โรเบิร์ต แวดโลว์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรเบิร์ต เพอร์ชิง แวดโลว์
สารนิเทศภูมิหลัง
ชื่อเกิดโรเบิร์ต แวดโลว์
เกิด22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1918(1918-02-22)
รัฐอิลลินอย สหรัฐอเมริกา
เสียชีวิต15 กรกฎาคม ค.ศ. 1940(1940-07-15) (22 ปี)
รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา[1]
ส่วนสูง2.72 เมตร (8 ฟุต 11 นิ้ว)
น้ำหนัก222 kg (488 lb)

โรเบิร์ต เพอร์ชิง แวดโลว์ (อังกฤษ: Robert Pershing Wadlow; 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 191815 กรกฎาคม ค.ศ. 1940) เป็นมนุษย์ที่สูงที่สุดในโลก โดยเขาเป็นเจ้าของความสูงถึง 2.72 เมตร และยังเป็นมนุษย์ที่สูงที่สุดตลอดกาลด้วย เพราะในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติความสูงของเขาได้เลย เขามีน้ำหนักมากถึง 222 กิโลกรัม ซ้ำยังเป็นมนุษย์ที่มีมือและเท้ายาวที่สุด แวดโลว์มีมือที่ยาวมากกว่า 30 เซนติเมตร และเท้าที่ยาวเกือบ 50 เซนติเมตร ซึ่งการที่เขาสูงได้ขนาดนี้ ก็เพราะความผิดปกติของต่อมใต้สมองของเขา

โรเบิร์ต แวดโลว์[แก้]

แวดโลว์เป็นบุตรชายของฮาโรลด์ แฟรงคลิน แวดโลว์ กับนางแอดดี จอห์นสัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1918 ที่รัฐอิลลินอย สหรัฐอเมริกา เมื่อตอนที่แวดโรว์เกิดนั้น เขามีความสูงปกติดี แต่พอเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ความสูงของเขาก็เริ่มผิดปกติ เมื่อแวดโลว์สูงมากเกินไปเมื่อเขาสูงเกือบ 2 เมตรในวัย 10 ปีเท่านั้น (ตอนนั้นแวดโลว์ก็มีน้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม) แต่ทางครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ผ่าตัดรักษาอาการผิดปกติของต่อมใต้สมองของเขาเลย แต่กลับปล่อยไปตามธรรมชาติ และในวัย 20 ปี เขาก็มีความสูงถึง 2.6 เมตร และยังคงสูงต่อไปเรื่อย ๆ เขามีมือที่ยาว 30 เซนติเมตร และมีเท้ายาว 50 เซนติเมตร หรือครึ่งเมตร ทุกอย่างในร่างกายเขา คิดเป็น 2 เท่าของร่างกายมนุษย์ปกติ

การเสียชีวิต[แก้]

ด้วยเหตุที่แวดโลว์มีความสูงและน้ำหนักมากเกินไป ทำให้เขาต้องใส่เฝือกเพื่อรับน้ำหนักที่มากกว่า 200 กิโลกรัมของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดแผลที่เท้า จนทำให้มีการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดโดยด่วน แต่ก็ไม่ทันการ แวดโลว์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ด้วยวัยเพียง 22 ปี โดยก่อนเขาเสียชีวิตไม่นาน แวดโลว์มีความสูงถึง 2.72 เมตร และหนัก 222 กิโลกรัม ในงานศพของเขามีผู้เข้าร่วมถึง 40,000 คนในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 ซึ่งโลงศพของเขาหนักถึงครึ่งตัน

อ้างอิง[แก้]

  1. "Robert Pershing Wadlow". Alton Museum of History and Art. สืบค้นเมื่อ March 7, 2012.