่อดังในท้องถิ่นและเป็นแพทย์ประจำกองทัพฮ่อธงดำ ให้ช่วยดูแลกำลังพลที่ไม่สามารถติดตามไปเวียดนามได้ ก่อนที่จะจากกัน แม่ทัพหลิวหย่งฟู่ได้มอบของที่ระลึกแก่หวงเฟยหงพัดกระดาษซึ่งจารึกรายละเอียดของสนธิสัญญาเสียเปรียบที่ประเทศจีนได้ทำกับต่างชาติไว้ และตั้งความหวังไว้ว่าเมื่อตนกลับมาจากแคว้นตังเกี๋ยแล้วคงจะไม่ต้องเห็นสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรมเหล่านั้นอีก

หวงเฟยหงนอกจากจะเป็นครูมวยชื่อดังแล้วยังเป็นเจ้าของร้านขายยา "เป่าจือหลิน" เปิดรับรักษาผู้ป่วยทั่วไป และมีลูกศิษย์เป็นผู้ช่วยอยู่ 3 คน คือ "หมูตอนหยง" "อาซูฟันเหยิน" และ "อาไค" เขาได้พบกับ "เส้าจุน" ลูกสาวเพื่อนร่วมสาบานของปู่ของหวงเฟยหง ซึ่งมีรสนิยมในการใช้ชีวิตค่อนไปทางวัฒนธรรมตะวันตก แม้ว่าทั้งเส้าจุนและหวงเฟยหงจะมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่หวงเฟยหงก็เรียกเส้าจุนว่า "น้าสิบสาม" ตามลำดับศักดิ์ของญาติ ถึงแม้ทั้งคู่จะมีใจให้แก่กันแต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก เพราะการคบหากันเยี่ยงคู่รักในหมู่ญาติเช่นนี้ถือเป็นเรื่องไม่สมควรในสังคมจีนเวลานั้น

"เหลียงควน" ได้เดินทางมาที่ฝอซานพร้อมกับคณะงิ้วคณะหนึ่งเพื่อเปิดการแสดงที่นั่น เขาได้มีโอกาสพบกับน้าสิบสามอยู่ครั้งหนึ่งด้วยความซุ่มซ่ามของตนเองและรู้สึกหลงรักน้าสิบสามแทบจะทันที ด้วยความที่เป็นคนหน้าใหม่ของแถบนั้น ทำให้เขาเกิดมีเรื่องขึ้นกับแก๊งอั้งยี่ "ซาเหอ" ซึ่งคอยข่มขู่รีดไถเรียกค่าคุ้มครองจากคนในเมือง จนบานปลายกลายเป็นการปะทะกันระหว่างแก๊งซาเหอกับหน่วยฮ่อธงดำที่หวงเฟยหงดูแลอยู่ การต่อสู้ได้ลุกลามเข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งหวงเฟยหงใช้เป็นที่พบปะสนทนากับ "ผู้ว่าราชการเมืองฝอซาน" และนายทหารเรืออังกฤษ พวกแก๊งซาเหอจึงยอมถอนตัวกลับไปเพราะรู้ดัวว่าสู้หวงเฟยหงไม่ได้ ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานซึ่งหวาดระแวงทั้งหวงเฟยหงและหน่วยฮ่อธงดำอยู่แล้วจึงคาดโทษหวงเฟยหง พร้อมทั้งสั่งยุบหน่วยฮ่อธงดำและให้จับกุมพลพรรคหน่วยฮ่อธงดำไปขังทั้งหมด หวงเฟยหงได้เผชิญหน้ากับหัวหน้าแก๊งซาเหอ สามารถเอาชนะและจับตัวส่งให้แก่ทางการเมืองฝอซานได้ แต่ทางการได้ปล่อยตัวหัวหน้าแก๊งซาเหอไป เพราะไม่มีใครกล้าไปเป็นพยานในศาลว่าแก๊งซาเหอกระทำความผิดจริง

ในขณะเดียวกัน เหลียงควนได้เห็นการประลองยุทธระหว่างครูมวยชื่อดังในท้องถิ่นกับ "อาจารย์เอี้ยน" จอมยุทธพเนจรจากภาคเหนือ เขาประทับใจในฝีมือของอาจารย์เอี้ยนมากจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์เอี้ยน อาจารย์เอี้ยนนั้นต้องการพิสูจน์ตัวเองให้คนทั่วไปยอมรับ เพื่อสร้างชื่อเสียงและเปิดสำนักมวยขึ้นในฝอซาน แต่เขาทำไม่สำเร็จ จึงต้องทนอยู่อย่างอดๆ อยากๆ และถูกคนทั่วไปดูถูกดูแคลนอยู่เสมอ

ฝ่ายแก๊งซาเหอได้ลอบวางเพลิงร้านเป่าจืนหลินเพื่อแก้แค้นหวงเฟยหง หลังจากนั้นจึงได้พากันหนีไปขอความคุ้มครองจาก "แจ็คสัน" เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันในเขตเช่าของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันได้ให้พวกแก๊งซาเหอช่วยเขาทำการค้ามนุษย์อย่างลับๆ โดยจัดหาและลักพาตัวผู้หญิงชาวจีนมาขึ้นเรืออเมริกันเพื่อส่งตัวไปขายเป็นโสเภณี เมื่อหวงเฟยหงและผู้ว่าราชการเมืองฝอซานไปชมงิ้ว แก๊งซาเหอและพวกของแจ็คสันได้ร่วมมือกันโจมตีหวงเฟยหงและพยายามสังหารผู้ว่าราชการเมืองฝอซานแต่ไม่สำเร็จ มีผู้บริสุทธิ์ถูกลูกหลงจากการโจมตีครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานจึงโทษว่าหวงเฟยหงเป็นต้นเหตุ และสั่งจับกุมหวงเฟยหงพร้อมทั้งขู่ว่าจะลงโทษประหารชีวิตเสีย แต่อนุญาตให้หวงเฟยหงไปรักษาคนเจ็บที่ร้านเป่าจือหลินก่อนถูกควบคุมตัวไปเรือนจำได้

ระหว่างที่ทำการรักษาคนเจ็บอยู่นั้นเอง หวงเฟยหงได้พบกับแรงงานชาวจีนที่หลบหนีมาจากเรือของพวกค้ามนุษย์ชาวอเมริกัน และเล่าเรื่องราวการหลอกลวงชาวจีนไปใช้แรงงานทาสที่สหรัฐอเมริกาให้เขารับรู้ ขณะเดียวกันอาจารย์เอี้ยนก็ได้เดินทางมาที่ร้านเป่าจือหลินและดึงดันที่จะขอประลองกับหวงเฟยหงเพื่อพิสูจน์ฝีมือตนเองเพียงฝ่ายเดียว หวงเฟยหงเสียสมาธิจากเสียงปืนที่น้าสิบสามทำลั่นขึ้น ทำให้อาจารย์เอี้ยนสามารถเอาชนะหวงเฟยหงและทำลายป้ายร้านเป่าจือหลินได้ แม้กระนั้นเขาก็ไม่นับว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง จึงประกาศขอท้าประลองกับหวงเฟยหงอีกครั้งในโอกาสหน้าและออกจากร้านเป่าจือหลินไป เมื่อออกจากร้านเป่าจือหลินแล้ว อาจารย์เอี้ยนได้ไปอาศัยอยู่กับพวกแก๊งซาเหอเพื่อหาเงินทุนไว้ใช้ตั้งสำนักมวยของตนเอง แม้ว่าเหลียงควนจะทักท้วงอย่างแข็งขันแล้วว่าการทำเช่นนี้เป็นการขัดต่อคุณธรรมแต่อาจารย์เอี้ยนก็ไม่ฟัง

หลังจากอาจารย์เอี้ยนออกไปจากร้านเป่าจือหลินไม่นาน ผู้ว่าราชการเมืองฝอซานได้นำทหารบุกเข้าไปจับตัวหวงเฟยหงและพรรคพวก หวงเฟยหงกับลูกศิษย์ได้ต่อสู้ถ่วงเวลาจนกระทั่งน้าสิบสาม อาซูฟันเหยิน และแรงงานชาวจีนเหยื่อพวกค้ามนุษย์หนีออกไปจากร้านเป่าจือหลินสำเร็จแล้วจึงยอมให้ทหารจับกุมตัว ทั้งหมดถูกคุมขังรวมกับหน่วยฮ่อธงดำที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้น ด้านน้าสิบสามและพรรคพวกได้หนีไปจนถึงเขตเช่าของสหรัฐอเมริกา พวกแก๊งซาเหอได้จับตัวน้าสิบสามเพื่อเอาตัวไปขายและฆ่าแรงงานจีนที่มาด้วยกัน อาซูฟันเหยินหนีรอดมาได้จึงไปแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกหวงเฟยหงซึ่งถูกจองจำอยู่ได้ทราบ ผู้คุมเรือนจำซึ่งเคารพในตัวหวงเฟยหงและรู้สึกคัดค้านกับการกระทำอย่างไม่เป็นธรรมของผู้ว่าราชการเมืองฝอซานมาหลายครั้งจึงตัดสินใจปล่อยตัวหวงเฟยหงโดยพลการ

หวงเฟยหงและลูกศิษย์แฝงตัวเข้าไปในรังของแจ็คสันซึ่งอยู่ในเขตเช่าของสหรัฐอเมริกา เพื่อค้นหาและช่วยเหลือน้าสิบสาม อาจารย์เอี้ยนได้เข้ามาขัดขวางและปะทะกับหวงเฟยหงแบบตัวต่อตัว ครั้งนี้หวงเฟยหงพบว่าอาจารย์เอี้ยนแอบซ่อนแผ่นเหล็กไว้เป็นเกราะอกและแอบผูกใบมีดขนาดเล็กไว้ที่เปียผมเป็นอาวุธลับ ทว่าเขาสามารถเอาชนะอาจารย์เอี้ยนได้อย่างไร้ข้อกังขา ขณะเดียวกัน เหลียงควนพร้อมด้วยลูกศิษย์ของหวงเฟยหงได้บุกตะลุยแก๊งซาเหอไปจนถึงเรือของแจ็คสันและสามารถช่วยน้าสิบสามและผู้หญิงที่ถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวเตรียมส่งไปขายที่สหรัฐอเมริกาออกมาได้สำเร็จ ขณะที่หวงเฟยหงจะขึ้นไปที่เรือของแจ็คสัน อาจารย์เอี้ยนซึ่งพ่ายแพ้อย่างหมดรูปได้วิ่งตามออกมาเพื่อจะทำร้ายหวงเฟยหงแต่ถูกกระสุนปืนลูกหลงจากคนของแจ็คสันเสียก่อน อาจารย์เอี้ยนได้เอ่ยคำสุดท้ายด้วยความเจ็บใจก่อนจะเสียชีวิตไว้ว่า "ถึงอย่างไรเพลงมวยก็สู้ปืนไฟไม่ได้"

ระหว่างการต่อสู้บนเรือของแจ็คสัน หัวหน้าแก๊งซาเหอได้ถูกผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อช่วยกันจับตัวโยนเข้าเตาเผาของเครื่องยนต์เรือและถูกเผาทั้งเป็นอยู่ในนั้น แจ็คสันซึ่งเข้าตาจนได้ตัดสินใจใช้ปืนจี้จับตัวผู้ว่าราชการเมืองฝอซานไว้เป็นตัวประกัน แต่หวงเฟยหงได้สังหารแจ็คสันโดยใช้นิ้วดีดลูกกระสุนที่ยังไม่ทันบรรจุลงในปืนเข้ากลางหน้าผากของแจ็คสันและช่วยผู้ว่าราชการเมืองฝอซานได้ หลังเรื่องราวทุกอย่างจบลงและพลพรรคหน่วยฮ่อธงดำได้รับการปล่อยตัวแล้ว หวงเฟยหงจึงรับเหลียงควนเป็นลูกศิษย์คนที่ 4 และสมาชิกของร้านเป่าจืนหลินได้แต่งตัวในชุดตะวันตกถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก

นักแสดงนำ

รางวัลและผลการตอบรับ

หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก ภาพยนตร์บู๊เรื่องเยี่ยมจากฝีมือกำกับของ ฉีเคอะ(ผู้กำกับจาก โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า และ เดชคัมภีร์เทวดา) ที่สร้างชื่อให้กับพระเอกหนังกำลังภายในอย่างหลี่ เหลียนเจี๋ยให้กลายเป็ยยอดนักแสดงจนกระทั่งมีชื่อเสียงไปถึง ฮอลลีวูด ด้วยการรับบทบาทในเรื่องการต่อสู้แบบจีน ในบท หวงเฟยหง ภาพยนตร์กำลังภายในชุดนี้เป็นแบบฉบับของ ฉีเคอะ จนกลายเป็นงานระดับคลาสสิกของวงการภาพยนตร์ฮ่องกง ซึ่งภาพยนตร์ดังกล่าวได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ออกแบบฉากบู๊ยอดเยี่ยม ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง ค.ศ. 1992

แหล่งช้อมูลอื่น