ไกร ดาบธรรม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไกร ดาบธรรม
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด18 มีนาคม พ.ศ. 2504 (63 ปี)
อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
พรรคการเมืองรวมชาติพัฒนา (2550-2554)
ชาติไทยพัฒนา (2554-2556)
มหาชน (2556-2561)
ภูมิใจไทย (2561-2565)
เพื่อไทย (2565-ปัจจุบัน)

นายแพทย์ไกร ดาบธรรม นายแพทย์ผู้ได้รับรางวัลแพทยดีเด่นในชนบท[1] สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรครวมชาติพัฒนา อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเชียงใหม่ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่[2]

ประวัติ[แก้]

นายแพทย์ไกร เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2504 ที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรของนายทรงพล กับนางสมศรี ดาบธรรม สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ประสบการณ์การทำงาน[แก้]

นายแพทย์ไกร รับราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และตำแหน่งรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เป็นนักพัฒนาจนทำให้โรงพยาบาลแม่อายเป็นโรงพยาบาลชุมชนต้นแบบระดับประเทศ ตลอดระยะเวลาการรับราชการ นายแพทย์ไกร ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติหลายรางวัล อาทิ รางวัลแพทย์ชนบทดีเด่น รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น รางวัลครูบาศรีวิชัย และรางวัลเสมาคุณูปการ

รางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท[แก้]

นายแพทย์ไกร มารับราชการที่โรงพยาบาลแม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ราบสูงทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่รับราชการได้มอบเงินเดือนของตนเองให้กับกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในโรงพยาบาลแม่อาย[3] ในบางครั้งนายแพทย์ไกร ยังเดินทางด้วยเท้าเพื่อเข้าไปรักษาชาวบ้านในพื้นที่ทุรกันดารที่รถไม่สามารถเข้าไปได้ [4] กระทั่งในปี พ.ศ. 2537 มูลนิธิแพทย์ชนบท ได้มอบรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท แก่นายแพทย์ไกร เพื่อเชิดชูเกียรติแพทย์ที่เสียสละอย่างแท้จริง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้มอบรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ให้แก่นายแพทย์ไกร อีกหนึ่งรางวัล

การเข้าสู่การเมือง[แก้]

นายแพทย์ไกร ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2549 และได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนถึง 145,196 คะแนน[5][6] และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550 ได้ลงสมัครในนามพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้

ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 ได้ประกาศตัวย้ายไปร่วมงานการเมืองกับพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกจำนวนหนึ่ง[7] และลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้ย้ายมาสังกัดพรรคมหาชน และลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบบัญชีรายชื่อ[8]

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคภูมิใจไทย[9] แต่ได้รับคะแนนเสียงเป็นลำดับที่ 3 ต่อมาในปี 2565 เขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย[10] และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่[11]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "หมอหนู" ช้ำ ชิ่งหมอแหยง แทงพรรคหมอชนบท
  2. รพ.แม่อาย เพาะเมล็ดพันธุ์ความดีสู่ชุมชน
  3. ชีวิตและงานของนายแพทย์ไกร ดาบธรรม[ลิงก์เสีย]
  4. ทางชีวิตของหมอชนบท[ลิงก์เสีย]
  5. ข่าวเด่น - สวท.เชียงใหม่[ลิงก์เสีย]
  6. "ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-28. สืบค้นเมื่อ 2018-04-24.
  7. เปิดตัวประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ร่วมงานพรรคชาติไทยพัฒนา
  8. ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคมหาชน)
  9. รับสมัครส.ส.วันแรกคึกคัก เชียงใหม่ 22 พรรรคส่ง 160 นักการเมืองเข้าชิงชัยหวังชิงเก้าอี้ 9 ส.ส.
  10. “เพื่อไทย”เปิดตัว“นพ.ไกร ดาบธรรม”อดีตแพทย์ชนบทดีเด่น-ชิงส.ส.เชียงใหม่
  11. ตั้ง “หมอไกร” ที่ปรึกษาถ่ายโอน รพ.สต.มาเชียงใหม่
  12. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2012-11-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๒๓, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  13. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2009-01-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๓๑, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑
  14. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราขทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๑๑๒ ตอนที่ ๑๙ ข หน้า ๓๓, ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๘
  15. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๕ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๑๑, ๒ ธันวาคม ๒๕๔๑