ไฟป่าบนเขาคาร์เมล พ.ศ. 2553

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไฟป่าบนเขาคาร์เมล พ.ศ. 2553 เป็นเหตุไฟป่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล พื้นที่ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของอิสราเอลปกคลุมด้วยป่าเมดิเตอร์เรเนียน ระหว่างวันที่ 2-5 ธันวาคม พ.ศ. 2553[1] ไฟป่าเริ่มขึ้นเมื่อเวลาราว 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 2 ธันวาคม บนเขาคาร์เมล ห่างจากไฮฟาไปทางใต้ทางตอนเหนือของอิสราเอล กล่าวกันว่าสาเหตุเกิดมาจากการเผากองขยะผิดกฎหมาย เหตุดังกล่าวได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจกรมราชทัณฑ์อิสราเอล[2] หัวหน้าตำรวจเขตไฮฟาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไฟป่าด้วยเช่นกัน[3] มีประชาชนมากกว่า 17,000 คนได้รับการอพยพ ในหลายหมู่บ้านใกล้เคียงกับบริเวณเกิดเพลิงไหม้[4]

คาดการณ์ว่าไฟป่าเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ใกล้กับเมืองอีสปิยา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เด็กชายวัย 14 ปีคนหนึ่งได้ให้การกับตำรวจว่า เขาได้เป็นต้นเหตุของเพลิงโดยไม่เจตนาจากถ่านชิชา[5] แต่บิดาของเด็กคนดังกล่าวได้แย้งว่ามีพยานพบเห็นบุตรชายของเขาในโรงเรียน ณ เวลาที่เกิดเหตุ และไม่สามารถเริ่มการลุกไหม้ได้[6]

เหตุไฟป่าดังกล่าวก่อให้เกิดการลอบวางเพลิงหลายแห่งทั่วอิสราเอลและเวสต์แบงก์ การโจมตีเหล่านั้นซึ่งสร้างความสับสนถึงต้นเหตุของไฟป่าบนเขาคาร์เมล ถูกดับจนหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากไฟเริ่มลุกไหม้[7][8] แรงจูงใจสำหรับการก่อเหตุยังไม่เป็นที่ทราบในปัจจุบัน แต่หนังสือพิมพ์เดอะเยรูซาเล็มโพสต์ได้มีบทบรรณาธิการซึ่งอธิบายว่าเหตุดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายชาวอาหรับอิสราเอล นับเป็นการยกระดับความพยายามลอบวางเพลิงที่มีขึ้นเฉลี่ยสองครั้งต่อวันตลอดสิบสองเดือนที่ผ่านมา[9]

เจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาวิกดอร์ ลีเบอร์แมน ได้เรียกร้องให้ประเทศอื่นช่วยสนับสนุนความพยายามดับไฟป่านี้ และกองทัพอิสราเอลเองก็ได้ระดมพลเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน[2][10] ไฟป่าดับลงเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 หลังจากโหมกระหน่ำตลอด 4 วันที่ผ่านมา[11]

สาเหตุ[แก้]

อิสราเอลได้กำลังประสบกับสภาพอากาศฤดูใบไม้ร่วงที่อบอุ่นและแห้งผิดปกติ เดิมได้มีการพิจารณาว่าไฟป่าเกิดจากการเผากองขยะผิดกฎหมายและได้ลุกลามไปเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและลมแรง นายกเทศมนตรีไฮฟา โยนา ยาแฮฟ กล่าวว่าได้ทราบปัญหาแล้วและเป็นสิ่งที่ "ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อใด"[2] ในภายหลัง ตำรวจได้เสนอแนะว่าไฟป่าได้เกิดจากกองไฟซึ่งจุดขึ้นโดยผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นและไม่ได้รับการดับอย่างเหมาะสมทันเวลา[12]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยาคอฟ คัทซ์และอายูบ คารา เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ได้พิจารณาว่าไฟดังกล่าวเกิดขึ้นจากการลอบวางเพลิงและเป็น "พฤตการณ์ก่อการร้าย"[13] ผู้สื่อข่าวช่อง 2 ได้รายงานว่าไฟป่าเกิดขึ้นในสามจุดที่อยู่ห่างกัน อันเป็นสัญญาณว่าเป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นจากการลอบวางเพลิง[14] อย่างไรก็ตาม ในวันรุ่งขึ้น ตำรวจอิสราเอลได้แย้งคำกล่าวอ้างดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวว่าไฟป่าบนเขาคาร์เมลเกิดขึ้นเพียงที่เดียวเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุหรือการลอบวางเพลิงก็เป็นได้[15]

ตำรวจได้เข้าจับกุมชายสองคนเนื่องจากต้องสงสัยว่าโยนโมโลตอฟค็อกเทลเข้าไปในป่าบนยอดเขาคาร์เมล แต่ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับไฟป่าเลย[16]

ความสูญเสีย[แก้]

เหตุไฟป่าทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 คน ในจำนวนนี้ 36 คนเป็นนักเรียนนายร้อยหลักสูตรเจ้าหน้าที่เรือนจำและนายทหารผู้บังคับบัญชา ผู้ซึ่งกำลังอพยพผู้ต้องขังจากเรือนจำเพื่อหนีไฟป่า นายตำรวจอาวุโส 3 นาย ตลอดจนนักผจญเพลิงและอาสาสมัครผจญเพลิงวัย 16 ปี ได้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน วันที่ 4 ธันวาคม มีการประกาศว่าเหยื่อทั้งหมดได้รับการชันสูตรแล้ว[17]

ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน[แก้]

ไฟป่าดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างต่อทรัพย์สินและต่อระบบนิเวศ ในช่วงแรกไฟป่าได้โหมกระพืออย่างรวดเร็วเนื่องจากลม และตัดขาดสายส่งไฟฟ้าของบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียง[2] ป่าถูกทำลายไปอย่างน้อย 40,000 ดูนัม[18] อมรี โบน ผู้อำนวยการกองทุนแห่งชาติยิวภาคเหนือ ประมาณการว่ามีต้นไม้ถูกเพลิงไหม้ไปกว่า 1.5 ล้านต้น[19] อย่างไรก็ตาม มีการรายงานในเวลาต่อมาว่ามีต้นไม้ถูกเพลิงไหม้เพิ่มอีก 4 ล้านต้น[20] เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่าอาจต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการฟื้นฟูสภาพพื้นที่[21]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Carmel fire fully extinguished". ynetnews. December 6, 2010. สืบค้นเมื่อ 2010-12-06.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Raved, Ahiya (December 2, 2010). "Israel's Deadliest Fire Leaves 40 Dead". Ynetnews. สืบค้นเมื่อ 2010-12-02.
  3. Raved, Ahiya (December 2, 2010). "Northern Blaze: Haifa Police Chief in Critical Condition". Ynetnews. สืบค้นเมื่อ 2010-12-03.
  4. Raved, Ahiya (December 3, 2010). "Northern Disaster: Mass Evacuation Ordered as Fire Rages On". Ynetnews. สืบค้นเมื่อ 2010-12-03.
  5. 14-year-old admits to accidentally starting Carmel fire Haaretz, December 6, 2010
  6. Father of Usfiya boy: My son didn't start the Carmel fire, Jerusalem Post 07-12-2010
  7. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ father
  8. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ wave
  9. Burning the land we live on, Jerusalem Post 12-06-2010
  10. Katz, Yaakov; Lazaroff, Tova (December 2, 2010). "Ashkenazi: IDF Will Do All It Can to Help Extinguish Fire". The Jerusalem Post. สืบค้นเมื่อ 2010-12-03.{{cite news}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  11. The flames are out, now come recovery, recriminations, Jerusalem Post 05-12-2010
  12. Initial probe points to negligence as cause of fire
  13. Ronen, Gil (2 December 2010). "Fire or a Massacre? Israeli Media Downplays Arson Suspicion". Israel National News. Arutz Sheva. สืบค้นเมื่อ 3 December 2010.
  14. Benari, Elad; และคณะ (2 December 2010). "40 Dead in Fire, Most were on Prisons Service Bus". Israel National News. Arutz Sheva. สืบค้นเมื่อ 3 December 2010.
  15. Police commissioner hopes fire to be contained by SaturdayYnetnews, Ahiya Raved Latest Update: 12.03.10
  16. Small fires break out across Galilee; police suspect arson
  17. Carmel fire: Burning bus victims have all been identified
  18. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ jpost-block
  19. 5,000 acres torched in blaze
  20. http://www.jpost.com/VideoArticles/Article.aspx?id=197845 Houses burn overnight in Ein Hod; planes back in the air
  21. Nearly half of Carmel forest destroyed by blaze