มิลตัน ฟรีดแมน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มิลตัน ฟรีดแมน

มิลตัน ฟรีดแมน (อังกฤษ: Milton Friedman; 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2455-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549) เจ้าของประโยคที่โด่งดัง “โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ” (There's no such thing as a free lunch.) เป็นนักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมของมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1976 เขาได้สร้างความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค เศรษฐศาสตร์จุลภาค ประวัติศาสตร์และสถิติเชิงเศรษฐศาสตร์ เขาเป็นผู้สนับสนุน ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี (laissez-faire capitalism)ในหนังสือ Capitalism and Freedom เขาสนับสนุนการลดการแทรกแซงและการมีบทบาทของรัฐบาลในตลาดเสรีเพื่อสร้างเสรีภาพทางสังคมและการเมือง ในปีพ.ศ. 2517 เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์สำหรับความสำเร็จในด้านการวิเคราะห์การบริโภค, ประวัติศาสตร์และทฤษฎีด้านเงินตรา และสำหรับการพิสูจน์ให้เห็นถึงความซับซ้อนของนโยบายเสถึยรภาพ

ประวัติ[แก้]

ฟรีดแมนเกิดในเมืองนิวยอร์ก เป็นลูกคนสุดท้องและลูกชายเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คน มีพื้นเพครอบครัวเป็นชนชั้นแรงงานชาวยิว ซึ่งอพยพย้ายถิ่นมาจากประเทศออสเตรีย-ฮังการี จากแคว้นเบเรโฮฟ (Berehove) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศยูเครน มารดาชื่อซาราห์ เอเธล แลนเดา (พ.ศ. 2435) บิดาชื่อเยโน ซอล ฟรีดแมน พี่ที่เหลืออีก 3 คน คือ ทิลลี เอฟ. ฟรีดแมน (พ.ศ. 2462) เฮเลน ฟรีดแมน (พ.ศ. 2463) และรูธ ฟรีดแมน (พ.ศ. 2464) หลังจากบิดาเสียชีวิต ทั้งครอบครัวจึงย้ายไปเมืองราห์เวย์ รัฐนิวเจอร์ซีย์

เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรัตเกอส์เมื่อ พ.ศ. 2475 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชิคาโกในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งทำให้เขาได้รับอิทธิพลด้านความคิดเป็นอย่างมากจากจาคอบ ไวเนอร์ (Jacob Viner) ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวแคนาดา แฟรงค์ ไนท์ (Frank Knight) นักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 และเฮนรี่ ไซมอนส์ (Henry Simons) เขาไม่สามารถหาอาชีพในแวดวงการศึกษาได้ จนกระทั่งได้ทำงานให้โครงการ ข้อสัญญาใหม่ (The New Deal) ชื่อที่ใช้เรียกโครงการบรรเทา ฟื้นฟู และปฏิรูประบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ระหว่างปี พ.ศ. 2476 - 2480 ในยุคประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ต่อมาเขาได้เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะออกมาเนื่องจากในคณะเศรษฐศาสตร์ที่นั่นมีลัทธิต่อต้านเชื้อชาติยิว (Anti-Semitism) และกลับไปเข้ารับงานราชการอีกครั้ง เขาเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังระดับสูงในช่วงปี พ.ศ. 2484 - 2486 และในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังในปี พ.ศ. 2485 เขาให้การสนับสนุน นโยบายจัดเก็บภาษีแนวทางคีย์เนเชียน (Keynesian Policy of Taxation)

ปี พ.ศ. 2489 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้มอบปริญญาเอกแก่เขา ต่อมาเขาเข้ารับตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่งที่นี่เองเขาได้ช่วยสร้างชุมชนนักวิชาการที่เกี่ยวดองกันอย่างเหนียวแน่น และหลายคนในกลุ่มก็เป็นผู้ชนะรางวัลโนเบล เป็นที่รู้จักกันในนาม สำนักเศรษฐศาสตร์แห่งชิคาโก (Chicago School of Economics) ปี พ.ศ. 2519 ฟรีดแมนได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ "สำหรับความสำเร็จในด้านการวิเคราะห์การบริโภค ประวัติศาสตร์ และทฤษฎีด้านเงินตรา และสำหรับการพิสูจน์ให้เห็นถึงความซับซ้อนของนโยบายเสถียรภาพ" นับแต่ พ.ศ. 2520 ฟรีดแมนได้เข้าร่วมงานกับสถาบันฮูเวอร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในปี พ.ศ. 2531 เขาได้รับรางวัล เหรียญเกียรติคุณทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติ (National Meadal of Science หรือ Presidential Medal of Science) ของสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับกันว่าเขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20

ฟรีดแมนมีลูกชายชื่อเดวิด ดี. ฟรีดแมน เป็นนักปรัชญาและนักเศรษฐศาสตร์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มิลตัน ฟรีดแมนถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 94 ปีที่ซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

รางวัลที่ได้รับ[แก้]

  • พ.ศ. 2494 เหรียญรางวัลจอห์น เบทส์ คล้าร์ก (John Bates Clark Medal)
  • พ.ศ. 2519 รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ (Nobel Prize in Economics)
  • พ.ศ. 2531 เหรียญเกียรติคุณทางวิทยาศาสตร์ (Natiom Medal of Science)
  • พ.ศ. 2531 เหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดี (Presidential Medal of Freedom)