ฐานบินน้ำพอง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก สนามบินน้ำพอง)
ฐานบินน้ำพอง
ส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศไทย
น้ำพอง ขอนแก่น
ฐานบินน้ำพองในปี พ.ศ. 2515
ฐานบินน้ำพองตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น
ฐานบินน้ำพอง
ฐานบินน้ำพอง
ฐานบินน้ำพองตั้งอยู่ในประเทศไทย
ฐานบินน้ำพอง
ฐานบินน้ำพอง
พิกัด16°39′06″N 102°57′56″E / 16.65167°N 102.96556°E / 16.65167; 102.96556 (ฐานบินน้ำพอง)
ประเภทฐานทัพอากาศ
ข้อมูล
ผู้ดำเนินการFlag of the กองทัพอากาศไทย กองทัพอากาศไทย
ควบคุมโดยFlag of the กองทัพอากาศสหรัฐ กองทัพอากาศสหรัฐ (พ.ศ. 2515–2516)
Flag of the กองทัพอากาศไทย กองทัพอากาศไทย
ฝูงบิน 237 กองบิน 23 (ปัจจุบัน)
สภาพปฏิบัติการ
เว็บไซต์wing46.rtaf.mi.th
ประวัติศาสตร์
สร้างพ.ศ. 2509; 58 ปีที่แล้ว (2509)
สร้างโดยบริษัทเหมืองแร่ยูทาห์
การต่อสู้/สงครามสงครามเวียดนาม
ข้อมูลสถานี
กองทหารรักษาการณ์ฝูงบิน 237 กองบิน 23
ผู้เข้าถือครองสหรัฐ กลุ่มอากาศยานนาวิกโยธินที่ 15 (สหรัฐ) (พ.ศ. 2515–2516)
ข้อมูลลานบิน
ข้อมูลระบุICAO: VTUZ[1]
ความสูง723 ฟุต (220 เมตร) เหนือระดับ
น้ำทะเล
ทางวิ่ง
ทิศทาง ความยาวและพื้นผิว
01/19 3,000 เมตร (9,843 ฟุต) คอนกรีตและแอสฟอลต์คอนกรีต

ฐานบินน้ำพอง[2] (อังกฤษ: Nam Phong Air Force Base[1] หรือ Royal Thai Air Base Nam Phong) หรือ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศน้ำพอง[3][4] หรือ สนามบินน้ำพอง[5] เป็นฐานบิน และที่ตั้งทางทหารของฝูงบิน 237 กองทัพอากาศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันเป็นสนามใช้อาวุธทางอากาศหลักหนึ่งในสองของกองทัพอากาศไทย

ประวัติ[แก้]

ฐานบินน้ำพองสร้างขึ้นในช่วงสงครามเวียดนาม พ.ศ. 2509-2510 โดยบริษัทเหมืองแร่ยูทาห์ เดิมเพื่อรองรับเครื่องบิน อีซี-121 และฝูงบินยุทธวิธี 3 ฝูง แต่ท้ายที่สุดเมื่อก่อสร้างฐานบินเสร็จกลับกลายเป็นเพียง "ฐานเปล่า" เพื่อรองรับการจัดสรรงบประมาณและการจัดกำลังภาคพื้น[6]: 4, 33–34  สนามบินถูกใช้โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษลาวและไทยที่ปกปิดตัวตน โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 404 (Project 404 หรือที่เรียกว่าพาเลซด็อก) และโครงการยูนิตี้ (Project Unity) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ถึง พ.ศ. 2518 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 ฐานบินน้ำพองได้กลายเป็นฐานปฏิบัติการที่ถูกจัดตั้งขึ้นพร้อมกันสำหรับปฏิบัติการทางอากาศของนาวิกโยธินสหรัฐ โดยกลุ่มอากาศยานนาวิกโยธินที่ 15 กองบินนาวิกโยธินที่ 1

ส่วนของฝูงบินที่เคยตั้งอยู่ที่ฐานทัพอากาศดานัง เวียดนามใต้ ถูกย้ายมายังฐานบินน้ำพอง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศเพื่อตอบโต้การรุกอีสเตอร์ ชุดล่วงหน้าที่มาถึงครั้งแรกลงจอดและพบว่าสนามบินดังกล่าวตั้งอยู่กลางป่า ในเวลานั้นฐานประกอบด้วยทางวิ่ง ลานจอดเครื่องบิน และอาคารไม้สองสามหลัง ไม่นานหลังจากนั้นกองพันซีบีของกองทัพเรือสหรัฐ (MCB 5) ก็เคลียร์ป่าและกางเต็นท์ประมาณสำหรับ 10 คนเพื่อนอนพักค้างและทำงานในการปรับฐาน เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ฐานบินจึงถูกเรียกว่า "โรสการ์เด้น" ตามเพลง โดยลินน์ แอนเดอร์สัน และแคมเปญรับสมัครนาวิกโยธินโดยกล่าวว่า "เราไม่เคยสัญญากับคุณเรื่องสวนกุหลาบ" และบรรยายภาพครูฝึกเจาะนาวิกโยธินพูดกับผู้รับสมัครที่หวาดกลัว[7]

ฝูงบินที่ประจำการในเวลาต่อมาประกอบด้วย H&MS-15, MABS-15, VMFA-115 และ VMFA-232 พร้อมด้วย F-4 Phantom II, VMA (AW) -533 พร้อม A-6 Intruders, VMGR-152 พร้อม KC-130 Hercules และ H&MS-36, Det "D" พร้อมด้วย CH-46 Sea Knights[7]

หลังจากนั้นไม่นาน กองพันที่ 3 นาวิกโยธินที่ 9 ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนด้านความปลอดภัยก็ได้เข้ามาวางกำลังที่ฐานบิน ประกอบไปด้วย หน่วยควบคุมการจราจรทางอากาศทางทะเลที่ 62 (MATCU 62) ทำหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานการควบคุมการจราจรในสนามบิน รวมถึงอาคารสนามบินและเรดาร์ GCA (Ground Controlled Approach เขตควบคุมภาคพื้นดิน) กองทหารที่เข้าประจำการในฐาน "โรสการ์เด้น" ถูกกำหนดให้เป็นหน่วยเฉพาะกิจเดลต้า ฐานดังกล่าวประกอบด้วยนาวิกโยธิน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และการก่อสร้างของกองทัพเรือ นักบินบางคน (ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งสินค้า) และนายทหาร 6 นายจากกองพลน้อยสื่อสารที่ 11 (สหรัฐ) ซึ่งจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยการสื่อสารพิเศษแก่หน่วยบัญชาการตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม พ.ศ. 2515 ซึ่งประกอบด้วยส่วนปฏิบัติการของทหารไทยด้วย ฐานบินน้ำพองทำการจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2516 เมื่อหน่วยทหารสหรัฐทั้งหมดถอนกำลังกลับไปยังฐานทัพของตน[7]: 24 

ในระหว่างปฏิบัติการยึดครองฐานบินน้ำพองโดยกองกำลังสหรัฐ ฐานบินถูกใช้เพื่อปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายในเวียดนามเหนือ กัมพูชา และลาว ในช่วงเวลานี้ กองกำลังนาวิกโยธินกลุ่มเล็ก ๆ ยังคงประจำการอยู่ในดานังเพื่อทำหน้าที่เป็น "ลูกเรือหมุนเวียน" หน้าที่ของพวกเขาคือเติมเชื้อเพลิงและติดอาวุธให้กับอากาศยานของนาวิกโยธินใหม่สำหรับการบินเที่ยวที่สองไปยังทางเหนือก่อนจะเดินทางกลับไปยังฐานบินน้ำพอง จากรูปแบบการบินนี้เองทำให้เครื่องบินนาวิกโยธินสามารถโจมตีได้สองครั้งต่อวันต่อเครื่องบิน ฐานบินน้ำพองยังเป็นฐานทัพอากาศสำหรับเปลี่ยนเส้นทางหลักสำหรับเครื่องบินที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบและเครื่องบินที่มีเชื้อเพลิงเหลือน้อย

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2518 ฐานบินน้ำพองยังได้รับเที่ยวบินลี้ภัยเพื่ออพยพชาวม้งออกมาจากลองเตียง ประเทศลาว[8] โดยมีผู้ลี้ภัยประมาณ 11,000 คน ด้วยเครื่องบิน CASI ซี-46 จำนวน 1 ลำ ระหว่างวันที่ 12-14 พฤษภาคม พ.ศ. 2518[9]

ฐานบินน้ำพอง เคยเป็นศูนย์สื่อสารของกองทัพอากาศไทย จากการเยือนสถานที่ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 โดยทหารผ่านศึกนาวิกโยธินของหน่วยเฉพาะกิจเดลต้ารายงานว่า ฐานทัพแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำการน้อยที่สุด และพื้นผิวรันเวย์อยู่ในสภาพย่ำแย่ และไม่รองรับการใช้เครื่องบินปีกตรึงที่ไม่อยู่ในสภาวะฉุกเฉิน

ในช่วงต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่า เนื่องจากการร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจากประชาชนใกล้กับฐานบินอุดรธานี กองทัพอากาศจึงได้ตัดสินใจย้ายการฝึกเครื่องบินไอพ่นจากที่อุดรธานีนั่นไปยังฐานบินน้ำพอง โดยมีกำหนดการที่จะย้ายในปลายปี พ.ศ. 2568 หลังจากฐานบินได้รับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบร้อยแล้ว[10] รูปภาพจากกูเกิ้ลแมพและ กูเกิ้ลเอิร์ธลงวันที่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 แสดงให้เห็นว่ารันเวย์ได้รับการเปลี่ยนพื้นผิวใหม่และมีการสร้างโครงสร้างเพิ่มเติมบางส่วน

เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2567 กองทัพอากาศได้ลงนาม บันทึกความเข้าใจระหว่างกองทัพอากาศและจังหวัดขอนแก่นว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ฝูงบิน 237 เพื่อพัฒนาพื้นที่ในการยกระดับขึ้นเป็นศูนย์การฝึกของกองทัพอากาศ รองรับการฝึกร่วม/ผสมขนาดใหญ่ในระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นฐานบินสำหรับการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือนและทหาร[11]

กองทัพอากาศ มีแผนที่จะย้ายการฝึกบินเครื่องบิน เอฟ-16 ของสิงคโปร์ จากกองบิน 23 อุดรธานีมาใช้พื้นที่ของสนามบินน้ำพอง ในปี พ.ศ. 2568 - 2569[12]

บทบาทและปฏิบัติการ[แก้]

กองทัพอากาศไทย[แก้]

สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศน้ำพอง[แก้]

ฐานบินน้ำพองถูกใช้งานเป็น สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศน้ำพอง[3] สำหรับฝึกใช้อาวุธทางอากาศโดยกองทัพอากาศไทย โดยเฉพาะการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีของกองทัพอากาศไทย ซึ่งเป็นการแข่งขันของกองบินต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ[13] เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังทางอากาศให้มีความสามารถในการปฏิบัติการในทุกมิติตามภารกิจของกองทัพอากาศ แบ่งออกเป็น 11 ประเภท[14] ได้แก่

  1. การใช้อาวุธแบบกระสวนขั้นมูลฐาน (Basic Box Pattern)
  2. การใช้อาวุธทางอากาศยุทธวิธี ประเภทระเบิด (Air Strike)
  3. การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support)
  4. การลำเลียงทางอากาศทางยุทธวิธี (Air Lift)
  5. การบินค้นหาและช่วยชีวิต (Search and rescue)
  6. การบินควบคุมไฟป่า (Fire Fighting)
  7. การบินลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศ (Photo Reconnaissance)
  8. การประเมินค่าเจ้าหน้าที่สนับสนุนการบิน (Turn Around Time)
  9. การประเมินค่าเจ้าหน้าที่ต่อสู้อากาศยาน (Air Defense)
  10. การบินรับ-ส่งข่าวสาร
  11. ความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจรับ-ส่งบุคคลสำคัญ

หน่วยที่เข้าร่วมในการแข่งขัน คือหน่วยขึ้นตรงของกองทัพอากาศทั้ง 20 หน่วย[14]

ฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม 237[แก้]

นอกจากนี้ฐานบินน้ำพองยังเป็นฐานบินหลักของ ฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม 237 [15]จากกองบิน 23 อุดรธานี[16] ทำหน้าที่เป็นกองรักษาการณ์ประจำฐานบินน้ำพอง[17]

การฝึกร่วม[แก้]

กองทัพอากาศไทยใช้ฐานบินน้ำพองในการฝึกร่วมกับมิตรประเทศ[18] ได้แก่

  • บาลานซ์ทีค/ทอร์ช (BALANCE TEAK/TORCH) เป็นการฝึกร่วมกับกองทัพอากาศสหรัฐ เป็นการฝึกในการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยกำลังภาคพื้นดินในการป้องกันฐานบินการปฏิบัติการพิเศษ การฝึกทักษะในการบินเดินทางต่ำ การบินสนับสนุนทางอากาศ การส่งกำลังบำรุงทางอากาศ การฝึกปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ
  • โคปไทเกอร์ (Cope Tiger) เป็นการฝึกร่วมระหว่างกองทัพอากาศไทย สิงคโปร์ และสหรัฐ เป็นการฝึกใช้กำลังทางอากาศซึ่งฐานบินน้ำพองเป็นพื้นที่ฝึกในส่วนที่ 2 คือการฝึกภาคสนาม[19]

หน่วยในฐานบิน[แก้]

หน่วยบินที่วางกำลังในฐานบินน้ำพอง ที่วางกำลังอยู่ในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย

กองทัพอากาศ[แก้]

ฝูงบิน 237 กองบิน 23[แก้]

  • ฝูงบิน 237 – ปัจจุบันไม่มีอากาศยานประจำการถาวร เป็นฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม[15]

สิ่งอำนวยความสะดวก[แก้]

ฐานบินน้ำพองเป็นฐานบินหลักของฝูงบิน 237 กองบิน 23 มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในกองบิน ดังนี้

ลานบิน[แก้]

ฐานบินน้ำพองประกอบไปด้วย ทางวิ่งความยาว 3,050 เมตร (10,007 ฟุต) ความกว้าง 45 เมตร (148 ฟุต) อยู่เหนือจากระดับน้ำทะเล 723 ฟุต (220 เมตร) ทิศทางรันเวย์คือ 01/19 พื้นผิวแอสฟอลต์คอนกรีต[1]

ระเบียงภาพ[แก้]

สงครามเวียดนาม[แก้]

ปัจจุบัน[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 "Aedrome/Heliport VTUZ". aip.caat.or.th (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-12-14.
  2. "ประกาศกองทัพอากาศ เรื่อง กำหนดชื่อเรียกฐานที่ตั้งหน่วยบินต่าง ๆ". เอกสารประกอบการบรรยาย วิชา แบบธรรมเนียมทหาร พ.ศ. 2567 (PDF). กรมสารวรรณทหารอากาศ. 2567. p. 329.
  3. 3.0 3.1 "คณะกรรมการและประเมินค่าการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีประจำปี ๒๕๖๐ ::". stan-eval.rtaf.mi.th.
  4. "แข่งขันยุทธวิธีทางอากาศ ทดสอบความสามารถนักบินไทย (คลิป)". pptvhd36.com. 2016-12-20.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  5. ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบินน้ำพอง ในท้องที่อำเภอน้ำพอง อำเภอกระนวน และอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๕๓๕
  6. Wolk, Herman S. "USAF Logistic Plans and Policies in Southeast Asia 1966" (PDF). zardoz.com. สืบค้นเมื่อ 11 May 2019.
  7. 7.0 7.1 7.2 Dunham, George R (1990). U.S. Marines in Vietnam: The Bitter End, 1973–1975 (Marine Corps Vietnam Operational Historical Series). History and Museums Division Headquarters, U.S. Marine Corps. p. 23. ISBN 9780160264559.
  8. Robbens, Chris. The Ravens.
  9. "NAM PHONG AIRPORT". www.thaiflyingclub.com.
  10. Aekarach Sattaburuth (4 April 2022). "Jet blues in Udon Thani". The Bangkok Post.
  11. "ผบ.ทอ.ลงนามกับ ผวจ.ขอนแก่น พัฒนาพื้นที่ฝูงบิน 237 น้ำพอง+ ผบ.ทอ.เปิดงานสัมมนาวิชาการขับเคลื่อนงานวิจัยกองทัพอากาศ". thaitv5hd.com (ภาษาอังกฤษ).
  12. คนอุดรฯร้อง"เยียวยา" ย้ายฝึกบินF-16สิงคโปร์ไป"น้ำพอง"ต้องรอถึงปี 2569
  13. "เด็กขอนแก่นตื่นเต้น ชมแข่งยุทธวิธีทางอากาศ". bangkokbiznews. 2016-12-27.
  14. 14.0 14.1 "อากาศยุทธวิธี58สนามซ้อมรบของ'เสืออากาศ'". komchadluek. 2015-01-15.
  15. 15.0 15.1 "กองบิน ๒๓ จัดพิธีผลัดเปลี่ยนกำลังพล ปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม". wing23.rtaf.mi.th.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  16. "ผบ.ทอ.ลงนามกับ ผวจ.ขอนแก่น พัฒนาพื้นที่ฝูงบิน 237 น้ำพอง+ ผบ.ทอ.เปิดงานสัมมนาวิชาการขับเคลื่อนงานวิจัยกองทัพอากาศ". thaitv5hd.com (ภาษาอังกฤษ).
  17. "รอง ผบ.อย.และคณะ ตรวจสอบความพร้อมรบฯ หน่วย ทอ.ในสนาม ณ ฝูงบิน ๒๓๗ จว.ขอนแก่น". sfc.rtaf.mi.th.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  18. กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๐๘๑ ร. เรื่อง ขอให้พัฒนาสนามบินน้ำพอง จ้งหวัดขอนแก่น ให้เป็นศูนย์กลางซ่อมบำรุงเครื่องบินระดับภูมิภาคของอาเซียน [ของ นายจตุพร เจริญเชื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ]
  19. ""ไทย-สิงคโปร์-สหรัฐฯ" ขนกำลัง 2,000 นาย เครื่องบินรบ 100 ลำ ร่วมฝึก "โคปไทเกอร์"". mgronline.com. 2011-03-18.