ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลเชลซี"
บรรทัด 102: | บรรทัด 102: | ||
== สแตมฟอร์ดบริดจ์ == |
== สแตมฟอร์ดบริดจ์ == |
||
[[ไฟล์:Chelsea stand.jpg|thumb|right|สนามฟุตบอลสแตมฟอร์ดบริดจ์]] |
[[ไฟล์:Chelsea stand.jpg|thumb|right|สนามฟุตบอลสแตมฟอร์ดบริดจ์]] |
||
สนามกากๆไม่มีเหี้ยไรเลยนอกจากหมาและขี่หมา ชอบกินตับไก่เป็นอาหาร ราดนำ้มันทั้งทีม พี่เจิดกูลื่นเลยสัส อีดอกเสี่ยหมี ควยเหอะโง่ซื้อตอเรสเข้าทีม 50 ล้าน ปอนด์ กากจริงๆ อีเหี้ย |
|||
สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขต[[ฟูแลม]] ใน[[ลอนดอน]] โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ [[28 เมษายน]] [[พ.ศ. 2420]] โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อต จุคนได้กว่า 42,000 คน |
สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขต[[ฟูแลม]] ใน[[ลอนดอน]] โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ [[28 เมษายน]] [[พ.ศ. 2420]] โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อต จุคนได้กว่า 42,000 คน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:36, 21 มกราคม 2558
ไฟล์:Chelsea FC svg.png | ||||
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลเชลซี | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | ทหารเกษียน (กระทั่งปี 1952) สิงโตน้ำเงินคราม (ปัจจุบัน) | |||
ก่อตั้ง | 10 มีนาคม 1905[1] | |||
สนาม | สแตมฟอร์ดบริดจ์ | |||
ความจุ | 42,449 ที่นั่ง | |||
เจ้าของ | โรมัน อบราโมวิช | |||
ประธาน | บรูซ บัค | |||
ผู้จัดการ | โชเซ มูรีนโย | |||
ลีก | พรีเมียร์ลีก | |||
2013−14 | พรีเมียร์ลีก, อันดับที่ 1 | |||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
สโมสรฟุตบอลเชลซี (อังกฤษ: Chelsea Football Club) เป็นทีมฟุตบอลในอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1905 เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว 4 ครั้ง เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 9 ครั้ง แชมป์ ลีกคัพ 8 ครั้ง, แชมป์ ยูฟ่าคัพ 10 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 ครั้ง สนามเหย้าของทีมคือ สแตมฟอร์ดบริดจ์ จุผู้ชมได้ 42,449 คน ตั้งอยู่ในเขตชุมชนฟูลัมบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลอนดอน ทีมฟุตบอลเชลซีไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนเชลซี แต่ตั้งอยู่บนถนนฟูลัม ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเขตฟูลัมกับเขตเชลซี
ประวัติ
สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 10 มีนาคม ค.ศ. 1905 ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รืด คึลลิต เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่ โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าถึงรอบรอง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้รีล มายอร์ก้าในปีนั้นทีมที่ได้แชมป์คือ ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี 2003 โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์ ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี 2004 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี 2005 ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี 2006 ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน ค.ศ. 2007 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 [2] และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์
11 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตันวันเดอเรอส์ 1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 10-9 ประตู
24 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 1-1 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ ชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ
1 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
ปี 2010 ได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 4
ปี 2010 คว้า ดับเบิ้ลแชมป์ เป็นครั้งแรก ของสโมสร โดยคว้า แชมป์ พรีเมียร์ลีก และ FA-CUP
22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 คาร์โล อันเชล็อตติ ถูกปลดจากตำแหน่งหลังทำผลงานฤดูกาลที่ 2 ของเขากับเชลซีได้น่าผิดหวัง โดยเชลซีไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย[3]
22 มิถุนายน ค.ศ. 2011 สโมสรประกาศแต่งตั้ง อังเดร วิลลาส-โบอาส โค้ชชาวโปรตุเกสเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่[4]
4 มีนาคม ค.ศ. 2012 อังเดร วิลลาส-โบอาส ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากผลงานไม่ดีตามการคาดหวัง และแต่งตั้งให้ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาล[5]
5 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมชั่วคราวของเชลซีได้นำทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้เป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร โดยชนะ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ไป 2-1 จากลูกยิงของ รามีเรส และ ดร็อกบา[6]
19 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 เชลซีคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยแรก โดยชนะ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ในการดวลจุดโทษไป 4-3 โดยเสมอในเวลา 1-1 ซึ่งเป็นแชมป์ที่สองในฤดูกาล 2011-12 ของเชลซี[7]
21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 เชลซีไม่ชนะใครมา 5นัดติดต่อกัน ทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมของเชลซี จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งทันทีหลังจากแพ้ให้กับ สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ด้วยสกอร์ 3-0 ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สาเหตุที่ทำให้ถูกปลดอย่างรวดเร็วเนื่องจาก โรมันอับราโมวิช ประธานสโมสร ไม่ชอบสไตล์การทำทีมของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ในวันรุ่งขึ้น สโมสรประกาศแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนีเตซ โค้ชชาวสเปนเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่[8]
ก่อนเริ่มฤดูกาล 2013–14 สโมสรได้ประกาศแต่งตั้งโชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาเป็นผู้จัดการทีมอีกครั้ง
สแตมฟอร์ดบริดจ์
สนามกากๆไม่มีเหี้ยไรเลยนอกจากหมาและขี่หมา ชอบกินตับไก่เป็นอาหาร ราดนำ้มันทั้งทีม พี่เจิดกูลื่นเลยสัส อีดอกเสี่ยหมี ควยเหอะโง่ซื้อตอเรสเข้าทีม 50 ล้าน ปอนด์ กากจริงๆ อีเหี้ย
สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในลอนดอน โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2420 โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อต จุคนได้กว่า 42,000 คน
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
- ณ วันที่ 1 กันยายน 2557[9]
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
อดีตผู้เล่นที่โด่งดัง
(นับปีที่เข้ามาในสโมสร)
- ทศวรรษที่ 1990
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
- ทศวรรษที่ 2000
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
ผู้เล่นที่โด่งดัง
2001 - ปัจจุบัน
ชื่อ | สัญชาติ | ตำแหน่ง | เล่นให้เชลซี | จำนวนครั้ง (ตัวสำรอง) | รวม | ประตู |
---|---|---|---|---|---|---|
จิอันฟรังโก้ โซล่า | FW | 1996-2003 | 229 (44) | 273 | 59 | |
จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์ | FW | 2000-2004 | 136 (17) | 153 | 69 | |
เจสเปอร์ กรุนชา | MF | 2000-2004 | 104 (32) | 136 | 7 | |
ไอเดอร์ กุ๊ดจอห์นเซน | FW | 2000-2006 | 186 (60) | 246 | 54 | |
ทอเร อังเดร โฟล | FW | 1997-2001 | 112 (53) | 165 | 34 | |
มาแซล เดอไซญี่ | DF | 1998-2004 | 158 (2) | 160 | 6 | |
คาร์โล คูดิชินี่ | GK | 1999-2009 | 142 (4) | 146 | 0 | |
วิลเลียม กัลลาส | DF | 2001-2006 | 159 (12) | 171 | 12 | |
เดเมี่ยน ดัฟฟ์ | MF | 2003-2006 | 81 (18) | 99 | 14 | |
เฌเรมี่ | MF | 2003-2007 | 72 (24) | 96 | 4 | |
โคล้ด มาเกเลเล่ | MF | 2003-2008 | 144 (12) | 156 | 2 | |
เวย์น บริดจ์ | DF | 2003-2009 | 87 (13) | 100 | 1 | |
อาเยน ร็อบเบน | MF | 2004-2007 | 67 (16) | 83 | 15 | |
จอห์น ไรท์ ฟิลิปส์ | MF | 2005-2009 | 82 (39) | 121 | 4 | |
โจ โคล | MF | 2003-2010 | 188 (92) | 280 | 39 | |
มิชาเอล บัลลัค | MF | 2006-2010 | 139 (29) | 168 | 26 | |
เบลเล็ตติ | DF | 2007-2010 | 54 (25) | 79 | 5 | |
เดโก้ | MF | 2008-2010 | 42 (15) | 57 | 6 | |
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ | DF | 2004-2010 | 233 (7) | 240 | 10 | |
แซม ฮันซิมสัน | DF | 2006-2010 | 1 (3) | 4 | 0 |
ผู้เล่นที่ยิงครบ 100 ประตู
พรีเมียร์ลีก-ถ้วยอื่น ๆ
ชื่อ | สัญชาติ | ตำแหน่ง | เล่นให้เชลซี | จำนวนครั้ง (ตัวสำรอง) | รวม | ประตู |
---|---|---|---|---|---|---|
แฟรงค์ แลมพาร์ด | MF | 2001-ปัจจุบัน | 449 (24) | 473 | 156 | |
ดิดิเยร์ ดร็อกบา | FW | 2004-2012 | 209 (48) | 257 | 129 |
นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 1967-2010
|
|
|
ทำเนียบผู้จัดการทีม
สัญลักษณ์ทีม
ผลงาน
สถิติ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link GA แม่แบบ:Link GA แม่แบบ:Link GA |