แบรด เดลสัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แบรด เดลสัน
เดลสันขณะกำลังเล่นคอนเสิร์ตกับลิงคินพาร์กระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต A Thousand Suns World Tour ปี 2010
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดแบรดฟอร์ด ฟิลิปป์ เดลสัน
รู้จักในชื่อบิ๊กแบดแบรด (Big Bad Brad), บีบีบี (BBB)
เกิด1 ธันวาคม ค.ศ. 1977
ที่เกิดอากูราฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อก, อัลเทอร์เนทีฟเมทัล, นูเมทัล, อิเล็คโทรนิคร็อค
อาชีพนักดนตรี, โปรดิวเซอร์เพลง
เครื่องดนตรีกีต้าร์, เบส, คีย์บอร์ด,แซกโซโฟน, ทรัมเป็ต, กลอง, เสียงร้อง
ช่วงปี1995-ปัจจุบัน
ค่ายเพลงMachine Shop, Warner Bros.
เว็บไซต์linkinpark.com

แบรดฟอร์ด ฟิลิปป์ เดลสัน (เกิด 1 ธันวาคม ค.ศ. 1977) เป็นนักกีต้าร์ชาวอเมริกัน รู้จักกันดีในฐานะมือกีต้าร์และหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของวง ลิงคินพาร์ก นอกจากนี้เขายังเป็นตัวแทนของแมชชีนช็อปเรคคอร์ดดิง

ประวัติ[แก้]

ชีวิตช่วงแรก[แก้]

แบรด เดลสัน เข้าเรียนที่อากูรา ไฮสคูลกับไมค์ ชิโนดะ เพื่อนวัยเด็กและสมาชิกวงของเขา ระหว่างที่ยังอยู่ในชั้นมัธยมนั้นเขาได้เล่นให้กับหลายๆวง วงที่เป็นโดดเด่นที่สุดคือ รีเลทีฟ ดีกรี(Relative Degree) ซึ่งเป็นวงที่ทำให้เขาได้พบกับร็อบ บอร์ดอน จุดมุ่งหมายของรีเลทีฟ ดีกรีคือได้เล่นในโชว์สักครั้ง เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ยุบวงไป

หลังจากที่สำเร็จการศึกษาในปีค.ศ. 1995 เดลสัน ชิโนดะ และบอร์ดอน ตั้งวงดนตรีชื่อว่าซีโร่ (Xero) ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของลิงคินพาร์กในเวลาต่อมา

เดลสันเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส หรือ ยูซีแอลเอ ในปีค.ศ.1995 และเป็นเพื่อนร่วมห้องที่หอพักกับเดฟ ฟาร์เรลล์ถึงสามปี ภายหลังฟาร์เรลล์ ก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกวงลิงคินพาร์กเช่นกัน นอกจากนี้เขายังมีโอกาสได้ฝึกงานกับคนในวงการดนตรีและทำงานให้กับเจฟฟ์ บลูผู้ซึ่งได้แนะนำเชสเตอร์ เบนนิงตัน ให้กับลิงคินพาร์ก โดยภายหลังเบนนิงตันได้เข้ามาเป็นนักร้องนำของวง

หลังจากสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในปีค.ศ. 1999 เดลสันตัดสินใจไม่เข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายเพื่อมาเริ่มอาชีพทางดนตรีกับลิงคินพาร์กอย่างจริงจัง

ลิงคินพาร์ก[แก้]

ในปีค.ศ.1999 วงซีโร่ได้มีการเปลี่ยนตัวนักร้องนำจากมาร์ค เวคฟิลด์เป็นเชสเตอร์ เบนนิงตันและเปลี่ยนชื่อวงเป็นไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) หลังจากนั้นไม่นาน เดลสันและไมค์ ชิโนดะได้ผลิตไฮบริด ธีโอรี่ อีพี (Hybrid Theory (EP)) เผยแพร่ออกทางเว็บไซต์ต่างๆและได้ความนิยมตามมา หลังจากนั้นวงเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นลิงคินพาร์กและได้เซ็นสัญญากับ[[วอร์เนอร์บราเธอร์ส

ต่อมาในวันที่24 ตุลาคม ค.ศ.2000 ลิงคินพาร์กออกอัลบั้ม Hybrid Theory ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ต่อมาเดลสันได้ช่วยในการผลิตอัลบั้มรีมิกส์ชื่อ Reanimation ซึ่งออกในปีค.ศ.2002

หลังจาก Reanimation เดลสันมีบทบาทสำคัญในการผลิต Meteora (2003) สตูดิโออัลบั้มที่สองของลิงคินพาร์กซึ่งมีท่อนริฟฟ์กีต้าร์ที่หนักกว่าอัลบั้มแรก

ลิงคินพาร์กออกอัลบั้มที่สามชื่อว่า Minutes to Midnight ในวันที่15 พฤษภาคม ค.ศ.2007 ซึ่งอัลบั้มนี้ทางวงได้หลีกเลี่ยงออกจากแนวนูเมทัลที่เคยเป็นมาในสองอัลบั้มก่อนและพัฒนาซาวน์เสียงใหม่ๆ สำหรับเดลสันแล้วเขาได้ทดลองกีต้าร์และแอมป์ที่แตกต่างกันและยังทำให้เขาได้เล่นท่อนโซโล่ด้วย ซึ่งสามารถได้ยินได้ในเพลง Shadow of the Day, What I’ve Done, In Pieces และ The Little Things Give You Away นอกจากนี้เขายังได้ลองใช้อีโบว์ (E-bow) จนเกิดเป็นเพลงชื่อ Ebow Idea ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นเพลง No More Sorrow และเขายังเป็นคนเล่นเปียโนให้กับเพลง Hands Held High เวลาแสดงคอนเสิร์ตด้วย

ต่อมาในอัลบั้ม A Thousand Suns ซึ่งออกวันที่14 กันยายน ค.ศ.2010 เดลสันทำหน้าที่เล่นกลองคู่กับเบนนิงตันในเพลง When They Come For Me และเล่นคีย์บอร์ดในเพลง Waiting For the End เวลาแสดงคอนเสิร์ต

จนถึงอัลบั้มล่าสุด Living Things ซึ่งออกเมื่อ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2012 ในตอนท้ายของ Until It Break เพลงลำดับที่สิบของอัลบั้ม เดลสันร้องท่อนเมโลดิก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เขาให้เสียงร้องในอัลบั้ม

ไซด์โปรเจกต์[แก้]

  • ค.ศ. 2002 ถึงปัจจุบัน- เป็นตัวแทนของแมชชีนช็อปเรคคอร์ดดิ้ง (Machine Shop Recordings) ค่ายเพลงที่ริเริ่มโดยเดลสันและชิโนดะในปีค.ศ.2002 เดลสันรับผิดชอบหน้าที่เป็นแมวมองหาศิลปินและจัดเซ็นสัญญากับค่าย
  • ค.ศ. 2006 – รีมิกส์เพลง Where’d You Go ในชื่อ Where’d You Go (BBB remix) ซึ่งอยู่ในซิงเกิล Where’d You Go ของฟอร์ต ไมเนอร์
  • ค.ศ. 2008 –ช่วยผลิตและเล่นกีต้าร์ในเพลง We Made It ของบัสตา ไรมส์ ซึ่งฟีทเจอริ่งกับลิงคินพาร์ก

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

เดลสันเป็นยิว เขาแต่งงานกับเอลิซ่า โบเรน ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2003 ในงานแต่งงานตามประเพณีชาวยิวที่ Skirball Cultural Center ทั้งคู่มีลูกด้วยกันหนึ่งคนชื่อ โจนาห์ เทย์เลอร์ เดลสัน ในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2008 นอกเหนือจากลิงคินพาร์กแล้วเดลสันยังมีธุรกิจอีกหลายด้านร่วมกับพ่อของเขา ดอนน์ เดลสัน ทั้งคู่ร่วมก่อตั้ง BandMerch ซึ่งเกี่ยวกับการขายสินค้าของลิงคินพาร์กและวงอื่นๆ ใน ปีค.ศ.1991 เขาเคยเป็นตัวประกอบในหนังเรื่อง Bill & Ted’s Bogus Journey

เขาเคยเป็นพิธีกรให้กับ ยูซีแอลเอ มหาวิทยาลัยเก่าของเขาในพีธีมอบปริญญาบัตรของ UCLA College of Letters and Science ในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 2009

งานการกุศล[แก้]

  • ค.ศ. 2004 เดลสันและภรรยาได้ก่อตั้งกองทุนการศึกษา Delson Scholarship Fund ที่ยูซีแอลเอ ซึ่งเป็นทุนการศึกษาสี่ปีที่มอบให้แก่นักเรียนพิเศษจาก Huntington Park ทุกๆปี
  • ค.ศ.2005 ลิงคินพาร์ก ก่อตั้ง มิวสิกฟอร์รีลีฟ (Music For Relief) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยทางธรรมชาติและต่อสู้กับภาวะโลกร้อน นับตั้งแต่เริ่มต้น มิวสิก ฟอร์ รีลีฟได้เรี่ยไรเงินเกือบสามล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสึนามิในเอเชียใต้ เฮอริเคนแคทเทอรีนา ไฟป่าในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ แผ่นดินไหวในเฮติและแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น
  • ค.ศ.2006 เขาสมัครเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ ลิตเติ้ล คิดส์ ร็อค (Little Kids Rock) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มอบเครื่องดนตรีและคำแนะนำให้แก่เด็กในโรงเรียนด้อยโอกาสทั่วสหรัฐอเมริกา เขาเคยนำเครื่องดนตรีไปให้เด็กๆในโครงการเป็นการส่วนตัวและเป็นคณะกรรมการผู้บริหารในฐานะสมาชิกกิตติมศักดิ์