จุฬามณีเจดีย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก พระเจดีย์จุฬามณี)

ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเถรวาท จุฬามณีเจดีย์ (บาลี: จุฬามณิเจติย) เป็นเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่บรรจุพระจุฬาพระโมลีและพระเขี้ยวแก้วของพระโคตมพุทธเจ้า

ตำนาน[แก้]

ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาอปัณณกชาดก, วิสุทธชนวิลาสินี อรรถกถาพุทธาปทาน, และมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาโคตมพุทธวงศ์ ระบุตรงกันว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช เสด็จถึงหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงพระดำริว่าพระเกศาไม่เหมาะแก่สมณะ จึงทรงจับพระขรรค์ด้วยพระหัตถ์ขวา รวบพระจุฬา (จุก) กับพระเมาลี (มวยผม) ด้วยพระหัตถ์ซ้าย แล้วตัดออกเหลือพระเกศายาวสององคุลีเวียนขวาติดพระเศียร แล้วทรงรวบพระจุฬาพร้อมด้วยพระเมาลี อธิษฐานว่า ถ้าจะเป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ผมนี้ตั้งอยู่ในอากาศ ถ้าไม่เป็น ก็ให้ตกลงเหนือพื้นดิน แล้วเหวี่ยงไปในอากาศ กำพระจุฬามณีนั้นลอยไประยะประมาณโยชน์หนึ่งแล้วก็ตั้งอยู่ในอากาศ ลำดับนั้น ท้าวสักกะเห็นด้วยจักษุทิพย์ ก็เอาผอบแก้วขนาดโยชน์หนึ่งทูนพระเศียรรับกำพระจุฬามณีนั้น แล้วทรงสถาปนาเป็นพระจุฬามณีเจดีย์สำเร็จด้วยรัตนะ 7 ประการ ขนาด 3 โยชน์ไว้ในภพดาวดึงส์[1][2][3]

ในคัมภีร์สุมังคลวิลาสินียังระบุอีกว่า ระหว่างที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุถวายแก่เจ้าจากแคว้นต่าง ๆ ได้ลักพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะของตน ท้าวสักกะทรงพระดำริว่าพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวานั้นเป็นปัจจัยแห่งการตรัสสอนอริยสัจ 4 เพื่อตัดความสงสัยของบรรดาสัตวโลก ไม่คู่ควรที่พราหมณ์จะทำสักการะได้ จึงทรงถือเอาจากผ้าโพก บรรจุไว้ในผอบทองคำ นำไปประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์ด้วย[4]

ปรมัตถทีปนีกล่าวว่า ท้าวสักกะศรัทธาพระเจดีย์นี้อย่างมาก มักจะเสด็จบูชาเนืองๆ[5]

ความเชื่อ[แก้]

  • เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีจอ ตามคติความเชื่อของชาวไทยวน

อ้างอิง[แก้]